มัทธิว 15:7-34

มัทธิว 15:7-34 TH1971

โอ คนหน้าซื่อใจคด อิสยาห์ได้พยากรณ์ถึงพวกท่านถูกแล้วว่า ประชาชนนี้ให้เกียรติเราแต่ปาก ใจของเขาห่างไกลจากเรา เขานมัสการเราโดยหาประโยชน์มิได้ ด้วยเอาบทบัญญัติของมนุษย์มาตู่ว่า เป็นพระดำรัสสอนของพระเจ้า>> แล้วพระองค์ทรงเรียกประชาชนและตรัสกับเขาว่า <<จงฟังและเข้าใจเถิด มิใช่สิ่งซึ่งเข้าไปในปากจะทำให้มนุษย์เป็นมลทิน แต่สิ่งซึ่งออกมาจากปากนั้นแหละทำให้มนุษย์เป็นมลทิน>> ขณะนั้นพวกสาวกมาทูลพระองค์ว่า <<พระองค์ทรงทราบแล้วหรือว่า เมื่อพวกฟาริสีได้ยินคำตรัสนั้นเขาแค้นเคืองนัก>> พระองค์จึงตรัสตอบว่า <<ต้นไม้ใดๆทุกต้น ซึ่งพระบิดาของเราผู้ทรงสถิตในสวรรค์ มิได้ทรงปลูกไว้จะต้องถอนเสีย ช่างเขาเถิด เขาเป็นคนนำทางตาบอด ถ้าคนตาบอดนำทางคนตาบอด ทั้งสองจะตกลงไปในบ่อ>> ฝ่ายเปโตรทูลพระองค์ว่า <<ขอพระองค์ทรงโปรดอธิบายคำเปรียบเทียบนั้น ให้พวกข้าพระองค์ทราบ>> ฝ่ายพระเยซูตรัสตอบว่า <<ท่านทั้งหลายยังไม่เข้าใจด้วยหรือ ท่านยังไม่เห็นหรือว่า สิ่งใดๆซึ่งเข้าไปในปากก็ลงไปในท้อง แล้วก็ถ่ายออกลงส้วมไป แต่สิ่งที่ออกจากปากก็ออกมาจากใจ สิ่งนั้นแหละทำให้มนุษย์เป็นมลทิน ความคิดชั่วร้าย การฆ่าคน การผิดผัวผิดเมีย การล่วงประเวณี การลักขโมย การเป็นพยานเท็จ การใส่ร้าย ก็ออกมาจากใจ สิ่งเหล่านี้แหละที่ทำให้มนุษย์เป็นมลทิน แต่ซึ่งจะรับประทานอาหารโดยไม่ล้างมือก่อน ไม่ทำให้มนุษย์เป็นมลทิน>> แล้วพระเยซูเสด็จจากที่นั่น เข้าไปในเขตเมืองไทระและเมืองไซดอน มีหญิงชาวคานาอันคนหนึ่งมาจากเขตแดนนั้นร้องทูลพระองค์ว่า <<พระองค์ผู้ทรงเป็นบุตรดาวิดเจ้าข้า ขอทรงโปรดเมตตาข้าพระองค์เถิด ลูกสาวของข้าพระองค์มีผีสิงอยู่ เป็นทุกข์ลำบากยิ่งนัก>> ฝ่ายพระองค์ไม่ทรงตอบเขาสักคำเดียว และพวกสาวกของพระองค์มาทูลพระองค์ว่า <<ไล่เขาไปเสียเถิด เพราะเขาร้องตามเรามา>> พระองค์ตรัสตอบว่า <<เรามิได้รับใช้มาหาผู้ใด เว้นแต่แกะหลงของวงศ์วานอิสราเอล>> ฝ่ายหญิงนั้นก็มากราบทูลพระองค์ว่า <<พระองค์เจ้าข้า ขอทรงโปรดช่วยข้าพระองค์เถิด>> พระองค์จึงตรัสตอบว่า <<ซึ่งจะเอาอาหารของลูกโยนให้แก่สุนัขก็ไม่ควร>> ผู้หญิงนั้นทูลว่า <<จริงเจ้าข้า แต่สุนัขนั้นย่อมกินเดนที่ตกจากโต๊ะนายของมัน>> แล้วพระเยซูตรัสตอบเขาว่า <<หญิงเอ๋ย ความเชื่อของเจ้าก็มาก ให้เป็นไปตามความปรารถนาของเจ้าเถิด>> และลูกสาวของเขาก็หายเป็นปกติตั้งแต่ขณะนั้น พระเยซูจึงเสด็จจากที่นั่นมายังทะเลสาบกาลิลี แล้วเสด็จขึ้นไปบนภูเขาทรงประทับที่นั่น และประชาชนเป็นอันมากมาเฝ้าพระองค์ พาคนง่อย คนแขนขาพิการ คนตาบอด คนใบ้ และคนเจ็บอื่นๆหลายคน มาวางแทบพระบาทของพระเยซู แล้วพระองค์ทรงรักษาเขาให้หาย คนเหล่านั้นจึงอัศจรรย์ใจนัก เมื่อเห็นคนใบ้พูดได้ คนแขนขาพิการหายเป็นปกติ คนง่อยเดินได้ คนตาบอดกลับเห็น แล้วเขาก็สรรเสริญพระเจ้าของชนชาติอิสราเอล ฝ่ายพระเยซูทรงเรียกพวกสาวกของพระองค์มา ตรัสว่า <<เราสงสารคนเหล่านี้ เพราะเขาค้างอยู่กับเราได้สามวันแล้ว และไม่มีอาหารจะกิน เราไม่อยากให้เขาไปเมื่อยังอดอาหารอยู่ กลัวว่าเขาจะหิวโหยสิ้นแรงลงตามทาง>> พวกสาวกทูลพระองค์ว่า <<ในถิ่นทุรกันดารนี้ เราจะหาอาหารที่ไหนพอเลี้ยงคนมากเท่านี้ให้อิ่มได้>> พระเยซูจึงตรัสถามเขาว่า <<ท่านมีขนมปังกี่ก้อน>> เขาทูลว่า <<มีเจ็ดก้อนกับปลาเล็กๆสองสามตัว>>