พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2025ตัวอย่าง
พระคำเปลี่ยนชีวิต
พ่อของผมอยากไปรัสเซียซักครั้งก่อนตาย ครอบครัวเราไปที่นั่นในวันหยุด ตอนนั้นพระคัมภีร์ถือเป็นสิ่งผิดกฎหมายในสหภาพโซเวียต ผมเอาพระคัมภีร์ภาษารัสเซียติดตัวไปด้วย ขณะอยู่ที่นั่นผมได้ไปโบสถ์และมองหาคนที่ดูเหมือนจะเป็นคริสเตียนแท้ (การประชุมของศาสนจักรมักถูกแทรกซึมโดยคณะกรรมการความมั่นคงแห่งรัฐ) มีอยู่ครั้งหนึ่งผมเดินตามชายคนหนึ่งไปตามถนนหลังเสร็จสิ้นการนมัสการ ผมเข้าไปหาเขาเพียงลำพังและแตะที่ไหล่เบา ๆ พร้อมหยิบพระคัมภีร์เล่มหนึ่งออกมาและส่งให้เขา ครู่หนึ่งเขามีสีหน้าประหลาดใจไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น จากนั้นเขาก็หยิบพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ออกมาจากกระเป๋าซึ่งน่าจะมีอายุถึง 100 ปี จนทำให้กระดาษแต่ละหน้าเลือนรางไปมาก เมื่อเขารู้ว่าเขาได้รับพระคัมภีร์ทั้งเล่มเขาก็ดีใจ เขาพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ส่วนผมก็พูดภาษารัสเซียไม่ได้เลย แต่เรากอดกัน และเขาก็เริ่มกระโดดโลดเต้นบนถนนด้วยความดีใจ พระวจนะของพระเจ้า ‘น่าปรารถนามากกว่าทองคำ ยิ่งกว่าทองบริสุทธิ์มากนัก หวานยิ่งกว่าน้ำผึ้งที่หยดลงจากรวง’ (สดุดี 19:10) เหตุใดพระวจนะของพระเจ้าจึงมีค่ามาก? พระเยซูตรัสว่า ‘มนุษย์จะดำรงชีวิตด้วยอาหารเพียงอย่างเดียวไม่ได้แต่ต้องดำรงชีวิตด้วยพระวจนะทุกคำ ซึ่งออกมาจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า’ (มัทธิว 4:4) สำนวนดั้งเดิมหมายถึง ‘ออกมาจากพระโอษฐ์ของพระเจ้าอย่างต่อเนื่อง’ ดั่งสายน้ำที่ไหลออกมาและเช่นเดียวกับธารน้ำพุไม่มีวันหยุดนิ่ง พระเจ้ากำลังสื่อสารกับเราอย่างต่อเนื่อง ทรงทำเช่นนั้นผ่านทางพระคำที่นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงชีวิตสดุดี 19:7-14
ให้พระวจนะของพระเจ้าเปลี่ยนแปลงคุณ
เราทุกคนต้องการพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงจากพระวจนะของพระเจ้าในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าคุณจะแสวงหาสติปัญญาในสถานการณ์ที่ตึงเครียดและซับซ้อน การให้กำลังใจเมื่อคุณท้อแท้หรือคำแนะนำเกี่ยวกับหนทางข้างหน้า คุณสามารถขอความช่วยเหลือได้จากพระคัมภีร์
ในสมัยของดาวิดไม่ได้มีพระคัมภีร์ฉบับที่สมบูรณ์เหมือนกับที่คุณมีในทุกวันนี้ แต่มี ‘ธรรมบัญญัติ’ ‘พระโอวาท’ ‘ข้อบังคับ’ และ ‘พระบัญญัติ’ ของพระเจ้า (ข้อ 7ก–9ข)
ดาวิดพรรณนาถึงสิ่งเหล่านี้ว่า ‘ดีพร้อม’ (ข้อ 7ก), ‘สะอาดหมดจด' (ข้อ 9ก) และ ‘น่าปรารถนา’ (ข้อ 10ก)
ในพระธรรมสดุดีนี้เราเห็นผลของชีวิตที่เปลี่ยนแปลงเมื่อได้ใคร่ครวญพระวจนะ ดังนี้
- ฟื้นฟูจิตวิญญาณของคุณ (ข้อ 7ก)
2.นำสติปัญญามาสู่คุณ (ข้อ 7ข)
-
ให้ความชื่นชมยินดีมาสู่จิตใจของคุณ (ข้อ 8ก)
-
เปิดดวงตาใจของคุณให้กระจ่างแจ้ง (ข้อ 8ข)
-
ตักเตือน (ข้อ 11ก)
-
นำบำเหน็จมาสู่ชีวิตคุณ (ข้อ 11ข)
การอ่านพระคัมภีร์ และการอธิษฐาน คือ การมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิด อย่าเพียงแค่อ่านพระคัมภีร์เพื่อหาข้อมูล แต่จงอ่านเพื่อฟังว่าพระเจ้าตรัสอะไรกับคุณ การตอบสนองอย่างธรรมชาติก็คือการอธิษฐาน มันเป็นกระบวนการสองทาง นั่นคือเหตุผลที่เราจบแต่ละส่วนของพระคัมภีร์นี้ในพระคัมภีร์ในหนึ่งปีด้วยการอธิษฐาน และตอบสนองต่อสิ่งที่พระเจ้าแสดงให้เราเห็นผ่านพระวจนะของพระองค์ ดาวิดมุ่งตรงจากการยกย่องคุณงามความดีของพระวจนะของพระเจ้าลงไปในคำอธิษฐานที่ยอดเยี่ยม คำอธิษฐานของดาวิดคือคำอธิษฐานของผม (ข้อ 12–14)
ข้าแต่พระเจ้า ‘ขอทรงชำระข้าพระองค์ให้พ้นจากความผิดที่ซ่อนเร้นอยู่ ขอทรงยับยั้งผู้รับใช้ของพระองค์จากการทำบาปโดยตั้งใจนั้นด้วยเถิด ขออย่าให้มันมีอำนาจเหนือข้าพระองค์เลย ข้าแต่พระยาห์เวห์ ผู้ทรงเป็นศิลาและผู้ไถ่ของข้าพระองค์ ขอให้ถ้อยคำจากปากข้าพระองค์ และการภาวนาในใจ เป็นที่โปรดปรานเฉพาะพระพักตร์พระองค์เถิด’
มัทธิว 26:47-68
ให้พระวจนะของพระเจ้าชี้นำชีวิต
พระเยซูทรงศึกษาพระคัมภีร์อย่างละเอียดถี่ถ้วน ชีวิตทั้งชีวิตของพระองค์หล่อหลอมจากสิ่งที่พระองค์อ่าน จากการใคร่ครวญพระคัมภีร์ทำให้พระองค์เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นกับพระองค์เมื่อทรงถูกอายัด สาวกของพระองค์พยายามขัดขืน แต่พระเยซูตรัสว่า ‘…อย่างนั้นข้อพระคัมภีร์ที่ว่า จำเป็นจะต้องเป็นอย่างนี้จะสำเร็จได้อย่างไร?’ (ข้อ 54) พระองค์อธิบายให้ฝูงชนฟังว่า ‘…ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพื่อให้สำเร็จตามที่ผู้เผยพระวจนะเขียนไว้’ (ข้อ 56)
ถือเป็นข้อพระคำที่ทำให้พระองค์สามารถจัดการกับความไม่ซื่อสัตย์ การทอดทิ้งและการใส่ร้าย พระองค์ได้วางไว้เป็นตัวอย่างว่า คุณจะจัดการกับสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไรในชีวิตของคุณเอง
1. ไม่ซื่อสัตย์
ดูเหมือนว่ายูดาสแสดงความรักที่มีต่อพระเยซูด้วยการจูบ แต่จริง ๆ แล้วเขากำลังทรยศต่อพระองค์: ‘ผู้ที่ทรยศ ... ก็แกล้งทำเป็นโอบกอดพระองค์และจูบพระองค์ด้วยความอบอุ่นและความจงรักภักดี’ (ข้อ 48–49, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล) นี่ถือเป็นการตีสองหน้าที่เนียนที่สุด
พระเยซูทรงทราบแน่ชัดว่ายูดาสกำลังทำอะไร อย่างไรก็ตามพระองค์ยังคงเรียกเขาว่า ‘เพื่อนเอ๋ย’ (ข้อ 50) เห็นได้ชัดว่าไม่ว่าเราไม่ซื่อสัตย์ต่อพระองค์อย่างไร พระเยซูยังคงสัตย์ซื่อต่อเราเสมอ
2. ทอดทิ้ง
สาวกทั้งหมด ‘ละทิ้งพระองค์ และพากันหนีไป’ (ข้อ 56ข) ในช่วงเวลาแห่งความสำเร็จเช่น เมื่อมีคนถูกขอแต่งงาน มีลูกหรือทำข้อสอบได้ เป็นเรื่องธรรมดาที่เราอยากที่จะร่วมแสดงความยินดีหรืออยู่ใกล้ ๆ พวกเขาเหล่านั้น แต่เมื่อคนอยู่ในช่วงตกต่ำของชีวิต ส่วนใหญ่จะถูกคนรอบข้างทอดทิ้งไป
ว่ากันว่า ‘เมื่อชีวิตเข้าสู่ขาขึ้น เพื่อนของคุณก็อยากที่จะรู้ว่าคุณประสบความสำเร็จอย่างไร แต่เมื่อชีวิตเข้าสู่ขาลงเมื่อนั้นคุณจะรู้ว่าใครคือเพื่อนแท้ของคุณ!’
3. ถูกกล่าวหา
คุณเคยถูกใส่ร้ายหรือไม่? นับเป็นประสบการณ์ที่น่าสยดสยอง พระเยซูเผชิญกับความอยุติธรรมอันเลวร้ายของพยานเท็จที่เป็นพยานปรักปรำพระองค์เพื่อที่พวกเขาจะประหารพระองค์ (ข้อ 59)
พระองค์ทรงอดกลั้นและไม่ตอบโต้ (ข้อ 63) แต่ทรงยอมให้พระองค์เองถูกทำร้ายร่างกาย (ข้อ 67) และพระองค์ทรงเลือกที่จะไม่เอาชนะการโต้แย้ง (เป็นเรื่องที่เจ้าภาพกลุ่มย่อยของหลักสูตรอัลฟ่าต้องจดจำไว้) ซึ่งพระองค์ทรงเข้าใจจากพระคัมภีร์ว่าทั้งหมดนี้มีจุดประสงค์ที่จะนำไปสู่ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ในที่สุด
ความเข้าใจของพระเยซูเกี่ยวกับตัวตนของพระองค์และพันธกิจของพระองค์ที่มาในโลกนี้ มาจากการใคร่ครวญพระวจนะของพระเจ้า ในการพิจารณาคดีต่อหน้าสภาแซนเฮดริน ซึ่งดูเหมือนว่าพระเยซูถูกกล่าวหาอย่างไร้ที่พึ่ง ทรงถูกกล่าวหาว่า แอบอ้างว่าสามารถทำลายพระวิหารของพระเจ้าและสร้างขึ้นใหม่ภายในสามวัน (ข้อ 61) เป็นพระเมสสิยาห์ (ข้อ 63) เป็นพระคริสต์พระบุตรของพระเจ้า (ข้อ 63) และบุตรมนุษย์ประทับข้างขวาขององค์พระผู้เป็นเจ้า (ข้อ 64) ซึ่งอันที่จริงแล้วผู้ถูกกล่าวหาผู้นี้เองคือผู้ที่มีอำนาจและครอบครองเหนือทุกสรรพสิ่ง
หลักฐานอ้างอิงในการเป็น ‘บุตรมนุษย์’ ได้ถูกกล่าวถึงในพระธรรมดาเนียล 7:13 พระเยซูตระหนักดีว่า นี่เป็นดั่งคำทำนายถึงพระเมสสิยาห์ซึ่งเกี่ยวกับพระองค์เองโดยชี้ถึงความทุกข์ทรมานที่กำลังจะมาถึง การพิสูจน์ตัวตนและสิทธิอำนาจที่พระเจ้าประทานให้
ที่น่าขบขันก็คือ เหล่าผู้ตัดสินพระองค์นั้นแหละ คือผู้ที่อยู่ในการทดลองเสียเอง เช่นเดียวกัน เราเองต้องตัดสินใจว่าเราคิดอย่างไรเกี่ยวกับพระเยซู (มัทธิว 26:66)
ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยให้ข้าพระองค์ได้ทำตามแบบอย่างของพระเยซู ในการศึกษาพระคัมภีร์และนำไปใช้กับชีวิต
อพยพ 6:13–8:32
เชื่อฟังพระวจนะของพระเจ้า
โมเสสและอาโรนเชื่อฟังพระวจนะของพระเจ้าและทำตามพระบัญชาที่ให้ไว้กับพวกเขา (อพยพ 7:6) พวกเขาเชื่อฟังพระวจนะของพระเจ้า แต่ในทางกลับกันฟาโรห์ปฏิเสธและดื้อรั้นที่จะเชื่อฟังพระวจนะของพระเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า
ช่วงเวลานี้ในประวัติศาสตร์ โมเสสอาจไม่ได้มีพระคำจากพระเจ้าเป็นตัวอักษรใด ๆ แต่พระเจ้าทรงตรัสกับโมเสส เขาได้ยินพระวจนะของพระเจ้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า (6:13,28; 7:1,14,19; 8:5,16,20 เป็นต้น) และทำในสิ่งที่พระเจ้าทรงบัญชาให้ทำ หัวใจของพระวจนะพระเจ้าคือ ‘จงปล่อยประชากรของเราไปนมัสการเรา’ (เช่น 7:16; 8:1; 9:1,13; 10:3)
เราไม่ควรแปลกใจที่พวกนักปราชญ์ และพวกนักวิทยาคม ที่ ‘ใช้เวทมนตร์คาถาแห่งอียิปต์’ (7:11, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล) สามารถแสดงปาฏิหาริย์บางอย่างได้เหมือนกับที่โมเสสทำ (7:22; 8:7) มารเป็นผู้ลอกเลียนแบบ มันสามารถสำแดงสัญญาณแห่งการทำลายล้าง แม้บางอย่างอาจดูจะสร้างสรรค์ แต่จุดมุ่งหมายของมันมีเพียงหนึ่งเดียวคือการล่อลวง
ทุกวันนี้พระเจ้ามักทำงานผ่านของประทานแห่งพระวิญญาณเช่น การพยากรณ์ การรักษา การพูดภาษาแปลก ๆ และถ้อยคำแห่งสติปัญญา ความจริงที่ว่ามารอาจพยายามเลียนแบบของประทานดังกล่าวผ่านการใส่ความคิด การเยียวยา ‘รักษา’ จิตวิญญาณหรือแม้แต่การพูดภาษาแปลก ๆ แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณควรหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้เพียงแต่ควรระมัดระวังให้ดี
เมื่อมองไปที่ผลจะเห็นว่า ‘ศิลปะอันลึกลับ’ ที่นักวิทยาคมชาวอียิปต์เลียนแบบปาฏิหาริย์ของโมเสสนั้นไม่เที่ยงตรง พวกมันเป็นคนชั่วร้ายและมีผลทำให้ ‘พระทัยของฟาโรห์’ แข็งกระด้างต่อพระเจ้า (7:22)
เห็นได้ชัดว่า ฟาโรห์ ‘มีพระทัยกระด้างอีกและไม่ยอมเชื่อฟังโมเสสกับอาโรน’ (8:15; ดูข้อ 32 ด้วย) ในขณะเดียวกันเขาก็เก็บเกี่ยวสิ่งที่เขาหว่านลงไป พระเจ้าเป็นผู้ทำให้ใจของเขาแข็งกระด้าง (7:3) ทั้งสองอย่างมาควบคู่กัน ใจที่แข็งที่พระเจ้ามอบให้นั้นก็เป็นไปตามหัวใจที่แข็งกระด้างดื้อรั้นของฟาโรห์
พระเจ้าให้โอกาสแก่ผู้คนมากมาย พระเจ้าตรัสกับฟาโรห์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าผ่านโมเสส ฟาโรห์มีโอกาสมากมายที่จะตอบสนองและท้ายที่สุดพระองค์ก็ปฏิเสธที่จะทำเช่นนั้น ในทางกลับกันโมเสสดำเนินในความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพระเจ้า และขะมักเขม้นในการอธิษฐาน (8:12,30) และเชื่อฟังพระดำรัสของพระเจ้า
ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์ที่ด้วย*การเชื่อฟัง*พระวจนะของพระองค์นำบำเหน็จที่ยิ่งใหญ่มาให้ โปรดช่วยข้าพระองค์ในวันนี้ ให้ไม่เพียงแค่ฟังพระวจนะแห่งการเปลี่ยนแปลงชีวิต แต่ปฎิบัติตามด้วย
Pippa Adds
มัทธิว 26:53
เป็นเรื่องที่หนุนจิตชูใจอย่างมากที่ทราบว่าพระเยซูมีทูตสวรรค์ ‘มากกว่าสิบสองกองพล' แม้ว่าตอนนั้นพระองค์จะไม่ได้เรียกพวกเขาก็ตาม แต่หวังว่าพวกเขาจะถูกส่งไปทั่วโลกเพื่อช่วยพวกเราตอนนี้!
References
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)ข้อพระคัมภีร์
เกี่ยวกับแผนฯ
พระคัมภีร์ในหนึ่งปี เป็นแผนประจำวันซึ่งจะนำคุณอ่านพระคัมภีร์ทั้งเล่มในเวลาเพียงหนึ่งปี สำหรับใครก็ตามที่มองหาวิธีอ่านพระคัมภีร์แบบง่าย ๆ และมีแบบแผน แต่ละวันจะมีการสำรวจหัวข้อที่แตกต่างกันผ่านข้อพระคัมภีร์ที่คัดสรรมาจากพระธรรมสดุดีหรือสุภาษิต ตลอดจนพันธสัญญาใหม่และพันธสัญญาเดิม พร้อมด้วยคำอธิบายประจำวันจากนิคกี้ และพิพพา กัมเบล เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจและนำไปใช้ได้จริง
More
เราขอขอบคุณ Alpha International สำหรับการจัดทำแผนนี้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชม bible.alpha.org/th