พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2025ตัวอย่าง

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2025

วันที่ 44 จาก 365

พระเจ้าทรงกิจเพื่อผลดีแก่คุณ

ในขณะที่ ลอร์ด แร๊ดสต๊อค พักอยู่ในโรงแรมแห่งหนึ่งในประเทศนอร์เวย์ ช่วงกลางศตวรรษที่สิบเก้า เขาได้ยินเด็กน้อยคนหนึ่งกำลังเล่นเปียโนอยู่ชั้นล่างตรงโถงทางเดิน เธอเล่นด้วยเสียงที่ดังฟังไม่รู้เรื่อง “ติ๊ง...ต่อง...ติ้ง... “ ทำให้เขาแทบคลั่ง แต่แล้วจู่ ๆ ก็มีชายคนหนึ่งเข้ามานั่งข้าง ๆ และเริ่มบรรเลงเคียงข้างเด็กน้อยคนนั้น เขาเพิ่มเติมช่องว่างของตัวโน๊ตให้สมบูรณ์ ผลที่ได้คือบทเพลงอันสุดแสนจะไพเราะ ภายหลังเขาพบว่าชายที่เล่นเคียงข้างเด็กน้อยคนนั้นคือพ่อของเธอเอง ชื่อของเขาคือ อเล็กซานเดอร์ โบโรดิน ผู้ประพันธ์บทละครโอเปร่าเรื่อง *เจ้าชายอิกอร์* พระเจ้าเรียกคุณเข้าสู่ความสัมพันธ์กับพระองค์ ที่รวมถึงการมีส่วนร่วมกับพระองค์ด้วย ความเชื่อของคริสเตียนส่วนใหญ่มาจากสิ่งที่พระเจ้าทรงกระทำเพื่อคุณในพระคริสต์ อย่างไรก็ตามเราไม่ใช่แค่ผู้ชม คุณถูกเรียกให้ตอบสนองด้วย พระเจ้านำคุณเข้ามาในแผนการของพระองค์ ทรงมาและประทับเคียงข้างคุณและ “ทุกอย่าง ... ร่วมกันก่อผลดี” (โรม 8:28) พระองค์ใช้ “ติ๊ง...ต่อง...ติ้ง... “ที่เราบรรเลงและสร้างสิ่งที่สวยงามจากชีวิตของเรา

สุภาษิต 4:20-27

ก้าวเดินไปอย่างชาญฉลาด

คุณเองก็มีส่วนในการตอบสนองต่อการเรียกของพระเจ้าและอยู่บนหนทางของพระองค์ รวมถึงดำเนินชีวิตอย่างชาญฉลาดและด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้บางสิ่งที่งดงามได้ออกมาจากชีวิตของคุณ ในพระธรรมข้อนี้เราจะได้เห็นสิ่งที่เฉพาะเจาะจงทั้งสี่ด้านที่คุณจำเป็นต้องใคร่ครวญหากคุณต้องการมีชัยชนะเหนือการทดลองต่าง ๆ

1.\tสิ่งที่คุณคิด

คุณสามารถเลือกว่าจะนึกคิดเกี่ยวกับอะไร ชีวิตที่คุณเป็นคนกำหนดนั้นหลั่งไหลออกมาจากหัวใจของคุณ 'จงระแวดระวังใจของเจ้ายิ่งกว่าสิ่งอื่นใด เพราะทุกสิ่งที่เจ้าทำออกมาจากใจ' (ข้อ 23) คุณต้องเติมใจของคุณด้วยสิ่งที่ดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งเติมด้วยพระวจนะของพระเจ้า (ข้อ 20–21) ที่นำมาซึ่ง 'ชีวิต' และ 'พลานามัย' (ข้อ 22) ให้เราคิดถึง 'สิ่งที่เป็นจริง สิ่งที่น่านับถือ สิ่งที่ยุติธรรม สิ่งที่บริสุทธิ์ สิ่งที่น่ารัก สิ่งที่ควรแก่การสรรเสริญ' (ฟิลิปปี 4:8)

2. สิ่งที่คุณพูด

คำพูดของคุณมีพลัง จงใช้อย่างระมัดระวัง 'จงทิ้งวาจาคด ๆ เสีย และให้คำพูดลดเลี้ยวห่างจากเจ้า' (สุภาษิต 4:24) ว่ากันว่า ลิ้นคนเราควรมีสามสิ่งนี้คอยเฝ้าไว้ก่อนพูด นั่นคือ 'เป็นจริงไหม? เปี่ยมด้วยเมตตาไหม? จำเป็นไหม?'

3. สิ่งที่คุณมอง

ปกป้องดวงตาของคุณ ระแวดระวังในสิ่งที่คุณมอง (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคของอินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดีย) “ให้ดวงตาของเจ้าเพ่งมองไปเบื้องหน้าและให้การจ้องของเจ้าตรงไปข้างหน้าเจ้า” (ข้อ 25) พระเยซูทรงเตือนว่าหากคุณมองสิ่งผิดไป “ตัวของท่านก็พลอยมืดไปด้วย” แต่ยังทรงกล่าวอีกว่า 'ถ้าตาของท่านปกติ ทั้งตัวของท่านก็พลอยสว่างไปด้วย' (มัทธิว 6:22–23)

4. ที่ที่คุณไป

คุณจะปลอดภัยจากการทดลองได้มากหากคุณระวังในที่ที่คุณจะไป 'จงทำหนทางแห่งเท้าของเจ้าให้ราบ…จงหันเท้าของเจ้าเสียจากความชั่วร้าย' (สุภาษิต 4:26–27) ในพระธรรมฮีบรูตอนหนึ่ง ผู้เขียนเรียกร้องให้เรา 'วิ่งแข่งด้วยความทรหดอดทนในการแข่งขันที่อยู่ข้างหน้าเรา' โดยให้สายตาของคุณจับจ้องไป 'ที่พระเยซู…” จงทำหนทางให้ตรงเพื่อเท้าของพวกท่าน”' (ฮีบรู 12:1–2,13)

ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงโปรดปกป้องลิ้นของข้าพระองค์ และปกป้องหัวใจของข้าพระองค์ โปรดช่วยข้าพระองค์ให้ก้าวเดินอย่างชาญฉลาดในวันนี้ด้วยเถิด

มัทธิว 27:45-66

ให้ด้วยใจที่กว้างขวาง

พระเจ้าทรงกระทำทุกสิ่งเพื่อผลดีแก่คุณผ่านทางกางเขนและการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซู พระเยซูทรงเผชิญกับความทุกข์ทรมานและการแยกจากพระเจ้าอย่างแท้จริง เพื่อให้คุณได้มีความสุขกับการทรงสถิตของพระเจ้า

พระเยซูทรงถูกทอดทิ้งจากเหล่าผู้นำทางความเชื่อ ครอบครัวของพระองค์เอง เหล่าผู้คนหรือโดยสาวกของพระองค์และท้ายที่สุด “พระเยซูทรงคร่ำครวญจากเบื้องลึกและร้องเสียงดังว่า “เอลี เอลี ลามา สะบักธานี” ซึ่งหมายความว่า “พระเจ้าของข้าพระองค์ พระเจ้าของข้าพระองค์ ทำไมพระองค์ทรงทอดทิ้งข้าพระองค์เสีย” (ข้อ 46 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ถ้อยคำแห่งความทุกข์ทรมานของพระเยซูแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกที่ถูกแยกออกจากพระเจ้าอย่างแท้จริง พระองค์ทรงหยิบยกมาจากพระธรรมสดุดี 22:1 ซึ่งเป็นเสียงร้องแห่งความทุกข์ ความโศกเศร้า และการแยกออกจากพระเจ้า ในหนังสือโยบเราได้เห็นว่าพระคัมภีร์เกี่ยวข้องกับความยากลำบาก และความซับซ้อนของความทุกข์ทรมานที่เกิดขึ้นกับมนุษย์อย่างไร และที่ไม้กางเขนเราจะได้พบคำตอบสุดท้ายของพระเจ้าสำหรับความทุกข์ทรมานของเรา นั่นคือพระองค์เลือกที่จะเข้าไปในนั้นและรับมันไว้เอง

จอห์น สตอทท์ สะท้อนให้เห็นถึงความทุกข์ทรมานและไม้กางเขนไว้ดังนี้ “ผมไม่มีทางเชื่อในพระเจ้าได้เลยถ้าไม่ใช่เพราะไม้กางเขน ในโลกที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดนี้ มนุษย์เราจะนมัสการพระเจ้าที่ไม่เคยผ่านความเจ็บปวดได้อย่างไร”

การแบกความทุกข์ทรมานบนไม้กางเขนของพระเยซูไม่เพียงแต่เพื่อรวมเราให้เป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์เเล้ว แต่พระคำของพระองค์สะท้อนให้เราเห็นถึงการมาของพระองค์เพื่อ “ให้ชีวิตของท่านเป็นค่าไถ่คนจำนวนมาก” (มัทธิว 20:28) พระองค์ยอมสิ้นพระชนม์เพื่อที่คุณจะได้เป็นอิสระ ทรงถูกทอดทิ้งเพื่อที่คุณและผมจะได้รับการยอมรับจากองค์พระผู้เป็นเจ้า

เราได้พบความเป็นจริงของการยอมรับนี้จากสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาแห่งการสิ้นพระชนม์ของพระเยซู “และนี่แน่ะ ม่านในพระวิหารก็ฉีกขาดออกเป็นสองท่อนตั้งแต่บนตลอดล่าง แผ่นดินก็ไหว ศิลาก็แตกออกจากกัน” (27:51) สัญลักษณ์นี้มีอธิบายไว้ในหนังสือฮีบรู ม่านมีไว้กั้นผู้คนออกจาก “อภิสุทธิสถาน” นั่นคือที่ประทับของพระเจ้า (ฮีบรู 9:3)

ตอนนี้คุณสามารถเข้าถึงการทรงสถิตของพระเจ้าและความใกล้ชิดสนิทสนมกับพระองค์ผ่านทางพระเยซู แม้แต่รายละเอียดเกี่ยวกับม่านที่ฉีกขาดตั้งแต่บนจรดล่าง ก็ยังเตือนเราว่านี่เป็นผลงานของพระเจ้าไม่ใช่น้ำมือของมนุษย์ ที่ทำให้คุณรับเอาการทรงสถิตของพระองค์ คุณสามารถรับรู้ถึงการยอมรับและการทรงสถิตของพระเจ้าผ่านการที่พระเยซูผู้ทรงถูกทอดทิ้งและทนทุกข์ทรมานเพื่อเรา พระเจ้าทรงกระทำทุกสิ่งเพื่อผลดีแก่คุณ

แม้ในขณะที่พระเจ้าทรงจัดวางทุกสิ่งอย่างเฉียบขาดเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของมวลมนุษย์ผ่านทางไม้กางเขน และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ พระองค์ยังทรงให้มนุษย์อยู่ในแผนการของพระองค์ด้วยเช่นกัน พระองค์ใช้เศรษฐีคนหนึ่งชื่อโยเซฟแห่งอาริมาเทีย ซึ่งกลายเป็นสาวกของพระเยซู ในการซื้ออุโมงค์ฝังศพเพื่อเป็นที่ฝังพระศพ แล้วกลายเป็นที่ฟื้นคืนพระชนม์ของพระองค์ในเวลาต่อมา (มัทธิว 27:57–60)

ไม่สำคัญว่าคุณจะยากดีมีจนขนาดไหน แต่อยู่ที่วิธีการตอบสนองของคุณต่อสิ่งที่พระเยซูทรงทำเพื่อคุณ และสิ่งที่คุณทำกับสิ่งที่คุณมี โยเซฟให้อย่างไม่เห็นแก่ตัว และพระเจ้าทรงสร้างสิ่งที่งดงามออกมาจากชีวิตของเขาซึ่งกลายเป็นที่สิ่งที่น่าจดจำไปตลอดกาล

ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์ที่ทรงเผชิญทุกสิ่งนี้เพื่อข้าพระองค์ ขอบคุณพระเจ้าที่ไม่เพียงแต่ยกโทษให้ข้าพระองค์ แต่ยังให้ข้าพระองค์เป็นส่วนหนึ่งในแผนการของพระองค์ด้วย

อพยพ 13:1-14-31

เชื่ออย่างสุดกำลัง

การช่วยกู้ของพระเจ้าโดยผ่านทางพระเยซูได้สะท้อนออกมาไว้ล่วงหน้าแล้วในพันธสัญญาเดิม คือเมื่อพระเจ้าเปิดทางเข้าสู่ที่ประทับของพระองค์โดยม่านที่ฉีกขาด และเปิดหนทางผ่านการแยกทะเล

ตลอดทางเราเห็นการทรงนำของพระเจ้าในการช่วยประชากรของพระองค์ออกจากอียิปต์ 'พระเจ้าทรงนำคุณออกมา...จงบอกลูกหลานของพวกท่านว่า 'ที่ทำอย่างนี้ก็เพราะเหตุการณ์ซึ่งพระยาห์เวห์ได้ทรงทำเพื่อข้า' พระยาห์เวห์ทรงนำท่านไปยังแผ่นดิน พระยาห์เวห์ได้ทรงนำพวกเราออกจากอียิปต์ด้วยพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์' (13:3–16)

พระเจ้าทรงนำผู้คนของพระองค์ไปตลอดหนทาง แม้ว่าที่น่าสนใจคือ พระองค์ไม่ได้ใช้เส้นทางที่สั้นที่สุดแต่อย่างใด (ข้อ 17) บางครั้งแทนที่จะใช้วิธีง่าย ๆ แต่พระเจ้าทรงใช้วิธีที่ยาวกว่าและยากกว่า เพื่อเตรียมเราให้พร้อมสำหรับการต่อสู้ในวันข้างหน้า แม้ว่าตอนนี้พวกเขาออกจากอียิปต์แล้ว แต่พวกเขาก็ต้องเผชิญกับการต่อสู้อีกมากมาย พวกเขาจำเป็นต้องเรียนรู้ที่จะพึ่งพาฤทธานุภาพและการทรงนำทางของพระเจ้าอย่างสุดกำลัง

พระองค์ทรงนำทางพวกเขาอย่างไม่ลดละ ด้วยเสาเมฆในเวลากลางวัน และเสาเพลิงในเวลากลางคืน (ข้อ 21) การทรงนำของพระเจ้าคือสิ่งที่เราแต่ละคนต้องการเป็นการส่วนตัว รวมถึงในฐานะประชากรของพระเจ้าเช่นเดียวกัน

บางครั้งเราตกอยู่ในสถานการณ์ที่ดูเหมือนจะหาทางออกไม่ได้ คนอียิปต์ตามหลังพวกเขามาและทะเลก็ขวางอยู่ตรงหน้าพวกเขา 'พวกเขาหวาดกลัวเหลือเกิน' (14:10 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล) แต่กระนั้น โมเสสก็วางใจในพระเจ้าอย่างสุดใจเชื่อว่าพระองค์จะช่วยให้พวกเขารอดได้ โมเสสกล่าวว่า 'อย่ากลัวเลย จงยืนนิ่งอยู่ คอยดูความรอดจากพระยาห์เวห์ ซึ่งทรงทำเพื่อพวกท่านในวันนี้ พระยาห์เวห์จะทรงรบแทนท่านทั้งหลาย พวกท่านจงสงบอยู่เถิด” (ข้อ 13–14) ผมมักจะกลับมาที่ข้อพระคำเหล่านี้ เมื่อพบว่าตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์ที่ถ้าพูดอย่างคนทั่วไปคือ มืดแปดด้าน

โมเสสต้องทำในส่วนของเขาคือ ('ยื่นมือออกไปเหนือทะเล' ข้อ 16ก) แต่ส่วนของพระเจ้านั้นค่อนข้างยากมากกว่า พระองค์ทรงแยกทะเลออก ยกตัวอย่างเช่นเมื่อเราอธิษฐานขอให้ใครบางคนเต็มเปี่ยมด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระเจ้าทรงใช้เราในการเหยียดมือออกและอธิษฐานกับพระองค์ แต่พระเจ้าเป็นผู้เจิมผู้นั้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธ์ของพระองค์ พระองค์ทรงทำในส่วนที่ยากมากกว่า แต่อย่างไรก็ตามพระเจ้าทรงดึงคุณเข้ามาในแผนการของพระองค์

ส่วนของพระเจ้าคือการทรงช่วยกู้และนำความรอดมาสู่เรา 'พระยาห์เวห์โปรดช่วยให้คนอิสราเอลรอด' (ข้อ 30) แต่ส่วนของคุณคือการไว้วางใจในพระเจ้า 'พวกเขาเชื่อถือพระยาห์เวห์และเชื่อโมเสสผู้รับใช้ของพระองค์' (ข้อ 31)

พระเจ้ากระทำทุกสิ่งเพื่อผลดีของคุณ พระองค์ต้องการให้คุณร่วมมือกับพระองค์ นี่คือวิธีที่ทรงออกแบบการทรงสร้างของพระองค์ ไม่ว่าจะในโลกนี้ (ที่เราปลูกและพระเจ้าให้การเติบโต) หรือในแผ่นดินของพระเจ้าก็ตาม (ที่ซึ่งพระเจ้านำแผ่นดินของพระองค์มาตั้งอยู่ และคุณก็มีส่วนในนั้นด้วยเช่นกัน)

ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณที่ในทุกสิ่งพระองค์ทรงกระทำเพื่อผลดีแก่ข้าพระองค์และทรงให้ข้าพระองค์มีส่วนในแผนการพระองค์ด้วย โปรดใช้เสียง 'ติ๊ง...ต่อง...ติ้ง...' ของข้าพระองค์ และเปลี่ยนเป็นสิ่งที่งดงาม

Pippa Adds

มัทธิว 27:52–53

'อุโมงค์ฝังศพต่าง ๆ ถูกเปิดออก ศพของธรรมิกชนหลายคนที่ล่วงหลับไปแล้วก็เป็นขึ้นมา...เมื่อพระเยซูทรงเป็นขึ้นมาแล้ว พวกเขาก็ออกจากอุโมงค์ พากันเข้าไปในนครบริสุทธิ์ได้ปรากฎกับคนจำนวนมาก'

นั่นต้องทำให้หลายคนตกอกตกใจไม่น้อย! และฉันมักจะสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาหลังจากนั้น? พวกเขากลับไปที่อุโมงค์ฝังพระศพหรือไม่?

มันเป็นสัญญาณว่ามีบางอย่างที่ไม่ธรรมดาเกิดขึ้นในวันนั้น

References

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)
วันที่ 43วันที่ 45

เกี่ยวกับแผนฯ

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2025

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี เป็นแผนประจำวันซึ่งจะนำคุณอ่านพระคัมภีร์ทั้งเล่มในเวลาเพียงหนึ่งปี สำหรับใครก็ตามที่มองหาวิธีอ่านพระคัมภีร์แบบง่าย ๆ และมีแบบแผน แต่ละวันจะมีการสำรวจหัวข้อที่แตกต่างกันผ่านข้อพระคัมภีร์ที่คัดสรรมาจากพระธรรมสดุดีหรือสุภาษิต ตลอดจนพันธสัญญาใหม่และพันธสัญญาเดิม พร้อมด้วยคำอธิบายประจำวันจากนิคกี้ และพิพพา กัมเบล เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจและนำไปใช้ได้จริง

More

เราขอขอบคุณ Alpha International สำหรับการจัดทำแผนนี้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชม bible.alpha.org/th