พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2025ตัวอย่าง

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2025

วันที่ 50 จาก 365

พระเจ้ารักฉัน

ผู้รับใช้พระเจ้าสองคนได้พบกับเด็กหนุ่มเลี้ยงแกะคนหนึ่ง ผู้มีความบกพร่องทางการได้ยิน และไม่รู้หนังสือบนเนินทุ่งหญ้าสูงในเวลส์ พวกเขาพยายามอธิบายกับเด็กหนุ่มคนนั้นว่า พระเยซูปรารถนาจะเป็น*พระผู้เลี้ยงของเขา* ทรงคอยดูแลเขาเหมือนดั่งที่เด็กหนุ่มคนนั้นดูแลแกะของเขาเอง พวกเขาทั้งสองสอนเด็ก หนุ่มให้พูดซ้ำ ๆ ว่า ‘The Lord is *my* shepherd’ (‘พระยาห์เวห์ทรงเลี้ยงดู*ข้าพเจ้า*ดุจเลี้ยงแกะ’) (สดุดี 23:1) โดยใช้นิ้วมือและนิ้วหัวแม่มือข้างขวาช่วยให้ในการจดจำ โดยเริ่มนับจากนิ้วหัวแม่มือไล่ไปทีละคำและเรียงไปยังนิ้วต่อ ๆ ไป พวกเขาบอกให้เด็กหนุ่มหยุดที่คำที่สี่ ‘*my’ (ของฉัน)* และให้เขาระลึกไว้ว่า ‘บทเพลงสดุดีนี้มีความหมายสำหรับ*ตัวเขาเอง’* หลายปีต่อมา หนึ่งในสองผู้รับใช้ได้เดินผ่านหมู่บ้านเดิมและถามหาเด็กเลี้ยงแกะคนนั้น ปรากฏว่าฤดูหนาวที่ผ่านมามีพายุรุนแรง และเด็กหนุ่มคนนั้นถูกฝังอยู่ในกองหิมะ และเสียชีวิตบนเนินเขา ชาวบ้านที่กำลังเล่าเรื่องอยู่กล่าวว่า ‘แต่มีเรื่องหนึ่งที่เราไม่เข้าใจ เมื่อพบร่างของเด็กคนนั้น เขากำลัง*กำนิ้วที่สี่ของมือขวาตัวเอง*อยู่’ *เรื่องราว*นี้แสดงให้เห็นถึง*ธรรมชาติของความรักของพระเจ้าที่มีต่อเราแต่ละคน* หลายคนในปัจจุบันคิดว่าพระเจ้าเป็นดั่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไร้ซึ่งตัวตน อย่างไรก็ตามในพระคริสตธรรมคัมภีร์ พระเจ้านั้นแตกต่างออกไปมาก ความสัมพันธ์ของพระองค์กับเราเป็นเรื่องส่วนตัว อัครทูตเปาโลบรรยาย ไว้ว่า ‘พระบุตรของพระเจ้าผู้ได้ทรง*รัก*ข้าพเจ้า และได้ทรงสละพระองค์เองเพื่อ*ข้าพเจ้า*’ (กาลาเทีย 2:20) พระองค์คือ ‘พระเจ้า*ของข้าพเจ้า*’ (ฟีลิปปี 4:19) แน่นอนว่าพระเจ้าทรงรักเรา

สดุดี 23:1-6

1. พระผู้เลี้ยงของฉัน

พระเจ้าทรงห่วงใยเราดุจผู้เลี้ยงดูแลแกะ มีหลายครั้งที่ผมรู้สึกอยากได้รับการปลดปล่อยทางจิตวิญญาณ ผมชอบความจริงที่ว่า ‘พระองค์ทรงคืนความสดชื่นแก่ชีวิตข้าพเจ้า’ (ข้อ 3ก) หลายครั้งที่ผมได้บรรยายถึงสถานการณ์ที่ผมต้องการการทรงนำและหลังจากนั้นผมสามารถขอบคุณพระเจ้าได้เพราะ ‘พระองค์ทรงนำข้าพเจ้าไปในทางชอบธรรมเพราะเห็นแก่พระนามของพระองค์’ (ข้อ 3ค) พระเจ้ามีพระประสงค์ที่ยิ่งใหญ่สำหรับชีวิตของคุณ แค่คุณยอมให้พระองค์นำทางคุณไปตามเส้นทางที่ถูกต้อง แล้วคุณจะไม่ต้องเผชิญชีวิตที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวเพราะพระองค์ทรงสถิตอยู่กับคุณ (ข้อ 4)

2. พระเจ้าผู้จัดเตรียมของฉัน

เหตุการณ์ได้เปลี่ยนจากผู้เลี้ยงแกะกับแกะ เป็นเจ้าบ้านกับแขกที่เชิญมา นี่เป็นภาพที่ยอดเยี่ยมของการได้ใกล้ชิดพระเจ้าเพียงลำพังท่ามกลางความยุ่งเหยิงในชีวิต ‘พระองค์ทรงจัดเตรียมโต๊ะอาหารให้ข้าพระองค์ ต่อหน้าต่อตาคู่อริของข้าพระองค์’ (ข้อ 5ก) พระองค์สนองความหิวกระหายในฝ่ายวิญญาณของคุณด้วยงานเลี้ยง ให้เราตอบรับคำเชิญของพระองค์และใช้เวลาในแต่ละวันหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณของคุณต่อหน้าพระพักตร์ของพระองค์

ในบางช่วงเราทุกคนอาจจะ ‘เดินฝ่าหุบเขาเงามัจจุราช’ (ข้อ 4) เผชิญหน้ากับความตายของตัวเองหรือการตายของคนที่เรารัก ถึงอย่างนั้นเราก็ไม่จำเป็นต้องกลัวเพราะพระเจ้าทรงสถิตอยู่กับเรา (ข้อ 4)

ผมมักจะอ่านพระธรรมสดุดีตอนนี้ให้กับคนที่เจ็บป่วยหรือกำลังจะหมดลมหายใจได้ฟัง เป็นการหนุนใจอย่างดีเยี่ยมที่ทำให้เราได้รู้ว่าพระเจ้าทรงอยู่ใกล้เราตลอดเวลา ‘แน่ทีเดียวที่ความดีและความรักมั่นคง จะติดตามข้าพเจ้าไปตลอดวันคืนแห่งชีวิตของข้าพเจ้า และข้าพเจ้าจะอยู่ในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ สืบไปเป็นนิตย์' (ข้อ 6)

ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์สำหรับการทรงนำและการปกป้องที่มีต่อข้าพระองค์ ขอบคุณพระเจ้าที่ทรงตอบสนองความหิวกระหายทางฝ่ายวิญญาณของข้าพระองค์ด้วยการทรงสถิตและ ความรักของพระองค์

มาระโก 4:30-5:20

3. องค์พระผู้เป็นเจ้าของฉัน

คุณเคยอยู่ในสถานการณ์ที่จู่ ๆ ชีวิตของคุณดูเหมือนจะถูกพายุเฮอริเคนถล่มโดยไม่มีการเตือนใด ๆ ไหม? (4:37, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล)

ทะเลสาบกาลิลีมีชื่อเสียงในเรื่องการเกิดพายุฉับพลัน เหล่าสาวกรู้ดีว่าคลื่นขนาดนั้นสามารถพลิกเรือและเอาชีวิตพวกเขาได้

กระนั้นพระเยซูยังทรงบรรทมอยู่ (ข้อ 38) บางครั้งเมื่อพายุพัดมาดูเหมือนว่าพระเจ้าไม่ได้ทำอะไรเลย ดูเหมือนพระองค์ไม่ทรงตอบหรือแม้แต่ฟังคำอธิษฐานของคุณ ในช่วงเวลาเช่นนี้แหละที่ความเชื่อของคุณกำลังถูกทดสอบ

ท้ายที่สุดพระเยซูทรงทำให้พายุสงบได้ พระองค์ตรัสถึงฤทธิ์อำนาจที่อยู่เบื้องหลังพายุทะเลด้วยคำพูดที่ใครบางคนอาจใช้กับลูกสุนัขว่า ‘จงสงบเงียบ!’ (ข้อ 39) นั่นเองแสดงให้เห็นว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าเหนือสรรพสิ่งทั้งปวง สำหรับเหล่าสาวก เหตุการณ์นี้ เหล่าสาวกเริ่มต้นด้วยความหวาดกลัวและจบลงด้วยความเชื่อ วิกฤตต่าง ๆ เป็นบททดสอบความเชื่อของคุณ พระเยซูต้องการให้คุณเรียนรู้ที่จะเอาชนะความกลัวและ ไว้วางใจในพระองค์แม้ต้องอยู่ท่ามกลางพายุแห่งชีวิตก็ตาม

บางครั้งพระเจ้าก็ทรงห้ามพายุ แต่บางครั้งพระองค์ก็ปล่อยให้พายุโหมกระหน่ำและทำให้คุณสงบลง

จากนั้นพระเยซูทรงสำแดงให้เห็นว่าพระองค์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าเหนืออำนาจที่พยายามทำลายชีวิตของเรา อย่างไรก็ตามชายที่ถูกผีเข้าคนหนึ่ง (ที่มีชื่อว่า กองพล 5:9) ได้ตกอยู่ในสถานที่อันแสนทุกข์ ทรมาน มีการทำร้ายร่างกายตัวเอง (ข้อ 5) และถูกล่ามโซ่ (ข้อ 4) ซึ่งทำได้เพียงอย่างเดียวคือต้องขังเขาไว้ นั่นคือทั้งหมดที่พวกเขาสามารถทำได้ อำนาจของนักการเมือง รัฐและตำรวจนั้นต่างมีอยู่อย่างจำกัด พระเยซูไม่ได้พิพากษาหรือกล่าวโทษชายคนนั้น แต่พระองค์ทรงเห็นโอกาสที่เขาจะได้กลับมาใช้ชีวิตอยู่ในโลกได้อีก พระเยซูทรงมอบคำสั่งที่มีสิทธิอำนาจและสำแดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำและฤทธานุภาพของพระองค์เพื่อปลดปล่อยเราให้เป็นอิสระและนำการรักษามาให้เรา

มีการตอบสนองที่แตกต่างกันสองประการจากผู้คนต่อการครอบครองของพระเยซู บ้างขับไล่พระองค์ (ข้อ 17) เนื่องด้วยผลประโยชน์ทางการค้าที่อาจได้รับความเสียหาย มันอาจจะเป็นเรื่องที่น่าอึดอัดเมื่อเห็นการใช้สิทธิอำนาจที่แท้จริงของพระองค์ถูกควบคุม ในทางกลับกันก็มีบางคนที่ประหลาดใจในสิ่งที่พระองค์ ทรงกระทำ (ข้อ 20)

หนึ่งแง่มุมที่น่าสนใจของเรื่องนี้คือหลังจากที่พระเยซูทรงรักษาชายที่ถูกผีเข้าและปลดปล่อยเขาเป็นอิสระ ชายคนนั้นก็อ้อนวอนขอติดตามพระองค์ไป (ข้อ 18) แต่พระองค์ไม่ทรงอนุญาต (ข้อ 19)

ในตอนแรกผมก็นึกว่าชายคนนั้นจะได้รับสิทธิพิเศษจากการติดตามพระเยซูคริสต์อย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ ตามพระเยซูทรงให้เขามีส่วนร่วมในการประกาศข่าวประเสริฐทันที พระองค์ตรัสว่า ‘จงไปหาพวกพ้องของท่านที่บ้าน แล้วบอกพวกเขาถึงสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำแก่ท่านว่ามากเพียงไร’ (ข้อ 19) และเขาทำเช่นนั้นทันที (ข้อ 20)

ไม่ควรปกป้องคนที่เพิ่งรับเชื่อมากเกินไป บางครั้งก็เป็นการดีที่จะให้พวกเขาเป็นคำพยานต่อสาธารณชน เกี่ยวกับความเชื่อใหม่ของพวกเขาในทันที ซึ่งในภายหลังที่พระเยซูเสด็จมาที่แคว้นทศบุรีมีคนมาฟัง พระองค์ราว 4,000 คน ซึ่งแน่นอนดูเหมือนคำพยานของชายคนนั้นจะส่งผลอย่างมากมายเลยทีเดียว

บางที นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่มาระโกได้บันทึกเรื่องราวสั้น ๆ นี้ไว้ต่อท้ายจากคำอุปมาเรื่องเมล็ดมัสตาร์ด ชายที่ถูกผีสิงอาจจะคิดว่าตัวเขาเองไม่ได้มีอะไรที่จะมอบให้ผู้อื่นได้มากนัก แต่อันที่จริงชีวิตของเขากลับสร้างผลกระทบได้อย่างมหาศาล พระเยซูตรัสว่าพระเจ้าสามารถทำอะไรได้มากมายด้วยเมล็ดเล็ก ๆ นั่นคือเมล็ดมัสตาร์ด (4:31) ‘เพาะแล้วจึงงอกขึ้นจำเริญโตใหญ่’ (ข้อ 32)

ปัญหาไม่ได้อยู่ที่คุณมีมากแค่ไหน แต่อยู่ที่คุณจะทำอย่างไรกับมันต่างหาก เมล็ดมัสตาร์ดจำเป็นต้องลงดินทันที มิฉะนั้นมันจะสูญหายไป เมื่อได้รับการปลูกแล้วมันก็จะเจริญเติบโตแข็งแรงจนสามารถผ่านคอนกรีตที่หนาได้ บทเรียนนั้นง่ายมาก ใช้มันหรือสูญเสียมันไป ให้เราใช้สิ่งที่มีแล้วพระเจ้าจะทวีคูณให้ขึ้นหลายเท่า

ขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าเหนือสรรพสิ่งทั้งปวง ขอบคุณพระองค์ที่ข้าพระองค์สามารถวางใจในพระองค์ได้ในยามทุกข์ยากและไม่จำเป็นต้องกลัวสิ่งใด

อพยพ 25:1-26:37

4. พระเจ้าผู้ทรงนำของฉัน

ใจที่กว้างขวาง คือการสำแดงออกของความเต็มใจ หากคุณเชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้า คุณจะให้ด้วยใจกว้างขวางเพื่อให้พระนามของพระองค์ได้รับการสรรเสริญ ประชากรของพระเจ้าสามารถสะสมเงินที่จำเป็นเพื่อกิจการงานของพระองค์จาก ‘ทุก ๆ คนที่เต็มใจถวาย’ (25:2ข) พวกเขาให้แบบ ‘เต็มใจและไม่ เกรงใจ’ (ข้อ 2ข, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล) ความรักของพระเจ้าไม่เคยบีบ บังคับคุณ พระองค์ต้องการให้คุณตอบสนองออกมาอย่างเต็มใจ

พลับพลา (‘เต็นท์นัดพบ’) เป็นสถานที่ที่ประชากรของพระเจ้าใช้เข้าเฝ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าชั่วคราว ในทางทฤษฎีแล้วพลับพลาซึ่งเป็นที่ประทับขององค์พระผู้เป็นเจ้าบนโลกซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นสถานที่แรกในบรรดาสถานที่ทั้งหมดแห่งการทรงสถิตของพระเจ้า อันได้แก่ พลับพลา, พระวิหาร, พระเยซู, ชีวิตของผู้เชื่อแต่ละคน, คริสตจักร

พระเจ้าทรงสัญญาว่าจะทรงนำแม้กระทั่งรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ต่าง ๆ ‘พวกเจ้าจงสร้างพลับพลา และเครื่องใช้ไม้สอยทุกชิ้นของพลับพลานั้นตามแบบที่เราแจ้งแก่เจ้าทุกประการ’ (ข้อ 9) พระเจ้าทรงเป็นผู้ทรงนำของเราในทุกรายละเอียดของชีวิต

5. พระผู้ช่วยให้รอดของฉัน

ผู้เขียนฮีบรูอธิบายว่าอภิสุทธิสถานที่ได้ถูกบรรยายไว้ใน (อพยพ 25:10-26:37) ‘เป็นแต่แบบจำลองและเงาของสิ่งที่อยู่ในสวรรค์ ดังโมเสสเมื่อท่านจะตั้งพลับพลานั้น พระเจ้าก็ตรัสสั่งว่า “จงระวังที่จะทำทุกสิ่งตามแบบที่เราแจ้งแก่เจ้าบนภูเขา”’ (ฮีบรู 8:5–6)

คำแนะนำทั้งหมดเหล่านี้สำหรับวิสุทธิสถานกับอภิสุทธิสถาน คือการเตรียมไว้สำหรับพันธกิจแห่งการทรง ไถ่ขององค์พระเยซูคริสต์ ‘แต่เมื่อพระคริสต์เสด็จมาในฐานะมหาปุโรหิตแห่งบรรดาสิ่งประเสริฐซึ่งมาถึง แล้วพระองค์ก็เสด็จเข้าไปสู่พลับพลาที่ใหญ่และสมบูรณ์ยิ่งกว่าแต่ก่อน (ที่ไม่ได้สร้างขึ้นด้วยมือมนุษย์ คือไม่ใช่สิ่งปลูกสร้างของโลกนี้) คือเสด็จเข้าไปในสถานศักดิ์สิทธิ์ครั้งเดียวเป็นพอ และพระองค์ไม่ได้ทรงนำเลือดแพะและเลือดลูกวัวเข้าไป แต่ทรงนำพระโลหิตของพระองค์เองเข้าไป จึงได้มาซึ่งการไถ่บาป ชั่วนิรันดร์’ (9:11–12)

ด้วยการถวายเครื่องบูชาชดใช้บาปของพระเยซู คุณและผมสามารถเข้าถึงอภิสุทธิสถาน (สถานที่ศักดิ์สิทธิ์สูงสุด) ได้ พระเยซูคือพระผู้ช่วยให้รอดของคุณและผม

ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์ที่ทรงเป็นพระผู้เลี้ยง ผู้จัดเตรียม พระเจ้า ผู้ทรงนำและพระผู้ช่วยให้รอดของข้าพระองค์ ขอบคุณที่ทรงรักข้าพระองค์

Pippa Adds

บ่อยครั้งที่พายุแห่งชีวิตดูเหมือนจะมาจากที่ไหนซักแห่งเมื่อสิ่งต่าง ๆ ดำเนินไปอย่างราบรื่น เป็นเรื่องง่ายที่ความเชื่อจะถูกโยนทิ้งไปในตอนนั้น แต่สาวกได้ในทำสิ่งที่ถูกต้อง พวกเขาไปหาพระเยซูแม้ว่าพระองค์จะตำหนิพวกเขาที่ขาดความเชื่อ แต่พระเยซูก็ยังคงอ่านสถานการณ์ที่เกิดขึ้นออก ฉันชอบที่ว่า หลังจากพายุสงบลง ทุกสิ่งทุกอย่างมันก็ช่างดูสงบนิ่งซะจริง ๆ (มาระโก 4:39)

References

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)
วันที่ 49วันที่ 51

เกี่ยวกับแผนฯ

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2025

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี เป็นแผนประจำวันซึ่งจะนำคุณอ่านพระคัมภีร์ทั้งเล่มในเวลาเพียงหนึ่งปี สำหรับใครก็ตามที่มองหาวิธีอ่านพระคัมภีร์แบบง่าย ๆ และมีแบบแผน แต่ละวันจะมีการสำรวจหัวข้อที่แตกต่างกันผ่านข้อพระคัมภีร์ที่คัดสรรมาจากพระธรรมสดุดีหรือสุภาษิต ตลอดจนพันธสัญญาใหม่และพันธสัญญาเดิม พร้อมด้วยคำอธิบายประจำวันจากนิคกี้ และพิพพา กัมเบล เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจและนำไปใช้ได้จริง

More

เราขอขอบคุณ Alpha International สำหรับการจัดทำแผนนี้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชม bible.alpha.org/th