พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2025ตัวอย่าง
ให้สิ่งที่สำคัญที่สุดมาก่อน
ไม่นานหลังจากที่เราแต่งงานกัน พิพพากับผมได้ไปสัมมนาเกี่ยวกับคู่สมรส หนึ่งในเนื้อหาที่ผมจะไม่มีวันลืมเลย คือเรื่องการจัดลำดับความสำคัญ เราได้รับการ์ดมาห้าใบ โดยแต่ละใบจะมีคำว่า “การงาน” “พระเจ้า” “งานรับใช้” “สามี / ภรรยา” และ “ลูก ๆ” เราถูกขอให้*จัดลำดับสิ่งเหล่านั้นตามลำดับความสำคัญ* เมื่อได้ใคร่ครวญแล้วผมกลับพบว่าผมจัดลำดับผิดมาโดยตลอด ผมให้ความสำคัญกับ “พระเจ้า” เป็นอันดับแรก (อย่างน้อยลำดับนั้นก็ถูกต้อง แต่นั้นเป็นอะไรที่ชัดเจนอยู่แล้ว!) ตามมาด้วยงานรับใช้ ภรรยา การงาน และลูก ๆ ในท้ายที่สุด (เนื่องจากเรายังไม่มีลูกในตอนนั้น ดังนั้นพวกเขาจึงดูเหมือนไม่สำคัญมากเท่าไหร่!) เมื่อผู้นำสัมมนาพาเราจัดลำดับความสำคัญเหล่านี้ ผมได้เห็นชัดเลยว่าลำดับความสำคัญของผมควรเป็นดังนี้ อันดับแรกคือพระเจ้า จากนั้นภรรยาของผม (การทรงเรียกหลักของผม) ตามด้วยลูก ๆ ของเรา และการงาน (ซึ่งเป็นพันธกิจหลักของผม) และท้ายที่สุดคืองานรับใช้ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าสำคัญมากทีเดียว แต่ไม่ควรได้รับอนุญาตให้แทนที่ความรับผิดชอบหลักในชีวิตของผม ดังที่นักปรัชญาเกอเธ่กล่าวไว้ว่า “สิ่งที่สำคัญที่สุดต้องไม่อยู่ในความเมตตาของสิ่งที่สำคัญน้อยที่สุด” *ให้สิ่งที่สำคัญที่สุดมาก่อน* สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพระเจ้าควรเกิดขึ้นเป็นอันดับแรกในชีวิตของเราสดุดี 22:12-21
ความสำคัญของการติดสนิท
ความสัมพันธ์ของคุณกับพระเจ้าควรเป็นสิ่งสำคัญเป็นอันดับหนึ่ง ในพระธรรมสดุดีนี้เราจะเห็นว่าความสำคัญอันดับแรกของผู้เขียนบทเพลงสดุดีนั้นคือความสัมพันธ์ของเขากับพระเจ้า (และพยากรณ์เกี่ยวกับความสำคัญอันดับแรกของพระเยซูด้วยเช่นกัน)
ประตูที่นำเราผ่านไปสู่การฟื้นฟูความสัมพันธ์กับพระเจ้าคือไม้กางเขน เช่นเดียวกับส่วนแรกของพระธรรมสดุดี เราจะเห็นความต่อเนื่องของคำพยากรณ์เกี่ยวกับการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูที่สำเร็จเป็นจริงในพันธสัญญาใหม่
ราวกับว่าบทเพลงสดุดีนี้ถูกเขียนออกมาจากบุคคลหนึ่งโดยมีคนแขวนเขาไว้บนไม้กางเขน หลายร้อยปีก่อนที่ชาวโรมันจะคิดค้นการตรึงกางเขนด้วยซ้ำ เป็นคำพยากรณ์ที่แม่นยำเป็นพิเศษเกี่ยวกับความทุกข์ทรมานของพระเยซูซึ่งอธิบายถึงความโหดร้ายของการตรึงกางเขน
1.\t“กระดูกทั้งสิ้นของข้าพระองค์เคลื่อนหลุดจากที่…ลิ้นของข้าพระองค์ก็เกาะติดที่ขากรรไกร” (ข้อ 14ก, 15ข, ยอห์น 19:28)
2.\t“พวกเขาแทงมือแทงเท้าข้าพระองค์” (สดุดี 22:16ค, ยอห์น 19:37)
3.\t“คนทำชั่วกลุ่มหนึ่งโอบล้อมข้าพระองค์ ข้าพระองค์นับกระดูกของข้าพระองค์ได้ทุกชิ้น พวกเขาจ้องมองและยิ้มเยาะข้าพระองค์” (สดุดี 22:16ข–17ข, ลูกา 23:17,35)
4.\t“พวกเขาเอาเสื้อผ้าของข้าพระองค์มาแบ่งกันส่วนเครื่องนุ่งห่มของข้าพระองค์นั้นเขาก็จับฉลากกัน” (สดุดี 22:18, ยอห์น 19:23–24)
อย่างที่เราเห็นเมื่อวานนี้ ความทุกข์ทรมานของพระเยซูบนไม้กางเขนนั้นยิ่งใหญ่กว่าความน่ากลัวของการตรึงกางเขนเสียอีก พระองค์ทรงยอมรับเอาความผิดบาปของเราและยอมถูกพระเจ้าทอดทิ้งแทนเรา (สดุดี 22:1) พระเยซูทรงสิ้นพระชนม์เพื่อที่คุณจะได้กลับคืนสู่ความสัมพันธ์กับพระเจ้าอีกครั้ง
ขอบคุณพระเยซูคริสต์เจ้า ที่พระองค์ทรงเผชิญความทุกข์ทรมานจากการตรึงกางเขนเพื่อข้าพระองค์เพื่อให้ความสัมพันธ์ของข้าพระองค์กับพระเจ้าได้รับการฟื้นฟูและกลายเป็นสิ่งที่สำคัญอันดับหนึ่งในชีวิตของข้าพระองค์
มาระโก 1:29-2:17
ความสำคัญของพระเยซู
ผมรักพระเยซู พระองค์ทรงน่าทึ่งและน่าดึงดูดใจอย่างน่าอัศจรรย์ ทรงรักผู้คนและเปี่ยมไปด้วย “ความสงสาร” ต่อพวกเขาเหล่านั้น (1:41) พวกเขาต่างรักพระองค์ “มีคนจากทุกหนแห่งมาหาพระองค์” (ข้อ 45) ทุกคนอยากพบพระเยซู “ทุกคนกำลังตามหาพระองค์” (ข้อ 37)
พวกเขาพร้อมทำทุกอย่างเพื่อนำคนอื่นมาพบพระเยซูด้วยเช่นกัน (2:4) ฝูงชนทั้งหมดก็มาเฝ้าพระองค์ (ข้อ 13) และเมื่อพระองค์พูดกับพวกเขาว่า “จงตามเรามาเถิด” พวกเขาก็ติดตามพระองค์ไป (ข้อ 14) บ้างก็พาคนป่วยมาหาพระเยซูและพระองค์ก็รักษาพวกเขาให้หาย (1:32–34) รวมถึงแม่ยายของซีโมนด้วย (ข้อ 30–31) พระองค์ยังรักแม้กระทั่งคนเก็บภาษี คนบาปและทรงปีติยินดีมาก ที่ได้ไปร่วมทานอาหารเย็นกับพวกเขา (ข้อ 15) พระองค์มาเพื่อ "คนบาป" อย่างเราจริง ๆ (ข้อ 17)
คุณสามารถบอกลำดับความสำคัญของคนอื่น ๆ จากเวลาที่พวกเขาใช้ไป ในข้อนี้เราจะเห็นว่าพระเยซูทรงใช้เวลาของพระองค์อย่างไร
1.\tอธิษฐานต่อพระเจ้า
คนส่วนใหญ่มักจะไม่ตื่นเช้ามากนัก เว้นแต่หากพวกเขามีเรื่องสำคัญที่ต้องทำ สิ่งสำคัญอันดับแรกของพระเยซูคือความสัมพันธ์ของพระองค์กับพระเจ้าพระบิดา “ในเวลาเช้ามืดพระองค์ทรงลุกขึ้นเสด็จออกไปยังที่สงบ และทรงอธิษฐานที่นั่น” (ข้อ 35) สิ่งนี้ท้าทายให้เราทุกคนตื่นแต่เช้าหา “จุดที่เงียบสงบ” (พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) และอธิษฐาน
โดยส่วนตัวแล้ว ผมพบวิธีเดียวที่จะทำให้ตื่นเช้าเป็นประจำสม่ำเสมอนั้นก็คือ เข้านอนให้เร็วขึ้นนั่นเอง
2. ประกาศถึงแผ่นดินสวรรค์
พระเยซูตรัสว่า “ให้พวกเราไปยังเมืองที่อยู่ใกล้เคียง เราจะได้ประกาศที่นั่นด้วย การที่เรามาก็เพื่อสิ่งนี้” (ข้อ 38) ทรงประกาศข่าวประเสริฐเกี่ยวกับแผ่นดินขององค์พระผู้เป็นเจ้าและความจำเป็นที่ผู้คนต้อง “กลับใจใหม่ และเชื่อข่าวประเสริฐ” (ข้อ 14–15) เป็นเนื้อหาเกี่ยวกับการให้อภัย (2:5,10) และเป็นข่าวประเสริฐสำหรับ “คนบาป” โดยเฉพาะ (ข้อ 17) ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนจำเป็นต้องได้ยิน สำหรับพระเยซู การให้อภัยมีความสำคัญมากกว่าการรักษาด้วยซ้ำ
3. การประกาศที่ทรงพลัง
พระเยซูทรง “สงสาร” (1:41) และด้วยความรักที่มีต่อผู้คนที่พระองค์จึงต้องการนำข่าวประเสริฐเรื่องการให้อภัยมาสู่พวกเขาก่อน แต่ไม่ใช่เป็นเพียงแค่คำสอนเท่านั้น พระองค์ทรงสำแดงผ่านการรักษาคนป่วย (ข้อ 40–42, 2:8–12) และขับผีวิญญาณชั่ว (1:39) พระเยซูทรงสำแดงให้เห็นว่าพระองค์เป็นผู้ที่มีสิทธิอำนาจและมีฤทธิ์อำนาจในการยกโทษบาปได้ (2:9–11) ผ่านการรักษาคนง่อย
พระเยซูทรงจัดลำดับความสำคัญอย่างชัดเจน พระเจ้าเป็นอันดับหนึ่ง และอันดับที่สองคือผู้คน และที่เหลือก็คือการสำแดงออกมาอย่างเป็นรูปธรรมถึงการให้ความสำคัญกับสองสิ่งนี้
ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยข้าพระองค์ให้ความสำคัญกับการติดสนิทพระองค์ ขอบคุณพระเจ้าที่ข้าพระองค์สามารถประกาศข่าวประเสริฐเรื่องการให้อภัยแก่ผู้อื่นได้ โปรดเจิมข้าพระองค์ด้วยความเมตตาสงสารขณะที่ได้อธิษฐานเผื่อผู้ป่วยและแสวงหาผู้ที่ต้องการจะได้รับการปลดปล่อย
อพยพ 19:1-20:26
ความสำคัญของความรัก
แม้ว่าพระเจ้าจะเชิญคุณให้ใกล้ชิดสนิทกับพระองค์ แต่อย่าลืมความอัศจรรย์ของความบริสุทธิ์และฤทธิ์อำนาจของพระองค์ พระเจ้าทรงชื่นชมในตัวคุณมาก ดังนั้นพระองค์จะไม่ปล่อยให้คุณมีน้อยกว่าที่คุณเป็น พระองค์ต้องการให้เราเรียนรู้ความบริสุทธิ์จากพระองค์
ตั้งแต่อพยพ 19 ถึง กันดารวิถี 10:10 ประชากรของพระเจ้าอยู่ในจุดเดียวกันที่จะต้องเรียนรู้การเป็นประชากรของพระเจ้า พวกเขาเริ่มต้นด้วยการเรียนรู้ความบริสุทธิ์และฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า พวกเขาไม่สามารถแตะต้องภูเขาที่พระองค์ทรงสถิตอยู่ได้ จากนั้นพระองค์ตรัสกับพวกเขาเกี่ยวกับลำดับความสำคัญของพวกเขาผ่านบัญญัติสิบประการ
1.\tพระเจ้ารักคุณ
ในบริบทพระธรรมบทที่ 20:2 “เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า ผู้ได้นำเจ้าออกจากแผ่นดินอียิปต์ คือจากดินแดนทาส” พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าที่สำแดงความรักต่อคนพันชั่วอายุคน (ข้อ 6) และเราได้เห็นภาพความรักของพระเจ้าในพระธรรมตอนก่อนหน้านี้ ที่พระเจ้าตรัสว่า “เราชูพวกเจ้าขึ้นดุจดังด้วยปีกนกอินทรี เพื่อนำพวกเจ้ามาถึงเรา” (19:4) พระองค์ยังตรัสอีกว่า “พวกเจ้าจะเป็นของล้ำค่าของเรา...” (ข้อ 5) เราสามารถสำแดงความรักของเราได้โดยการตอบสนองต่อความรักขององค์พระผู้เป็นเจ้า
ในบริบทของบัญญัติสิบประการ คือ ความรักที่พระเจ้ามีต่อคุณ บางคนพลาดข้อเท็จจริงนี้และมองว่าเป็นเพียงกฎเกณฑ์ พระเจ้าประทานพระบัญญัติเพื่อเป็นการสำแดงความรักที่มีต่อคุณ ให้เราตอบสนองความรักของพระเจ้าโดยการเชื่อฟังและทำตามพระบัญญัติของพระองค์
2. รักพระเจ้า
บัญญัติสี่ประการแรกเกี่ยวกับวิธีที่เราตอบสนองต่อความรักของพระเจ้าโดยการรักพระองค์ “เรารักก็เพราะพระองค์ทรงรักเราก่อน” (1 ยอห์น 4:19) ความรักของเราคือการมีเอกสิทธิ์ (อพยพ 20:3–4) ยำเกรง (ข้อ 7) และสำแดงผ่านการใช้เวลากับพระองค์ (ข้อ 10)
3. รักผู้อื่น
บัญญัติหกข้อสุดท้ายเกี่ยวกับความรักที่เรามีต่อผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวของเรา (ข้อ 12) สามี / ภรรยา (ข้อ 14) และเพื่อนบ้านของเรา “ห้ามฆ่าคน อย่าล่วงประเวณีผัวเมียเขา อย่าลักทรัพย์ อย่าเป็นพยานเท็จใส่ร้ายเพื่อนบ้าน อย่าโลภครัวเรือนของเพื่อนบ้านหรือภรรยาของเพื่อนบ้าน หรือทาสทาสีของเขา” (ข้อ 13–17, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
พระเยซูทรงสรุปไว้ดังนี้ว่า “จงรักองค์พระผู้เป็นเจ้าของท่านด้วยสุดใจของท่านด้วยสุดจิตของท่านและด้วยสุดความคิดของท่าน” นั่นแหละเป็นพระบัญญัติข้อสำคัญอันดับแรก ข้อที่สองก็เหมือนกัน คือ “จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง” ธรรมบัญญัติและคำของผู้เผยพระวจนะทั้งหมด ก็ขึ้นอยู่กับพระบัญญัติสองข้อนี้ (มัทธิว 22:37–40)
บัญญัติสิบประการนี้ไม่ใช่บันไดที่ผู้คนต้องปีนขึ้นไปเพื่อเข้าสู่การทรงสถิตของพระเจ้า แต่เป็นรูปแบบชีวิตที่พระเจ้าประทานให้สำหรับผู้ที่เข้าถึงพระคุณและการไถ่ของพระองค์ ไม่ได้ให้ไว้เพื่อจำกัดอิสระภาพของคุณ แต่เพื่อเป็นการป้องกันต่างหาก สิ่งเหล่านี้ช่วยให้คุณมีอิสระในการดำเนินชีวิตในความสัมพันธ์กับพระเจ้า สำแดงให้คุณเห็นถึงวิธีดำเนินชีวิตที่บริสุทธิ์เช่นเดียวกับที่พระเจ้าทรงบริสุทธิ์ ความรักของคุณที่มีต่อพระเจ้าได้หลั่งไหลออกมาจากความรักของพระเจ้าที่มีต่อคุณ และถือเป็นการตอบสนองต่อความรักของพระเจ้าที่มีต่อคุณด้วยเช่นกัน
ข้าแต่พระบิดา วันนี้ข้าพระองค์นมัสการด้วยความเคารพและยำเกรง ขอบคุณพระองค์ที่ทรงยกชูข้าพระองค์ไว้บนปีกของนกอินทรีและนำมาหาพระองค์ ขอบคุณพระองค์ที่ทรงบอกว่าข้าพระองค์เป็นสมบัติล้ำค่าของพระองค์ โปรดช่วยให้สิ่งสำคัญอันดับแรกของข้าพระองค์คือการนมัสการและรักพระองค์อย่างสุดจิตสุดใจ และให้ข้าพระองค์รักคนอื่นโดยไม่มีเงื่อนไขในแบบที่พระองค์ทรงรักข้าพระองค์
Pippa Adds
“ในเวลาเช้ามืดพระองค์ทรงลุกขึ้นเสด็จออกไปยังที่สงบ และทรงอธิษฐานที่นั่น” (มาระโก 1:35)
ฉันถูกท้าทายด้วยคำว่า “ในเวลาเช้ามืด” ฉันไม่ค่อยชอบที่มันเป็นตอนเช้าและยิ่งแย่ลงในขณะที่มัน “ยังมืด” อยู่ การนอนอยู่บนที่นอนอันอบอุ่นเป็นการทดลองที่ยากเกินจะต้านทานได้ แต่ฉันตระหนักดีว่า นั่นอาจเป็นเวลาที่ดีที่สุดในการค้นพบความสงบสุข ถ้าพระเยซูตื่นแต่เช้าเพื่ออธิษฐาน อย่างน้อยฉันก็ควรพยายามทำเช่นเดียวกัน
References
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)เกี่ยวกับแผนฯ
พระคัมภีร์ในหนึ่งปี เป็นแผนประจำวันซึ่งจะนำคุณอ่านพระคัมภีร์ทั้งเล่มในเวลาเพียงหนึ่งปี สำหรับใครก็ตามที่มองหาวิธีอ่านพระคัมภีร์แบบง่าย ๆ และมีแบบแผน แต่ละวันจะมีการสำรวจหัวข้อที่แตกต่างกันผ่านข้อพระคัมภีร์ที่คัดสรรมาจากพระธรรมสดุดีหรือสุภาษิต ตลอดจนพันธสัญญาใหม่และพันธสัญญาเดิม พร้อมด้วยคำอธิบายประจำวันจากนิคกี้ และพิพพา กัมเบล เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจและนำไปใช้ได้จริง
More
เราขอขอบคุณ Alpha International สำหรับการจัดทำแผนนี้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชม bible.alpha.org/th