พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2025ตัวอย่าง
วิธีการฟังพระเจ้า
สมมติว่าผมไปหาคุณหมอ แล้วพูดว่า ‘หมอครับ ผมมีปัญหาเยอะมาก หัวเข่าของผมบิด...คันที่ดวงตา...นิ้วก็บวม...หลังก็ปวด’ หลังจากบอกอาการทั้งหมดแล้ว ผมมองไปที่นาฬิกาข้อมือแล้วพูดว่า ‘โอ้ ตายละ ได้เวลาแล้ว ผมต้องไปแล้วครับ’ คุณหมออาจจะตอบมาว่า ‘เดี๋ยวก่อนสิ คุณจะไม่ฟังที่หมอพูดสักหน่อยเหรอ?’ ถ้าเราเป็นฝ่ายพูดกับพระเจ้าแต่ไม่เคยใช้เวลาฟังพระองค์ เราก็ทำผิดพลาดในสิ่งเดียวกัน เราเอาแต่พูดและไม่ได้ฟังพระองค์จริง ๆ แต่ทว่าความสัมพันธ์ของเรากับพระเจ้านั้น หมายความถึงการสนทนาสองทาง เมื่อผมอธิษฐาน ผมพบประโยชน์มากมายในการเขียนความคิดที่อยู่ในใจในสิ่งที่อาจมาจากพระวิญญาณของพระเจ้า ในยุคที่เต็มไปด้วยสื่อรอบตัว มีเสียงมากมายพุ่งตรงมาที่เรา ไม่ว่าจะเป็น โทรทัศน์ วิทยุ อินเทอร์เน็ต ทวิตเตอร์ เฟซบุ๊ค อินสตราแกรม อีเมล์ และข้อความ เรายังมีเสียงจากครอบครัว เพื่อน และเพื่อนร่วมงาน และบางครั้งเราก็มีเสียงของซาตานที่ล่อลวงให้เราไม่เชื่อคำพูดของพระเจ้า และสงสัยว่าพระเจ้าทรงสนใจเราหรือไม่ คุณจะได้ยินเสียงของพระเจ้าท่ามกลางเสียงต่าง ๆ และสิ่งรบกวนของชีวิตได้อย่างไร?สุภาษิต 3:1-10
ฟังเสียงของพระเจ้าผ่านข้อพระคัมภีร์
วิธีหลัก ๆ ซึ่งพระเจ้าทรงตรัสกับเรา คือ ผ่านทางสิ่งที่พระองค์ตรัสไว้แล้วในพระคัมภีร์ นั่นคือ ‘คำสอน’ และ ‘คำสั่ง’ ของพระองค์ (ข้อ 1) ในขณะที่คุณอ่านพระคัมภีร์ ให้คุณอธิษฐานขอให้พระเจ้าตรัสกับคุณและที่จะได้ยินเสียงของพระองค์
‘อย่าพยายามคิดทำความเข้าใจทุกอย่างด้วยตัวคุณเอง ‘จงฟังเสียงของพระเจ้าในทุกสิ่งที่คุณทำ ในทุกที่ที่คุณไป พระองค์คือผู้จะทำให้ทางของเราราบรื่น’ (ข้อ 5-6, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
การเรียนรู้ข้อพระคัมภีร์เป็นวิธีหนึ่งที่คุณสามารถเขียนพระวจนะของพระเจ้า บน ‘แผ่นจารึกแห่งหัวใจของเจ้า’ (ข้อ 3) พิพพาและผมเรียนรู้ข้อพระคัมภีร์เหล่านี้ในช่วงฮันนีมูนของเราและได้พยายามใช้ชีวิตอยู่กับพระคำเหล่านั้น
1. ให้ ‘ความรักและความสัตย์ซื่อ’ นำทาง
สิ่งเหล่านี้ควรเป็นแนวทางในการตัดสินใจของเราในทุกครั้ง ‘ความรักและความสัตย์ซื่อ’ (ข้อ 3, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ควรฝังลึกในใจของเรา ตัวอย่างความหมายของความสัตย์ซื่อ ได้แก่ การพูดถึงผู้อื่นเหมือนกับว่าตัวพวกเขาอยู่ตรงนั้น เราสร้างความเชื่อใจต่อผู้ที่เรารู้จัก ด้วยการแสดงความสัตย์ซื่อของเราต่อผู้ที่ไม่ได้ปรากฎตัว ณ ที่นั่น ถ้าคุณดำเนินชีวิตแบบนี้ พระเจ้าสัญญากับคุณว่าจะมี ‘ชื่อเสียงดีในสายพระเนตรพระเจ้า และในสายตามนุษย์’ (ข้อ 4, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
2. วิ่งไปหาพระเจ้า วิ่งหนีจากความชั่วร้าย!
เราต้องวางใจในพระเจ้ามากกว่าที่จะหยิ่งผยองและคิดว่าเราฉลาด ความเกรงกลัวพระเจ้าในแง่ของความยำเกรงที่ดีควรนำเราไปสู่การ ‘วิ่งเข้าหาพระเจ้า วิ่งหนีจากความชั่วร้าย’ (ข้อ 7, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พระเจ้าทรงสัญญาว่า ‘นี่จะเป็นพลานามัยแก่เนื้อหนังของเจ้า และความสดชื่นแก่ร่างกายของเจ้า’ (ข้อ 8) กล่าวอีกนัยหนึ่งมีการเชื่อมต่อระหว่างจิตวิญญาณและทางกายภาพ
3. เป็นผู้ให้ที่มีใจกว้างขวาง
การจัดการเงินของคุณนั้นเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมาก จงมอบ ‘สิ่งแรกและสิ่งที่ดีที่สุด’ แด่พระเจ้า (ข้อ 9, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) (นั่นหมายถึงรายได้ส่วนแรกของคุณ ไม่ใช่ส่วนสุดท้าย) ผมพบว่านี่เป็นหลักการที่ไม่ธรรมดา ถ้าคุณจัดการเงินถวายอย่างถูกต้อง คุณจะค้นพบความจริงของคำสัญญาที่ว่าพระเจ้าจะประทานทุกความต้องการของคุณ 'แล้วยุ้งของเจ้าจะเต็มบริบูรณ์ และบ่อเก็บของเจ้าจะล้นด้วยเหล้าองุ่นหมักใหม่’ (ข้อ 10)
ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยข้าพระองค์ที่จะไม่เพียงแค่อ่านพระคำของพระองค์ แต่เพื่อเรียนรู้ใช้ชีวิตโดยข้อพระคัมภีร์เหล่านั้น และนำพระเกียรติมาสู่พระนามของพระองค์
มัทธิว 16:21-17:13
ฟังพระเจ้าผ่านถ้อยคำของพระเยซู
พระดำรัสของพระเยซูคือพระดำรัสของพระเจ้า พระเจ้าตรัสว่า ‘จงฟังเขา’ (17:5) ดังนั้น เมื่อคุณอ่านพระดำรัสของพระเยซู และรับเอาพระคำไว้ในใจ คุณก็กำลังฟังพระเจ้าอยู่
พระเยซูทรงเตือนสาวกให้เตรียมพบกับการถูกข่มเหง เราหลีกเลี่ยงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้ (16:21) ในข้อนี้พระเยซูตรัสกับสาวกเกี่ยวกับความทุกข์ทรมานที่พระองค์กำลังจะประสบถึงสองครั้ง พระองค์อธิบายให้พวกเขาฟังเกี่ยวกับไม้กางเขนและการฟื้นคืนพระชนม์ (16:21,17:9–12)
อย่างไรก็ตาม แทนที่เปโตรจะฟังพระเยซู เขากลับโต้แย้งพระองค์ (16:22) คำตำหนิของพระเยซูต่อเปโตรมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะในการตัดสินใจในเรื่องสำคัญทุก ๆ ครั้ง เราต้องถามตัวเองก่อนว่า ในความคิดของเรานั้น เราคิดอย่างพระเจ้าหรือคิดอย่างที่มนุษย์คิด (ข้อ 23) สิ่งที่พระเยซูตรัสกับเปโตรเป็นหัวใจสำคัญของพันธกิจของพระองค์และมีความหมายอย่างมากสำหรับสาวกพระเยซูทุกคน (ข้อ 24–28)
เราไม่ได้แสวงหาชีวิตที่สะดวกสบายหรือปลอดภัย พระเยซูตรัสกับเหล่าสาวกว่า ‘ใครก็ตามที่ตั้งใจจะติดตามเรา ต้องให้เราเป็นผู้นำทาง ที่นั่งคนขับไม่ใช่เป็นของเจ้า แต่เป็นที่นั่งสำหรับเรา อย่าวิ่งหนีจากความทุกข์ยาก แต่จงโอบกอดมัน จงติดตามเรา แล้วเราจะแสดงให้เจ้าเห็นว่าการพยายามทำทุกอย่างด้วยตัวเองไม่ได้ช่วยอะไรเลย การสละตัวเองเป็นหนทางของเราในการค้นหาตัวเอง ซึ่งเป็นตัวตนที่แท้จริงของเจ้า จะมีประโยชน์อะไรถ้าเจ้าได้ทุกสิ่งเจ้าที่ต้องการ แต่ต้องสูญเสียชีวิตของเจ้า เจ้าเคยเอาวิญญาณไปแลกกับอะไรได้บ้าง’ (ข้อ 24–26, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
การติดตามพระเยซูเกี่ยวข้องกับการปฏิเสธตัวเอง รับกางเขนของตนมาแบก และติดตามพระองค์ (ข้อ 24) นี่คือหนทางที่จะพบชีวิตที่บริบูรณ์
ในแง่หนึ่ง ความมั่งคั่งมีจุดหมายปลายทางที่ไม่สิ้นสุด แต่จุดมุ่งหมายในชีวิตนั้นสำคัญยิ่งกว่าทรัพย์สิน หรือการได้ครอบครองทั้งเงินทองทั้งหมดในโลก ความสำเร็จทั้งหมดในโลก ชื่อเสียงทั้งหมดในโลก หรือพลังงานทั้งหมดในโลกจะไม่มีความหมายอะไรเลยถ้าคุณสูญเสียจิตวิญญาณของคุณไป (ข้อ 26) และพลาดความหมายที่แท้จริงของการมีชีวิต
ในทางกลับกันถ้าคุณติดตามพระเยซูและยอมจำนนชีวิตเพื่อพระองค์ คุณจะพบวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของชีวิต คำตรัสของพระเยซูมีพลังอำนาจอย่างอัศจรรย์ ไม่เคยมีเวลาไหนที่การ ‘ฟังพระเยซู’ จะมีความสำคัญมากไปกว่าเวลานี้!
พระเยซูทรงพาเปโตร ยากอบ และยอห์นขึ้นไปบนภูเขาสูง รูปลักษณ์ของพระเยซูเปลี่ยนแปลงต่อหน้าต่อตาพวกเขา 'พระพักตร์ของพระองค์ทอแสงเหมือนแสงอาทิตย์ ฉลองพระองค์ก็ขาวผ่องดุจแสงสว่าง จากนั้นพวกสาวกก็ตระหนักว่าโมเสสและเอลียาห์อยู่ที่นั่นเพื่อสนทนากับพระองค์อย่างลึกซึ้งด้วย’ (ข้อ 17:1–3 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พวกเขาได้ยินพระเจ้าตรัสว่า ‘ท่านผู้นี้เป็นบุตรที่รักของเรา เราชอบใจท่านมาก จงเชื่อฟังท่านเถิด’ (ข้อ 5, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
ขณะที่โมเสสและเอลียาห์สนทนากับพระเยซู คุณเองก็สามารถดำเนินชีวิตที่ ‘คุยกับพระเยซู’ ได้เช่นกัน ประสบการณ์ของคุณอาจไม่เห็นด้วยสายตาหรือการได้ยินเหมือนที่บรรดาสาวกบนภูเขาแห่งการจำแลงพระกายนั้นประสบมา แต่คุณก็สามารถรู้ว่าพระเยซูทรงสถิตอยู่ในชีวิตคุณได้เช่นกัน โดยการอ่านและใคร่ครวญพระคำของพระองค์ คุณจะได้สัมผัสกับการสนทนากับพระเยซูผ่านองค์พระวิญญาณบริสุทธิ์
ในแง่หนึ่ง คุณสามารถมองไปที่พระพักตร์ของพระองค์ซึ่งทอแสง ‘เหมือนแสงอาทิตย์’ (ข้อ 2) คุณสามารถมีประสบการณ์ในพระวิญญาณขณะที่นมัสการ (ข้อ 6) อาจเป็นรู้สึกราวกับว่าพระเยซูกำลังสัมผัสคุณจริง ๆ และตรัสกับคุณว่า ‘อย่ากลัวเลย’ (ข้อ 7) และมีหลายครั้งที่คุณอาจมองขึ้นไปและ ‘ไม่เห็นใคร เห็นแต่พระเยซูองค์เดียว’ (ข้อ 8)
ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณที่เมื่อข้าพระองค์ได้สละชีวิตเพื่อพระองค์ ข้าพระองค์ได้พบชีวิต โปรดช่วยข้าพระองค์ให้ฟังเสียงของพระองค์ และติดตามพระองค์ทุกวัน
ปฐมกาล 47:13-48:22
ฟังเสียงองค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดทั้งชีวิต
เมื่อยาโคบมาถึงช่วงสุดท้ายของชีวิตและมองย้อนกลับไปที่พระพรทั้งหมดของพระเจ้า (แม้ว่าจะมีการทดลองและความยากลำบากก็ตาม) เขาก็ยัง 'สาบานต่อบิดา แล้วอิสราเอลก็โน้มตัวลงบนหัวเตียง’ (47:31) เขาระลึกได้ว่าพระเจ้าทรงนำเขามาตลอดชีวิต นี้เป็นภาพที่ชวนให้นึกถึงบุคคลที่ดำเนินชีวิตอย่างใกล้ชิดกับพระเจ้า โดยรับฟังพระองค์และรับสติปัญญาของพระองค์ เขาระลึกถึงตอนที่พระเจ้าตรัสกับเขาและประทานนิมิตสำหรับชีวิตของเขา (48:3–4) เขาสามารถพูดได้ว่า ‘พระเจ้าผู้ทรงบำรุงเลี้ยงข้าพเจ้าตลอดชีวิตจนถึงวันนี้’ (ข้อ 15)
ยาโคบยังจดจำได้เป็นอย่างดีว่าพระเจ้าทรงนำโยเซฟบุตรชายของเขาอย่างอัศจรรย์ เนื่องจากโยเซฟเรียนรู้ที่จะฟังพระเจ้า เขาจึงสามารถตีความความฝันของฟาโรห์ได้ และด้วยเหตุนี้เขาจึงได้เห็นพระพรอันยิ่งใหญ่ โยเซฟไม่เพียงช่วยชีวิตประชากรของพระเจ้าเท่านั้น แต่เขายังช่วยชีวิตชาวอียิปต์ทั้งหมดไว้ด้วย (47:25) เมื่อเวลาชีวิตของยาโคบใกล้จะสิ้นสุด เขาก็อวยพรบุตรชายของโยเซฟโดยแสดงความไว้วางใจในพระสัญญาของพระเจ้าและพระพรสำหรับอนาคต
เมื่อผู้เขียนพระธรรมฮีบรูแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับชีวิตแห่งความเชื่อของยาโคบ เขามุ่งเน้นไปที่เหตุการณ์นี้ ‘โดยความเชื่อ เมื่อยาโคบใกล้จะตาย จึงอวยพรบุตรแต่ละคนของโยเซฟ และได้นมัสการพระเจ้า ขณะยันกายบนหัวไม้เท้าของท่าน’ (ฮีบรู 11:21) เมื่อถึงเวลาที่ยาโคบสิ้นใจ ความไว้วางใจในพระเจ้าของเขาไม่ได้ลดลงเลย ชีวิตของยาโคบจบลงด้วยความเชื่อที่เจริญงอกงาม
จงรักษาความสัตย์ซื่อในการนมัสการและฟังเสียงพระเจ้าตลอดชีวิตทั้งของคุณ จงเชื่อวางใจให้พระเจ้าเป็นผู้นำและคอยชี้แนะทางให้คนรุ่นต่อไป ที่พวกเขาจะฟังเสียงของผู้เลี้ยงเช่นกัน (ดูยอห์น 10:3–4)
ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณที่ทรงสัญญาว่าจะนำข้าพระองค์ และตรัสกับข้าพระองค์ โปรดช่วยให้ข้าพระองค์ฟังพระองค์ในทุกวันและตลอดทั้งชีวิตของข้าพระองค์
Pippa Adds
'จงวางใจในพระยาห์เวห์ด้วยสุดใจของเจ้า...จงยอมรับรู้พระองค์ในทุกทางของเจ้า’ (สุภาษิต 3:5-6) คือ มอบทั้งใจ ‘ทั้งหมดของหัวใจ…ทุกวิถีทาง’ นั่นหมายถึงความมุ่งมั่นเพื่อพระเจ้าอย่างสุดหัวใจ มีสิ่งใดในชีวิตของคุณหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นความกังวลหรือความสำเร็จ ซึ่งคุณอาจต้องมอบให้พระเจ้าอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้แน่ใจว่าคุณยังคงมอบสิ่งเหล่านั้นด้วยความมุ่งมั่น ‘ทั้งหมด’ ต่อพระเจ้า
References
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)เกี่ยวกับแผนฯ
พระคัมภีร์ในหนึ่งปี เป็นแผนประจำวันซึ่งจะนำคุณอ่านพระคัมภีร์ทั้งเล่มในเวลาเพียงหนึ่งปี สำหรับใครก็ตามที่มองหาวิธีอ่านพระคัมภีร์แบบง่าย ๆ และมีแบบแผน แต่ละวันจะมีการสำรวจหัวข้อที่แตกต่างกันผ่านข้อพระคัมภีร์ที่คัดสรรมาจากพระธรรมสดุดีหรือสุภาษิต ตลอดจนพันธสัญญาใหม่และพันธสัญญาเดิม พร้อมด้วยคำอธิบายประจำวันจากนิคกี้ และพิพพา กัมเบล เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจและนำไปใช้ได้จริง
More
เราขอขอบคุณ Alpha International สำหรับการจัดทำแผนนี้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชม bible.alpha.org/th