พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2025ตัวอย่าง

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2025

วันที่ 41 จาก 365

พระคำเปลี่ยนชีวิต

พ่อของผมอยากไปรัสเซียซักครั้งก่อนตาย ครอบครัวเราไปที่นั่นในวันหยุด ตอนนั้นพระคัมภีร์ถือเป็นสิ่งผิดกฎหมายในสหภาพโซเวียต ผมเอาพระคัมภีร์ภาษารัสเซียติดตัวไปด้วย ขณะอยู่ที่นั่นผมได้ไปโบสถ์และมองหาคนที่ดูเหมือนจะเป็นคริสเตียนแท้ (การประชุมของศาสนจักรมักถูกแทรกซึมโดยคณะกรรมการความมั่นคงแห่งรัฐ) มีอยู่ครั้งหนึ่งผมเดินตามชายคนหนึ่งไปตามถนนหลังเสร็จสิ้นการนมัสการ ผมเข้าไปหาเขาเพียงลำพังและแตะที่ไหล่เบา ๆ พร้อมหยิบพระคัมภีร์เล่มหนึ่งออกมาและส่งให้เขา ครู่หนึ่งเขามีสีหน้าประหลาดใจไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น จากนั้นเขาก็หยิบพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ออกมาจากกระเป๋าซึ่งน่าจะมีอายุถึง 100 ปี จนทำให้กระดาษแต่ละหน้าเลือนรางไปมาก เมื่อเขารู้ว่าเขาได้รับพระคัมภีร์ทั้งเล่มเขาก็ดีใจ เขาพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ส่วนผมก็พูดภาษารัสเซียไม่ได้เลย แต่เรากอดกัน และเขาก็เริ่มกระโดดโลดเต้นบนถนนด้วยความดีใจ พระวจนะของพระเจ้า ‘น่าปรารถนามากกว่าทองคำ ยิ่งกว่าทองบริสุทธิ์มากนัก หวานยิ่งกว่าน้ำผึ้งที่หยดลงจากรวง’ (สดุดี 19:10) เหตุใดพระวจนะของพระเจ้าจึงมีค่ามาก? พระเยซูตรัสว่า ‘มนุษย์จะดำรงชีวิตด้วยอาหารเพียงอย่างเดียวไม่ได้แต่ต้องดำรงชีวิตด้วยพระวจนะทุกคำ ซึ่งออกมาจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า’ (มัทธิว 4:4) สำนวนดั้งเดิมหมายถึง ‘ออกมาจากพระโอษฐ์ของพระเจ้าอย่างต่อเนื่อง’ ดั่งสายน้ำที่ไหลออกมาและเช่นเดียวกับธารน้ำพุไม่มีวันหยุดนิ่ง พระเจ้ากำลังสื่อสารกับเราอย่างต่อเนื่อง ทรงทำเช่นนั้นผ่านทางพระคำที่นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงชีวิต

สดุดี 19:7-14

ให้พระวจนะของพระเจ้าเปลี่ยนแปลงคุณ

เราทุกคนต้องการพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงจากพระวจนะของพระเจ้าในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าคุณจะแสวงหาสติปัญญาในสถานการณ์ที่ตึงเครียดและซับซ้อน การให้กำลังใจเมื่อคุณท้อแท้หรือคำแนะนำเกี่ยวกับหนทางข้างหน้า คุณสามารถขอความช่วยเหลือได้จากพระคัมภีร์

ในสมัยของดาวิดไม่ได้มีพระคัมภีร์ฉบับที่สมบูรณ์เหมือนกับที่คุณมีในทุกวันนี้ แต่มี ‘ธรรมบัญญัติ’ ‘พระโอวาท’ ‘ข้อบังคับ’ และ ‘พระบัญญัติ’ ของพระเจ้า (ข้อ 7ก–9ข)

ดาวิดพรรณนาถึงสิ่งเหล่านี้ว่า ‘ดีพร้อม’ (ข้อ 7ก), ‘สะอาดหมดจด' (ข้อ 9ก) และ ‘น่าปรารถนา’ (ข้อ 10ก)

ในพระธรรมสดุดีนี้เราเห็นผลของชีวิตที่เปลี่ยนแปลงเมื่อได้ใคร่ครวญพระวจนะ ดังนี้

  1. ฟื้นฟูจิตวิญญาณของคุณ (ข้อ 7ก)

2.นำสติปัญญามาสู่คุณ (ข้อ 7ข)

  1. ให้ความชื่นชมยินดีมาสู่จิตใจของคุณ (ข้อ 8ก)

  2. เปิดดวงตาใจของคุณให้กระจ่างแจ้ง (ข้อ 8ข)

  3. ตักเตือน (ข้อ 11ก)

  4. นำบำเหน็จมาสู่ชีวิตคุณ (ข้อ 11ข)

การอ่านพระคัมภีร์ และการอธิษฐาน คือ การมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิด อย่าเพียงแค่อ่านพระคัมภีร์เพื่อหาข้อมูล แต่จงอ่านเพื่อฟังว่าพระเจ้าตรัสอะไรกับคุณ การตอบสนองอย่างธรรมชาติก็คือการอธิษฐาน มันเป็นกระบวนการสองทาง นั่นคือเหตุผลที่เราจบแต่ละส่วนของพระคัมภีร์นี้ในพระคัมภีร์ในหนึ่งปีด้วยการอธิษฐาน และตอบสนองต่อสิ่งที่พระเจ้าแสดงให้เราเห็นผ่านพระวจนะของพระองค์ ดาวิดมุ่งตรงจากการยกย่องคุณงามความดีของพระวจนะของพระเจ้าลงไปในคำอธิษฐานที่ยอดเยี่ยม คำอธิษฐานของดาวิดคือคำอธิษฐานของผม (ข้อ 12–14)

ข้าแต่พระเจ้า ‘ขอทรงชำระข้าพระองค์ให้พ้นจากความผิดที่ซ่อนเร้นอยู่ ขอทรงยับยั้งผู้รับใช้ของพระองค์จากการทำบาปโดยตั้งใจนั้นด้วยเถิด ขออย่าให้มันมีอำนาจเหนือข้าพระองค์เลย ข้าแต่พระยาห์เวห์ ผู้ทรงเป็นศิลาและผู้ไถ่ของข้าพระองค์ ขอให้ถ้อยคำจากปากข้าพระองค์ และการภาวนาในใจ เป็นที่โปรดปรานเฉพาะพระพักตร์พระองค์เถิด’

มัทธิว 26:47-68

ให้พระวจนะของพระเจ้าชี้นำชีวิต

พระเยซูทรงศึกษาพระคัมภีร์อย่างละเอียดถี่ถ้วน ชีวิตทั้งชีวิตของพระองค์หล่อหลอมจากสิ่งที่พระองค์อ่าน จากการใคร่ครวญพระคัมภีร์ทำให้พระองค์เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นกับพระองค์เมื่อทรงถูกอายัด สาวกของพระองค์พยายามขัดขืน แต่พระเยซูตรัสว่า ‘…อย่างนั้นข้อพระคัมภีร์ที่ว่า จำเป็นจะต้องเป็นอย่างนี้จะสำเร็จได้อย่างไร?’ (ข้อ 54) พระองค์อธิบายให้ฝูงชนฟังว่า ‘…ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพื่อให้สำเร็จตามที่ผู้เผยพระวจนะเขียนไว้’ (ข้อ 56)

ถือเป็นข้อพระคำที่ทำให้พระองค์สามารถจัดการกับความไม่ซื่อสัตย์ การทอดทิ้งและการใส่ร้าย พระองค์ได้วางไว้เป็นตัวอย่างว่า คุณจะจัดการกับสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไรในชีวิตของคุณเอง

1. ไม่ซื่อสัตย์

ดูเหมือนว่ายูดาสแสดงความรักที่มีต่อพระเยซูด้วยการจูบ แต่จริง ๆ แล้วเขากำลังทรยศต่อพระองค์: ‘ผู้ที่ทรยศ ... ก็แกล้งทำเป็นโอบกอดพระองค์และจูบพระองค์ด้วยความอบอุ่นและความจงรักภักดี’ (ข้อ 48–49, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล) นี่ถือเป็นการตีสองหน้าที่เนียนที่สุด

พระเยซูทรงทราบแน่ชัดว่ายูดาสกำลังทำอะไร อย่างไรก็ตามพระองค์ยังคงเรียกเขาว่า ‘เพื่อนเอ๋ย’ (ข้อ 50) เห็นได้ชัดว่าไม่ว่าเราไม่ซื่อสัตย์ต่อพระองค์อย่างไร พระเยซูยังคงสัตย์ซื่อต่อเราเสมอ

2. ทอดทิ้ง

สาวกทั้งหมด ‘ละทิ้งพระองค์ และพากันหนีไป’ (ข้อ 56ข) ในช่วงเวลาแห่งความสำเร็จเช่น เมื่อมีคนถูกขอแต่งงาน มีลูกหรือทำข้อสอบได้ เป็นเรื่องธรรมดาที่เราอยากที่จะร่วมแสดงความยินดีหรืออยู่ใกล้ ๆ พวกเขาเหล่านั้น แต่เมื่อคนอยู่ในช่วงตกต่ำของชีวิต ส่วนใหญ่จะถูกคนรอบข้างทอดทิ้งไป

ว่ากันว่า ‘เมื่อชีวิตเข้าสู่ขาขึ้น เพื่อนของคุณก็อยากที่จะรู้ว่าคุณประสบความสำเร็จอย่างไร แต่เมื่อชีวิตเข้าสู่ขาลงเมื่อนั้นคุณจะรู้ว่าใครคือเพื่อนแท้ของคุณ!’

3. ถูกกล่าวหา

คุณเคยถูกใส่ร้ายหรือไม่? นับเป็นประสบการณ์ที่น่าสยดสยอง พระเยซูเผชิญกับความอยุติธรรมอันเลวร้ายของพยานเท็จที่เป็นพยานปรักปรำพระองค์เพื่อที่พวกเขาจะประหารพระองค์ (ข้อ 59)

พระองค์ทรงอดกลั้นและไม่ตอบโต้ (ข้อ 63) แต่ทรงยอมให้พระองค์เองถูกทำร้ายร่างกาย (ข้อ 67) และพระองค์ทรงเลือกที่จะไม่เอาชนะการโต้แย้ง (เป็นเรื่องที่เจ้าภาพกลุ่มย่อยของหลักสูตรอัลฟ่าต้องจดจำไว้) ซึ่งพระองค์ทรงเข้าใจจากพระคัมภีร์ว่าทั้งหมดนี้มีจุดประสงค์ที่จะนำไปสู่ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ในที่สุด

ความเข้าใจของพระเยซูเกี่ยวกับตัวตนของพระองค์และพันธกิจของพระองค์ที่มาในโลกนี้ มาจากการใคร่ครวญพระวจนะของพระเจ้า ในการพิจารณาคดีต่อหน้าสภาแซนเฮดริน ซึ่งดูเหมือนว่าพระเยซูถูกกล่าวหาอย่างไร้ที่พึ่ง ทรงถูกกล่าวหาว่า แอบอ้างว่าสามารถทำลายพระวิหารของพระเจ้าและสร้างขึ้นใหม่ภายในสามวัน (ข้อ 61) เป็นพระเมสสิยาห์ (ข้อ 63) เป็นพระคริสต์พระบุตรของพระเจ้า (ข้อ 63) และบุตรมนุษย์ประทับข้างขวาขององค์พระผู้เป็นเจ้า (ข้อ 64) ซึ่งอันที่จริงแล้วผู้ถูกกล่าวหาผู้นี้เองคือผู้ที่มีอำนาจและครอบครองเหนือทุกสรรพสิ่ง

หลักฐานอ้างอิงในการเป็น ‘บุตรมนุษย์’ ได้ถูกกล่าวถึงในพระธรรมดาเนียล 7:13 พระเยซูตระหนักดีว่า นี่เป็นดั่งคำทำนายถึงพระเมสสิยาห์ซึ่งเกี่ยวกับพระองค์เองโดยชี้ถึงความทุกข์ทรมานที่กำลังจะมาถึง การพิสูจน์ตัวตนและสิทธิอำนาจที่พระเจ้าประทานให้

ที่น่าขบขันก็คือ เหล่าผู้ตัดสินพระองค์นั้นแหละ คือผู้ที่อยู่ในการทดลองเสียเอง เช่นเดียวกัน เราเองต้องตัดสินใจว่าเราคิดอย่างไรเกี่ยวกับพระเยซู (มัทธิว 26:66)

ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยให้ข้าพระองค์ได้ทำตามแบบอย่างของพระเยซู ในการศึกษาพระคัมภีร์และนำไปใช้กับชีวิต

อพยพ 6:13–8:32

เชื่อฟังพระวจนะของพระเจ้า

โมเสสและอาโรนเชื่อฟังพระวจนะของพระเจ้าและทำตามพระบัญชาที่ให้ไว้กับพวกเขา (อพยพ 7:6) พวกเขาเชื่อฟังพระวจนะของพระเจ้า แต่ในทางกลับกันฟาโรห์ปฏิเสธและดื้อรั้นที่จะเชื่อฟังพระวจนะของพระเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า

ช่วงเวลานี้ในประวัติศาสตร์ โมเสสอาจไม่ได้มีพระคำจากพระเจ้าเป็นตัวอักษรใด ๆ แต่พระเจ้าทรงตรัสกับโมเสส เขาได้ยินพระวจนะของพระเจ้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า (6:13,28; 7:1,14,19; 8:5,16,20 เป็นต้น) และทำในสิ่งที่พระเจ้าทรงบัญชาให้ทำ หัวใจของพระวจนะพระเจ้าคือ ‘จงปล่อยประชากรของเราไปนมัสการเรา’ (เช่น 7:16; 8:1; 9:1,13; 10:3)

เราไม่ควรแปลกใจที่พวกนักปราชญ์ และพวกนักวิทยาคม ที่ ‘ใช้เวทมนตร์คาถาแห่งอียิปต์’ (7:11, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล) สามารถแสดงปาฏิหาริย์บางอย่างได้เหมือนกับที่โมเสสทำ (7:22; 8:7) มารเป็นผู้ลอกเลียนแบบ มันสามารถสำแดงสัญญาณแห่งการทำลายล้าง แม้บางอย่างอาจดูจะสร้างสรรค์ แต่จุดมุ่งหมายของมันมีเพียงหนึ่งเดียวคือการล่อลวง

ทุกวันนี้พระเจ้ามักทำงานผ่านของประทานแห่งพระวิญญาณเช่น การพยากรณ์ การรักษา การพูดภาษาแปลก ๆ และถ้อยคำแห่งสติปัญญา ความจริงที่ว่ามารอาจพยายามเลียนแบบของประทานดังกล่าวผ่านการใส่ความคิด การเยียวยา ‘รักษา’ จิตวิญญาณหรือแม้แต่การพูดภาษาแปลก ๆ แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณควรหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้เพียงแต่ควรระมัดระวังให้ดี

เมื่อมองไปที่ผลจะเห็นว่า ‘ศิลปะอันลึกลับ’ ที่นักวิทยาคมชาวอียิปต์เลียนแบบปาฏิหาริย์ของโมเสสนั้นไม่เที่ยงตรง พวกมันเป็นคนชั่วร้ายและมีผลทำให้ ‘พระทัยของฟาโรห์’ แข็งกระด้างต่อพระเจ้า (7:22)

เห็นได้ชัดว่า ฟาโรห์ ‘มีพระทัยกระด้างอีกและไม่ยอมเชื่อฟังโมเสสกับอาโรน’ (8:15; ดูข้อ 32 ด้วย) ในขณะเดียวกันเขาก็เก็บเกี่ยวสิ่งที่เขาหว่านลงไป พระเจ้าเป็นผู้ทำให้ใจของเขาแข็งกระด้าง (7:3) ทั้งสองอย่างมาควบคู่กัน ใจที่แข็งที่พระเจ้ามอบให้นั้นก็เป็นไปตามหัวใจที่แข็งกระด้างดื้อรั้นของฟาโรห์

พระเจ้าให้โอกาสแก่ผู้คนมากมาย พระเจ้าตรัสกับฟาโรห์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าผ่านโมเสส ฟาโรห์มีโอกาสมากมายที่จะตอบสนองและท้ายที่สุดพระองค์ก็ปฏิเสธที่จะทำเช่นนั้น ในทางกลับกันโมเสสดำเนินในความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพระเจ้า และขะมักเขม้นในการอธิษฐาน (8:12,30) และเชื่อฟังพระดำรัสของพระเจ้า

ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์ที่ด้วย*การเชื่อฟัง*พระวจนะของพระองค์นำบำเหน็จที่ยิ่งใหญ่มาให้ โปรดช่วยข้าพระองค์ในวันนี้ ให้ไม่เพียงแค่ฟังพระวจนะแห่งการเปลี่ยนแปลงชีวิต แต่ปฎิบัติตามด้วย

Pippa Adds

มัทธิว 26:53

เป็นเรื่องที่หนุนจิตชูใจอย่างมากที่ทราบว่าพระเยซูมีทูตสวรรค์ ‘มากกว่าสิบสองกองพล' แม้ว่าตอนนั้นพระองค์จะไม่ได้เรียกพวกเขาก็ตาม แต่หวังว่าพวกเขาจะถูกส่งไปทั่วโลกเพื่อช่วยพวกเราตอนนี้!

References

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)
วันที่ 40วันที่ 42

เกี่ยวกับแผนฯ

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2025

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี เป็นแผนประจำวันซึ่งจะนำคุณอ่านพระคัมภีร์ทั้งเล่มในเวลาเพียงหนึ่งปี สำหรับใครก็ตามที่มองหาวิธีอ่านพระคัมภีร์แบบง่าย ๆ และมีแบบแผน แต่ละวันจะมีการสำรวจหัวข้อที่แตกต่างกันผ่านข้อพระคัมภีร์ที่คัดสรรมาจากพระธรรมสดุดีหรือสุภาษิต ตลอดจนพันธสัญญาใหม่และพันธสัญญาเดิม พร้อมด้วยคำอธิบายประจำวันจากนิคกี้ และพิพพา กัมเบล เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจและนำไปใช้ได้จริง

More

เราขอขอบคุณ Alpha International สำหรับการจัดทำแผนนี้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชม bible.alpha.org/th