มัทธิว 15:7-34

มัทธิว 15:7-34 THSV11

พวกหน้าซื่อใจคด อิสยาห์พยากรณ์ถึงท่านทั้งหลายถูกแล้วว่า ‘ชนชาตินี้ให้เกียรติเราแต่ปาก ใจของพวกเขาห่างไกลจากเรา พวกเขานมัสการเราโดยเปล่าประโยชน์ เพราะเอากฎเกณฑ์ของมนุษย์มาสอนว่าเป็นพระดำรัสสอน’ ” แล้วพระองค์ทรงเรียกฝูงชนและตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “จงฟังและเข้าใจเถิด ไม่ใช่สิ่งซึ่งเข้าไปในปากจะทำให้มนุษย์เป็นมลทิน แต่สิ่งซึ่งออกมาจากปากนั้นแหละทำให้มนุษย์เป็นมลทิน” ขณะนั้นบรรดาสาวกมาทูลพระองค์ว่า “พระองค์ทรงทราบหรือไม่ว่า เมื่อพวกฟาริสีได้ยินคำตรัสนั้นเขาทั้งหลายไม่พอใจมาก?” พระองค์จึงตรัสตอบว่า “ต้นไม้ทุกต้น ซึ่งพระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์ ไม่ได้ทรงปลูกไว้จะต้องถูกถอนออกเสีย ช่างเถิด เขาทั้งหลายเป็นผู้นำที่ตาบอด [ของคนตาบอด] ถ้าคนตาบอดนำทางคนตาบอด ทั้งสองคนจะตกลงไปในบ่อ” เปโตรทูลพระองค์ว่า “ขอพระองค์โปรดอธิบายอุปมานั้นให้พวกข้าพระองค์ทราบ” พระเยซูตรัสตอบว่า “ท่านทั้งหลายยังไม่เข้าใจด้วยหรือ? ท่านทั้งหลายไม่เห็นหรือ? ว่าสิ่งใดๆ ซึ่งเข้าไปในปากก็ลงไปในท้อง แล้วก็ถ่ายออกลงส้วมไป แต่สิ่งที่ออกจากปากก็ออกมาจากใจ สิ่งนั้นแหละทำให้มนุษย์เป็นมลทิน ความคิดชั่วร้าย การฆ่าคน การเป็นชู้ การล่วงประเวณี การลักขโมย การเป็นพยานเท็จ การใส่ร้าย ก็ล้วนออกมาจากใจ สิ่งเหล่านี้แหละที่ทำให้มนุษย์เป็นมลทิน แต่การรับประทานอาหารโดยไม่ล้างมือก่อน ไม่ทำให้มนุษย์เป็นมลทิน” แล้วพระเยซูเสด็จจากที่นั่น เข้าไปในเขตเมืองไทระและเมืองไซดอน มีหญิงชาวคานาอันคนหนึ่งมาจากเขตแดนนั้นร้องทูลพระองค์ว่า “พระองค์ผู้ทรงเป็นบุตรดาวิดเจ้าข้า ขอทรงพระเมตตาข้าพระองค์เถิด ลูกสาวของข้าพระองค์มีผีสิงอยู่ เป็นทุกข์ลำบากอย่างยิ่ง” พระองค์ไม่ทรงตอบนางสักคำเดียว และสาวกทั้งหลายของพระองค์มาทูลพระองค์ว่า “ไล่นางไปเสียเถิด เพราะนางร้องตามเรามา” พระองค์ตรัสตอบว่า “เราไม่ได้รับใช้มาหาใคร เว้นแต่แกะหลงของวงศ์วานอิสราเอล” หญิงนั้นก็มากราบและทูลพระองค์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอโปรดช่วยข้าพระองค์เถิด” พระองค์จึงตรัสตอบว่า “การเอาอาหารของลูกโยนให้กับสุนัขก็ไม่สมควร” ผู้หญิงนั้นทูลว่า “จริงเจ้าข้า แต่สุนัขนั้นย่อมกินเศษที่ตกจากโต๊ะนายของมัน” แล้วพระเยซูตรัสตอบนางว่า “หญิงเอ๋ย ความเชื่อของท่านก็มาก ให้เป็นไปตามความต้องการของท่านเถิด” แล้วลูกสาวของนางก็หายเป็นปกติตั้งแต่เวลานั้น พระเยซูจึงเสด็จจากที่นั่นมายังทะเลสาบกาลิลี แล้วเสด็จขึ้นไปบนภูเขาและประทับที่นั่น มหาชนมาเฝ้าพระองค์ และพาคนง่อย คนแขนขาพิการ คนตาบอด คนใบ้ และคนเจ็บอื่นๆ หลายๆ คน มาวางแทบพระบาทของพระเยซู แล้วพระองค์ทรงรักษาพวกเขาให้หาย ฝูงชนก็ประหลาดใจ เมื่อเห็นคนใบ้พูดได้ คนแขนขาพิการหายเป็นปกติ คนง่อยเดินได้ คนตาบอดกลับเห็น แล้วพวกเขาก็สรรเสริญพระเจ้าของชนชาติอิสราเอล พระเยซูทรงเรียกสาวกทั้งหลายของพระองค์มา ตรัสว่า “เราสงสารฝูงชนนี้ เพราะเขาทั้งหลายค้างอยู่กับเราได้สามวันแล้ว และไม่มีอาหารจะกิน เราไม่ต้องการส่งพวกเขาไปเมื่อยังอดโซอยู่ กลัวว่าพวกเขาจะสิ้นแรงลงตามทาง” พวกสาวกทูลพระองค์ว่า “ในถิ่นทุรกันดารนี้เราจะหาอาหารที่ไหนพอเลี้ยงฝูงชนมากเท่านี้ให้อิ่มได้?” พระเยซูจึงตรัสถามเขาทั้งหลายว่า “พวกท่านมีขนมปังกี่ก้อน” เขาทูลว่า “มีเจ็ดก้อนกับปลาเล็กๆ สองสามตัว”