อะไรคือความจริง?ตัวอย่าง
อิสระภาพ
การรู้จักพระเยซูเป็นการรู้จักความจริง ความจริงแท้แน่นอน สัมพันธภาพที่ไม่เปลี่ยนแปลง และให้ชีวิต ด้วยเหตุที่ทั้งหมดถูกห่อหุ้มไว้อย่างแน่นหนาในพระเยซูแต่พระองค์เดียว แหล่งกำเนิดเดียวของเรา พวกเราเคยอภิปรายถึงความเล้าโลมใจที่ได้จากการรู้ว่าความจริงไม่ได้เป็นอะไรที่จับต้องไม่ได้ หรือหาความแน่นอนไม่ได้ แต่พึ่งพิง และ
รับรู้ได้ อันเป็นสัมพันธภาพหนึ่งที่โอบล้อมชีวิตของเราได้ทุกวันคืน แต่นี่ไม่เป็นเพียงการปลดปล่อยเราออกจากสิ่งยึดเหนี่ยว ความจริงนี้จะนำไปสู่เสรีภาพไม่ว่าเราจะไปที่ไหนก็ตาม
สำคัญอย่างยิ่งที่จะเข้าใจข้อนี้ เพราะว่าจะเป็นอย่างกับอาดาม และเอวาในปฐมกาล 3 เราอาจถูกทดลองให้ปฏิเสธความจริง ตามที่พระเจ้าได้บัญญัติไว้ กับความสัมพันธภาพของเราในพระองค์ ที่จำกัดไว้ และหดหู่จริง ๆ เมื่ออาดามกันเอวาเลือกที่จะเชื่องูร้ายนั้น เขาทั้งสองก็เห็นด้วยกันมันว่าพระเจ้าได้เก็บบางสิ่งไว้จากเขาทั้งสอง เราเห็นได้เลยว่ามันไม่ได้เป็นเช่นนั้น แต่พระเจ้าทรงต้องการปกป้องลูก ๆ จากการถูกตัดขาดจากพระองค์ จากประสบการณ์นั้นเราเห็นชัดเจนในความสับสน และความตายที่เกิดขึ้นจากการถูกแยกออกจากแหล่งบัญชาการ และชีวิต แต่อย่างไรก็ตาม การโกหกนั้นก็ยังคงร้ายแรงอยู่ดี
ความเท็จจำจองเราอยู่ พวกมันกักขังเราอยู่ในวงล้อมของการปกปิดตนเอง การเสพติด ความอับอาย และการโดดเดี่ยวตัวเอง ความจริงมีผลในทางตรงกันข้าม ไม่มีการจำกัด และไม่ซึมเศร้า แต่เป็นอิสระภาพอย่างแท้จริง
สำหรับชาวยิวที่เชื่อพระองค์ พระเยซูตรัสว่า "ถ้าท่านรับเอาคำสอนของเรา ก็เป็นสาวกของเราอย่างแท้จริง บัดนี้ท่านรู้จักสัจจะแล้ว และสัจจะจะทำให้ท่านเป็นไท" ยอห์น 8 ข้อ 31-32
คุณได้เห็นแล้วหรือไม่ ความรู้เกี่ยวกับความจริงทำให้เราเป็นไท ความเป็นไทเป็นผลจากการอยู่ใกล้ชิด เเละเชื่อในพระเยซู (ความจริง) ดูเถอะ การดำเนินอยู่ในความจริง ไม่ได้เป็นพียงการทำตามกฎเกณฑ์ใด ๆ ที่บันทึกไว้ แต่เป็นความชื่นชมอยู่กับสัมพันธภาพกับพระผู้ช่วยให้รอด ผู้ทรงกู้เราจากการจำจองนั่นเอง ช่วงแรกที่พระองค์ทรงสอนในธรรมศาลาเมือ่ครั้งออกมาประกาศนั้น พระเยซูได้กล่าวอ้างถึงคำพยากรณ์ของอิสยาห์
“พระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้า
เพราะว่าพระองค์ทรงเจิมตั้งข้าพเจ้าไว้
เพื่อนำข่าวดีมายังคนยากจน
พระองค์ทรงใช้ข้าพเจ้ามาประกาศอิสรภาพแก่พวกเชลย
ประกาศแก่คนตาบอดว่าจะได้เห็นอีก
ปล่อยผู้ถูกบีบบังคับให้เป็นอิสระ" ลูกา 4 ข้อ 18
พระเยซู ทรงกล่าวต่อไปอย่างชัดเจนว่า ถ้อยคำบรรยายในข้อความเกี่ยวกับพระเมสิยาห์นี้ เป็นเรื่องราวบันทึกเกี่ยวกับพระองค์เองที่ทรงเป็นผู้นั้น และพระราชกิจที่ทรงเสด็จมากระทำด้วย
ดังนั้น อย่าได้หลงเข้าไปอยู๋ในความเท็จเก่าก่อนนั้น ที่ปฏิเสธความจริง ซึ่งทำให้เราหยุดอยู่นั้น ไม่เป็นเช่นนั้น
ความจริงนี้มีหน้าตา และเป็นพระเยซู ผู้ที่เสด็จมากู้เราออกจากคุกที่เราทำขึ้นมาจำจองตนเอง
การท้าทาย ค้นหาเปิดโปงการโกหกที่หยุดยั้งเราจากประสบการณ์ชีวิตที่พระเจ้าทรงกำหนดไว้ มันอาจเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก ๆ กลบเกลื่อนความสัมพันธ์ของคุณที่พึงมี มันอาจเป็นเรื่องใหญ่โตที่คุุณได้จัดการกับมันมานานมากแล้ว เขียนมันไว้ และค้นหาในคำสอนพระเยซูเกี่ยวกับความจริงที่จะปลดปล่อยคุณ ท่องข้อพระคัมภีร์ที่พระเจ้า
ได้สำแดงแก่คุณเพื่อเตือนใจตนเองได้ทุกครั้งเมื่อถูกล่อให้หลงเข้าไปอยู่ในกับดักนั้น
การรู้จักพระเยซูเป็นการรู้จักความจริง ความจริงแท้แน่นอน สัมพันธภาพที่ไม่เปลี่ยนแปลง และให้ชีวิต ด้วยเหตุที่ทั้งหมดถูกห่อหุ้มไว้อย่างแน่นหนาในพระเยซูแต่พระองค์เดียว แหล่งกำเนิดเดียวของเรา พวกเราเคยอภิปรายถึงความเล้าโลมใจที่ได้จากการรู้ว่าความจริงไม่ได้เป็นอะไรที่จับต้องไม่ได้ หรือหาความแน่นอนไม่ได้ แต่พึ่งพิง และ
รับรู้ได้ อันเป็นสัมพันธภาพหนึ่งที่โอบล้อมชีวิตของเราได้ทุกวันคืน แต่นี่ไม่เป็นเพียงการปลดปล่อยเราออกจากสิ่งยึดเหนี่ยว ความจริงนี้จะนำไปสู่เสรีภาพไม่ว่าเราจะไปที่ไหนก็ตาม
สำคัญอย่างยิ่งที่จะเข้าใจข้อนี้ เพราะว่าจะเป็นอย่างกับอาดาม และเอวาในปฐมกาล 3 เราอาจถูกทดลองให้ปฏิเสธความจริง ตามที่พระเจ้าได้บัญญัติไว้ กับความสัมพันธภาพของเราในพระองค์ ที่จำกัดไว้ และหดหู่จริง ๆ เมื่ออาดามกันเอวาเลือกที่จะเชื่องูร้ายนั้น เขาทั้งสองก็เห็นด้วยกันมันว่าพระเจ้าได้เก็บบางสิ่งไว้จากเขาทั้งสอง เราเห็นได้เลยว่ามันไม่ได้เป็นเช่นนั้น แต่พระเจ้าทรงต้องการปกป้องลูก ๆ จากการถูกตัดขาดจากพระองค์ จากประสบการณ์นั้นเราเห็นชัดเจนในความสับสน และความตายที่เกิดขึ้นจากการถูกแยกออกจากแหล่งบัญชาการ และชีวิต แต่อย่างไรก็ตาม การโกหกนั้นก็ยังคงร้ายแรงอยู่ดี
ความเท็จจำจองเราอยู่ พวกมันกักขังเราอยู่ในวงล้อมของการปกปิดตนเอง การเสพติด ความอับอาย และการโดดเดี่ยวตัวเอง ความจริงมีผลในทางตรงกันข้าม ไม่มีการจำกัด และไม่ซึมเศร้า แต่เป็นอิสระภาพอย่างแท้จริง
สำหรับชาวยิวที่เชื่อพระองค์ พระเยซูตรัสว่า "ถ้าท่านรับเอาคำสอนของเรา ก็เป็นสาวกของเราอย่างแท้จริง บัดนี้ท่านรู้จักสัจจะแล้ว และสัจจะจะทำให้ท่านเป็นไท" ยอห์น 8 ข้อ 31-32
คุณได้เห็นแล้วหรือไม่ ความรู้เกี่ยวกับความจริงทำให้เราเป็นไท ความเป็นไทเป็นผลจากการอยู่ใกล้ชิด เเละเชื่อในพระเยซู (ความจริง) ดูเถอะ การดำเนินอยู่ในความจริง ไม่ได้เป็นพียงการทำตามกฎเกณฑ์ใด ๆ ที่บันทึกไว้ แต่เป็นความชื่นชมอยู่กับสัมพันธภาพกับพระผู้ช่วยให้รอด ผู้ทรงกู้เราจากการจำจองนั่นเอง ช่วงแรกที่พระองค์ทรงสอนในธรรมศาลาเมือ่ครั้งออกมาประกาศนั้น พระเยซูได้กล่าวอ้างถึงคำพยากรณ์ของอิสยาห์
“พระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้า
เพราะว่าพระองค์ทรงเจิมตั้งข้าพเจ้าไว้
เพื่อนำข่าวดีมายังคนยากจน
พระองค์ทรงใช้ข้าพเจ้ามาประกาศอิสรภาพแก่พวกเชลย
ประกาศแก่คนตาบอดว่าจะได้เห็นอีก
ปล่อยผู้ถูกบีบบังคับให้เป็นอิสระ" ลูกา 4 ข้อ 18
พระเยซู ทรงกล่าวต่อไปอย่างชัดเจนว่า ถ้อยคำบรรยายในข้อความเกี่ยวกับพระเมสิยาห์นี้ เป็นเรื่องราวบันทึกเกี่ยวกับพระองค์เองที่ทรงเป็นผู้นั้น และพระราชกิจที่ทรงเสด็จมากระทำด้วย
ดังนั้น อย่าได้หลงเข้าไปอยู๋ในความเท็จเก่าก่อนนั้น ที่ปฏิเสธความจริง ซึ่งทำให้เราหยุดอยู่นั้น ไม่เป็นเช่นนั้น
ความจริงนี้มีหน้าตา และเป็นพระเยซู ผู้ที่เสด็จมากู้เราออกจากคุกที่เราทำขึ้นมาจำจองตนเอง
การท้าทาย ค้นหาเปิดโปงการโกหกที่หยุดยั้งเราจากประสบการณ์ชีวิตที่พระเจ้าทรงกำหนดไว้ มันอาจเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก ๆ กลบเกลื่อนความสัมพันธ์ของคุณที่พึงมี มันอาจเป็นเรื่องใหญ่โตที่คุุณได้จัดการกับมันมานานมากแล้ว เขียนมันไว้ และค้นหาในคำสอนพระเยซูเกี่ยวกับความจริงที่จะปลดปล่อยคุณ ท่องข้อพระคัมภีร์ที่พระเจ้า
ได้สำแดงแก่คุณเพื่อเตือนใจตนเองได้ทุกครั้งเมื่อถูกล่อให้หลงเข้าไปอยู่ในกับดักนั้น
ข้อพระคัมภีร์
เกี่ยวกับแผนฯ
ความจริงของฉันเอง หรือเป็นความจริงหนึ่งเดียวนั้น จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อทั้ง 2 นี้ขัดแย้งกัน เราจะรู้ได้อย่างไรว่าบางสิ่งบางอย่างถูกต้องจริง ๆ มาพิจารณาร่วมกับเราใน 7 วันข้างหน้านี้ เกี่ยวกับสาระความจริงที่เป็นบุคคลจริง ไม่ได้เป็นแต่หลักการที่ไม่มีตัวตนใด ๆ แต่เป็นบุคคลหนึ่ง หน้าตาหนึ่ง คนคนหนึ่งที่เป็นเหตุเป็นผล ไม่เปลี่ยนแปลง เป็นผู้ประทานชีวิต และความรักนิรันดร์ บุคคลที่มีชื่อว่า เยซู
More
เราขอขอบคุณ Life.Church สำหรับการแบ่งปันแผนการอ่านนี้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชม: https://www.life.church/