พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2025ตัวอย่าง
วางใจให้พระเจ้าจัดวางทุกอย่างให้ถูกต้อง
พิพพาและผม สนุกกับการเล่นปริศนาอักษรไขว้ด้วยกันมาก เราไม่ยอมแพ้แม้ติดอยู่ที่ปมใดปมหนึ่ง แต่เราจะเล่นต่อไป เพราะทุกครั้งที่พบคำตอบ มันจะช่วยเราคลี่คลายปมอื่น ๆ ได้ในที่สุด แล้วเราก็สามารถไขปริศนาต่าง ๆ ได้สำเร็จ เช่นเดียวกัน การอ่านส่วนที่ยากของพระคัมภีร์ ก็เหมือนกับการพยายามไขปริศนาอักษรไขว้ แทนที่จะจมอยู่กับส่วนที่ยาก แต่คุณสามารถใช้ข้อพระคำที่คุณเข้าใจมาช่วยไขบางส่วนบางตอนที่ยากกว่า บ่อยครั้งผมพบว่าเป็นเรื่องยากมากที่จะทำความเข้าใจ ไม่เพียงแค่ข้อพระคำยาก ๆ ในพระคัมภีร์ แต่ยังรวมถึงบางสิ่งบางอย่างที่เกิดขึ้นในโลกใบนี้ ที่ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความอยุติธรรมและเรื่องที่หาคำตอบไม่ได้ ผมชอบคำถามปลายปิดอันทรงพลังในข้อที่สอง จากข้อพระธรรมเมื่อวานนี้ ‘พระองค์ผู้พิพากษาสากลโลกจะไม่ทรงทำสิ่งที่ยุติธรรมหรือ?’ (ปฐมกาล 18:25) สิ่งหนึ่งที่คุณมั่นใจได้ก็คือ ในวันสุดท้ายเมื่อทุกสิ่งถูกเปิดเผยคุณจะได้เห็นการพิพากษาที่สมบูรณ์แบบของพระเจ้า และทุกคนจะกล่าวว่า ‘เป็นความจริงแท้แน่นอน’ พระวจนะแต่ละตอนของวันนี้บอกเราบางอย่างเกี่ยวกับความจริงที่ว่า ในท้ายที่สุด *พระเจ้าจะทรงจัดวางทุกอย่างให้ถูกต้อง*สดุดี 7:1-9
วางใจในการพิพากษาอย่างยุติธรรม
บางคนอาจคิดว่าการเชื่อในพระเจ้าผู้ทรงพิพากษา จะนำไปสู่ความรุนแรงที่มากขึ้นให้กับโลกปัจจุบันนี้ แต่ความเป็นจริงนั้นตรงกันข้ามกัน เมื่อผู้คนเลิกเชื่อในการพิพากษาของพระเจ้าพวกเขาอาจถูกล่อลวงให้ไว้ใจน้ำมือของตนเอง และหาทางแก้แค้นศัตรูของพวกเขา
ดาวิดวางใจในการพิพากษาของพระเจ้า ว่าพระองค์จะทรงพิพากษาอย่างชอบธรรม ‘คู่อริถูกข้าพระองค์เตรียมห้องพิจารณาคดีแล้ว ถึงเวลาตัดสิน ขอพระองค์ประทับบนบัลลังก์ ยกค้อนแห่งการพิพากษา ขอทรงตัดสินข้าพระองค์ตามความชอบธรรมของข้าพระองค์ ข้าพระองค์มั่นใจในการพิพากษาของพระองค์’ (ข้อ7–8, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ดาวิดวางใจว่าพระเจ้าจะเป็นผู้จัดการกับศัตรูของเขา
หากคุณเชื่อในพระเจ้าผู้ทรงพิพากษาด้วยความชอบธรรม คุณจะสามารถมอบทุกสิ่งไว้ในพระหัตและทำในสิ่งที่พระเยซูทรงดำรัสไว้ได้ ดังนั้นจงรักศัตรูของเรา (ดูมัทธิว 5:43-48, ลูกา 6:27-36)
ในความเป็นจริงนั้นตามที่มิโรสลาฟ โวล์ฟกล่าวไว้ ‘การกระทำที่ปราศจากความรุนแรง จำเป็นต้องเชื่อในการพิพากษาของพระเจ้า’ ดังนั้นปัญหามากมายบนโลกใบนี้จะได้รับการแก้ไข หากผู้คนเชื่อในข้อเท็จจริงที่ว่าพระเจ้าจะทรงพิพากษาอย่างยุติธรรม และนั่นเองเราสามารถไว้วางใจให้พระเจ้าจัดวางทุกอย่างให้ถูกต้องได้ในที่สุด
ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ขอลี้ภัยในพระองค์ (สดุดี 7:1) ขอบคุณพระองค์เมื่อข้าพระองค์ได้วางใจในการพิพากษาอันชอบธรรมของพระองค์ ข้าพระองค์ไม่จำเป็นต้องแสวงหาการแก้แค้นที่ไหน แต่ให้รักศัตรูขอข้าพระองค์และอธิษฐานเผื่อผู้ที่ข่มเหงข้าพระองค์ (มัทธิว 5:44)
มัทธิว 7:24-8:22
วางใจในพระเยซูผู้ได้รับมอบหมายการพิพากษาทั้งหมดจากพระเจ้า
พระเยซูทรงทราบทุกอย่างเกี่ยวกับการสร้างบ้าน ทรงประกอบอาชีพเป็นช่างฝีมือ และเคยทำงานเป็นช่างไม้ อุปมาที่พระองค์แสดงให้เห็น ล้วนตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงและนำใช้ได้จริง เปรียบเสมือนผู้ที่มีสติปัญญาสองคนสร้างบ้านของตน (7:24–26) ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาอาจจะตั้งใจใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวอย่างมีความสุข พวกเขาทั้งคู่กำลังสร้างบางสิ่งที่มีความสำคัญอย่างยั่งยืน ชีวิตของเราก็เหมือนบ้านเหล่านี้ และสิ่งสำคัญของบ้านคือชีวิตนิรันดร์
องค์ประกอบที่สำคัญที่สุดของบ้าน คือรากฐานของตัวบ้าน บ้านแต่ละหลังอาจมีลักษณะแตกต่างกันไปไม่มากก็น้อย แต่บ้านที่จะไม่พังทลายคือบ้านที่ ‘รากตั้งอยู่บนศิลา’ (ข้อ 25) ในทำนองเดียวกันชีวิตของผู้มีสติปัญญาทั้งสองอาจมีลักษณะคล้ายกัน แต่ความแตกต่างของรากฐานจะปรากฏชัดเจนเมื่อพายุแห่งชีวิตมาถึงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
คุณจะต้องเผชิญกับความท้าทายในชีวิตที่จะเข้ามาในหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นความเข้าใจผิด ความผิดหวัง ความปรารถนาที่ไม่ได้รับการเติมเต็ม ความสงสัย การทดลอง การล่อลวง ความพ่ายแพ้และการโจมตีของมารซาตาน ความสำเร็จก็สามารถถูกทดลองได้เช่นกัน นอกจากนี้ยังมีความกดดัน ความทุกข์ ความเจ็บป่วย การสูญเสียคนรัก ความเศร้าโศก การบาดเจ็บ โศกนาฏกรรม การข่มเหงและความล้มเหลว
แต่ท้ายที่สุดแล้วเราทุกคนจะต้องเผชิญกับความตาย และการพิพากษาจากพระเจ้า ภาพของ ‘ฝน ... ลูกเห็บใหญ่ ... ลมพายุ’ ถูกใช้ในพระธรรมเอเสเคียล เพื่ออ้างถึงการพิพากษาของพระเจ้า (เอเสเคียล 13:11) แต่ภาษาแห่งการพิพากษาไม่ได้จำกัดอยู่ในพันธสัญญาเดิม ที่นี่และที่อื่น ๆ พระเยซูทรงเตือนถึงการพิพากษาที่กำลังจะมาถึงเช่นเดียวกับผู้เขียนในพันธสัญญาใหม่ท่านอื่น ๆ
เมื่อ ‘ฝนก็ตกและน้ำก็ไหลเชี่ยว ลมก็พัดปะทะบ้านนั้น’ (มัทธิว 7:25,27) บ้านที่ไม่ได้พังลงคือบ้านที่ ‘รากตั้งอยู่บนศิลา’ (ข้อ 25) แต่บ้านที่สร้างขึ้นบนทราย ‘บ้านนั้นก็พังทลายลง และการพังทลายนั้นก็ยิ่งใหญ่’ (ข้อ 27) นี่เป็นคำเตือนที่จริงจัง การพิพากษาอาจอยู่ในช่วงชีวิตนี้หรืออาจมาถึงในวันแห่งการพิพากษา แต่สิ่งที่เป็นจริงตามที่พระเยซูตรัส นั่นคือการพิพากษาจะมาถึงแน่นอน
อย่างไรก็ตาม คุณไม่จำเป็นต้องใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ความหวาดกลัว มันอาจไม่ใช่เรื่องง่าย แต่มั่นใจได้เลยว่าเมื่อฐานรากของบ้านคุณได้รับการทดสอบแล้ว มันก็จะมั่นคง เป็นไปได้ที่จะทราบว่าอนาคตของคุณนั้นมั่นคงแน่นอน
พระเยซูชี้เราให้เห็นความแตกต่างของผู้มีสิติปัญญาที่ไม่เพียงแต่ได้ยินพระวจนะของพระองค์เท่านั้น แต่ยังนำไป ‘ประพฤติตาม’ (ข้อ 24) ในทางกลับกันคนโง่แม้ว่าเขาจะได้ยินพระวจนะของพระเยซู แต่พวกเขา ‘ไม่ประพฤติตาม’ (ข้อ 26)
ความรู้ต้องนำไปสู่การปฏิบัติตาม หลักศาสนศาสตร์ต้องส่งผลต่อชีวิตของเรา ไม่เช่นนั้นเรากำลังสร้างชีวิตไว้บนทราย
พระวจนะของพระเยซูประการแรก คือการเรียกให้เราเชื่อและวางใจในพระองค์ (ยอห์น 6:28–29) เราได้รับความรอดผ่านทางความเชื่อในพระเยซูซึ่งต้องอาศัยการเชื่อฟัง
คุณสามารถมั่นใจได้อย่างเต็มที่ในการพิพากษาของพระเยซู เพราะพระองค์มีสิทธิอำนาจของพระเจ้า พระเยซูประหลาดใจกับความเชื่อของนายร้อยที่มีต่อพระองค์ ทรงตรัสว่า ‘เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า เราไม่เคยพบศรัทธาที่ไหนมากเท่านี้แม้ในอิสราเอล’ (มัทธิว 8:10)
สิ่งนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ความเชื่อของนายร้อย เนื่องจากเขาเชื่อว่าแค่คำตรัสของพระเยซูเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะรักษาบ่าวของเขาให้หาย (ข้อ 8) การที่นายร้อยมีความเชื่ออย่างลึกซึ้งเช่นนี้เป็นเพราะว่าเขาตระหนักว่าในกองทัพ สิทธิอำนาจได้รับมาจากการอยู่ภายใต้สิทธิอำนาจอีกที ดังนั้นสิทธิอำนาจของพระเยซูจึงได้มาจากการอยู่ภายใต้สิทธิอำนาจของพระบิดา นายร้อยเห็นว่าเมื่อพระเยซูตรัสก็เท่ากับพระเจ้าทรงตรัส
แต่ในพระธรรมตอนนี้เราจะเห็นว่าพระองค์ก็ประสบกับการไร้บ้านด้วยเช่นกัน (ข้อ 20) และทรงแบกเอาความเจ็บป่วยและความทุกข์ยากของเราไว้บนกางเขน (ข้อ 17)
ข้าแต่พระบิดา ขอบคุณพระองค์ที่พระเยซูไม่เพียงแต่เข้าใจในความอ่อนแอของข้าพระองค์เท่านั้น แต่พระองค์ยังสิ้นพระชนม์เพราะบาปของข้าพระองค์ และแบกการพิพากษาทั้งหมดของข้าพระองค์ เพื่อที่ข้าพระองค์จะได้ไม่ต้องหวาดกลัวอีกต่อไป
ปฐมกาล 19:1-20:18
จงเชื่อว่าในท้ายที่สุดแล้วผู้พิพากษาของแผ่นดินโลกจะทรงพิพากษาอย่างยุติธรรม
เมื่อวานนี้เราได้เห็นวิธีที่อับราฮัมวิงวอนเพื่อเมืองโสโดมและโกโมราห์ เราไม่รู้แน่ชัดว่าบาปของพวกเขาคืออะไร แต่ ‘พระเจ้าตรัสว่า “เสียงร้องกล่าวโทษเมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์นั้นดังเหลือเกิน และบาปของเขาก็หนักมาก”’ (18:20)
จากพระธรรมในวันนี้ปรากฏให้เห็นบาปที่แสนหน้าสะพรึงกลัว เกี่ยวกับวัฒนธรรมรวมถึงการรุมข่มขืนของพวกเขา (19:3,5) ในเอเสเคียล 16 ยังกล่าวว่า บาปของพวกเขายังรวมถึง ‘ความจองหองนี่แหละคือความผิดบาปของโสโดมน้องสาวเจ้า นางและลูกสาวมีอาหารเหลือเฟือ ทั้งมีความสุขและความสงบ แต่ไม่ยอมช่วยเหลือคนยากจนและคนขัดสน’ (เอเสเคียล 16:49) นี่อาจเป็นคำอธิบายเกี่ยวกับสังคมตะวันตกของเราก็เป็นได้
พระเจ้าตรัสว่าถ้ามีคนชอบธรรมสิบคนในเมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์พระองค์จะละชีวิตเพื่อเห็นแก่พวกเขา ‘เราจะไม่ทำลายเพราะเห็นแก่สิบคนนั้น’ (ปฐมกาล 18:32) พระองค์ประทานโอกาสให้คนที่ ‘ชอบธรรม’ ให้รอดพ้น ‘เมื่อโลทยังรีรอ ทูตสวรรค์จึงคว้ามือเขาและภรรยา และบุตรหญิงทั้งสอง ด้วยพระเมตตาของพระยาห์เวห์ที่มีต่อเขา ท่านทั้งสองนำเขาออกมาอยู่ที่นอกเมือง’ (19:16)
ส่วนการพิพากษาภรรยาของโลทนั้นรุนแรงมาก (ข้อ 26) ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม (และผมก็ไม่มั่นใจว่าผมรู้คำตอบ) แต่นี่เป็นดั่งตัวอย่าง เพราะพระเยซูตรัสว่า ‘จงระลึกถึงภรรยาของโลท!’ (ลูกา 17:32) เราจะไม่มองย้อนกลับไป หากเราละชีวิตจากบาปแล้วเราต้องไม่หันกลับไปหาชีวิตนั้นอีก ทูตสวรรค์บอกโลทว่า ‘หนีเอาชีวิตรอดเถิด!’ (ปฐมกาล 19:17) ในทำนองเดียวกันเราได้รับคำสั่งให้หนีจากความปรารถนาของมาร (2 ทิโมธี 2:22)
แม้แต่อับราฮัมก็ไม่ใช่ผู้ที่ไร้บาป ที่จริงเขาทำบาปแบบเดิมซ้ำอีกครั้ง เมื่อโกหกว่าซาราห์เป็นน้องสาวของเขาและเกือบทำให้เธอเข้าสู่การล่วงประเวณี พระวจนะในพระคัมภีร์ไม่เพียงแต่พระเจ้าจะช่วยคนบาปเท่านั้น แต่พระองค์ยังใช้คนบาปด้วย ทรงอวยพรอับราฮัมและตอบคำอธิษฐานของเขาเช่นกัน (ปฐมกาล 20:7) พระเจ้าทรงใช้เราแม้เราจะทำบาป เพราะพระองค์ทรงเมตตาและพระเยซูทรงรับการพิพากษามาที่พระองค์เอง
ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์สำหรับความแตกต่างบนไม้กางเขนของพระคริสต์ในวันแห่งการพิพากษานี้ ที่ข้าพระองค์มั่นใจได้ว่า ในท้ายที่สุดแล้ว พระผู้พิพากษาโลกนี้จะทรงพิพากษาอย่างชอบธรรม
Pippa Adds
มัทธิว 8:6
‘องค์พระผู้เป็นเจ้า บ่าวของข้าพระองค์เป็นง่อยอยู่ที่บ้านทนทุกข์ทรมานอย่างยิ่ง’
นายร้อยไม่เพียงแค่เป็นห่วงเป็นใยครอบครัวและพวกพ้องของเขาเท่านั้น แต่ยังเป็นห่วงบ่าวของเขาด้วย แม้ว่านายร้อยจะเป็นคนนอกและไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเหล่าผู้เชื่อแต่เขาก็ตามหาพระเยซูความเชื่อสามารถพบได้ในสถานที่ทุกประเภท
References
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)เกี่ยวกับแผนฯ
พระคัมภีร์ในหนึ่งปี เป็นแผนประจำวันซึ่งจะนำคุณอ่านพระคัมภีร์ทั้งเล่มในเวลาเพียงหนึ่งปี สำหรับใครก็ตามที่มองหาวิธีอ่านพระคัมภีร์แบบง่าย ๆ และมีแบบแผน แต่ละวันจะมีการสำรวจหัวข้อที่แตกต่างกันผ่านข้อพระคัมภีร์ที่คัดสรรมาจากพระธรรมสดุดีหรือสุภาษิต ตลอดจนพันธสัญญาใหม่และพันธสัญญาเดิม พร้อมด้วยคำอธิบายประจำวันจากนิคกี้ และพิพพา กัมเบล เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจและนำไปใช้ได้จริง
More
เราขอขอบคุณ Alpha International สำหรับการจัดทำแผนนี้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชม bible.alpha.org/th