สุภาษิต 24:11-34

สุภาษิต 24:11-34 TNCV

จงช่วยผู้ที่ถูกนำไปสู่ความตาย และช่วยรั้งผู้ที่โซซัดโซเซไม่ให้ถูกเข่นฆ่า หากเจ้าว่า “เราไม่รู้เรื่องนี้เลย” พระองค์ผู้ทรงชั่งใจของเจ้าจะไม่เห็นหรือ? พระองค์ผู้ทรงดูแลชีวิตของเจ้าอยู่จะไม่รู้หรือ? พระองค์จะไม่ทรงตอบแทนแก่แต่ละคนตามการกระทำของเขาหรือ? ลูกเอ๋ย จงกินน้ำผึ้งเพราะเป็นสิ่งดี น้ำผึ้งที่หยดจากรวงนั้นหวานชื่นใจ จงรู้เถิดว่าสติปัญญาก็หวานเหมือนน้ำผึ้งสำหรับชีวิตเจ้า หากเจ้าพบปัญญา ก็จะมีอนาคตที่สดใสรอเจ้าอยู่ และความหวังของเจ้าจะไม่สูญสิ้น อย่าเป็นเหมือนโจรที่ซุ่มดักเล่นงานบ้านของคนชอบธรรม อย่าคิดปล้นที่อาศัยของเขา เพราะถึงแม้คนชอบธรรมล้มลงเจ็ดครั้ง เขาก็ลุกขึ้นอีก แต่คนชั่วถูกความหายนะคว่ำลง อย่าดีใจเมื่อศัตรูของเจ้าล้ม อย่าลิงโลดเมื่อเขาสะดุด เกรงว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงเห็นและไม่พอพระทัย แล้วทรงหันเหพระพิโรธไปจากเขา อย่าเดือดเนื้อร้อนใจเพราะคนชั่ว หรืออย่าอิจฉาริษยาคนเลว เพราะคนชั่วไม่มีอนาคตให้หวัง ประทีปของคนชั่วจะถูกดับไป ลูกเอ๋ย จงยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้าและกษัตริย์ อย่าเข้าร่วมกับเจ้าขุนมูลนายที่ก่อกบฏ เพราะทั้งสองพระองค์จะทรงส่งความหายนะมาถึงพวกเขาอย่างฉับพลัน ใครเล่าจะรู้ถึงความย่อยยับที่จะเกิดขึ้น? ต่อไปนี้เป็นคำสอนของปราชญ์เช่นกัน การตัดสินอย่างลำเอียงเป็นสิ่งไม่ดี ผู้ที่พูดกับคนผิดว่า “ท่านไม่ผิด” จะถูกคนแช่งด่า และประชาชาติต่างๆ จะประณาม ส่วนผู้ที่ตัดสินลงโทษคนทำผิดจะได้ดี พระพรเหลือล้นจะมาถึงเขา คำตอบซื่อตรง เป็นดั่งจุมพิตบนริมฝีปาก จงทำงานไถหว่านให้เสร็จ เตรียมที่นาให้พร้อม จากนั้นจึงค่อยสร้างบ้าน อย่าเป็นพยานปรักปรำเพื่อนบ้านโดยไม่มีเหตุ หรือใช้ปากของเจ้าพูดหลอกลวง อย่าพูดว่า “ตอนนี้เป็นทีของเราแล้ว จะได้แก้แค้นสิ่งที่เขาทำกับเราไว้” เราผ่านไปที่ไร่นาของคนเกียจคร้าน ผ่านสวนองุ่นของคนที่ไร้สามัญสำนึก เราเห็นหนามงอกอยู่ทั่วทุกแห่ง ผืนดินถูกปกคลุมด้วยวัชพืช รั้วกำแพงหินก็ปรักหักพัง เราพินิจพิเคราะห์สิ่งที่เราสังเกตเห็น และบทเรียนที่เราได้รับก็คือ หลับอีกนิด เคลิ้มอีกหน่อย กอดอกงีบต่อสักประเดี๋ยว แล้วความยากจนก็จะจู่โจมเจ้าดั่งขโมย ความขัดสนจู่โจมดั่งคนถืออาวุธ