พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2025ตัวอย่าง

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2025

วันที่ 48 จาก 365

เพิ่มพูนจิตสำนึกผิดชอบชั่วดีของคุณ

พระเยซูถามคำถามในพระธรรมวันนี้ว่า ‘ในวันสะบาโตควรจะทำ*การดี*หรือทำ*การร้าย*?’ (มาระโก 3:4) ผมเคยเป็นคนที่ไม่เชื่อเรื่องพระเจ้า ผมเชื่อว่าร่างกายและจิตใจของเรา รวมถึงสถานการณ์ที่เราเกิดมาเป็นตัวกำหนดการกระทำทั้งหมดของเรา ตามหลักเหตุและผลสำหรับผมมันดูเหมือนว่าหากไม่มีพระเจ้าก็ไม่อาจมีมโนธรรมขั้นพื้นฐานของมนุษย์ ดังนั้นถ้าตามหลักการนี้แล้วโลกนี้คงไม่อาจมีคำว่า ‘การดี’ และ ‘การร้าย’ อย่างแน่นอน แต่ลึก ๆ แล้วผมรู้ว่ามีสิ่งที่ ‘ดี’ และ ‘ร้าย’ อยู่ถึงแม้ผมจะไม่เชื่อในพระเจ้าแต่ผมก็ใช้คำพูดเหล่านั้น จนกระทั่งผมได้มีประสบการณ์กับพระเยซู ผมเข้าใจว่ามีพระเจ้าผู้ทรงสร้างจักรวาลแห่งศีลธรรม ซึ่งในพระคัมภีร์และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในความเป็นตัวตนของพระเยซูคริสต์ ทั้ง*การดี*และ*การร้าย*จะถูกเปิดเผยออกมา พระเจ้าประทาน*มโนธรรม*แก่เราเพื่อให้เรารู้ว่าบางสิ่งเป็นสิ่งที่ ‘ดี' และบางสิ่งเป็นสิ่งที่ ‘ร้าย’ แต่จิตสำนึกผิดชอบของเราอาจถูกทำให้มืดมนและจำเป็นต้องได้รับการเสริมให้เพิ่มพูนขึ้นด้วยความจริงอย่างเป็นรูปธรรม

สุภาษิต 5:1-14

ระวังสิ่งที่ชั่วร้ายปลอมเป็นสิ่งที่ดี

บาปทั้งหมดเกี่ยวข้องกับการหลอกลวง ซึ่งมักเป็นการปลอมแปลงจากสิ่งที่ชั่วเป็นสิ่งที่ดี และมันน่าดึงดูดใจเพียงชั่วครู่ ‘เพราะปากของหญิงแพศยาก็หยาดน้ำผึ้งออกมา และคำพูดของนางก็ลื่นยิ่งกว่าน้ำมัน’ (ข้อ 3) แต่ในที่สุดเธอก็ ‘นางก็ขมอย่างบอระเพ็ด’ (ข้อ 4) และการเดินตามทางนั้นนำไปสู่ ‘ความตาย’ (ข้อ 5ก) และ ‘แดนคนตาย’ (ข้อ 5ข)

ข้อเหล่านี้แสดงออกถึงความดึงดูดใจและอันตรายจากการล่อลวงทางเพศ เราอยู่ในสังคมที่หมกมุ่นในเรื่องเพศมากขึ้น โดยมีสื่อลามกทางอินเตอร์เน็ต พร้อมนำเสนอภาพลามกอนาจารรอบ ๆ ตัวเรา และวัฒนธรรมที่กระ ตุ้นให้เราแสวงหา ‘การเติมเต็ม’ ทางเพศ

อันที่จริงเพศสัมพันธ์ถือเป็นพรที่พระเจ้าประทานให้ (ดูปฐมกาล 2:24) แต่เมื่อใช้อย่างผิดวิธีก็อาจทำลายล้าง และสร้างความเสียหายได้ ข้อความเหล่านี้เตือนเราถึงความน่าดึงดูดใจของบาปทางเพศ และย้ำเตือนไม่ให้เราถูกล่อลวง

ให้เราหลีกเลี่ยงหนทางที่จะทำให้เราเศร้าสลด ‘รักษาระยะห่าง...อยู่ให้ไกลจากละแวกบ้านเธอ’ (ข้อ 8, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) หากเราเพิกเฉยต่อคำแนะนำนี้ เราอาจจะเสียเวลา และชีวิตของเราจบลงที่ ‘เต็มไปด้วยความเสียใจ’ (สุภาษิต 5:11, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) อย่าเล่นหูเล่นตากับสิ่งล่อใจ จงหนีให้ห่างจากการล่อลวง

จอยซ์ ไมเยอร์ เขียนไว้ว่า ‘ปัญญาคือเพื่อนของเรา มันช่วยให้เราไม่ต้องเสียใจ ฉันคิดว่าสิ่งที่เศร้าที่สุดในโลก คือการมีชีวิตวัยชราและมองย้อนกลับไปในอดีตอย่างน่าสลดใจถึงสิ่งที่ฉันไม่ควรทำและสิ่งที่ฉันไม่ได้ทำ สติปัญญาช่วยให้เราตัดสินใจในขณะนี้เพื่อที่เราจะมีความสุขในภายหน้า’

ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยข้าพระองค์ให้มีความระมัดระวังอย่างชาญฉลาด เพื่อที่จะอยู่ห่างไกลจากสิ่งใด ๆ ที่อาจนำข้าพระองค์ไปสู่ความบาป ‘ขออย่าทรงนำพวกข้าพระองค์เข้าไปในการทดลอง แต่ขอให้พวกข้าพระองค์พ้นจากความชั่วร้าย’ (มัทธิว 6:13)

มาระโก 2:18-3:20

การตัดสินใจเกี่ยวกับพระเยซู: การดีหรือการร้าย?

พระเยซูคือใคร? พวกเราทุกคนต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับพระเยซู พระองค์เป็นผีร้ายหรือไม่? พระองค์เสียสติหรือเปล่า? หรือพระองค์คือพระเจ้า? นี่ไม่ใช่คำถามใหม่ ผู้คนในสมัยของพระเยซูต้องตัดสินใจเลือกสามทางเลือกนี้ด้วย

พระเยซูไม่ได้เป็นเพียงผู้สอนศาสนาที่ยิ่งใหญ่ พระองค์เข้าใจความเป็นพระองค์เองมากกว่านั้น พระเยซูทรง ตรัสถึงพระองค์เองอย่างน่าอัศจรรย์ แม้ในเนื้อหาของพระธรรมมาระโกที่ค่อนข้างสั้นนั้น เราก็เห็นการอ้างสิทธิ์ดังกล่าวจำนวนมาก

มีเพียง 3 ทางเลือกเท่านั้น: พระองค์เป็นผีร้าย หรือคนเสียสติ หรือทรงเป็นพระเจ้าจริงอย่างที่พระองค์ตรัสไว้

1.\tพระองค์เป็นผีร้ายหรือไม่?

ธรรมาจารย์กล่าวว่า ‘คนนี้ถูกผีเบเอลเซบูลเข้าสิง ที่เขาขับผีได้ก็เพราะเขาใช้อำนาจของนายผีนั้น’ (3:22) พวกเขาพูดว่า ‘พระองค์มีผีโสโครกเข้าสิง’ (ข้อ 30ข, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก New International Version โดยผู้แปล)

2.\tพระองค์เสียสติหรือเปล่า?

ญาติมิตรของพระเยซูพูดถึงพระองค์ว่า ‘พระองค์เสียสติแล้ว’ (ข้อ 21ข)

3.\tพระองค์เป็นพระเจ้าหรือไม่?

พระเยซูตรัสโดยปริยายว่าพระองค์เป็นเจ้าบ่าว (2:18–19) พระองค์อธิบายถึงพระองค์เองว่า ‘เป็นเจ้าเป็นนายเหนือวันสะบาโตด้วย’ (ข้อ 28) และบรรดาผีโสโครกร้องว่า ‘พระองค์เป็นพระบุตรของพระเจ้า’ (3:11) พระเยซูไม่ได้ปฏิเสธแต่ ‘พระองค์ทรงกำชับมันไม่ให้แพร่งพรายว่าพระองค์เป็นใคร‘ (ข้อ 12)

ซี.เอส. ลูอิส สรุปไว้ดังนี้ ‘ตอนนั้นเรากำลังเผชิญกับทางเลือกที่น่ากลัว ชายที่เรากำลังพูดถึงนั้นเป็น (และกำลัง เป็น) อย่างที่ท่านกล่าวไว้ หรือเป็นอย่างอื่น [เสียสติ] หรือเป็นอะไรที่แย่กว่านั้น ตอนนี้ผมเห็นได้ชัดว่าพระองค์ ไม่ได้ทั้งเป็น [คนเสียสติ] หรือเป็นผีมาร และด้วยเหตุนี้แม้จะดูแปลกประหลาดหรือน่ากลัวหรือไม่น่าเป็นไปได้ ผมจำเป็นต้องยอมรับแนวคิดที่ว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าทั้งในอดีตและปัจจุบัน พระเจ้าได้เสด็จมาบนโลกที่ ถูกศัตรูยึดครองนี้ในรูปแบบของมนุษย์’

การตัดสินใจของเราว่าพระเยซูเป็นผีร้าย เสียสติหรือเป็นพระเจ้ามีผลกระทบอย่างใหญ่หลวง

หลังจากใช้เวลากับพระเยซูสามปีสาวกของพระองค์ก็สรุปได้ว่าพระองค์ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้าที่เที่ยงแท้ เป็นพระวาทะผู้สร้างชีวิตและเป็นมนุษย์ที่มีลักษณะเฉพาะคือพระเจ้า (2:21–22) พระเยซูทรงเรียกพวกเขา เช่นเดียวกับพระองค์ทรงเรียกพวกเราให้ ‘อยู่กับพระองค์’ ก่อนออกไปประกาศข่าวประเสริฐของพระองค์ไป ทั่วโลก (3:14–15)

พระเยซูตรัสกับคนที่บอกว่าพระองค์มีผีสิงดังนี้ ‘ใครกล่าวคำหมิ่นประมาทต่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ จะทรงอภัย ให้คนนั้นไม่ได้ตลอดไป’ (ข้อ 29) หลายคนร้อนใจเรื่องนี้ แต่ใครก็ตามที่ร้อนใจจะไม่กล้าละเมิดบาปนี้ แท้จริง ผู้คนที่เป็นทุกข์ (และปรารถนาที่จะกลับใจ) เป็นข้อพิสูจน์ว่าพวกเขาไม่ได้ละเมิดการดูหมิ่นนี้ และผู้ที่กลับใจจะ ได้รับการอภัย

ที่กล่าวถึงในที่นี้ไม่ใช่เพียงการกล่าวแต่เพียงวาจา แต่นี่เป็นท่าทีที่แน่วแน่ พระเยซูไม่ได้บอกว่าพวกเขาทำบาป แต่เตือนพวกเขาถึงอันตรายที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่ คนเหล่านี้ไม่ใช่คนธรรมดาแต่เป็นธรรมาจารย์ผู้ที่ได้รับการรับรองว่าเป็นครูสอนศาสนาให้กับคนของพระเจ้า ที่ต่างก็ใคร่ครวญพระวจนะของพระเจ้าทุกวัน

ความบาปเป็นท่าทีที่ตัดสินว่าอะไรดีอะไรชั่ว เช่นเดียวกับบุคคลที่จมดิ่งสู่จุดที่พวกเขาไม่สามารถกลับใจและไม่ยอมรับการอภัย คนเหล่านี้อยู่ในกลุ่มเดียวกับ ‘ยูดาสอิสคาริโอท คนที่ทรยศพระองค์’ (ข้อ 19)

พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ได้รับรองเราว่า ใครก็ตามที่กลับใจและหันมาหาพระเยซูจะได้รับการให้อภัย

พระเยซู วันนี้ข้าพระองค์ขอนมัสการพระองค์ในฐานะเจ้าบ่าว องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์ และพระบุตรของพระเจ้า

อพยพ 21:1-22:31

ส่งเสริมสิ่งดีและป้องกันสิ่งชั่วร้าย

เมื่อประชากรของพระเจ้าร่างกฎเกณฑ์สำหรับชุมชนของพวกเขา กฎหมายบางฉบับอาจดูแปลกหรือรุนแรงในสายตาของเรา อย่างไรก็ตามหากเราเปรียบเทียบกับกฎหมายอื่น ๆ ของคนยุคโบราณ พวกเขามีมนุษยธรรมอย่างน่าทึ่งและหลักการบางอย่างยังคงใช้อยู่ในทุกวันนี้

กฎข้อบังคับเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อยับยั้งความชั่วร้าย ตัวอย่างเช่น เรามีสิทธิที่จะป้องกันตนเอง แต่ต้องไม่ใช้กำลังรุนแรงเกินไปในการป้องกันตัว (22:2–3) นอกจากนี้ยังมีข้อห้ามไม่ให้เพิ่มระดับความรุนแรงและมีข้อกำหนดบทลงโทษที่เท่าเทียมกันนั่นคือ ‘ชีวิตแทนชีวิต ตาแทนตา ...’ ฯลฯ (21:23–25)

กฎข้อบังคับได้รับการออกแบบมาอย่างชัดเจนสำหรับผู้พิพากษาไม่ใช่สำหรับบุคคลทั่วไป (เฉลยธรรมบัญญัติ 19:18–21) เป็นแนวทางสำหรับผู้พิพากษาและการพิจารณาคดี ไม่ได้มีไว้เพื่อใช้ในการแก้แค้นเป็นการส่วนตัว ในความเป็นจริงกฎหมายเหล่านี้แทบจะไม่เคยถูกนำมาใช้อย่างแท้จริงเลย ยกเว้นในกรณีความผิดฐานบุกรุก กฎหมายถูกกำหนดโทษสูงสุดที่เป็นไปได้ โดยทั่วไปบทลงโทษจะถูกไถ่ถอนด้วยค่าปรับและค่าเสียหาย

ในสมัยโบราณ การให้ความสำคัญกับสิทธิของทาสถือเป็นการปฏิวัติครั้งใหญ่ทีเดียว เจ้านายต้องปล่อยทาส ของพวกเขาหลังจากผ่านไปไม่เกินหกปี (อพยพ 21:2) และมีการควบคุมอย่างเข้มงวดเพื่อจำกัดการปฏิบัติ ต่อทาสอย่างทารุณ (ข้อ 20, 26–27) ดูเหมือนจะมีข้อบังคับพิเศษสำหรับสิทธิของทาสหญิงซึ่งน่าจะมีความ เสี่ยงเป็นพิเศษในสมัยก่อน พวกเขาจะไม่ได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับทาสชาย (ข้อ 7) แต่ต้องแต่งงานหรือ ได้รับอนุญาตให้ไถ่คืนเท่านั้น (ข้อ 8–11)

ในขณะเดียวกันกฎหมายของอิสราเอลโบราณพยายามส่งเสริมสิ่งดี พระเจ้าตรัสว่า ‘เจ้าทั้งหลายเป็นคนบริสุทธิ์ของเรา’ (22:31ก) จึงมีกฎบัญญัติในการคุ้มครอง ‘คนต่างด้าว’ (ข้อ 21) เช่นเดียวกับหญิงม่ายและลูกกำพร้า (ข้อ 22) ในเนื้อหาของวันพรุ่งนี้เราจะเห็นว่ามีกฎบัญญัติเพื่อให้แน่ใจว่า ‘ความยุติธรรม’ มีสำหรับคนยากจนด้วย (23:6) ทุกคนได้รับการสอนว่าอย่าพยายามแก้แค้นและอย่าแบกรับ ความขุ่นเคือง ยิ่งกว่านั้นพวกเขาถูกสอนว่า ‘จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง’ (เลวีนิติ 19:18)

กฎข้อบังคับช่วยสร้างชุมชนให้มีการพึ่งพาซึ่งกันและกัน และมีความรับผิดชอบร่วมกันเป็นหลักพื้นฐาน กฎแต่ละข้อถึงจะดูแปลกแต่ช่วยให้ผู้คนเรียนรู้วิธีการอยู่ร่วมกันและดูแลซึ่งกันและกัน นี่เป็นบทเรียนที่เราทุกคน ต้องเรียนรู้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพแวดล้อมที่เป็นอิสระและโดดเดี่ยวในการใช้ชีวิตยุคศตวรรษที่ 21 นี้ เราไม่ปฏิบัติตามกฎและข้อบังคับเพียงเพราะเราต้องทำ แต่เป็นเพราะสิ่งเหล่านี้ช่วยให้เราปฏิบัติต่อผู้อื่น เหมือนคนที่ถูกสร้างตามพระฉายาของพระเจ้า

ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยข้าพระองค์ให้มีชีวิตเพื่อหลีกหนีจากสิ่งชั่วร้ายและกระทำแต่สิ่งดี โปรดช่วยข้าพระองค์ให้ปฏิบัติต่อทุกคนที่ข้าพระองค์พบเจอในวันนี้เหมือนบุคคลที่สร้างตามพระฉายของพระองค์ด้วยความรัก การให้เกียรติและให้ความเคารพ

Pippa Adds

หลังจากอ่านอพยพ 21 และ 22 ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับกฎหมายเพื่อปกป้องสังคม ฉันดีใจมากที่ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่พระเยซูตีความกฎหมายในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมอย่างชัดเจน ซึ่งเราเห็นได้จากพระองค์ทรงรักษาบางคนในวันสะบาโต

References

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)
วันที่ 47วันที่ 49

เกี่ยวกับแผนฯ

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2025

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี เป็นแผนประจำวันซึ่งจะนำคุณอ่านพระคัมภีร์ทั้งเล่มในเวลาเพียงหนึ่งปี สำหรับใครก็ตามที่มองหาวิธีอ่านพระคัมภีร์แบบง่าย ๆ และมีแบบแผน แต่ละวันจะมีการสำรวจหัวข้อที่แตกต่างกันผ่านข้อพระคัมภีร์ที่คัดสรรมาจากพระธรรมสดุดีหรือสุภาษิต ตลอดจนพันธสัญญาใหม่และพันธสัญญาเดิม พร้อมด้วยคำอธิบายประจำวันจากนิคกี้ และพิพพา กัมเบล เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจและนำไปใช้ได้จริง

More

เราขอขอบคุณ Alpha International สำหรับการจัดทำแผนนี้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชม bible.alpha.org/th