พระองค์ตรัสอีกว่า “แผ่นดินของพระเจ้า จะเปรียบเหมือนสิ่งใด? หรือจะแสดงด้วยอุปมาอย่างไร? ก็เปรียบเหมือนเมล็ดมัสตาร์ดเมล็ดหนึ่ง ตอนที่เพาะลงในดิน ก็เล็กกว่าเมล็ดทั้งปวงทั่วทั้งแผ่นดิน แต่เมื่อเพาะแล้วจึงงอกขึ้นจำเริญโตใหญ่กว่าผักทั้งปวง และแตกกิ่งก้านใหญ่พอให้นกในอากาศมาทำรังอาศัยอยู่ในร่มนั้นได้” พระองค์กล่าวพระวจนะกับพวกเขาเป็นอุปมาหลายอย่าง เท่าที่พวกเขาจะสามารถฟังเข้าใจได้ นอกจากอุปมาแล้ว พระองค์ไม่ได้ตรัสอะไรกับพวกเขาอีก แต่เมื่ออยู่ตามลำพัง พระองค์ทรงอธิบายทุกสิ่งทุกอย่างแก่พวกสาวก เย็นวันนั้น พระองค์ตรัสกับพวกสาวกว่า “ให้พวกเราข้ามไปฝั่งโน้นเถิด” เมื่อละจากประชาชนแล้ว พวกเขาจึงพาพระองค์ซึ่งประทับในเรือไป มีเรืออีกหลายลำตามไปด้วย และมีพายุใหญ่เกิดขึ้น คลื่นก็ซัดเข้าไปในเรือจนน้ำจวนจะเต็มเรืออยู่แล้ว ส่วนพระองค์กำลังบรรทมหนุนหมอนหลับอยู่ที่ท้ายเรือ พวกสาวกจึงมาปลุกพระองค์ทูลว่า “พระอาจารย์ พระองค์ไม่ทรงเป็นห่วงว่าพวกเรากำลังจะพินาศหรือ?” พระองค์จึงทรงลุกขึ้นห้ามลมและตรัสกับทะเลว่า “จงสงบเงียบ” แล้วลมก็สงบ พายุก็เงียบสนิท พระองค์จึงตรัสกับพวกเขาว่า “ทำไมพวกเจ้ากลัว? พวกเจ้าไม่มีความเชื่อหรือ?” พวกเขาก็เกรงกลัวอย่างยิ่ง และพูดกันว่า “ท่านผู้นี้เป็นใครกันหนอ? ขนาดลมกับทะเลยังเชื่อฟังท่าน?”
อ่าน มาระโก 4
ฟัง มาระโก 4
แบ่งปัน
เปรียบเทียบฉบับแปลทั้งหมด: มาระโก 4:30-41
บันทึกข้อพระคำ อ่านแบบออฟไลน์ ดูคลิปการสอน และอื่น ๆ อีกมากมาย!
หน้าหลัก
พระคัมภีร์
แผนการอ่าน
วิดีโอ