พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2025ตัวอย่าง

บริหารสิทธิอำนาจทางจิตวิญญาณอย่างไร
ผมได้พบกับเขาครั้งแรกเมื่อเขามาบรรยายในวันหยุดสุดสัปดาห์ขณะที่ผมกำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ แม้ว่าจะเป็นวิทยากรรับเชิญ แต่เขาก็มีความสุภาพมาก และผมสัมผัสได้ถึงความอ่อนน้อมถ่อมตน เมื่อเขาขึ้นพูด เขาก็พูดด้วยสิทธิอำนาจที่แท้จริง ข้อความของเขานั้นเรียบง่าย และเน้นถึงการบอกผู้คนเกี่ยวกับเรื่องราวของพระเยซู หลังจากนั้นไม่กี่ปี เขาก็มาเป็นผู้รับใช้พระเจ้าของคริสตจักรโฮลี่ ทรินิตี้ บรอมพ์ตัน ในกรุงลอนดอน ชายผู้ถ่อมตนและมีจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งผู้นี้ไม่เพียงแต่นำคริสตจักรของเรา (และคนอื่น ๆ) ในช่วงเวลาสำคัญของการเติบโต แต่เขายังได้ฝึกฝนผู้นำคริสเตียนที่มีอิทธิพลมากที่สุดในสหราชอาณาจักรในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา ได้แก่ เดวิด วัตสัน, เดวิด แม็คคิเนส, แซนดี้ มิลลาร์ และจอห์น ไอร์วีน ต่างก็เป็นผู้ช่วยของ*จอห์น คอลลินส์*บาทหลวงผู้ไม่เคยแสวงหาเกียรติยศหรือชื่อเสียง แต่เป็นคนที่อุทิศทั้งชีวิตเพื่อรับใช้ผู้อื่น สิทธิอำนาจของเราไม่ได้มาจากตำแหน่งในชีวิต หรือจากสิทธิอำนาจทางโลก แต่สิทธิอำนาจของเขามาจากความสัมพันธ์ของเขากับพระเยซูคริสต์ซึ่งเป็นการพิสูจน์ตัวเอง ปัจจุบันผู้คนคอยระมัดระวังผู้มีสิทธิอำนาจ เพราะพวกเขาอาจถูกข่มเหง แต่สิทธิอำนาจทางจิตวิญญาณเป็นแหล่งของพระพรอันยิ่งใหญ่สดุดี 29:1-11
พระสุรเสียงแห่งสิทธิอำนาจ
มีความหิวกระหายและความต้องการทางจิตวิญญาณเป็นอย่างมากในสังคม ผู้คนต่างกำลังค้นหาความรู้และประสบการณ์ทางจิตวิญญาณ ในพระธรรมสดุดีตอนนี้ชี้ให้เราเห็นถึง ‘พระสุรเสียงของพระยาห์เวห์’ (ข้อ 3) ดาวิดอธิบายถึงพลังอันน่าอัศจรรย์ และสิทธิอำนาจอันยิ่งใหญ่แห่งพระสุรเสียงของพระเจ้า (ข้อ 4-5ก, 7-9ก)
ทุกวันนี้วิธีที่ดีที่สุดในการได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้าคือ ผ่านทางพระคำพระเจ้าในพระคัมภีร์ พระวจนะของพระเจ้านั้นเชื่อถือได้ ทรงพลัง และน่าเกรงขาม ‘เราทั้งหลายคุกเข่าลง เราทุกคนร้องว่า “พระเกียรติ!”’ (ข้อ 9, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) การคุกเข่าลงเป็นวิธีที่เหมาะสมในการฟังพระสุรเสียงของพระเจ้า ผมรักที่จะเริ่มต้นในแต่ละวันด้วยการคุกเข่า อ่านพระคริสตธรรมคัมภีร์ พยายามฟังพระสุรเสียงของพระเจ้า และถามพระองค์ว่า ‘ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ กำลังตรัสสิ่งใดกับข้าพระองค์ในวันนี้?’
ดาวิดเริ่มต้นด้วยการกล่าวว่า ‘บรรดาบุตรของพระเจ้าเอ๋ย จงถวายแด่พระยาห์เวห์เถิด จงถวายพระเกียรติ และพระกำลังแด่พระยาห์เวห์’ (ข้อ 1) อำนาจ พลังและกำลังทั้งหมดเป็นของพระเจ้า อย่างไรก็ตามพระองค์ ไม่ทรงเก็บไว้เองแต่เพียงผู้เดียว เมื่อคุณฟังพระสุรเสียงของพระองค์พระองค์ทรงแบ่งปันสิทธิอำนาจ พลัง และกำลังของพระองค์ให้กับคุณ ดาวิดลงท้ายว่า ‘ขอพระยาห์เวห์ประทานกำลังแก่ประชากรของพระองค์’ และ ‘ขอพระยาห์เวห์ทรงอวยพรประชากรของพระองค์ให้สมบูรณ์พูนสุข’ (ข้อ 11)
ทั้งสองสิ่งนี้เป็นสิ่งที่เราต้องการเป็นอย่างมากในขณะที่เราเผชิญกับการต่อสู้ดิ้นรนในชีวิต (ทั้งภายใน และภายนอก) เราต้องการ ‘กำลัง’ และ ‘สันติสุข’ จากพระเจ้า
ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ขอบพระคุณพระองค์ที่พระองค์ทรงแบ่งปันสิทธิอำนาจ พลัง และกำลังของพระองค์ ให้กับข้าพระองค์ ขอทรงเสริมกำลังของข้าพระองค์เพื่อการต่อสู้ดิ้นรนในวันนี้และขอทรงประทานสันติสุขแก่ ข้าพระองค์ในท่ามกลางพายุของชีวิต
มาระโก 11:27-12:12
สิทธิอำนาจที่พระเจ้าประทานให้
พระเยซูทรงตรัสและทรงกระทำด้วยสิทธิอำนาจของพระเจ้า พระองค์ทรงฟังพระสุรเสียงของพระเจ้า และตรัสด้วยถ้อยคำของพระเจ้า นี่คือหัวใจสำคัญถ้าคุณต้องการพูดด้วยสิทธิอำนาจ คุณต้องใช้เวลากับพระเจ้าและฟังพระสุรเสียงของพระองค์
ทุกคนได้เห็นอย่างชัดเจนว่าพระเยซูทรงมีสิทธิอำนาจ คำถามเดียวที่ฝ่ายตรงกันข้ามถามพระองค์ คือ สิทธิอำนาจของพระองค์มาจากไหน (11:28) พระเยซูทรงตรัสตอบคำถามเกี่ยวกับยอห์นผู้ให้บัพติศมาได้อย่างชาญฉลาด
พระองค์ทรงถามพวกเขาว่าบัพติศมาของยอห์นนั้นมาจากพระเจ้า (‘สวรรค์’) หรือมา ‘จากมนุษย์’ (ข้อ 30) พวกเขาไม่สามารถตอบคำถามได้ เพราะพวกเขาไม่ต้องการยอมรับว่ามาจากพระเจ้า (เนื่องจากพวกเขาไม่เชื่อในพระองค์) (ข้อ 31) พวกเขาก็ไม่ต้องการตอบว่ามาจากมนุษย์ เพราะพวกเขาเห็นว่า ทุกคนถือว่ายอห์นเป็นผู้เผยพระวจนะจริง ๆ (ข้อ 32)
ครั้งหนึ่งผมเคยได้ยินนักเทศน์คนหนึ่งที่เชื่อว่าของประทานเหนือธรรมชาติของพระวิญญาณบริสุทธิ์นั้น ได้สิ้นสุดลงในยุคของอัครสาวก เขาได้ถูกตั้งคำถามว่า ‘พระวิญญาณที่เคลื่อนไหวในวันเพ็นเทคอสต์เป็นการเคลื่อนไหวของพระเจ้าใช่หรือไม่?’ คำถามนี้กระตุ้นให้เกิดการตอบสนองที่คล้ายกับเรื่องราวในพระคัมภีร์วันนี้ เขาไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้
การกล่าวว่า ‘มาจากพระเจ้า’ นั้นหมายถึงการตระหนักถึงการไหลล้นของของประทานเหนือธรรมชาติของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในโลกยุคปัจจุบันของเรา การปฏิเสธว่ามาจากพระเจ้าจะเป็นการปฏิเสธประสบการณ์ของคริสเตียนกว่า 600 ล้านคนทั่วโลกที่ได้สัมผัสกับฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าผ่านการเคลื่อนไหวในวันเพ็นเทคอสต์
เนื่องจากผู้ที่ถามพระเยซูปฏิเสธที่จะตอบคำถามของพระองค์เกี่ยวกับยอห์นผู้ให้บัพติศมา พระเยซูจึงปฏิเสธที่จะตอบคำถามของพวกเขาเกี่ยวกับสิทธิอำนาจของพระองค์ ‘พระเยซูจึงตรัสกับพวกเขาว่า “เราก็จะไม่บอก ท่านทั้งหลายเหมือนกันว่าเรามีสิทธิอำนาจอะไรถึงได้ทำสิ่งเหล่านี้”’ (ข้อ 33ข)
จากนั้นพระเยซูตรัสคำอุปมา ซึ่งมีเจตนาที่จะเปิดเผยถึงที่มาของสิทธิอำนาจของพระองค์ ฝ่ายตรงกันข้ามของพระองค์ก็ตระหนักถึงจุดมุ่งหมายของพระเยซู ซึ่งในพระธรรมมาระโกได้บอกเราไว้ว่า ‘พวกเขาอยากจะจับพระองค์ (พระเยซู) แต่กลัวฝูงชน เพราะพวกเขารู้ว่าพระองค์ตรัสอุปมานี้กระทบพวกเขา’ (12:12)
พระเยซูตรัสคำอุปมาเกี่ยวกับชายคนหนึ่ง ‘ทำสวนองุ่น... แล้วก็ล้อมรั้วไว้รอบ เขาสกัดบ่อเก็บน้ำองุ่น และสร้างหอเฝ้า’ (ข้อ 1) คำอุปมานี้มีพื้นฐานมาจาก อิสยาห์ 5:1-7 ซึ่งพระเจ้าทรงเป็นเจ้าของสวนและประชากรของพระองค์ (โดยเฉพาะพวกผู้นำ) เป็นสวนองุ่น ในคำอุปมาของพระเยซูผู้รับใช้ที่ถูกส่งไปและถูกฆ่าเป็นผู้เผยพระวจนะของพระเจ้า รวมถึงยอห์นผู้ให้บัพติศมาด้วย พระเยซูจึงกล่าวถึงพระองค์เองในคำอุปมาของพระองค์ว่า ‘เจ้าของสวนนั้นยังมีอีกคนหนึ่งเหลืออยู่ เป็นบุตรชายที่รักมาก เขาใช้บุตรชายคนนั้นไปเป็นครั้งสุดท้าย พูดว่า “พวกเขาคงจะเคารพบุตรชายของเรา”’ (มาระโก 12:6)
พระเยซูทรงแสดงให้เห็นว่าพระองค์มีสิทธิอำนาจพิเศษเพราะพระองค์ทรงเป็นพระบุตรองค์เดียวของพระเจ้า มีความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดระหว่างบุตรชายที่รักมากและทายาท และเหล่าผู้รับใช้ที่ถูกส่งมาก่อนแต่พระเยซูทรงทราบถึงเหตุการณ์ล่วงหน้า พระองค์จึงประกาศไปว่าพระองค์ซึ่งเป็นพระบุตรองค์เดียวของพระเจ้าจะถูกฆ่า (ข้อ 7-8)
จากนั้นพระองค์ทรงอธิบายว่าผู้นำประชากรของพระเจ้าจะเปลี่ยนเป็นผู้นำคนใหม่ (ผู้นำยุคแรกของคริสตจักร) โดยมีพระเยซูเป็นศิลามุมเอก ‘ศิลาที่พวกช่างก่อสร้างทิ้งแล้วกลับกลายเป็นศิลามุมเอก’ (ข้อ 10, ดูสดุดี 118:22)
พระบุตรองค์เดียวของพระเจ้าทรงมีสิทธิอำนาจพิเศษคือเป็นศิลามุมเอกของประชากรของพระเจ้า ฟังพระสุรเสียงของพระองค์และคุณก็จะได้พูดด้วยสิทธิอำนาจซึ่งเป็นสิทธิอำนาจที่มาจากพระองค์
ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณพระองค์ที่พระองค์เป็นพระบุตรองค์เดียวของพระเจ้าผู้ซึ่งตรัสด้วยสิทธิอำนาจของพระเจ้า ขอทรงช่วยให้ข้าพระองค์เดินในความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดพระองค์ ได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์ และพูดถ้อยคำของพระองค์อย่างมีสิทธิอำนาจ
เลวีนิติ 9:1-10:20
สิทธิอำนาจของพระเยซู
การได้เข้าไปในที่ประทับของพระเจ้านั้นเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยม ‘พระรัศมีของพระยาห์เวห์ก็ปรากฏแก่ประชาชนทั้งหมด เปลวเพลิงจากพระยาห์เวห์พลุ่งออกมา... เมื่อประชาชนทั้งหลายเห็นก็โห่ร้องและซบหน้าลงก้มกราบด้วยความยำเกรง’ (9:23-24, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
ตัวอย่างของนาดับและอาบีฮู (10:1-2) แสดงให้เห็นว่าการเข้าไปในที่ประทับของพระเจ้าไม่ควรกระทำอย่างไม่เห็นคุณค่า ผู้คนในทุกวันนี้มักต้องการความสัมพันธ์กับพระเจ้าตามเงื่อนไขและในรูปแบบของตนเอง เพียงเพราะพระเยซูเท่านั้นที่ทำให้คุณสามารถเข้าไปในที่ประทับของพระเจ้าได้อย่างมั่นใจและปราศจากความกลัว
การเข้าไปในที่ประทับของพระเจ้านั้นเป็นไปได้ ผ่านระบบการถวายเครื่องบูชาที่ซับซ้อน ในพันธสัญญาเดิมมหาปุโรหิตต้องถวายเครื่องบูชาสำหรับตนเองและประชาชน (9:7-8) เนื่องจากมหาปุโรหิตเป็นมนุษย์เหมือนอย่างเรา อ่อนแอและเป็นคนบาป เขาจึงต้องถวายเครื่องบูชาสำหรับบาปของตนเองและบาปของประชาชน
พระเยซูทรงมีสิทธิอำนาจพิเศษ พระองค์เป็นมหาปุโรหิตผู้ปราศจากความบาป ดังที่ผู้เขียนพระธรรมฮีบรูกล่าวไว้ว่า ‘มหาปุโรหิตเช่นนี้แหละที่เหมาะสำหรับพวกเราคือเป็นผู้บริสุทธิ์ ปราศจากอุบาย ไร้มลทิน แยกจากคนบาปทั้งหลาย และอยู่สูงกว่าฟ้าสวรรค์ พระเยซูไม่ต้องนำเครื่องบูชามาทุก ๆ วัน (เหมือนอย่างมหาปุโรหิตคนอื่น ๆ ที่ตอนแรกถวายสำหรับบาปของตัวเอง แล้วจึงถวายสำหรับบาปของประชาชน) เพราะพระองค์ทรงถวายเครื่องบูชาครั้งเดียวเป็นพอ เมื่อพระองค์ทรงถวายพระองค์เอง’ (ฮีบรู 7:26-27)
ด้วยเหตุนี้โดยทางพระเยซูคุณจึงสามารถเข้าถึงที่ประทับอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า ‘เพราะฉะนั้น พี่น้องทั้งหลาย เมื่อเรามีใจกล้าที่จะเข้าไปในอภิสุทธิสถานโดยพระโลหิตของพระเยซู ตามทางใหม่และเป็นทางที่มีชีวิต ซึ่งพระองค์ทรงเปิดให้เราผ่านเข้าไปทางม่านนั้นคือทางพระกายของพระองค์ และเมื่อเรามีปุโรหิตใหญ่เหนือหมู่คนของพระเจ้าแล้ว ก็ให้เราเข้าไปใกล้ด้วยใจจริง ด้วยความไว้ใจเต็มที่ มีใจที่ได้รับการประพรมให้พ้นจากมโนธรรมที่ไม่ดีและมีการที่ล้างชำระด้วยน้ำสะอาด’ (10:19-22)
คุณสามารถเข้ามาในที่ประทับของพระเจ้าในวันนี้และได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์ รับกำลังและสันติสุขของพระองค์และพูดด้วยสิทธิอำนาจซึ่งมาจากการได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์
ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณพระองค์ที่ข้าพระองค์ได้เข้าไปในอภิสุทธิสถานโดยพระโลหิตของพระเยซู วันนี้ข้าพระองค์ต้องการเข้าใกล้พระองค์ด้วยใจจริง ด้วยความไว้ใจเต็มที่เพื่อได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์ รับกำลัง และสันติสุขของพระองค์ และพูดด้วยสิทธิอำนาจซึ่งมาจากการได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์
Pippa Adds
สดุดี 29:11
‘ขอพระยาห์เวห์ประทานกำลังแก่ประชากรของพระองค์ ขอพระยาห์เวห์ทรงอวยพรประชากรของพระองค์ให้สมบูรณ์พูนสุข’
นี่คือสิ่งที่ฉันต้องการในแต่ละวัน คือ ‘กำลัง’ และ ‘สันติสุข’ สันติสุขในโลกที่วุ่นวาย และกำลังที่จะทำทุกสิ่งที่ฉันต้องทำในวันนี้
References
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)เกี่ยวกับแผนฯ

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี เป็นแผนประจำวันซึ่งจะนำคุณอ่านพระคัมภีร์ทั้งเล่มในเวลาเพียงหนึ่งปี สำหรับใครก็ตามที่มองหาวิธีอ่านพระคัมภีร์แบบง่าย ๆ และมีแบบแผน แต่ละวันจะมีการสำรวจหัวข้อที่แตกต่างกันผ่านข้อพระคัมภีร์ที่คัดสรรมาจากพระธรรมสดุดีหรือสุภาษิต ตลอดจนพันธสัญญาใหม่และพันธสัญญาเดิม พร้อมด้วยคำอธิบายประจำวันจากนิคกี้ และพิพพา กัมเบล เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจและนำไปใช้ได้จริง
More
เราขอขอบคุณ Alpha International สำหรับการจัดทำแผนนี้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชม bible.alpha.org/th