พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2025ตัวอย่าง
เป็นผู้นำแบบพระเยซูได้อย่างไร
น้อยคนนักที่จะบริหารจัดการกับผู้คนและบริษัทในแต่ละวันได้ดีเท่ากับ เคน แบลนชาร์ด ผู้เขียนหนังสือ ผู้จัดการ 1 นาที (The One Minute Manager) ซึ่งขายได้มากกว่า 13 ล้านเล่ม หนังสือเล่มนี้ประสบความสำเร็จมากเสียจนเขาเริ่มรู้สึกกดดันที่จะยกเครดิตให้กับตัวเอง เขาจึงเริ่มระลึกถึงพระเจ้า และเริ่มต้นอ่านพระคัมภีร์ โดยมุ่งความสนใจไปที่หนังสือพระกิตติคุณ เขาอยากรู้ว่าพระเยซูทำอะไร เขาเริ่มรู้สึกทึ่งกับวิธีที่พระเยซูเปลี่ยนคนธรรมดาสิบสองคนอย่างไม่น่าเป็นไปได้ ให้กลายเป็นผู้นำรุ่นแรกของการเคลื่อนไหว ที่ยังคงส่งผลต่อประวัติศาสตร์โลกในอีก 2,000 ปีต่อมา เขาตระหนักดีว่าทุกสิ่งที่เขาเคยสอน หรือเขียนเกี่ยวกับเรื่องการเป็นผู้นำที่มีประสิทธิผล ล้วนเป็นสิ่งที่พระเยซูทรง ได้ทำมาแล้วอย่างสมบูรณ์แบบ เกินกว่าความสามารถที่เขาเคยได้ยกตัวอย่างหรืออธิบายไว้เสียอีก พระเยซูคริสต์ทรงเป็นยิ่งกว่าผู้นำฝ่ายวิญญาณ พระองค์ทรงให้แบบอย่างของการเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพ และวิธีการที่ใช้ได้จริงแก่ทุก ๆ องค์กร ทุก ๆ คน และทุก ๆ สถานการณ์ ถึงคุณอาจจะยังไม่ได้มองตัวเองว่าเป็นผู้นำ แต่ความเป็นผู้นำเป็นเรื่องเกี่ยวกับการมีอิทธิพลต่อคนรอบข้าง และคุณเองก็มีอิทธิพล ดังนั้น โดยความเข้าใจนี้คือเราทุกคนก็คือผู้นำ พระเยซูคริสต์ ทรงเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล ในเนื้อหาสำหรับวันนี้ เราจะได้เห็นลักษณะความเป็นผู้นำของพระเยซูไปพร้อม ๆ กับบุคคลสองท่านที่เป็นสุดยอดผู้มีอิทธิพลในพระคัมภีร์ นั่นก็คือ ดาวิด และโยบสดุดี 18:1-6
การนมัสการของผู้นำ
ดาวิดเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์อิสราเอล เขาเป็นผู้ประพันธ์บทเพลงนมัสการที่ไพเราะที่สุดที่เคยมีมา หลายพันปีต่อมาเพลงสดุดีของเขายังคงถูกใช้ในการนมัสการโดยคนของพระเจ้า
ในพระธรรมสดุดีนี้เราเห็นว่าการนมัสการและการอธิษฐานของดาวิด เป็นรากฐานของการเป็นผู้นำของเขา ท่ามกลางความยากลำบาก และการต่อสู้เขาร้องทูลว่า ‘ข้าพเจ้าร้องทูลพระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าทูลขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าของข้าพเจ้า’ (ข้อ 6) ผลที่ตามมาคือการพลิกฝื้นสถานการณ์ครั้งใหญ่ที่ตามมาด้วยความสำเร็จ ซึ่งทำให้ดาวิดสำแดงการขอบคุณพระเจ้าผ่านทางบทเพลง
ไม่ว่าคุณจะเผชิญกับความความยากลำบาก หรือประสบความสำเร็จก็ตาม ให้เราทำตามแบบอย่างของดาวิด โดยพยายามสร้างชีวิตของคุณบนรากฐานของการอธิษฐานและการนมัสการ
จุดเริ่มต้นของการนมัสการคือความรักที่มีต่อพระเจ้า ‘ข้าพระองค์จะรักพระองค์สุดกำลังสุดความคิด โอ ข้าแต่พระเยโฮวาห์ กำลังของข้าพระองค์’ (ข้อ 1, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล) ดาวิดยังคงสำแดงความรัก การสรรเสริญ และขอบคุณพระเจ้าต่อไป เมื่อเขาเผชิญหน้ากับศัตรู (ข้อ 3ข) ความตาย และการทำลายล้าง (ข้อ 4–5) และความทุกข์ (ข้อ 6ก) และเมื่อได้มองย้อนกลับไป เขาจะเห็นว่าพระเจ้าทรงสดับฟังเสียงร้องทูลของเขา และช่วยเขาให้รอดพ้นจากศัตรูได้อย่างไร (ข้อ 3–6)
ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ผมได้บันทึกรายการ ‘ขอความช่วยเหลือ’ (ข้อ 6ก) ไว้ที่ขอบของพระคัมภีร์ในหนึ่งปีของผม มันวิเศษมากที่ได้เห็นวิธีที่พระเจ้าได้สดับฟังเสียงร้องของผม คำอธิษฐานจำนวนมาก (แม้ว่าจะยังไม่ทั้งหมด) ได้รับคำตอบ การจดบันทึกช่วยให้ผมไม่ลืมที่จะขอบคุณพระเจ้า
โอ ข้าแต่พระเจ้า ทรงเป็นกำลังของข้าพระองค์ ขอบคุณพระองค์ที่หลายต่อหลายครั้ง ทรงสดับฟังเสียงร้องทูลขอความช่วยเหลือของข้าพระองค์ ด้วยความท้าทายทั้งหมดที่รออยู่ข้างหน้านี้ ข้าพระองค์จะร้องทูลขอความช่วยเหลือจากพระองค์อีกครั้ง
มัทธิว 21:1-17
คุณลักษณะของผู้นำ
ในทางปฏิบัติแล้วการ ‘นำเหมือนพระเยซู’ หมายความว่าอย่างไร?
1. นำจากตัวตนของคุณมากกว่าตำแหน่งหน้าที่ของคุณ
คุณเป็นใคร มีความสำคัญมากกว่าสิ่งที่คุณทำ หรือสิ่งที่คุณมีในแง่ของทรัพย์สมบัติ หรือตำแหน่งหน้าที่ อำนาจของพระเยซูไม่ได้มาจากการอยู่ในตำแหน่งที่สูงส่ง แต่มันมาจากสิ่งที่พระองค์ทรงเป็น ทรงมีอำนาจโดยชอบธรรม พระองค์มีความเชื่อมั่นอย่างเต็มที่ว่าสิ่งที่พระองค์ต้องตรัสคือ ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าของพวกท่านมีพระประสงค์’ (ข้อ 3) โดยไม่จำเป็นต้องมีการคุกคามหรือให้คำมั่นสัญญาใด ๆ
2. อ่อนโยนและไม่ทะนงตัว
‘กษัตริย์ของท่านกำลังเสด็จมา ด้วยความสุภาพอ่อนโยน…’ (ข้อ 5) นี่ไม่ใช่ลักษณะของความเป็นผู้นำที่โลกคาดหวัง แต่เป็นหัวใจสำคัญของการทรงนำของพระเยซู คำว่า ‘อ่อนโยน’ (gentle) ในภาษากรีกหมายถึงความเกรงใจ ไม่อวดดี มันตรงกันข้ามกับความก้าวร้าว หรือการแสวงหาแต่ตนเอง
3. หลีกเลี่ยงความเย่อหยิ่งและการโอ้อวด
พระเยซูทรงลาในการเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็ม ช่างตรงกันข้ามกับผู้นำคนอื่น ๆ ในประวัติศาสตร์ทั้งทางโลก และทางศาสนาที่เดินทางด้วยความเอิกเกริก มีพิธีรีตอง และมีผู้ติดตามที่ดูอลังการ วิธีการเดินทางของพระเยซู เป็นสัญลักษณ์ของความถ่อมใจอย่างยิ่ง ตรงกันข้ามกับความหยิ่งยโส ซึ่งสามารถเล็ดลอดเข้าสู่ความเป็นผู้นำของมนุษย์ได้อย่างง่ายดาย
4. มีความกล้าที่จะเผชิญหน้า
บางครั้งผู้คนคิดว่าความอ่อนโยนและความถ่อมใจ หมายถึงการหลีกเลี่ยงในทุกสถานการณ์ แต่พระเยซูไม่กลัวการเผชิญหน้า พระองค์ ‘พระเยซูเสด็จเข้าไปในบริเวณพระวิหารของพระเจ้า ทรงขับไล่พวกซื้อขายในบริเวณพระวิหารนั้น ทรงคว่ำโต๊ะคนรับแลกเงิน’ (ข้อ 12) หนึ่งในแง่มุมที่ยากที่สุดของการเป็นผู้นำ คือการรู้ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการเผชิญหน้า
โดยตัวของมันเอง การไม่กล้าเผชิญหน้าก็ถือเป็นการตัดสินใจแบบหนึ่ง ที่มีผลกระทบตามมาภายหลังเช่นกัน ความขัดแย้งและการเผชิญหน้าไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ต้องตอบสนองอย่างชาญฉลาด เหล่านี้เป็นส่วนที่จำเป็นของการเป็นผู้นำที่ดีและกล้าหาญ
5. แสวงหาจิตวิญญาณไม่ใช่อำนาจทางโลก
อำนาจของพระเยซูแตกต่างจากผู้นำหลายคนในโลก ‘คนตาบอดและคนง่อย พากันมาเฝ้าพระองค์ในบริเวณพระวิหาร และพระองค์ทรงรักษาพวกเขาให้หาย’ (ข้อ 14) ฤทธิ์อำนาจแห่งวิญญาณสำคัญกว่าพลังอำนาจทางโลก ที่ไม่สามารถผลิตเองได้ หากแต่มาจากความสัมพันธ์แบบที่พระเยซูมีกับพระเจ้าเท่านั้น
6. ให้การอธิษฐานมาเป็นที่หนึ่งสำหรับคุณ
ในการเผชิญหน้าของพระเยซูกับผู้รับแลกเงิน เราจะเห็นว่าพระองค์ยึดมั่นในการอธิษฐานมากเพียงใด (ข้อ 13) และในตลอดพระกิตติคุณ เราได้พบพระเยซูทรงถอนตัว (ข้อ 17) เพื่อใช้เวลากับพระเจ้าโดยลำพัง นี่คือที่มาของความแข็งแกร่งของพระองค์ เช่นเดียวกับดาวิด คำอธิษฐานเป็นหัวใจสำคัญของการเป็นผู้นำของพระเยซู
ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยข้าพระองค์ให้สามารถนำโดยให้สิทธิอำนาจ ความอ่อนโยน ความถ่อมตน ความกล้าหาญและฤทธิ์เดช เช่นเดียวกันกับพระเยซู โปรดประทานความเข้มแข็งของข้าพระองค์มาจากความสัมพันธ์ส่วนตัวกับพระองค์
โยบ 19:1-21:34
มุมมองของผู้นำ
เพื่อนของโยบยังคงพูดคำว่า ‘สิ่งที่ว่างเปล่า’ และ ‘ไม่มีอะไรเหลือแล้วนอกจากการมุสา’ (21:34, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พวกเขาพยายามปลอบใจโยบด้วยคำว่า ‘ว่างเปล่าและไร้ประโยชน์’ (ข้อ 34, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล)
ในทางกลับกันเราเห็นว่าโยบต้องต่อสู้กับความทุกข์ของตัวเองอย่างแท้จริง ซึ่งตรงข้ามกับการวิเคราะห์อย่างผิวเผินของเพื่อน ๆ แต่เขามองว่าโลกนี้ช่างซับซ้อนมาก ในชีวิตนี้มีความอยุติธรรมมากมาย เขาได้ร้องออกมาว่า ‘ไฉนพวกคนอธรรมจึงมีชีวิตอยู่ เออ จนแก่เฒ่า…เขามั่งมีศรีสุขตลอดวันเวลาของเขา และลงไปยังแดนคนตายอย่างสงบ’ (ข้อ 7,13)
อย่าแปลกใจที่หากมีบางคนที่ปฏิเสธพระเจ้าโดยสิ้นเชิง พวกเขาพูดกับพระเจ้าว่า ‘ขอไปเสียจากเรา เพราะเราไม่ปรารถนาความรู้ในทางของพระองค์ องค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์คืออะไร ที่เราจะต้องปรนนิบัติพระองค์ ถ้าเราอธิษฐานต่อพระองค์ เราจะได้ประโยชน์อะไร’ (ข้อ 14–15) แต่ก็ดูเหมือนพวกเขาจะมีชีวิตที่รุ่งเรืองและสงบสุข
พระคัมภีร์ไม่เคยบอกว่า ‘คนชั่ว’ จะได้รับความยุติธรรมในชีวิตนี้ บางครั้งพวกเขาได้รับ แต่ในบางครั้งพวกเขาก็ดูเหมือนจะขาดจากมัน อย่าแปลกใจถ้าคุณเห็น ‘คนชั่วร้าย’ ที่มีชีวิตที่รุ่งเรือง และอย่าแปลกใจหากคุณเห็นความทุกข์ทรมานของ ‘ผู้บริสุทธิ์’ ดูเหมือนพระเจ้าจะยอมให้ทั้งสองอย่างเกิดขึ้นในชีวิตนี้ด้วยเช่นกัน (นี่ไม่ได้หมายความว่าเราควรจะนิ่งนอนใจกับความอยุติธรรม หรือความทุกข์ทรมานของผู้บริสุทธิ์ แต่ควรทำทุกอย่างด้วยกำลังที่มีเพื่อต่อสู้กับมัน)
อย่างไรก็ตามชีวิตนี้ไม่ใช่จุดจบ พระเจ้าทรงมีเวลานิรันดร์กาลในการจัดวางทุกอย่างให้เข้าที่ ดั่งที่โยบเฝ้ารอความหวังในอนาคตในแบบที่แทบไม่เหมือนใครในพันธสัญญาเดิมเช่นเดียวกับในความหวังของเราเช่นกัน
|‘แต่ข้าเองทราบว่า พระผู้ไถ่ของข้าทรงพระชนม์อยู่ ||และในที่สุดพระองค์จะทรงปรากฏบนแผ่นดินโลก ||และหลังจากผิวหนังของข้าถูกทำลายไปอย่างนี้ ||แล้วในเนื้อหนังของข้า ข้าจะเห็นพระเจ้า’ (19:25–26)
ความเข้าใจอย่างถ่องแท้ของโยบ บ่งบอกถึงความหวังในพันธสัญญาใหม่เรื่องการฟื้นคืนชีพและชีวิตนิรันดร์ ผู้นำของพระอื่นๆ มีมุมมองเกี่ยวกับนิรันดร์ ซึ่งให้มิติที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับการเป็นผู้นำแบบคริสเตียน
ลองนึกภาพว่ามีคนสำคัญมาเยี่ยมบ้านของคุณ คุณอาจจะทำหลายอย่างเพื่อเตรียมตัวให้พร้อม คุณจะเตรียมตัวเองให้พร้อมด้วยเช่นกัน และคุณต้องแน่ใจว่าคนอื่น ๆ ในบ้านพร้อม รวมถึงต้องมั่นใจว่าบ้านนั้นดูสะอาด และเป็นระเบียบเรียบร้อยดี
ผู้นำคริสเตียนมีมุมมองเกี่ยวกับชีวิตนิรันดร์ และหวังว่า ‘ในที่สุดพระองค์จะทรงปรากฏบนแผ่นดินโลก’ (ข้อ 25) ให้เรามุ่งเน้นไปที่การเตรียมตัวให้พร้อม และเตรียมผู้อื่นให้พร้อม (การประกาศการสร้างสาวกและการอภิบาล) และเตรียมบ้านของเราให้พร้อม (การฟื้นฟูคริสตจักรและการเปลี่ยนแปลงสังคม) ความกังวลเหล่านี้ไม่ได้จำกัดเฉพาะผู้นำคริสตจักรเท่านั้น ยังรวมถึงผู้นำคริสเตียนในทุกพันธกิจและสังคม ควรมีมุมมองพื้นฐานทั้งสามนี้ฝังอยู่ในความคิดการตัดสินใจ และการกระทำของพวกเขา
นอกจากนี้ มุมมองนี้ควรปรับเปลี่ยนทัศนคติต่อแผนและเป้าหมายของคุณ เมื่อสถานการณ์ไม่เป็นไปตามที่หวังอันเนื่องจากความไม่ยุติธรรมของตัวบุคคล องค์กร หรือระบบ แต่คุณยังคงเชื่อและวางใจได้ว่าสักวันหนึ่งจะมาถึงซึ่งความยุติธรรมอย่างแน่นอน
ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์ที่วันหนึ่งข้าพระองค์จะได้เห็นพระเจ้าด้วยตาของข้าพระองค์เอง (ข้อ 27, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) โปรดช่วยให้ข้าพระองค์ดำเนินชีวิตในแต่ละวันด้วยสายตาแห่งชีวิตนิรันดร์ และช่วยข้าพระองค์ให้ชีวิต และเป็นผู้นำเหมือนอย่างพระเยซู
Pippa Adds
โยบ 19:25 กล่าวว่า ‘พระผู้ไถ่ของข้าทรงพระชนม์อยู่’ ข้อพระคำนี้ปรากฏใน Handel’s Messiah ซึ่งบทเพลงชิ้นนี้ถูกเล่นในงานศพคุณพ่อของฉัน มันช่างไพเราะและปลอบประโลมจิตใจอย่างสุดซึ้ง
แฮนเดลใช้พระคำที่ทรงพลังเหล่านี้ให้กลายเป็นบทเพลงอันน่าทึ่ง ตั้งแต่การแสดงครั้งแรกในปี 1742 ก็นำได้หนุนจิตชูใจ และนำศรัทธามาสู่ผู้คนนับล้านเลยทีเดียว
References
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)ข้อพระคัมภีร์
เกี่ยวกับแผนฯ
พระคัมภีร์ในหนึ่งปี เป็นแผนประจำวันซึ่งจะนำคุณอ่านพระคัมภีร์ทั้งเล่มในเวลาเพียงหนึ่งปี สำหรับใครก็ตามที่มองหาวิธีอ่านพระคัมภีร์แบบง่าย ๆ และมีแบบแผน แต่ละวันจะมีการสำรวจหัวข้อที่แตกต่างกันผ่านข้อพระคัมภีร์ที่คัดสรรมาจากพระธรรมสดุดีหรือสุภาษิต ตลอดจนพันธสัญญาใหม่และพันธสัญญาเดิม พร้อมด้วยคำอธิบายประจำวันจากนิคกี้ และพิพพา กัมเบล เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจและนำไปใช้ได้จริง
More
เราขอขอบคุณ Alpha International สำหรับการจัดทำแผนนี้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชม bible.alpha.org/th