พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2025ตัวอย่าง
คำถามที่สำคัญที่สุดในโลก
ศาสตราจารย์ด้านปรัชญาที่ชาญฉลาดแห่งมหาวิทยาลัยลอนดอน ไซริล เอ็ดวิน มิทชิซัน โจ้ด ผู้ที่ไม่ได้เป็นคริสเตียน ถูกถามในรายการวิทยุว่า “ถ้าคุณสามารถพบใครก็ได้ในอดีต และถามพวกเขาเพียงหนึ่งคำถามคุณจะพบใคร และคุณจะตั้งคำถามอะไร” ศาสตราจารย์โจ้ดตอบโดยไม่ลังเลว่า “ผมอยากพบกับพระเยซูคริสต์และถาม*คำถามที่สำคัญที่สุดในโลกกับพระองค์ว่า “พระองค์ทรงฟื้นขึ้นมาจากความตายใช่หรือไม่?”* และแล้ววันหนึ่งในช่วงชีวิตของศาสตราจารย์โจ้ด เมื่อประเมินหลักฐานทั้งหมด เขาก็ได้พบกับพระเยซูด้วยตัวเอง และเขียนหนังสือชื่อ *Recovery of Belief* ขึ้นมา หากพระเยซูคริสต์เป็นขึ้นมาจากความตาย นี่จะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง เมื่อผู้เขียนพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่พูดถึงความรักของพระเจ้า พวกเขาชี้ไปที่ไม้กางเขน เมื่อพวกเขาพูดถึงฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า พวกเขาชี้ไปที่การฟื้นคืนพระชนม์ “ฤทธานุภาพของพระองค์ยิ่งใหญ่” ที่ “ทรงทำในพระคริสต์เมื่อทรงทำให้พระคริสต์เป็นขึ้นจากตาย” (เอเฟซัส 1:19–20) พระเยซูผู้เป็นขึ้นจากความตายได้ตรัสกับสาวกของพระองค์ว่า “สิทธิอำนาจทั้งหมด *(อำนาจทั้งหมดในครอบครอง)* ในสวรรค์ก็ดี ในแผ่นดินโลกก็ดีทรงมอบไว้แก่เราแล้ว” (มัทธิว 28:18 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล) การฟื้นคืนพระชนม์ หมายความว่า ตอนนี้พระเยซูผู้เป็นขึ้นจากความตายได้สถิตอยู่กับคุณแล้ว พระเยซูตรัสต่อไปว่า “เราจะอยู่กับท่านทั้งหลายเสมอไป” (ข้อ 20) ผลของการฟื้นคืนพระชนม์ไม่ได้เป็นเพียงฤทธานุภาพ และการทรงสถิตของพระองค์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการจัดเตรียมของพระองค์ด้วยสดุดี 21: 8-13
ฤทธานุภาพของพระองค์
ตามที่พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่กล่าวไว้ว่า ผู้เป็น “ฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า” คือองค์พระเยซูคริสต์ (1 โครินธ์ 1:24)
ดาวิดสรรเสริญพระเจ้าใน “พละกำลัง” และ “พระอานุภาพ” ของพระองค์ (สดุดี 21:13 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล) เขาเอ่ยถึงความเชื่อมั่นใน “พระหัตถ์” ของพระเจ้า (ข้อ 8ก) และโดยเฉพาะ “พระหัตถ์ขวา” (ข้อ 8ข) คำว่า “พระหัตถ์” ในพระคัมภีร์โดยเฉพาะ “พระหัตถ์ขวา” ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งพลังและอำนาจ (อพยพ 15:6,12) ดาวิดกำลังพูดถึงพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์ในการพิพากษาของพระเจ้า
ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่มักพรรณาถึงพระเยซูผู้เป็นขึ้นจากความตายว่าอยู่ใน “พระหัตถ์ขวาของพระเจ้า” (เช่น กิจการ 2:33ก) เมื่อคุณเห็นคนที่ “ปองร้าย” และ “ประดิษฐ์เรื่องชั่วร้าย” (สดุดี 21:11) ประสบความสำเร็จในชีวิต โปรดระลึกไว้เสมอว่า อำนาจของพวกเขาเป็นเพียงสิ่งชั่วคราวเท่านั้น เพราะพระเยซูทรงมีสิทธิอำนาจสูงสุด และมีฤทธิ์อำนาจที่พระหัตถ์ขวาของพระเจ้า จะต้องมีวันหนึ่งที่พระเจ้าจะทรงเข้ามาจัดการแน่นอน พระเยซูทรงเป็นขึ้นมาและจะเสด็จมาอีกครั้งเพื่อพิพากษาคนเป็นและคนตาย
ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์สำหรับพระกำลัง และฤทธานุภาพอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ “ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงเป็นที่ยกย่องเชิดชูในพระกำลังของพระองค์ ข้าพระองค์ทั้งหลายจะร้องเพลงสรรเสริญฤทธานุภาพของพระองค์ “(ข้อ 13 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล)
มัทธิว 28:1-20
การทรงสถิต
ผมพบว่าไม่มีสิ่งใดในชีวิตที่ยิ่งใหญ่ไปกว่าการได้มีประสบการณ์กับการทรงสถิตของพระเยซูผู้ฟื้นคืนพระชนม์
พระเยซูผู้ฟื้นคืนพระชนม์มอบหมายให้สาวกของพระองค์ “นำชนทุกชาติมาเป็นสาวก” (ข้อ 19ก) นี่คือการทรงเรียกทั้งส่วนตัวและทั้งคริสตจักร นิมิตของคริสตจักรของพวกเราคือ “การมีส่วนร่วมในการประกาศข่าวประเสริฐ การฟื้นฟูคริสตจักรและการเปลี่ยนแปลงของสังคม” ซึ่งล้วนมาจากพระมหาบัญชาของพระเยซูทั้งสิ้น
โดยมาควบคู่กันระหว่างพระสัญญาและพระมหาบัญชา “เราจะอยู่กับท่าน” (ข้อ20ข) การฟื้นคืนพระชนม์ไม่ได้เป็นเพียงข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์หรือแนวความคิดทางศาสนาเท่านั้น แต่มันคือความจริงที่เปลี่ยนแปลงชีวิต พระเจ้าทรงสัญญาว่าเมื่อคุณเพิ่มเติมในหน้าที่ที่พระองค์มอบหมายให้ การทรงสถิตของพระเยซูที่ฟื้นคืนพระชนม์จะดำเนินไปกับคุณ
เมื่อหญิงเหล่านั้นเห็นอุโมงค์ที่ว่างเปล่า ทูตสวรรค์จึงบอกกับพวกนางว่า “พระองค์ไม่ได้อยู่ที่นี่ เพราะทรงเป็นขึ้นมาแล้ว…พวกท่านจะเห็นพระองค์” (ข้อ 6–7)
ผู้หญิงเหล่านั้นวิ่งไปบอกสาวกของพระเยซู “ด้วยความปิติยินดีอย่างยิ่ง” และเมื่อสาวกทำเช่นนั้น “พระเยซูทรงพบพวกเขา” (ข้อ 9) พวกเขาได้มีประสบการณ์กับการทรงสถิตของพระเยซูผู้ฟื้นคืนพระชนม์ (ข้อ 8–10) และได้ “กอดพระบาท” (ข้อ 9) และนมัสการพระองค์ในฐานะพระเจ้า (ข้อ 9ข,17ก)
มีคนพยายามโต้แย้งเกี่ยวกับอุโมงค์ที่ว่างเปล่าแทบจะในทันที (ข้อ 13) และแม้จะมีหลักฐานทั้งหมด แต่ไม่ใช่ทุกคนที่เชื่อ (ข้อ 17ข) มีการชี้นำว่า “พวกสาวกของเขามาลักขโมยเอาศพไปตอนกลางคืน ในขณะที่เรากำลังนอนหลับอยู่” (ข้อ 13) บางคนยังคงพยายามคาดเดาต่าง ๆ นานา โดยที่ไม่มีหลักฐานใด ๆ
1.\tเหล่าสาวกท้อแท้และหวาดกลัว มีเพียงปาฏิหาริย์แห่งการฟื้นคืนพระชนม์เท่านั้นที่สามารถเปลี่ยนแปลงพวกเขาได้
2.\tพวกเขาไม่ได้คาดคิดว่าพระเยซูทรงเป็นขึ้นจากความตาย พวกเขาไม่มีเหตุจูงใจที่จะขโมยศพ
3.\tอุโมงค์ฝังศพได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนา (27:62–66)
-
พวกเขาไม่ใช่กลุ่มเดียวที่เห็นพระเยซู ยังมีอีกหลายคนพบพระองค์หลังจากการฟื้นคืนพระชนม์และได้ปรากฎกับเหล่าสาวกสี่สิบวัน (กิจการ 1:3, 1 โครินธ์ 15:6)
-
หากสาวกขโมยพระศพจริง ชีวิตทั้งชีวิตของพวกเขาก็อยู่บนพื้นฐานของการโกหก เพื่อนของผม เอียน วอล์กเกอร์ นักวิทยาศาสตร์ชาวเคมบริดจ์กลายเป็นคริสเตียนเพราะเขาไม่เชื่อว่าสาวกจะเต็มใจที่ถูกทรมานและถูกประหารเพราะบางสิ่งที่พวกเขารู้ว่าไม่เป็นความจริงไหม
มันเป็นเรื่องจริง พระเยซูทรงฟื้นคืนพระชนม์ การตายและการขุดหลุมฝังศพไม่ใช่จุดจบ เพราะในพระคริสต์คุณก็จะฟื้นขึ้นจากความตายเช่นกัน
ผู้ที่เชื่อมั่นในคำพยากรณ์ของการเป็นขึ้นจากความตายของพระเยซูเป็นคนแรกคือสตรีเหล่านั้น สิ่งนี้เป็นที่น่าสังเกตอย่างมากเนื่องจากผู้หญิงในเวลานั้นไม่ได้รับการพิจารณาว่าเป็นพยานที่ถูกต้องในศาล พวกนางคือหนึ่งในตัวอย่างมากมายในพระคัมภีร์ของสตรีที่เป็นผู้นำ (มิเรียมในข้อพระคัมภีร์เดิมสำหรับวันนี้เป็นอีกหนึ่งตัวอย่าง)
มัทธิวเริ่มต้นการบรรยายพระกิตติคุณด้วยการระบุว่าพระเยซูเป็น “พระเจ้าสถิตกับเรา” (มัทธิว 1:23) ในข้อสุดท้ายของพระกิตติคุณ พระเยซูทรงยืนยันการสถิตอยู่ชั่วนิรันดร์ของพระองค์กับสาวกทุกคน สำหรับคนที่เชื่อและเชื่อฟังพระบัญชาของพระเยซู พระองค์ทรงสัญญาว่า “เราจะอยู่กับท่านทั้งหลายเสมอไป” (28:20ข)
ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์ที่ทรงส่งข้าพระองค์ออกไปสร้างสาวกแก่ชนทุกชาติ และทรงสัญญาว่าจะทรงสถิตอยู่กับข้าพระองค์ตลอดไป
อพยพ 15:1-16:36
การทรงจัดเตรียม
คุณเคยกังวลเกี่ยวกับอนาคต สุขภาพ การงาน ครอบครัวหรือการเงินของคุณบ้างไหม จงตัดสินใจวันนี้ที่จะไม่กังวล เคอร์รี่ เทน บูม ได้กล่าวว่า “ความวิตกกังวล คือการใช้เรี่ยวแรงในวันนี้เพื่อแบกรับภาระของวันพรุ่งนี้ การแบกรับทั้งสองวันในคราวเดียว ก็เหมือนการพยายามมุ่งไปถึงวันพรุ่งนี้ก่อนเวลาอันควร จงวางใจในพระเจ้าและเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตแบบวันต่อวัน
เราได้เห็นการจัดเตรียมของพระเจ้าแบบวันต่อวันผ่านพระธรรมตอนนี้ พระเยซูทรงสอนให้เราอธิษฐานว่า “ขอประทานอาหารประจำวันแก่พวกข้าพระองค์ในวันนี้” (มัทธิว 6:11) จงวางใจในพระเจ้าว่าพระองค์จะจัดเตรียมให้เมื่อคุณต้องการ
บทเพลงของโมเสสและมิเรียมในบทที่ 15 เป็นตัวอย่างที่ดีของความไว้วางใจพระเจ้าซึ่งแสดงออกผ่านการนมัสการ พวกเขาสรรเสริญพระเจ้าสำหรับพระลักษณะของพระองค์ (อพยพ 15:1–5) จากนั้นพวกเขาสรรเสริญพระเจ้าสำหรับสิ่งที่พระองค์เคยกระทำมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการประทานความรอด การช่วยเหลือและการจัดเตรียมต่าง ๆ (ข้อ 6–12) และในที่สุดพวกเขาก็สรรเสริญพระองค์สำหรับสิ่งที่พระองค์จะทรงกระทำในภายภาคหน้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการทรงนำ ความรอด การช่วยกู้และการจัดเตรียม (ข้อ 13–18)
พระเจ้าทรงสัญญาว่าจะทรงจัดเตรียมเพื่อสนองความต้องการด้านความเป็นอยู่ของพวกเขา โดยพระองค์ทรงสัญญาว่าจะโปรยปราย “อาหารจากสวรรค์” (16:4ก) ที่เรียกว่า “มานา” (ข้อ 31) ในแต่ละวันพระองค์ทรงประทาน “อาหารประจำวัน” แก่พวกเขา เขาแต่ละคนรวบรวมได้มากเท่าที่ต้องการ (ข้อ 18ค, 21ก) แต่พวกเขาได้รับคำสั่งว่าอย่ากักตุนไว้ “อย่าให้ใครเหลือไว้จนรุ่งเช้า” (ข้อ 19)
นี่คือสิ่งที่คริสตจักรได้มีประสบการณ์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พระเจ้าประทานความต้องการด้านปัจจัยภายนอกทั้งหมดให้แก่เรา แต่พระองค์ไม่ได้ให้เรามากเกินความต้องการ เราไม่ต้องตุนไว้เผื่ออนาคต แต่ให้เราวางใจในพระเจ้าตลอดเวลาว่าพระองค์จะจัดเตรียมประทานให้ทุกเดือนและทุกปี
การที่เราต้องการเก็บทุกสิ่งที่เราได้รับไว้เป็นหลักประกันสำหรับอนาคตแทนที่จะวางใจให้พระเจ้าจัดเตรียมในเวลาที่เราต้องการถือเป็นการทดลองอย่างหนึ่ง สิ่งนี้นำมาใช้กับความต้องการทางฝ่ายจิตวิญญาณของเราได้ด้วยเช่นกันที่เราไม่สามารถพึ่งพาพระพรในอดีตได้
เป็นเรื่องน่าเศร้าที่เห็นจากพระธรรมตอนนี้ว่าคนของพระเจ้าลืมความดีและการจัดเตรียมของพระเจ้าในอดีตเร็วเพียงใดและเริ่มบ่นเกี่ยวกับปัญหาในปัจจุบัน บ่อยครั้งที่ผมถูกล่อลวงให้ทำแบบเดียวกัน เนื้อหาตอนนี้เป็นเครื่องเตือนใจถึงความจำเป็นที่จะต้องวางใจในการจัดเตรียมของพระเจ้าในช่วงเวลาที่ดีและช่วงเวลาที่ยากลำบาก
พระเยซูเองตรัสกับเราว่า พระองค์ทรงเป็นของประทานของพระเจ้า ทรงตรัสว่า “เราเป็นอาหารแห่งชีวิต บรรพบุรุษของพวกท่านได้กินมานาในถิ่นทุรกันดารแล้วก็ยังเสียชีวิต แต่นี่เป็นอาหารที่ลงมาจากสวรรค์เพื่อให้คนที่ได้กินแล้วไม่ตาย เราเป็นอาหารดำรงชีวิตซึ่งลงมาจากสวรรค์ ถ้าใครกินอาหารนี้ คนนั้นจะมีชีวิตนิรันดร์ และอาหารที่เราจะให้นั้นก็คือเลือดเนื้อของเรา” (ยอห์น 6:48–51)
การฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูคือของประทานนิรันดร์ *เพราะพระเยซูทรงเป็นขึ้นมาเพื่อให้ชีวิต และผู้ที่กินขนมปังนี้จะมีชีวิตนิรันดร์ *
ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์ที่ทรงสัญญาว่าพระองค์จะ “ประทานทุกสิ่งที่จำเป็นแก่พวกท่านจากทรัพย์อันรุ่งโรจน์ของพระองค์ในพระเยซูคริสต์” (ฟีลิปปี 4:19) เมื่อได้ใคร่ครวญด้วยการขอบพระคุณ ข้าพระองค์ตั้งตารอด้วยความหวังและไว้วางใจว่าพระองค์จะจัดเตรียมความต้องการทั้งหมดของข้าพระองค์เสมอไปตามความบริบูรณ์ในพระเยซูคริสต์ผู้ฟื้นคืนพระชนม์
Pippa Adds
มัทธิว 28:1–8
ในวัฒนธรรมที่ผู้หญิงถือเป็นชนชั้นที่สอง แต่พระเยซูทรงปรากฎตัวครั้งแรกต่อหน้าผู้หญิงสองคน พระองค์เลือกผู้หญิงธรรมดา ๆ สองคนและมอบข่าวประเสริฐที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ให้กับพวกนาง
References
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)ข้อพระคัมภีร์
เกี่ยวกับแผนฯ
พระคัมภีร์ในหนึ่งปี เป็นแผนประจำวันซึ่งจะนำคุณอ่านพระคัมภีร์ทั้งเล่มในเวลาเพียงหนึ่งปี สำหรับใครก็ตามที่มองหาวิธีอ่านพระคัมภีร์แบบง่าย ๆ และมีแบบแผน แต่ละวันจะมีการสำรวจหัวข้อที่แตกต่างกันผ่านข้อพระคัมภีร์ที่คัดสรรมาจากพระธรรมสดุดีหรือสุภาษิต ตลอดจนพันธสัญญาใหม่และพันธสัญญาเดิม พร้อมด้วยคำอธิบายประจำวันจากนิคกี้ และพิพพา กัมเบล เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจและนำไปใช้ได้จริง
More
เราขอขอบคุณ Alpha International สำหรับการจัดทำแผนนี้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชม bible.alpha.org/th