พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2025ตัวอย่าง

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2025

วันที่ 53 จาก 365

วิธีใช้เวลากับพระเยซู

ผมได้มีประสบการณ์กับพระเยซูครั้งแรกในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1974 ผมรู้สึกขอบคุณคนที่สอนผมตั้งแต่เริ่มต้นถึงความสำคัญของสิ่งที่เรียกว่า ‘การเฝ้าเดี่ยว’ ‘การเฝ้าเดี่ยว’ คำที่ล้าสมัยนี้ (หมายถึงช่วงเวลาที่จัดสรรไว้สำหรับอ่านพระคัมภีร์และอธิษฐาน) อาจจะมีที่มาจากถ้อยคำของพระเยซูในข้อพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่สำหรับวันนี้ ‘มาเถิด *จงปลีกตัวออกมาหาที่ สงบเพื่อหยุดพัก*สักหน่อยหนึ่ง’ (มาระโก 6:31) ในทุก ๆ เช้าตั้งแต่ผมอายุ 18 ปี ผมเริ่มต้นวันใหม่ด้วยวิธีนี้ ผมพยายามใช้เวลากับพระเยซูด้วยตัวเองในที่เงียบ ๆ บางครั้งใช้เวลาสั้น ๆ บางครั้งใช้เวลานานแต่เหมือนกับที่ผมไม่ชอบเริ่มต้นวันใหม่โดยปราศจากอาหารเช้า ผมจึงไม่สามารถจินตนาการได้ถึงการเริ่มต้นวันใหม่โดยปราศจากอาหารฝ่ายจิตวิญญาณ เกือบทุกครั้ง ผมเริ่มต้นด้วยการอ่านพระคัมภีร์ เพราะผมเชื่อว่าการที่พระเยซูตรัสกับผมมีความสำคัญมากกว่าการที่ผมพูดกับพระองค์ ตอนนี้ความคิดของผมในแต่ละวันเป็นพื้นฐานของบันทึกเหล่านี้ที่ประกอบเป็น*พระ คัมภีร์ใน 1 ปี *

สดุดี 25:1-7

ถึงเวลามองไปที่พระเจ้า

คุณเคยรู้สึกหวาดกลัวกับสถานการณ์ของคุณหรือไม่? คุณเคยกลัวว่าคุณอาจจะล้มเหลวและจบลงด้วยความผิดหวังหรือความอับอายหรือไม่?

ดาวิดมีความหวาดกลัวนั้นอย่างชัดเจน และได้ให้ตัวอย่างวิธีเริ่มต้นการเฝ้าเดี่ยวแก่เรา เขาเริ่มด้วยการกล่าวว่า ‘ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพระองค์นำชีวิตของข้าพระองค์ขึ้นต่อพระองค์’ (ข้อ 1, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล) เขาตั้งใจที่จะวางใจในพระเจ้าแม้จะมีความท้าทายทั้งสิ้นที่รอคอยอยู่ข้างหน้า เขากล่าวต่อไปว่า ‘ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์วางใจ พึ่งพา พึ่งพิง และมั่นใจในพระองค์ ขออย่าให้ข้าพระองค์อับอายหรือ (ความหวังของข้าพระองค์อยู่ในพระองค์) อย่าให้ข้าพระองค์ผิดหวัง ขออย่าให้ศัตรูได้รับชัยชนะเหนือข้าพระองค์’ (ข้อ 2, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล)

เขากล่าวว่า ‘ข้าพระองค์กำลังมองไปที่พระองค์ พระเจ้าข้า’ (ข้อ 1, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เห็นได้ชัดว่าเขาถูกโจมตี แต่เขาวางใจว่าพระเจ้าจะไม่ปล่อยให้เขาอับอาย (ข้อ 3) ความหวังของ เขาอยู่ในพระเจ้า ‘วันยังค่ำ’ (ข้อ 5)

ใช้เวลาในแต่ละวันมองไปที่พระเจ้าเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งต่าง ๆ ที่รอคอยอยู่ข้างหน้า ทูลขอความเมตตา การให้อภัย การช่วยเหลือ การทรงนำ และการช่วยกู้จากพระเจ้า

ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์อธิษฐานขอการทรงนำจากพระองค์ในทุก ๆ สิ่งที่ข้าพระองค์ต้องข้องเกี่ยวในวันนี้ ‘ขอพระองค์ทรงจูงมือข้าพระองค์ไป นำข้าพระองค์ไปในหนทางแห่งความจริง... ขอพระองค์ทรงมีเพียงแผนการที่ดีที่สุดสำหรับข้าพระองค์’ (ข้อ 5,7, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

มาระโก 6:30-56

ใช้เวลาตามลำพังกับพระเยซู

พระเยซูทรงสอนสาวกของพระองค์ว่าการใช้เวลาตามลำพังกับพระองค์ต้องมาก่อน พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า ‘มาเถิด จงปลีกตัวออกมาหาที่สงบเพื่อหยุดพักสักหน่อยหนึ่ง’ (ข้อ 31ข) และพวกเขาก็ออกไป ‘ไปยังที่สงบตามลำพัง’ (ข้อ 32)

มีการกระทำมากมายเกิดขึ้นในชีวิตของพระเยซูซึ่งต้องเป็นการยากมากสำหรับพระองค์ที่จะหลบเลี่ยงและพักผ่อน (ข้อ 31) พระเจ้าทรงใช้พระองค์ในวิถีที่น่าอัศจรรย์ คือเริ่มด้วยการเลี้ยงคน 5,000 คน และเดินบนน้ำ พระองค์ทรงเห็นความต้องการอันใหญ่หลวงของประชาชน (‘พระองค์ทรงสงสารพวกเขา เพราะว่าพวกเขา เป็นเหมือนฝูงแกะไม่มีผู้เลี้ยง’, ข้อ 34)

พวกเขาสิ้นหวังและวิ่งเข้าหาพระองค์อย่างแท้จริง (ข้อ 33,55) อย่างไรก็ตามพระเยซูทรงพบว่ามีความจำเป็น ที่ต้องส่งพวกเขาทั้งหมดกลับไป พระองค์ต้องการอยู่ลำพัง พระองค์เสด็จขึ้นภูเขาเพื่อทรงอธิษฐาน (ข้อ 45-46) พระองค์ทรงให้ความสำคัญกับช่วงเวลาที่จะอยู่ตามลำพังกับพระเจ้าก่อน

การอธิษฐานและการกระทำต้องเป็นไปพร้อมกัน เป็นการกระทำออกมาจากความสัมพันธ์ พระเยซู ‘ทรงสงสารพวกเขา’ (ข้อ 34) คำที่ใช้นั้นเป็นคำที่ลึกซึ้งที่สุดในภาษากรีกสำหรับคำว่า ‘สงสาร’ ‘หัวใจของพระองค์แตกสลาย’ (ข้อ 34, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

พระเยซูทรงพัฒนาและหนุนใจเหล่าสาวกในงานรับใช้ของพวกเขาอยู่ตลอดเวลา พระองค์ไม่ได้เลี้ยงคน 5,000 คนอย่างอัศจรรย์ด้วยตัวพระองค์เองผู้เดียว พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า ‘พวกท่านจงเลี้ยงพวกเขาเถิด’ (ข้อ 37)

บางครั้งผมรู้สึกหวาดกลัวกับงานรับใช้ที่พระเจ้าทรงมอบให้ผม บ่อยครั้งที่ผมรู้สึกว่าผมมีเพียงเล็กน้อยที่จะให้ กับคนที่ผมถูกเรียกให้รับใช้ ผมได้รับความสบายใจอย่างมากจากข้อความนี้คือ พระเยซูสามารถทำสิ่งที่มาก จากสิ่งเล็กน้อย ถ้าคุณมอบสิ่งที่คุณมีเล็กน้อยให้กับพระเยซู พระองค์สามารถเพิ่มจำนวนให้มากขึ้นและสนอง ความต้องการของทุก ๆ คน

พระเยซูทรงมีประสิทธิภาพ มีระเบียบและเน้นในทางปฏิบัติ พระองค์ ‘ตรัสสั่งพวกเขาให้จัดคนทั้งหลายนั่ง รวมกันที่หญ้าสดเป็นหมู่ ๆ ประชาชนก็นั่งรวมกันเป็นหมู่ ๆ หมู่ละร้อยคนบ้าง ห้าสิบคนบ้าง’ (ข้อ 39-40)

หลักจากที่เหล่าสาวกเลี้ยงคน 5,000 คน พระเยซูจึงส่งพวกเขาออกไปอีกครั้ง พระองค์สั่งให้พวกสาวกลงเรือ และเดินทางไปก่อนพระองค์ ในขณะที่พระองค์เสด็จขึ้นภูเขาเพื่ออธิษฐาน

แม้ว่าเรากำลังทำสิ่งที่พระเยซูตรัสสั่งให้เราทำ แต่บางครั้งก็เป็นงานที่ยากและหนักมาก มีช่วงเวลาที่ผมรู้สึก ‘กังวล (เป็นทุกข์และเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นและความหวาดกลัว)’ (ข้อ 50, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล) พวกสาวก ‘กำลังตีกรรเชียงด้วยความลำบาก เพราะทวนลมอยู่’ (ข้อ 48) เมื่อพระเยซูไปสมทบกับพวกเขาพระองค์ตรัสว่า ‘ทำใจดี ๆ เถิด นี่เราเอง อย่ากลัวเลย’ (ข้อ 50)

เมื่อพระเยซูเสด็จขึ้นไปหาพวกเขาบนเรือ ‘ลมก็สงบลง’ (ข้อ 51) เราจะเห็นภาพของความแตกต่างที่พระเยซู ทรงกระทำกับชีวิตของเรา เป็นการต่อสู้ที่ยากลำบาก เว้นเสียแต่ว่าคุณจะตระหนักว่าพระเยซูทรงอยู่ด้วยกับคุณ

เฉพาะคนที่จำพระเยซูได้ (ข้อ 54) ที่สามารถเพลิดเพลินกับความสัมพันธ์นี้ พวกที่จำพระองค์ได้วิ่งเข้าหา พระองค์ (ข้อ 55) และผมชอบประโยคนี้คือ ‘ทุกคนที่แตะต้องพระองค์ก็หายป่วย’ (ข้อ 56)

ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณพระองค์ที่แม้ในช่วงพายุของชีวิตพระองค์ตรัสกับข้าพระองค์ว่า ‘ทำใจดี ๆ เถิด นี่เราเอง อย่ากลัวเลย’ (ข้อ 50)

อพยพ 31:1-33:6

ถึงเวลารับความช่วยเหลือจากพระเจ้า

สาเหตุที่พระเยซูต้องการให้พวกสาวกปลีกตัวออกมาก็เพื่อหยุดพัก (มาระโก 6:31) เราจะเห็นถึงความสำคัญของการพักผ่อนและการทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้น ในพระคัมภีร์ตอนนี้ (อพยพ 31:13-17) ดูตารางเวลาของคุณล่วงหน้าและตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้ให้ความสำคัญกับช่วงเวลาเหล่านี้

การใช้เวลาตามลำพังกับพระเยซูนั้นรวมไปถึงการฟังพระองค์ วิธีหลักที่เราจะได้ยินพระเยซูตรัสกับเราคือผ่านทางพระคัมภีร์ บ่อยครั้งเมื่อผมไม่ได้ใช้เวลาตามลำพังกับพระเยซู ผมจึงพ่ายแพ้ต่อสิ่งล่อลวงได้ง่ายมากขึ้นและรู้สึกหวาดกลัว

ในอพยพ 32 เราจะได้เห็นไม่ว่าพระเจ้าจะทรงทำเพื่อเรามากแค่ไหนในอดีต แต่เราก็ลืมอย่างรวดเร็วและสงสัยในพระองค์ และผลก็คือตกลงในความบาป ‘พวกเขาได้หันจากทางซึ่งเราบัญชาเขาไว้นั้นอย่างรวดเร็ว’ (32:8)

สาเหตุเบื้องต้นของการบูชารูปเคารพของพวกเขาคือการขาดความอดทน พวกเขาไม่รอให้ถึงเวลาของพระเจ้า ความจริงที่ว่าพระเจ้าทรงกระทำสิ่งที่เราคิดว่าใช้เวลานาน ไม่ได้หมายความว่าพระองค์ไม่ได้ทำงานอยู่

หลังจากที่ประชาชนได้สร้างรูปเคารพรูปวัวทองคำแล้ว คำอธิษฐานของโมเสสก็คือการขอให้ภัยพิบัติทั้งหมดนั้นหันเหไป (ข้อ 11-14) ด้วยพลังของการอธิษฐานเป็นไปได้ที่จะเปลี่ยนแปลงเส้นทางของประวัติศาสตร์

อาโรนต้องรับผิดชอบต่อการบูชารูปเคารพ ‘ประชาชนนี้ทำอะไรแก่ท่านเล่า? ท่านจึงนำบาปใหญ่นี้มาสู่พวกเขา?’ (ข้อ 21) ในความเป็นจริงแล้วอาโรนเพียงแค่ทำตามความคิดเห็นส่วนใหญ่เป็นความคิดของประชาชน ซึ่งเขาได้นำไปสู่การปฏิบัติแต่ในสายพระเนตรของพระเจ้าเขายังคงเป็นผู้นำ เขาควรจะยืนหยัดคัดค้านพวกเขา แทนที่จะปล่อยให้ตัวเองถูกชักจูงให้นำพวกเขาไปสู่ความบาป

อาโรนตอบว่า ‘ท่านก็รู้จักประชาชนพวกนี้แล้วว่า พวกเขาเอนเอียงไปในทางชั่ว... พวกเขาก็มอบทองคำให้ข้า แล้วข้าก็โยนลงไปในไฟ แล้วโคนี้ก็ออกมา!’ (ข้อ 22-24) เห็นได้ชัดว่านี่เป็นเรื่องที่ไร้เหตุผลแต่มันง่ายที่จะบิดเบือนความจริงเล็กน้อยเพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองถูกต้อง

บทความในวันนี้จะสามารถเข้าใจได้มากขึ้นด้วยการอธิบายของอัครทูตเปาโลในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ เขาได้เขียนว่า ‘เหตุการณ์เหล่านี้เป็นเครื่องเตือนใจเราไม่ให้ปรารถนาสิ่งชั่วเหมือนเขาทั้งหลาย’ (1 โครินธ์ 10:6) พระคัมภีร์ตอนนี้เตือนเราถึง 4 สิ่งดังนี้

  1. การปล่อยตัวเอง (1 โครินธ์ 10:7, อพยพ 32:6)
  2. ความสำส่อน (1 โครินธ์ 10:8, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
  3. การนมัสการตัวเอง (ข้อ 9)
  4. การบ่น (ข้อ 10)

การลงโทษที่รุนแรงที่ประชาชนของพระเจ้าต้องเผชิญเป็นเครื่องหมายแสดงว่าความบาปเหล่านี้ร้ายแรง และเป็นอันตรายเพียงใด ‘และได้เขียนไว้เพื่อเตือนสติเรา’ (ข้อ 11) นี่แสดงให้เราเห็นว่าพระเจ้าไม่ประสงค์ที่จะปล่อยให้สิ่งต่าง ๆ เน่าเปื่อย

แต่อาจารย์เปาโลไม่ได้ทิ้งไว้แค่ตรงนั้น เขาบอกเราให้รู้ถึงวิธีการรับมือกับการล่อลวง ‘ไม่มีการทดสอบหรือการทดลองใด ๆ เกิดขึ้นกับท่านทั้งหลาย นอกเหนือการทดลองซึ่งเคยเกิดกับผู้อื่น สิ่งที่ท่านทั้งหลายต้องจำไว้คือพระเจ้าจะไม่ทรงทำให้พวกท่านผิดหวัง พระองค์จะไม่ทรงให้พวกท่านต้องถูกทดลองเกินกว่าที่ท่านจะทนได้ พระองค์จะทรงอยู่เพื่อช่วยให้ท่านผ่านพ้นไปได้’ (ข้อ 13, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

คำพูดสุดท้ายนี้เตือนเราถึงพระคุณมากมายของพระเจ้าที่มีต่อเราช่วยเหลือเราให้ผ่านการล่อลวง แม้ว่าเราจะล้มลงในการล่อลวงเหล่านี้เราก็สามารถได้รับการอภัยผ่านทางพระเยซู

ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณพระองค์สำหรับสิทธิพิเศษอันน่าอัศจรรย์นี้ที่ข้าพระองค์สามารถใช้เวลาเฉพาะพระพักตร์พระองค์ ขอบพระคุณที่ข้าพระองค์สามารถฟังพระสุรเสียงของพระองค์และพระองค์ตรัสกับข้าพระองค์ ขอโปรดทรงช่วยข้าพระองค์ให้ระมัดระวังไม่ล้มลงในการล่อลวง ขอโปรดทรงให้ข้าพระองค์เดินในความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพระองค์ในแต่ละวัน

Pippa Adds

อพยพ 31:1-33:6

ผู้คนสร้างปัญหาได้รวดเร็วเพียงใดเมื่อปล่อยให้เป็นไปตามกลไกของตนเอง อาโรนน่าจะรู้ดีเพราะเขาเคยเป็นส่วนหนึ่งของการอัศจรรย์ยิ่งใหญ่มากมาย แต่ถึงกระนั้นเขาก็ถูกฝูงชนนำให้หลงไป มีเพียงโมเสสเท่านั้นที่ยังคงซื่อสัตย์ เขาไม่ได้ดำเนินไปตามฝูงชน ผู้นำอาจจะโดดเดี่ยว โมเสสเป็นผู้นำโดยแท้จริง

References

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)
วันที่ 52วันที่ 54

เกี่ยวกับแผนฯ

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2025

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี เป็นแผนประจำวันซึ่งจะนำคุณอ่านพระคัมภีร์ทั้งเล่มในเวลาเพียงหนึ่งปี สำหรับใครก็ตามที่มองหาวิธีอ่านพระคัมภีร์แบบง่าย ๆ และมีแบบแผน แต่ละวันจะมีการสำรวจหัวข้อที่แตกต่างกันผ่านข้อพระคัมภีร์ที่คัดสรรมาจากพระธรรมสดุดีหรือสุภาษิต ตลอดจนพันธสัญญาใหม่และพันธสัญญาเดิม พร้อมด้วยคำอธิบายประจำวันจากนิคกี้ และพิพพา กัมเบล เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจและนำไปใช้ได้จริง

More

เราขอขอบคุณ Alpha International สำหรับการจัดทำแผนนี้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชม bible.alpha.org/th