ภาวะซึมเศร้า : เมื่อรู้สึกหมดหวังตัวอย่าง

ภาวะซึมเศร้า : เมื่อรู้สึกหมดหวัง

วันที่ 1 จาก 8

“ฉันรู้สึกซึมเศร้า!”

เราอาจเคยได้ยินคำพูดที่คล้ายกันหรือแม้กระทั่งเราเองก็เคยพูดถึงสถานการณ์ที่เราเผชิญอยู่ซึ่งดูเหมือนจะอยู่เหนือการควบคุมของเรา อาจเป็นเหตุการณ์ที่เราคาดหวังไว้สูงแต่กลับต้องล้มเลิก หรือเป็นความรู้สึกเจ็บป่วยและท้อแท้ หรือแม้แต่เมื่อสถานการณ์ที่เราเผชิญดูหมดหนทางเหลือเกิน

ความเศร้าเสียใจหรือผิดหวังอาจเป็นคำที่ใช้กันทั่วไป และก็ไม่ต้องสงสัยทุกคนต่างเคยรู้สึกเช่นนั้น อย่างไรก็ตาม ภาวะซึมเศร้าที่แท้จริงถูกมองว่าเป็นประสบการณ์ที่มืดมน ประสบการณ์อันเลวร้ายที่บีบบังคับผู้คนให้ยอมแพ้ต่อชีวิตหรือรู้สึกเหมือนชีวิตยอมแพ้ต่อพวกเขา

“รู้สึกสิ้นหวัง”

ชาร์ลส์ สเปอร์เจียน นักเทศน์ชาวอังกฤษผู้มีชื่อเสียงในช่วงศตวรรษที่ 19 ก็ต่อสู้กับภาวะซึมเศร้าและเขาเคยพูดเปรียบภาวะซึมเศร้าว่าเป็น “ความน่าสะพรึงกลัวที่จิตวิญญาณถูกพระเจ้าทอดทิ้ง”

“หากจิตวิญญาณของคุณหม่นหมอง คุณก็ดูเศร้าหมองยิ่งกว่าความตาย แม้ในขณะที่คุณอาจรายล้อมไปด้วยความสะดวกสบายของชีวิตก็ตาม คุณอาจไม่ได้เป็นทุกข์ทางกายภาพ แต่หากจิตใจหดหู่หม่นหมอง แสงสว่างที่เจิดจ้าที่สุดก็ไม่ช่วยบรรเทาความเศร้าโศกได้ … มีหลายครั้งที่ข้อเท็จจริงทั้งหมดของเราถูกบดบังและความชื่นชมยินดีทั้งหมดของเราหายไป แม้ว่าเราจะยึดไม้กางเขน แต่มันก็เป็นไปด้วยความสิ้นหวัง”

มีหลายสาเหตุที่ทำให้คนๆ หนึ่งเข้าสู่ภาวะซึมเศร้า และที่สำคัญ คือยังมีคนที่เผชิญกับภาวะซึมเศร้าโดยที่ดูเหมือนไม่มีความเกี่ยวข้องหรือเหตุผลใดๆ เลย ไม่ว่าจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ภาวะซึมเศร้าสามารถจับจิตวิญญาณเป็นตัวประกันได้เช่นเดียวกับประสบการณ์ส่วนตัวอื่นๆ เพียงไม่กี่อย่างเท่านั้นที่สามารถทำได้ สถานการณ์ที่ถาโถมทำให้เกิดความสิ้นหวัง ไม่มีที่สิ้นสุด ไม่มีทางแก้ไข และไม่มีทางหลบหนีได้ และในไม่ช้าความสิ้นหวังก็กลายเป็นความมืดมนของภาวะซึมเศร้า

“ฉันซึมเศร้าหรือเปล่า?”

บางทีคุณอาจสงสัยว่าสิ่งที่คุณรู้สึกเป็นเรื่องปกติหรือมีบางอย่างกำลังเกิดขึ้นอยู่ภายใน ลองพิจารณาข้อความด้านล่างและจดสิ่งที่เกี่ยวข้องกับคุณ :

– ฉันรู้สึกเศร้าหรือรู้สึกด้านชาเกือบทุกวัน
– ฉันมีความสนใจเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยในกิจกรรมที่ฉันเคยพบว่าสนุกสนาน
– ฉันนอนหลับยาก
– ฉันนอนมากเกินไป
– ฉันไม่อยากอาหาร
– ฉันกินมากเกินไปเกือบทุกวัน
– ฉันรู้สึกเหนื่อยเกือบตลอดเวลา
– ฉันพบว่ามันยากที่จะมีสมาธิหรือจดจ่อ
– ความสนใจของฉันในเรื่องความใกล้ชิดในชีวิตสมรสลดลง
– ฉันรู้สึกหนักใจกับภาระของชีวิต
– ฉันไม่ได้หวังมากนักว่าชีวิตของฉันจะดีขึ้นในอนาคต
– ฉันเปลี่ยนจากความรู้สึกไร้พลังและไม่คู่ควรมาเป็นความรู้สึกโกรธและตกเป็นเหยื่อ
– ฉันคิดถึงความตายหรือการฆ่าตัวตาย
– ฉันมีส่วนร่วมในพฤติกรรมที่ไม่ดีต่อสุขภาพที่ฉันหยุดไม่ได้

หากคุณพบว่ามีอาการเหล่านี้ตั้งแต่ห้าข้อขึ้นไป หรืออย่างน้อยหนึ่งในสองข้อแรก (รู้สึกเศร้าหรือมีความไม่สนใจในอะไรเลย) คุณก็ควรขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญเนื่องจากคุณอาจกำลังเผชิญกับภาวะซึมเศร้า อย่างน้อยที่สุดผู้ที่มีอาการสองถึงสี่ข้อควรพิจารณาไปพบจิตแพทย์เพื่อรับการตรวจสุขภาพที่ถูกต้องสมบูรณ์ บางครั้งสิ่งเหล่านี้อาจเป็นอาการของโรคก็ได้

มันไม่ใช่ความล้มเหลวของคุณที่คุณรู้ว่าจำเป็นที่จะต้องขอความช่วยเหลือ ความจริงมันคือการตัดสินใจที่กล้าหาญที่สุดและเป็นก้าวที่ยากที่สุดที่คนคนนึงจะทำได้ การจะใช้ชีวิตต่อไปเมื่อทุกสิ่งดูสิ้นหวังและไร้ประโยชน์ต้องใช้ความกล้าหาญอย่างมาก และคุณไม่จำเป็นต้องทำสิ่งนั้นเพียงลำพัง

“กระบวนการฟื้นฟู”

เนื่องจากโรคซึมเศร้าเป็นการต่อสู้ที่ไม่ง่าย และอาจส่งผลให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมา เส้นทางสู่การฟื้นฟูจึงอาจยาวนานและซับซ้อน และอาจอยู่ระหว่างการสร้างใหม่จนกว่าเราจะไปสวรรค์

ความเจ็บปวดไม่ใช่ศัตรู แต่เป็นสัญญาณว่าชีวิตและความรู้สึกกำลังกลับคืนสู่หัวใจที่ตายไปแล้วของเรา เมื่อเราเริ่มเผชิญกับความจริงได้มากขึ้นเมื่อใด เราจึงจะสามารถฟื้นฟูความเชื่อผ่านความสงสัย และฟื้นคืนความชื่นชมยินดีได้ด้วยการเรียนรู้จักให้ผู้อื่น

ข้อพระคัมภีร์

วันที่ 2

เกี่ยวกับแผนฯ

ภาวะซึมเศร้า : เมื่อรู้สึกหมดหวัง

บทเฝ้าเดี่ยว 7 วันเมื่อคุณกำลังเผชิญกับวันเศร้าๆ

More

เราขอขอบคุณ Our Daily Bread Asia Pacific ที่ให้แผนนี้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดไปที่ https://mustardseed.community/