มัทธิว 15:7-34

มัทธิว 15:7-34 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

ไอ้​พวก​หน้าซื่อใจคด อิสยาห์​ได้​พูด​แทน​พระเจ้า​เกี่ยว​กับ​พวก​คุณ​ไว้​ถูกต้อง​เลย​ที่​ว่า ‘คน​พวกนี้​นับถือ​เรา​แต่​ปาก​เท่า​นั้น แต่​ใจ​ของ​เขา​ห่างไกล​จาก​เรา​มาก จึง​ไม่​มี​ประโยชน์​ที่​เขา​จะ​บูชา​เรา เพราะ​สิ่ง​ที่​เขา​สอน​กัน​นั้น เป็น​แค่​กฎ​ที่​มนุษย์​ตั้ง​ขึ้น’” พระเยซู​เรียก​ฝูงชน​เข้า​มา​และ​พูด​ว่า “ฟัง​ให้​เข้าใจ​นะ สิ่ง​ที่​เข้า​ไป​ใน​ปาก​ไม่​ทำ​ให้​คน​สกปรก​ใน​สายตา​พระเจ้า​หรอก แต่​สิ่ง​ที่​ออก​มา​จาก​ปาก​นั่น​แหละ ที่​ทำ​ให้​คน​สกปรก​ใน​สายตา​พระเจ้า” พวก​ศิษย์​เข้า​มา​บอก​พระเยซู​ว่า “อาจารย์​รู้​หรือ​เปล่า ที่​อาจารย์​พูด​ไป​นั้น ทำ​ให้​พวก​ฟาริสี​โกรธ​แค้น​มาก” พระเยซู​ตอบ​ว่า “ต้นไม้​ทุก​ต้น​ที่​พระบิดา​ของ​เรา​บน​สวรรค์​ไม่​ได้​ปลูก ก็​จะ​ถูก​ถอนราก​ถอนโคน​จน​หมด ไม่​ต้อง​ไป​สนใจ​หรอก พวก​เขา​เป็น​คน​นำ​ทาง​ตาบอด ถ้า​คน​ตาบอด​นำทาง​คน​ตาบอด ทั้ง​สอง​คน​ก็​จะ​ตก​ลง​ไป​ใน​คู” เปโตร​บอก​พระเยซู​ว่า “ช่วย​อธิบาย​เรื่อง​เปรียบเทียบ​ที่​เพิ่ง​พูด​ไป​นั้น​ให้​ฟัง​หน่อย​ครับ” พระเยซู​พูด​ว่า “อะไร​กัน ยัง​ไม่​เข้าใจ​อีก​หรือ ไม่​เห็น​หรือ​ว่า ทุก​อย่าง​ที่​คน​กิน​เข้า​ไป​ใน​ปาก​จะ​ตก​ลง​ไป​ใน​ท้อง แล้ว​ถ่าย​ออก​มา แต่​สิ่ง​ที่​พูด​ออก​มา​จาก​ปาก​นั้น มัน​มา​จาก​ใจ และ​สิ่งนี้​เอง​ที่​ทำ​ให้​คน​สกปรก​ใน​สายตา​พระเจ้า เพราะ​สิ่ง​ที่​ออก​มา​จาก​ใจ คือ​ความคิด​ชั่วร้าย การเข่นฆ่ากัน การมีชู้ ความผิดบาป​ทางเพศ​อื่นๆ การลักขโมย การโกหก การใส่ร้ายป้ายสีกัน สิ่ง​เหล่านี้​แหละ​เป็น​สิ่ง​ที่​ทำ​ให้​คน​สกปรก​ใน​สายตา​พระเจ้า แต่​การ​ที่​ไม่​ได้​ล้าง​มือ​ก่อน​กิน​อาหาร ไม่​ทำ​ให้​คน​สกปรก​ใน​สายตา​พระเจ้า​หรอก” พระเยซู​ออก​จาก​ที่​นั่น และ​เข้า​ไป​ยัง​เขตแดน​เมือง​ไทระ และ​เมือง​ไซดอน หญิง​ชาว​คานาอัน​คน​หนึ่ง​ที่​อยู่​แถว​นั้น ได้​เข้า​มา​ร้อง​บอก​พระองค์​ว่า “องค์​เจ้า​ชีวิต บุตร​ของ​ดาวิด สงสาร​ฉัน​ด้วย​เถอะ ลูกสาว​ของ​ฉัน​ถูก​ผี​สิง เธอ​ทน​ทุกข์ทรมาน​มาก” พระเยซู​ไม่​ได้​ตอบ​เธอ​เลย​สัก​คำ พวก​ศิษย์​เข้า​มา​ยุ​พระองค์​ว่า “ไล่​เธอ​ไป​เถอะ​ครับ น่า​รำคาญ ร้อง​ตะโกน​ตาม​ตื๊อ​อยู่​ได้” พระเยซู​ตอบ​ผู้หญิง​คน​นั้น​ว่า “พระเจ้า​ส่ง​เรา​มา​ช่วย​เฉพาะ​คน​อิสราเอล​ที่​เป็น​เหมือน​แกะ​ที่​หลง​ทาง​ของ​พระองค์” เธอ​จึง​เข้า​มา​คุกเข่า​ลง​ต่อหน้า​พระเยซู และ​พูด​ว่า “องค์​เจ้า​ชีวิต ช่วย​ฉัน​ด้วย​เถิด” พระเยซู​จึง​ตอบ​ว่า “มัน​ไม่​ถูกต้อง​หรอก​นะ ที่​จะ​เอา​อาหาร​ของ​ลูกๆ​ไป​โยน​ให้​หมา​กิน” หญิง​คน​นั้น​ตอบ​ว่า “ใช่​ค่ะ แต่​หมา​ก็​ยัง​ได้​กิน​เศษ​อาหาร​ที่​หล่น​จาก​โต๊ะ​ของ​นาย​มัน​นะ​คะ” พระเยซู​ตอบ​ว่า “เธอ​นี่​มี​ความเชื่อ​มาก​จริงๆ เธอ​ขอ​อะไร​ก็​ให้​เป็น​ไป​ตาม​นั้น” แล้ว​ลูกสาว​ของ​นาง​ก็​หาย​เป็น​ปกติ​ทันที พระเยซู​ออก​จาก​ที่​นั่น เดิน​ไป​ตาม​ชาย​ฝั่ง​ทะเลสาบ​กาลิลี​และ​ขึ้น​ไป​บน​ภูเขา แล้ว​นั่ง​พัก​อยู่​บน​นั้น มี​ฝูงชน​จำนวน​มาก​มา​หา​พระเยซู พวก​เขา​พา​คน​ง่อย คน​ตาบอด คน​พิการ คน​ใบ้ และ​คน​ที่​เป็น​โรค​อื่นๆ​อีก​มากมาย​มา​ด้วย และ​เอา​มา​วาง​นอน​อยู่​ที่​เท้า​ของ​พระองค์ แล้ว​พระองค์​ได้​รักษา​ทุก​คน​จน​หาย​หมด ผู้คน​ต่าง​ก็​พา​กัน​ประหลาดใจ เมื่อ​เห็น​คน​ใบ้​พูด​ได้ คน​พิการ​ก็​หาย คน​ขา​เป๋​เดิน​ได้ และ​คน​ตาบอด​ก็​มอง​เห็น ทุก​คน​ต่าง​พา​กัน​สรรเสริญ​พระเจ้า​ของ​อิสราเอล พระเยซู​เรียก​พวก​ศิษย์​ของ​พระองค์​มา แล้ว​พูด​ว่า “สงสาร​คน​พวกนี้​จริงๆ​เพราะ​เขา​อยู่​ที่​นี่​กับ​เรา​มา​สาม​วัน​แล้ว และ​ไม่​มี​อะไร​กิน​ด้วย ไม่​อยาก​จะ​ส่ง​พวก​เขา​กลับ​ไป​ทั้งๆ​ที่​ยัง​หิว​อยู่ อาจ​จะ​ไป​เป็น​ลม​กลาง​ทาง​ได้” พวก​ศิษย์​จึง​พูด​ว่า “ใน​ที่​เปล่า​เปลี่ยว​แห้งแล้ง​อย่างนี้ จะ​ไป​เอา​อาหาร​ที่​ไหน​มา​เลี้ยง​คน​ตั้ง​มากมาย​ขนาดนี้​ได้​ล่ะ​ครับ” พระเยซู​ถาม​ว่า “พวก​คุณ​มี​ขนมปัง​อยู่​กี่​ก้อน” พวก​ศิษย์​ตอบ​ว่า “เจ็ด​ก้อน​กับ​ปลา​ตัว​เล็กๆ​อีก​ไม่​กี่​ตัว”

มัทธิว 15:7-34 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

พวกหน้าซื่อใจคด อิสยาห์พยากรณ์ถึงท่านทั้งหลายถูกแล้วว่า ‘ชนชาตินี้ให้เกียรติเราแต่ปาก ใจของพวกเขาห่างไกลจากเรา พวกเขานมัสการเราโดยเปล่าประโยชน์ เพราะเอากฎเกณฑ์ของมนุษย์มาสอนว่าเป็นพระดำรัสสอน’ ” แล้วพระองค์ทรงเรียกฝูงชนและตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “จงฟังและเข้าใจเถิด ไม่ใช่สิ่งซึ่งเข้าไปในปากจะทำให้มนุษย์เป็นมลทิน แต่สิ่งซึ่งออกมาจากปากนั้นแหละทำให้มนุษย์เป็นมลทิน” ขณะนั้นบรรดาสาวกมาทูลพระองค์ว่า “พระองค์ทรงทราบหรือไม่ว่า เมื่อพวกฟาริสีได้ยินคำตรัสนั้นเขาทั้งหลายไม่พอใจมาก?” พระองค์จึงตรัสตอบว่า “ต้นไม้ทุกต้น ซึ่งพระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์ ไม่ได้ทรงปลูกไว้จะต้องถูกถอนออกเสีย ช่างเถิด เขาทั้งหลายเป็นผู้นำที่ตาบอด [ของคนตาบอด] ถ้าคนตาบอดนำทางคนตาบอด ทั้งสองคนจะตกลงไปในบ่อ” เปโตรทูลพระองค์ว่า “ขอพระองค์โปรดอธิบายอุปมานั้นให้พวกข้าพระองค์ทราบ” พระเยซูตรัสตอบว่า “ท่านทั้งหลายยังไม่เข้าใจด้วยหรือ? ท่านทั้งหลายไม่เห็นหรือ? ว่าสิ่งใดๆ ซึ่งเข้าไปในปากก็ลงไปในท้อง แล้วก็ถ่ายออกลงส้วมไป แต่สิ่งที่ออกจากปากก็ออกมาจากใจ สิ่งนั้นแหละทำให้มนุษย์เป็นมลทิน ความคิดชั่วร้าย การฆ่าคน การเป็นชู้ การล่วงประเวณี การลักขโมย การเป็นพยานเท็จ การใส่ร้าย ก็ล้วนออกมาจากใจ สิ่งเหล่านี้แหละที่ทำให้มนุษย์เป็นมลทิน แต่การรับประทานอาหารโดยไม่ล้างมือก่อน ไม่ทำให้มนุษย์เป็นมลทิน” แล้วพระเยซูเสด็จจากที่นั่น เข้าไปในเขตเมืองไทระและเมืองไซดอน มีหญิงชาวคานาอันคนหนึ่งมาจากเขตแดนนั้นร้องทูลพระองค์ว่า “พระองค์ผู้ทรงเป็นบุตรดาวิดเจ้าข้า ขอทรงพระเมตตาข้าพระองค์เถิด ลูกสาวของข้าพระองค์มีผีสิงอยู่ เป็นทุกข์ลำบากอย่างยิ่ง” พระองค์ไม่ทรงตอบนางสักคำเดียว และสาวกทั้งหลายของพระองค์มาทูลพระองค์ว่า “ไล่นางไปเสียเถิด เพราะนางร้องตามเรามา” พระองค์ตรัสตอบว่า “เราไม่ได้รับใช้มาหาใคร เว้นแต่แกะหลงของวงศ์วานอิสราเอล” หญิงนั้นก็มากราบและทูลพระองค์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอโปรดช่วยข้าพระองค์เถิด” พระองค์จึงตรัสตอบว่า “การเอาอาหารของลูกโยนให้กับสุนัขก็ไม่สมควร” ผู้หญิงนั้นทูลว่า “จริงเจ้าข้า แต่สุนัขนั้นย่อมกินเศษที่ตกจากโต๊ะนายของมัน” แล้วพระเยซูตรัสตอบนางว่า “หญิงเอ๋ย ความเชื่อของท่านก็มาก ให้เป็นไปตามความต้องการของท่านเถิด” แล้วลูกสาวของนางก็หายเป็นปกติตั้งแต่เวลานั้น พระเยซูจึงเสด็จจากที่นั่นมายังทะเลสาบกาลิลี แล้วเสด็จขึ้นไปบนภูเขาและประทับที่นั่น มหาชนมาเฝ้าพระองค์ และพาคนง่อย คนแขนขาพิการ คนตาบอด คนใบ้ และคนเจ็บอื่นๆ หลายๆ คน มาวางแทบพระบาทของพระเยซู แล้วพระองค์ทรงรักษาพวกเขาให้หาย ฝูงชนก็ประหลาดใจ เมื่อเห็นคนใบ้พูดได้ คนแขนขาพิการหายเป็นปกติ คนง่อยเดินได้ คนตาบอดกลับเห็น แล้วพวกเขาก็สรรเสริญพระเจ้าของชนชาติอิสราเอล พระเยซูทรงเรียกสาวกทั้งหลายของพระองค์มา ตรัสว่า “เราสงสารฝูงชนนี้ เพราะเขาทั้งหลายค้างอยู่กับเราได้สามวันแล้ว และไม่มีอาหารจะกิน เราไม่ต้องการส่งพวกเขาไปเมื่อยังอดโซอยู่ กลัวว่าพวกเขาจะสิ้นแรงลงตามทาง” พวกสาวกทูลพระองค์ว่า “ในถิ่นทุรกันดารนี้เราจะหาอาหารที่ไหนพอเลี้ยงฝูงชนมากเท่านี้ให้อิ่มได้?” พระเยซูจึงตรัสถามเขาทั้งหลายว่า “พวกท่านมีขนมปังกี่ก้อน” เขาทูลว่า “มีเจ็ดก้อนกับปลาเล็กๆ สองสามตัว”

มัทธิว 15:7-34 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)

ท่านคนหน้าซื่อใจคด อิสยาห์​ได้​พยากรณ์​ถึงพวกท่านถูกแล้​วว​่า ‘ประชาชนนี้​เข​้ามาใกล้เราด้วยปากของเขา และให้​เกียรติ​เราด้วยริมฝีปากของเขา แต่​ใจของเขาห่างไกลจากเรา เขานมัสการเราโดยหาประโยชน์​มิได้ ด้วยเอาบทบัญญั​ติ​ของมนุษย์มาอวดอ้างว่า เป็นพระดำรัสสอน’” แล​้วพระองค์ทรงเรียกประชาชนและตรัสกับเขาว่า “จงฟังและเข้าใจเถิด มิใช่​สิ​่งซึ่งเข้าไปในปากจะทำให้​มนุษย์​เป็นมลทิน แต่​สิ​่งซึ่งออกมาจากปากนั้นแหละทำให้​มนุษย์​เป็นมลทิน” ขณะนั้นพวกสาวกมาทูลพระองค์​ว่า “​พระองค์​ทรงทราบแล้วหรือว่า เมื่อพวกฟาริ​สี​ได้​ยินคำตรั​สน​ั้น เขาแค้นเคืองใจนัก” พระองค์​จึงตรัสตอบว่า “​ต้นไม้​ใดๆทุกต้นซึ่งพระบิดาของเราผู้ทรงสถิตในสวรรค์​มิได้​ทรงปลูกไว้จะต้องถอนเสีย ช่างเขาเถิด เขาเป็นผู้นำตาบอดนำทางคนตาบอด ถ้าคนตาบอดนำทางคนตาบอด ทั้งสองจะตกลงไปในบ่อ” ฝ่ายเปโตรทูลพระองค์​ว่า “ขอทรงโปรดอธิบายคำอุปมานี้​ให้​พวกข้าพระองค์ทราบเถิด” ฝ่ายพระเยซูตรัสตอบว่า “ท่านทั้งหลายยังไม่​เข​้าใจด้วยหรือ ท่านยังไม่​เข​้าใจหรือว่า สิ​่งใดๆซึ่งเข้าไปในปากก็ลงไปในท้อง แล้วก็​ถ่ายออกลงส้วมไป แต่​สิ​่งที่ออกจากปากก็ออกมาจากใจ สิ​่งนั้นแหละทำให้​มนุษย์​เป็นมลทิน ความคิดชั่วร้าย การฆาตกรรม การผิดผัวผิดเมีย การล่วงประเวณี การลักขโมย การเป็นพยานเท็จ การพูดหมิ่นประมาท ก็​ออกมาจากใจ สิ​่งเหล่านี้แหละที่​ทำให้​มนุษย์​เป็นมลทิน แต่​ซึ่งจะรับประทานอาหารโดยไม่ล้างมื​อก​่อน ไม่​ทำให้​มนุษย์​เป็นมลทิน” แล​้วพระเยซูเสด็จไปจากที่นั่นเข้าไปในเขตแดนเมืองไทระและเมืองไซดอน ดู​เถิด มี​หญิงชาวคานาอันคนหนึ่งมาจากเขตแดนนั้​นร​้องทูลพระองค์​ว่า “​โอ พระองค์​ผู้​ทรงเป็นบุตรดาวิดเจ้าข้า ขอทรงโปรดเมตตาข้าพระองค์​เถิด ลูกสาวของข้าพระองค์​มี​ผี​สิ​งอยู่​เป็นทุกข์​ลำบากยิ่งนัก” ฝ่ายพระองค์​ไม่​ทรงตอบเขาสักคำเดียว และพวกสาวกของพระองค์มาอ้อนวอนพระองค์ ทูลว่า “​ไล่​เธอไปเสียเถิด เพราะเธอร้องตามเรามา” พระองค์​ตรัสตอบว่า “เรามิ​ได้​รับใช้​มาหาผู้​ใด เว้นแต่​แกะหลงของวงศ์วานอิสราเอล” ฝ่ายหญิงนั้​นก​็มานมัสการพระองค์ทูลว่า “​พระองค์​เจ้าข้า ขอทรงโปรดช่วยข้าพระองค์​เถิด​” พระองค์​จึงตรัสตอบว่า “ซึ่งจะเอาอาหารของลูกโยนให้​แก่​สุนัขก็​ไม่​ควร​” ผู้​หญิงนั้นทูลว่า “​จร​ิงพระองค์​เจ้าข้า แต่​สุนั​ขน​ั้นย่อมกินเดนที่ตกจากโต๊ะนายของมัน” แล​้วพระเยซูตรัสตอบเขาว่า “​โอ หญิงเอ๋ย ความเชื่อของเจ้าก็​มาก ให้​เป็นไปตามความปรารถนาของเจ้าเถิด” และลูกสาวของเขาก็หายเป็นปกติ​ตั้งแต่​ขณะนั้น พระเยซู​จึงเสด็จจากที่นั่นมายังทะเลกาลิลี แล​้วเสด็จขึ้นไปบนภูเขาทรงประทั​บท​ี่​นั่น และประชาชนเป็​นอ​ันมากมาเฝ้าพระองค์ พาคนง่อย คนตาบอด คนใบ้ คนพิการ และคนเจ็บอื่นๆหลายคนมาวางแทบพระบาทของพระเยซู แล​้วพระองค์ทรงรักษาเขาให้​หาย คนเหล่านั้นจึ​งอ​ัศจรรย์ใจนักเมื่อเห็นคนใบ้​พู​ดได้ คนพิการหายเป็นปกติ คนง่อยเดินได้ คนตาบอดกลับเห็น แล​้วเขาก็สรรเสริญพระเจ้าของชนชาติ​อิสราเอล ฝ่ายพระเยซูทรงเรียกพวกสาวกของพระองค์มาตรั​สว​่า “เราสงสารคนเหล่านี้ เพราะเขาค้างอยู่กับเราได้สามวันแล้ว และไม่​มี​อาหารจะกิน เราไม่อยากให้เขาไปเมื่อยังอดอาหารอยู่ กล​ั​วว​่าเขาจะหิวโหยสิ้นแรงลงตามทาง” พวกสาวกทูลพระองค์​ว่า “ในถิ่นทุ​รก​ันดารนี้ เราจะหาอาหารที่ไหนพอเลี้ยงคนเป็​นอ​ันมากนี้​ให้​อิ่มได้” พระเยซู​จึงตรัสถามเขาว่า “ท่านมีขนมปั​งก​ี่​ก้อน​” เขาทูลว่า “​มี​เจ​็​ดก​้อนกับปลาเล็กๆสองสามตัว”

มัทธิว 15:7-34 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

โอ คนหน้าซื่อใจคด อิสยาห์ได้พยากรณ์ถึงพวกท่านถูกแล้วว่า ประชาชนนี้ให้เกียรติเราแต่ปาก ใจของเขาห่างไกลจากเรา เขานมัสการเราโดยหาประโยชน์มิได้ ด้วยเอาบทบัญญัติของมนุษย์มาตู่ว่า เป็นพระดำรัสสอนของพระเจ้า>> แล้วพระองค์ทรงเรียกประชาชนและตรัสกับเขาว่า <<จงฟังและเข้าใจเถิด มิใช่สิ่งซึ่งเข้าไปในปากจะทำให้มนุษย์เป็นมลทิน แต่สิ่งซึ่งออกมาจากปากนั้นแหละทำให้มนุษย์เป็นมลทิน>> ขณะนั้นพวกสาวกมาทูลพระองค์ว่า <<พระองค์ทรงทราบแล้วหรือว่า เมื่อพวกฟาริสีได้ยินคำตรัสนั้นเขาแค้นเคืองนัก>> พระองค์จึงตรัสตอบว่า <<ต้นไม้ใดๆทุกต้น ซึ่งพระบิดาของเราผู้ทรงสถิตในสวรรค์ มิได้ทรงปลูกไว้จะต้องถอนเสีย ช่างเขาเถิด เขาเป็นคนนำทางตาบอด ถ้าคนตาบอดนำทางคนตาบอด ทั้งสองจะตกลงไปในบ่อ>> ฝ่ายเปโตรทูลพระองค์ว่า <<ขอพระองค์ทรงโปรดอธิบายคำเปรียบเทียบนั้น ให้พวกข้าพระองค์ทราบ>> ฝ่ายพระเยซูตรัสตอบว่า <<ท่านทั้งหลายยังไม่เข้าใจด้วยหรือ ท่านยังไม่เห็นหรือว่า สิ่งใดๆซึ่งเข้าไปในปากก็ลงไปในท้อง แล้วก็ถ่ายออกลงส้วมไป แต่สิ่งที่ออกจากปากก็ออกมาจากใจ สิ่งนั้นแหละทำให้มนุษย์เป็นมลทิน ความคิดชั่วร้าย การฆ่าคน การผิดผัวผิดเมีย การล่วงประเวณี การลักขโมย การเป็นพยานเท็จ การใส่ร้าย ก็ออกมาจากใจ สิ่งเหล่านี้แหละที่ทำให้มนุษย์เป็นมลทิน แต่ซึ่งจะรับประทานอาหารโดยไม่ล้างมือก่อน ไม่ทำให้มนุษย์เป็นมลทิน>> แล้วพระเยซูเสด็จจากที่นั่น เข้าไปในเขตเมืองไทระและเมืองไซดอน มีหญิงชาวคานาอันคนหนึ่งมาจากเขตแดนนั้นร้องทูลพระองค์ว่า <<พระองค์ผู้ทรงเป็นบุตรดาวิดเจ้าข้า ขอทรงโปรดเมตตาข้าพระองค์เถิด ลูกสาวของข้าพระองค์มีผีสิงอยู่ เป็นทุกข์ลำบากยิ่งนัก>> ฝ่ายพระองค์ไม่ทรงตอบเขาสักคำเดียว และพวกสาวกของพระองค์มาทูลพระองค์ว่า <<ไล่เขาไปเสียเถิด เพราะเขาร้องตามเรามา>> พระองค์ตรัสตอบว่า <<เรามิได้รับใช้มาหาผู้ใด เว้นแต่แกะหลงของวงศ์วานอิสราเอล>> ฝ่ายหญิงนั้นก็มากราบทูลพระองค์ว่า <<พระองค์เจ้าข้า ขอทรงโปรดช่วยข้าพระองค์เถิด>> พระองค์จึงตรัสตอบว่า <<ซึ่งจะเอาอาหารของลูกโยนให้แก่สุนัขก็ไม่ควร>> ผู้หญิงนั้นทูลว่า <<จริงเจ้าข้า แต่สุนัขนั้นย่อมกินเดนที่ตกจากโต๊ะนายของมัน>> แล้วพระเยซูตรัสตอบเขาว่า <<หญิงเอ๋ย ความเชื่อของเจ้าก็มาก ให้เป็นไปตามความปรารถนาของเจ้าเถิด>> และลูกสาวของเขาก็หายเป็นปกติตั้งแต่ขณะนั้น พระเยซูจึงเสด็จจากที่นั่นมายังทะเลสาบกาลิลี แล้วเสด็จขึ้นไปบนภูเขาทรงประทับที่นั่น และประชาชนเป็นอันมากมาเฝ้าพระองค์ พาคนง่อย คนแขนขาพิการ คนตาบอด คนใบ้ และคนเจ็บอื่นๆหลายคน มาวางแทบพระบาทของพระเยซู แล้วพระองค์ทรงรักษาเขาให้หาย คนเหล่านั้นจึงอัศจรรย์ใจนัก เมื่อเห็นคนใบ้พูดได้ คนแขนขาพิการหายเป็นปกติ คนง่อยเดินได้ คนตาบอดกลับเห็น แล้วเขาก็สรรเสริญพระเจ้าของชนชาติอิสราเอล ฝ่ายพระเยซูทรงเรียกพวกสาวกของพระองค์มา ตรัสว่า <<เราสงสารคนเหล่านี้ เพราะเขาค้างอยู่กับเราได้สามวันแล้ว และไม่มีอาหารจะกิน เราไม่อยากให้เขาไปเมื่อยังอดอาหารอยู่ กลัวว่าเขาจะหิวโหยสิ้นแรงลงตามทาง>> พวกสาวกทูลพระองค์ว่า <<ในถิ่นทุรกันดารนี้ เราจะหาอาหารที่ไหนพอเลี้ยงคนมากเท่านี้ให้อิ่มได้>> พระเยซูจึงตรัสถามเขาว่า <<ท่านมีขนมปังกี่ก้อน>> เขาทูลว่า <<มีเจ็ดก้อนกับปลาเล็กๆสองสามตัว>>

มัทธิว 15:7-34 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

เจ้าคนหน้าซื่อใจคด อิสยาห์พูดถูกแล้วเมื่อเขาเผยพระวจนะเกี่ยวกับพวกเจ้าว่า “ ‘ประชากรเหล่านี้ยกย่องเราแต่ปาก แต่ใจของพวกเขาห่างไกลจากเรา พวกเขานมัสการเราโดยเปล่าประโยชน์ คำสอนของพวกเขาเป็นเพียงกฎเกณฑ์ที่มนุษย์สอนกันมา’” พระเยซูทรงเรียกฝูงชนเข้ามาหาพระองค์และตรัสว่า “จงฟังและเข้าใจเถิดว่า สิ่งที่เข้าไปในปากมนุษย์ไม่ได้ทำให้เขา ‘เป็นมลทิน’ แต่สิ่งที่ออกจากปากของเขาต่างหากที่ทำให้เขา ‘เป็นมลทิน’ ” แล้วเหล่าสาวกมาทูลถามพระองค์ว่า “พระองค์ทรงทราบหรือไม่ว่าพวกฟาริสีขัดเคืองยิ่งนักเมื่อได้ยินเช่นนี้?” พระองค์ตรัสว่า “ต้นไม้ทุกต้นที่พระบิดาของเราในสวรรค์ไม่ได้ปลูกไว้จะถูกขุดรากถอนโคน ช่างเขาเถิด เขาเป็นคนนำทางที่ตาบอด ถ้าคนตาบอดนำทางให้คนตาบอด ทั้งคู่ก็จะตกหลุมตกบ่อ” เปโตรทูลว่า “ขอทรงอธิบายคำอุปมานี้แก่พวกข้าพระองค์เถิด” พระเยซูตรัสถามพวกเขาว่า “พวกท่านยังไม่เข้าใจอีกหรือ? ไม่เห็นหรือว่าสิ่งใดๆ ที่เข้าไปในปากมนุษย์ก็ลงท้องแล้วออกจากร่างกาย? แต่สิ่งที่ออกมาจากปากนั้นออกมาจากใจ และสิ่งเหล่านี้ทำให้มนุษย์ ‘เป็นมลทิน’ เพราะความคิดชั่ว การเข่นฆ่า การล่วงประเวณี การผิดศีลธรรมทางเพศ การลักขโมย การเป็นพยานเท็จ การนินทาว่าร้าย ล้วนออกมาจากจิตใจ สิ่งเหล่านี้ทำให้มนุษย์ ‘เป็นมลทิน’ ส่วนการรับประทานอาหารโดยไม่ได้ล้างมือไม่ได้ทำให้ ‘เป็นมลทิน’ ” จากที่นั่นพระเยซูเสด็จเข้าสู่เขตเมืองไทระและเมืองไซดอน มีหญิงชาวคานาอันคนหนึ่งจากละแวกนั้นมาร้องทูลพระองค์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า บุตรดาวิดเจ้าข้า เมตตาข้าพระองค์ด้วยเถิด! ลูกสาวของข้าพระองค์ถูกผีสิงทรมานเหลือเกิน” พระเยซูไม่ทรงตอบนางสักคำ เหล่าสาวกมาทูลพระองค์ว่า “ไล่นางไปเถิดเพราะนางมาร้องเซ้าซี้เรา” พระองค์ทรงตอบว่า “เราถูกส่งมาเพื่อแกะหลงของอิสราเอลเท่านั้น” หญิงนั้นมาคุกเข่าทูลว่า “พระองค์เจ้าข้า ช่วยข้าพระองค์ด้วย!” พระองค์ตรัสตอบว่า “ที่จะเอาอาหารของลูกโยนให้สุนัขก็ไม่ถูกต้อง” หญิงนั้นทูลว่า “จริงเจ้าข้า แต่สุนัขยังได้กินเศษอาหารที่หล่นจากโต๊ะของนาย” พระเยซูจึงตรัสตอบว่า “หญิงเอ๋ย เจ้ามีความเชื่อยิ่งใหญ่นัก! ให้เป็นไปตามที่เจ้าขอเถิด” และบุตรสาวของนางก็หายป่วยในขณะนั้นเอง พระเยซูเสด็จจากที่นั่นไปตามชายฝั่งทะเลกาลิลี แล้วทรงขึ้นไปบนเนินเขาและประทับนั่ง ผู้คนมากมายมาเข้าเฝ้าพระองค์ นำคนง่อย คนตาบอด คนพิการ คนใบ้ และคนป่วยอื่นๆ หลายคนมาวางแทบพระบาท และพระองค์ก็ทรงรักษาพวกเขา ประชาชนล้วนประหลาดใจเมื่อเห็นคนใบ้พูดได้ คนพิการหายเป็นปกติ คนง่อยเดินได้ และคนตาบอดมองเห็น เขาทั้งหลายพากันสรรเสริญพระเจ้าแห่งอิสราเอล พระเยซูทรงเรียกเหล่าสาวกของพระองค์มาและตรัสว่า “เราสงสารคนเหล่านี้เพราะเขามาอยู่กับเราสามวันแล้วและไม่มีอะไรรับประทาน เราไม่อยากให้พวกเขากลับไปทั้งที่ยังหิวอยู่ พวกเขาอาจจะหมดแรงกลางทาง” เหล่าสาวกทูลว่า “ในที่กันดารอย่างนี้จะหาขนมปังที่ไหนมาพอเลี้ยงคนมากมายเช่นนี้?” พระเยซูตรัสถามว่า “พวกท่านมีขนมปังกี่ก้อน?” เขาทูลว่า “เจ็ดก้อนกับปลาเล็กๆ สองสามตัว”

มัทธิว 15:7-34 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)

พวก​ท่าน​เป็น​คน​หน้าไหว้​หลังหลอก อิสยาห์​ได้​เผย​คำกล่าว​ของ​พระ​เจ้า​ถึง​พวก​ท่าน​ถูกต้อง​แล้ว​ว่า ‘คน​เหล่า​นี้​ให้​เกียรติ​เรา​เพียง​แค่​ปาก แต่​ใจ​ของ​เขา​ห่าง​ไกล​จาก​เรา พวก​เขา​กราบ​นมัสการ​เรา​โดย​ไร้​ประโยชน์ เขา​สอน​กฎเกณฑ์​ของ​มนุษย์ เสมือน​ว่า​เป็น​คำ​สั่งสอน​ของ​พระ​เจ้า’” หลัง​จาก​พระ​องค์​ได้​เรียก​ฝูง​ชน​มา​แล้ว พระ​องค์​กล่าว​ว่า “จง​ฟัง​และ​เข้าใจ​ว่า ไม่​ใช่​สิ่ง​ที่​เข้า​ปาก​ที่​ทำ​ให้​คน​เป็น​มลทิน แต่​สิ่ง​ที่​ออกจาก​ปาก​นั่นแหละ​ที่​ทำ​ให้​คน​เป็น​มลทิน” บรรดา​สาวก​มา​พูด​กับ​พระ​องค์​ว่า “พระ​องค์​ทราบ​ไหม​ว่า พวก​ฟาริสี​โกรธ​เคือง​มาก​ที่​ได้ยิน​พระ​องค์​กล่าว​เช่น​นั้น” พระ​องค์​กล่าว​ตอบ​ว่า “ต้นไม้​ทุก​ต้น​ที่​พระ​บิดา​ใน​สวรรค์​ของ​เรา​ไม่​ได้​ปลูก​ไว้​จะ​ถูก​ถอน​ราก​เสีย ช่าง​พวก​เขา​เถิด พวก​คน​ตาบอด​เป็น​คน​นำ​คน​ตาบอด​เอง ถ้า​ชาย​ตาบอด​คน​หนึ่ง​นำ​คน​ตาบอด​อีก​คน​หนึ่ง ทั้ง​สอง​ก็​จะ​พา​กัน​ตก​บ่อ” เปโตร​พูด​ตอบ​พระ​องค์​ว่า “โปรด​อธิบาย​คำ​อุปมา​แก่​พวก​เรา​ด้วย” พระ​เยซู​กล่าว​ว่า “เจ้า​ยัง​ไม่​เข้าใจ​เช่น​กัน​หรือ เจ้า​ไม่​เข้าใจ​หรือ​ว่า ทุก​สิ่ง​ที่​เข้า​ปาก ผ่าน​เข้าไป​ใน​ท้อง แล้ว​ก็​ออก​นอก​กาย​ไป แต่​สิ่ง​ที่​ออกจาก​ปาก​มา​จาก​ใจ สิ่ง​นี้​แหละ​ที่​ทำ​ให้​คน​เป็น​มลทิน เพราะ​ว่า​สิ่ง​ที่​ออก​จาก​ใจ​คือ​ความ​คิด​ชั่วร้าย การ​ฆ่า​คน การ​ผิด​ประเวณี การ​ประพฤติ​ผิด​ทาง​เพศ การ​ลัก​ขโมย การ​เป็น​พยาน​เท็จ การ​ใส่ร้าย สิ่ง​เหล่า​นี้​ทำ​ให้​คน​เป็น​มลทิน แต่​การ​รับประทาน​ด้วย​มือ​ที่​ไม่​ล้าง​ไม่​ทำ​ให้​คน​เป็น​มลทิน” พระ​เยซู​ไป​จาก​สถานที่​นั้น และ​ไป​ยัง​เขต​เมือง​ไทระ​และ​ไซดอน มี​หญิง​ชาว​คานาอัน​คน​หนึ่ง​มา​จาก​ชายแดน​นั้น​ส่งเสียง​ร้อง​ว่า “พระ​องค์​ท่าน บุตร​ของ​ดาวิด โปรด​เมตตา​ข้าพเจ้า​ด้วย ลูก​สาว​ของ​ข้าพเจ้า​ถูก​มาร​สิง​จนแย่​แล้ว” พระ​องค์​ไม่​ตอบ​นาง​สัก​คำ​เดียว บรรดา​สาวก​ของ​พระ​องค์​มา​ขอร้อง​พระ​องค์​ว่า “โปรด​ขับไล่​นาง​ไป​เถิด เพราะ​นาง​ร้อง​ตะโกน​ตาม​พวก​เรา​มา” พระ​องค์​กล่าว​ตอบ​ว่า “พระ​เจ้า​ส่ง​เรา​มา​ยัง​ชน​ชาติ​อิสราเอล​เท่า​นั้น เพราะ​พวก​เขา​เป็น​เสมือน​ฝูง​แกะ​ที่​หลงหาย” นาง​มา​ก้ม​กราบ​เบื้อง​หน้า​พระ​องค์​แล้ว​กล่าว​ว่า “พระ​องค์​ท่าน โปรด​ช่วย​ข้าพเจ้า​ด้วย” พระ​องค์​กล่าว​ตอบ​ว่า “การ​ที่​จะ​เอา​อาหาร​ของ​เด็กๆ โยน​ให้​พวก​สุนัข​นั้น​ไม่​ถูกต้อง” นาง​พูด​ว่า “ใช่​แล้ว พระ​องค์​ท่าน แต่​ว่า​แม้​พวก​สุนัข​ก็​ยัง​กิน​เศษ​อาหาร​ที่​ตก​จาก​โต๊ะ​ของ​นาย​มัน” พระ​เยซู​กล่าว​ตอบ​นาง​ว่า “หญิง​เอ๋ย เจ้า​มี​ความ​เชื่อ​สูงส่ง จง​เป็น​ไป​ตามที่​เจ้า​ต้องการ​เถิด” ครั้น​แล้ว​ลูก​สาว​ของ​นาง​ก็​หาย​ดี​เป็น​ปกติ​ทันที พระ​เยซู​จาก​ที่​นั่น​ไป​ตาม​ริม​ทะเล​สาบ​กาลิลี แล้ว​ขึ้น​ไป​นั่ง​อยู่​บน​ภูเขา มหา​ชน​พา​คน​ง่อย คน​พิการ คน​ตาบอด คน​ใบ้​และ​อื่นๆ อีก​มาก​มา​หา​พระ​องค์ พวก​เขา​นำ​คน​เหล่า​นั้น​มา​อยู่​ที่​แทบ​เท้า​ของ​พระ​องค์ แล้ว​พระ​องค์​ก็​รักษา​พวก​เขา​ให้​หายขาด ฝูง​ชน​พา​กัน​อัศจรรย์​ใจ​เมื่อ​เห็น​คน​ใบ้​พูด​ได้ คน​พิการ​หาย​เป็น​ปกติ คน​ง่อย​เดิน​ได้ คน​ตาบอด​มอง​เห็น และ​เขา​เหล่า​นั้น​ก็​สรรเสริญ​พระ​เจ้า​ของ​อิสราเอล พระ​เยซู​เรียก​บรรดา​สาวก​ของ​พระ​องค์​มา​หา​และ​กล่าว​ว่า “เรา​สงสาร​บรรดา​ฝูง​ชน เพราะ​พวก​เขา​อยู่​กับ​เรา​มา​ได้ 3 วัน​แล้ว​โดย​ไม่​มี​อะไร​รับประทาน เรา​ไม่​อยาก​ให้​เขา​เดิน​หิว​กลับ​บ้าน​ไป เขา​อาจจะ​เป็น​ลม​ระหว่าง​ทาง​ก็​ได้” บรรดา​สาวก​พูด​กับ​พระ​องค์​ว่า “ใน​ที่​กันดาร​เช่นนี้ พวก​เรา​จะ​เอา​ขนมปัง​จาก​ไหน​มา​เลี้ยง​ฝูง​ชน​จำนวน​มาก​ได้” พระ​เยซู​กล่าว​กับ​พวก​เขา​ว่า “พวก​เจ้า​มี​ขนมปัง​กี่​ก้อน” เขา​ตอบ​ว่า “7 ก้อน​กับ​ปลา​เล็กๆ อีก​สอง​สาม​ตัว”