พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2025ตัวอย่าง
สิ่งลึกลับ
เมื่อผมได้เผชิญหน้ากับพระเยซูครั้งแรก ผมคิดว่าผมต้องรู้คำตอบตอบสำหรับทุก ๆ คำถามที่เกี่ยวกับความเชื่อให้ได้ อย่างไรก็ตามยิ่งผมศึกษาพระคัมภีร์มากเท่าไหร่ผมก็ยิ่งตระหนักว่าเราไม่จำเป็นต้องรู้*ทุกคำตอบ* มีสิ่งที่เรียกว่าการปฏิเสธความเชื่อ*อย่างเสริมสร้าง* หรืออาจเรียกได้ว่าเป็นการปฏิเสธความเชื่อ*ในแบบที่พระคัมภีร์อนุญาต* เราอาจ*รู้*คำตอบจริง ๆ สำหรับบางคำถาม แต่บางคำถามสามารถตอบได้ดีที่สุดว่า *“ฉันไม่รู้”* “*สิ่งลึกลับ*ทั้งปวงเป็นของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราทั้งหลาย แต่สิ่งที่ทรงสำแดงนั้นเป็นของเราทั้งหลาย” (เฉลยธรรมบัญญัติ 29:29ก) เราต้องเข้าใจก่อนว่าพระคัมภีร์มีความชัดเจนเกี่ยวกับอะไร อย่าปฏิเสธที่จะเชื่อในสิ่งที่คุณได้รับการเปิดเผย ในขณะเดียวกันอย่าดันทุรังเชื่อในสิ่งที่พระคัมภีร์ไม่ได้เปิดเผย เนื้อหาของวันนี้เราจะเห็นตัวอย่างของคำถามใหญ่ ๆ 3 ข้อที่มักถูกถามบ่อย ๆ โดยในการตอบคำถามแต่ละข้อนั้น มีบางสิ่งที่เรารู้ (“สิ่งที่ทรงสำแดง”) และบางสิ่งที่เราไม่รู้ (“สิ่งลึกลับ”)สดุดี 18:37-42
อนาคตของเราจะเป็นอย่างไร?
เมื่อถึงจุดหนึ่ง ชีวิตของผมมีแนวโน้มที่เผชิญกับหายนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องสุขภาพของผม เพราะหากผมมีอาการปวดเพียงเล็กน้อยมันจะส่งผลให้ร่างกายทรุดโทรมลงทันที ผมได้รับความช่วยเหลือจากใครบางคนที่ชี้ให้เห็นว่าหายนะนั้นหมายถึงการ “ประเมินอันตรายสูงเกินไปและประเมินความสามารถในการรับมือของคุณต่ำเกินไป”
หายนะนำไปสู่ความกลัวและเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับความเชื่อ ความกลัวบอกว่าคุณจะไม่สามารถรับมือได้ แต่ความเชื่อบอกคุณว่าพระบิดาบนสวรรค์ทรงทราบว่าเมื่อใดที่คุณต้องการกำลังเพื่อรับมือและพระองค์จะประทานทุกสิ่งที่คุณต้องการอย่างทันเวลา พระองค์จะทรงเสริมเรี่ยวแรงกำลังให้คุณพร้อมรับมือกับทุกสิ่งที่รออยู่ข้างหน้า
พระเจ้าให้ดาวิดมีชัยชนะเหนือศัตรูทั้งหลาย เมื่อเดวิดมองย้อนกลับไปที่การสู้รบเหล่านั้นเขากล่าวว่า “เพราะพระองค์ประทานกำลังแก่ข้าพระองค์เพื่อทำสงคราม” (ข้อ 39) นี่ไม่ใช่ศัตรูสุดท้ายที่ดาวิดจะต้องเผชิญ การต่อสู้มากมายรอเขาอยู่ข้างหน้า
1. สิ่งที่คุณไม่รู้
เช่นเดียวกับดาวิดสิ่งที่คุณไม่รู้คือจะมีการต่อสู้ใดรออยู่ข้างหน้า อย่างไรก็ตามสำหรับพวกเราส่วนใหญ่ มันอาจจะไม่มีประโยชน์อย่างยิ่งที่จะรู้ว่าการต่อสู้ในภายภาคหน้าจะเป็นเช่นไร
2. สิ่งที่คุณรู้
ดังคำกล่าวที่ว่า “เราไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร แต่เรารู้ว่าใครเป็นผู้กุมอนาคตเราอยู่” สิ่งที่ดาวิดรู้ก็คือที่ผ่านมานั้นพระเจ้าทรง “ประทานกำลังแก่ (เขา)” (ข้อ 39) และทรงกระทำเช่นนั้นในอนาคตเช่นกัน คุณสามารถรู้ได้ว่าพระเจ้าจะประทานกำลังเมื่อคุณต้องการ
ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์ที่ข้าพระองค์มั่นใจได้ว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์จะเสริมกำลังให้ข้าพระองค์อย่าง*ทันเวลา*ในการต่อสู้ที่รออยู่ข้างหน้า
มัทธิว 24:32-25:13
เมื่อไหร่พระเยซูจะกลับมา?
พระเยซูตรัสเกี่ยวกับการกลับเสด็จกลับมาครั้งที่สองของพระองค์ว่ามีบางสิ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ที่คุณควรรู้ และบางสิ่งที่คุณไม่รู้ (“ท่านไม่รู้ว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าของพวกท่านจะเสด็จมาเวลาไหน แต่จงรู้ไว้ว่า ... “, 24:42–43, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
1.\tสิ่งที่เราไม่รู้
พระเยซูตรัสชัดเจนว่าไม่มีใครรู้ว่าพระองค์จะเสด็จกลับมาเมื่อใด ทรงตรัสว่า “แต่ไม่มีใครรู้เรื่องวันหรือเวลาแม้แต่บรรดาทูตแห่งฟ้าสวรรค์หรือพระบุตร มีแต่พระบิดาองค์เดียว” (ข้อ 36) มีคำถามบางอย่างที่แม้แต่พระเยซู (ขณะอยู่บนโลก) ก็ทรงตอบว่า “ไม่มีใครรู้”
ช่างเป็นการเสียเวลาและเสียพลังงานไปมากที่จะคาดเดาเวลาที่แน่นอนที่พระเยซูจะเสด็จกลับมา คุณมิอาจรู้ว่าพระเยซูจะกลับมาเมื่อใดเพราะพระคัมภีร์บอกให้คุณ”เฝ้าระวัง” (ข้อ 42) และเตรียมให้พร้อมกับการเสด็จกลับมาของพระองค์ในทุกเมื่อ
2. สิ่งที่คุณรู้
พระเยซูสอนให้เราเรียนรู้จากบทเรียนต้นมะเดื่อ คือเมื่อใดที่กิ่งของมันเริ่มแตกหน่ออ่อนและออกใบ “ท่านทั้งหลายก็รู้ว่าฤดูร้อนใกล้จะถึงแล้ว” (24:32) พระเยซูตรัสว่าถ้าเราเห็นสัญญาณแล้ว เรา “ก็รู้” ว่าพระเยซู “ใกล้” จะเสด็จแล้วมา ดังนั้นเราจำเป็นต้อง “เฝ้าระวัง” (ข้อ 42, 25:13) และ “เตรียมพร้อม” (24:44)
เราต่างก็รู้ว่าแม้การมาของพระองค์จะใกล้เข้ามาแล้ว แต่ก็อาจใช้เวลานานพอควรกว่าพระองค์จะเสด็จมา (25: 5) และเราต่างก็รู้เช่นกันว่าพระองค์จะเสด็จมาในโมงยามที่เราต่าง “ไม่คิดไม่ฝัน” (24:44) ไม่ว่าเวลาใดก็ตามการเสด็จมาของพระองค์จะทำให้เราแทบไม่ทันตั้งตัว ดังนั้นหัวใจสำคัญของเรื่องนี้คือให้เราเตรียมพร้อมกับการเสด็จมาของพระองค์ทุกเมื่อ
เพื่อช่วยให้คุณเห็นว่าการเตรียมพร้อมสำหรับการกลับมาของพระองค์หมายความว่าอย่างไร พระเยซูทรงชี้ให้เห็นภาพความแตกต่างระหว่างบ่าวที่ฉลาดกับบ่าวชั่ว (ข้อ 45-51) บ่าวที่ฉลาดเตรียมพร้อมเสมอสำหรับการกลับมาของนายโดยยังคงซื่อสัตย์ต่อคำสั่งที่นายตั้งไว้และให้เกียรติในวิธีที่เขาปฏิบัติต่อผู้อื่น ส่วนบ่าวชั่วนั้นไม่ซื่อสัตย์ต่อคำสั่งนายและทำลายวิธีปฏิบัติต่อผู้อื่น ผลลัพธ์ที่ออกมานั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง (เปรียบเทียบ ข้อ 47 กับ ข้อ 51) กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ คุณจะพร้อมสำหรับการกลับมาของพระเยซูก็ต่อเมื่อคุณใช้ชีวิต ด้วยท่าทีที่รักพระเจ้าและรักผู้อื่น
อย่างไรก็ตามภายใต้ความรักที่มีต่อพระเจ้าและความรักที่มีต่อผู้อื่น ล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญของการพร้อมรับการเสด็จมาของพระเยซู ในคำอุปมาเรื่องหญิงพรหมจารีสิบคน เจ้าบ่าวพูดกับหญิงพรหมจารีเหล่านั้นที่หลับไปแล้วและยังไม่พร้อมว่า “เราไม่รู้จักท่าน” (25:12) กุญแจสำคัญของเรื่องนี้ขึ้นอยู่ที่ “การรับรู้” ที่ต่างกัน คือไม่ใช่สติปัญญาความรอบรู้เเต่เป็นความรู้เกี่ยวกับการตระหนักรู้ตนเอง
ท้ายที่สุดแล้วมันไม่ได้เกี่ยวกับสิ่งที่คุณรู้ แต่เกี่ยวกับผู้ที่คุณรู้จัก เป็นเรื่องเกี่ยวกับการมีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับเจ้าบ่าว ท้ายที่สุดนี่คือสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดนั่นคือ การรู้จักพระเยซู (ยอห์น 17:3)
ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์ที่ในท้ายที่สุดสิ่งที่สำคัญคือการที่ข้าพระองค์ได้รู้จักพระองค์ โปรดช่วยข้าพระองค์ได้*ติดสนิท*กับพระองค์มากขึ้นทุกวัน
โยบ 38:1-40:2
เหตุใดพระเจ้าจึงอนุญาตให้เกิดความทุกข์?
เมื่อเรามาถึงจุดสุงสุดของหนังสือโยบหลังจากที่โยบและเพื่อน ๆ ถามคำถามเกี่ยวกับพระเจ้ามาหลายบท สถานการณ์ก็เริ่มเปลี่ยนไปและพระเจ้าก็เริ่มถามคำถามกลับ พระธรรมตอนนี้อาจเรียกว่าเป็น “การทดสอบครั้งสุดท้ายของโยบ” ในกระดาษคำถามของเขานั้นมีคำถามอยู่มากมายที่เขายังไม่อาจรู้คำตอบ
เราจะเห็นว่าคำถามที่มักถามว่า “ทำไมพระเจ้าจึงอนุญาตให้เกิดความทุกข์” ในคำตอบนั้นมีบางสิ่งที่เรารู้และบางสิ่งที่เราไม่รู้ พระเจ้าทรงติเพื่อน ๆ ของโยบที่พวกเขาใช้ “ถ้อยคำอันปราศจากความรู้” (38:2) แทนที่จะพูดว่า “ฉันไม่รู้” แต่พวกเขากลับพยายามจะอธิบายความทุกข์ของโยบออกมาซึ่งหาได้รู้คำตอบแต่อย่างใด
1.\tสิ่งที่คุณไม่รู้
พระเจ้าถามคำถามเขาถึงสี่สิบเก้าข้อ (ในภาษากวี) เกี่ยวกับสรรพสิ่งทั้งปวงที่โยบหากได้รับโอกาสก็จะตอบว่าเขา “ไม่รู้” คำถามมากมายเริ่มต้นจากคำว่า “เจ้ารู้ ... หรือ?” (ข้อ 33, 39:1–2) ราวกับว่าพระเจ้ากำลังหยั่งเชิงโยบด้วยความรักที่พระองค์มีต่อโยบว่า “แน่นอนละ เจ้าต้องรู้ซี” (38:5) และ “บอกมาเลย ถ้าเจ้ารู้ทั้งหมดนี้... “ (ข้อ 18ข พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล)
ประเด็นของการตั้งคำถามของพระเจ้าคือ การแสดงให้เห็นถึงความจริงที่ว่ามีบางสิ่งที่มนุษย์อย่างเราไม่รู้ “สิ่งลึกลับ” นี้เป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของความทุกข์ นักศาสนศาตร์และนักปรัชญาต่างก็ต่อสู้กับปัญหาความทุกข์ทรมานมานานหลายศตวรรษ แต่ไม่เคยมีใครสามารถหาวิธีแก้ปัญหาที่เรียบง่ายและสมบูรณ์แบบได้เลย
เมื่อเกิดความทุกข์ เรามักไม่สามารถหาสาเหตุได้ พระเจ้าไม่เคยบอกโยบว่าทำไมเขาถึงทุกข์ทรมาน (แม้ว่าเราจะรู้คำตอบบางส่วนตั้งแต่ตอนเริ่มต้น) แต่พระองค์ทรงตรัสว่ามีเหตุผลที่ดี ทรงชี้ให้โยบรู้ว่าเขามีความรู้เกี่ยวกับสรรพสิ่งเพียงน้อยนิดและทรงตรัสให้เขาวางใจในพระองค์อย่างสุดใจ
ในหนังสือโยบได้กล่าวไม่มากนักถึง สาเหตุที่พระเจ้ายอมให้เกิดความทุกข์ยาก (theodicy) เนื่องจากเป็นเรื่องเกี่ยวกับการปรากฎตัวของพระเจ้าท่ามกลางความทุกข์ทรมาน (theophany) และวิธีที่เราควรตอบสนองต่อความทุกข์ทรมาน
2. สิ่งที่คุณรู้
ในพระธรรมวันพรุ่งนี้เราจะเห็นว่าโยบตระหนักได้ว่ามีบางสิ่งที่ “ประหลาดเกินกว่าข้าพระองค์จะทราบ” (42:3) พูดอีกอย่างก็คือมีบางสิ่งที่คุณจะไม่อาจรู้ได้ในชีวิตนี้ แต่ในทางกลับกันมีบางสิ่งที่คุณสามารถรู้ได้ว่า “ข้าพระองค์ทราบว่า พระองค์ทรงทำทุกสิ่งได้ และพระประสงค์ของพระองค์จะสำเร็จ” (ข้อ 2)
คุณสามารถรับรู้ได้ว่าในที่สุดแล้วพระเจ้าทรงควบคุมทุกสรรพสิ่ง ดังนั้นคุณจึงสามารถมีชีวิตอยู่ได้อย่างมีสันติสุขและวางใจได้ว่าพระเจ้าจะทรงกระทำทุกสิ่งเพื่อผลดีแก่ผู้ที่รักพระองค์ (โรม 8:28)
ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ทราบดีว่าพระองค์ทรงกระทำได้ทุกสิ่งและไม่มีสิ่งใดขัดขวางพระประสงค์ของพระองค์ได้ โปรดช่วยให้ข้าพระองค์ถ่อมตนลงในความล้ำลึกของพระองค์ที่ข้าพระองค์ไม่สามารถรู้ได้ และมั่นใจในสิ่งที่ข้าพระองค์สามารถรับรู้ได้
Pippa Adds
มัทธิว 24:44
“เพราะเหตุนี้พวกท่านจงเตรียมพร้อม เพราะในเวลาที่ท่านไม่คิดไม่ฝันนั้น บุตรมนุษย์จะเสด็จมา”
ในบางครั้งเมื่อฉันไม่ได้มีธุระอะไรกับใครหรือมีการพบปะใด ๆ ในบ้าน ฉันก็จะใช้เวลาไปเรื่อยเปื่อยและไม่ได้เคลียร์อาหารเช้าและเรื่องยุ่ง ๆ เลย แต่หลังจากนั้นเสียงกริ่งก็ดังขึ้นและมีคนมาเยี่ยมเยียนโดยไม่คาดคิดมาก่อน ฉันพบว่าตัวเองได้โยนข้าวของไปในเครื่องล้างจาน โยนอาหารกลับไปในตู้เย็น ฉันรู้สึกถึงความตื่นตระหนก กลัวจะถูกจับได้ว่าไม่ได้มีการเตรียมตัวอะไรไว้ แต่นั่นจะน่ากลัวกว่ามากแค่ไหนเมื่อพระเยซูเสด็จกลับมา ไม่ใช่บ้านที่เป็นระเบียบเรียบร้อยที่พระองค์กำลังมองหา แต่เป็นชีวิตที่เตรียมพร้อมซึ่งจำเป็นต้องกระทำอย่างต่อเนื่อง
References
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)เกี่ยวกับแผนฯ
พระคัมภีร์ในหนึ่งปี เป็นแผนประจำวันซึ่งจะนำคุณอ่านพระคัมภีร์ทั้งเล่มในเวลาเพียงหนึ่งปี สำหรับใครก็ตามที่มองหาวิธีอ่านพระคัมภีร์แบบง่าย ๆ และมีแบบแผน แต่ละวันจะมีการสำรวจหัวข้อที่แตกต่างกันผ่านข้อพระคัมภีร์ที่คัดสรรมาจากพระธรรมสดุดีหรือสุภาษิต ตลอดจนพันธสัญญาใหม่และพันธสัญญาเดิม พร้อมด้วยคำอธิบายประจำวันจากนิคกี้ และพิพพา กัมเบล เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจและนำไปใช้ได้จริง
More
เราขอขอบคุณ Alpha International สำหรับการจัดทำแผนนี้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชม bible.alpha.org/th