ลูกของฉันแตกต่าง: ประคับประครองทั้งขึ้นและลงตัวอย่าง

คำแบ่งปันจาก เฮเตอร์ เบราเวอร์

การเลี้ยงดูผู้ติดตามพระเจ้า

หากคุณเป็นผู้ติดตามพระเจ้าและคุณมีลูก อุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดที่คุณรู้สึกก็คือ เขาจะได้รู้จักพระบิดาแห่งสรรค์ของเขา และยอมรับความรักและความรอดที่พระเยซูได้เตรียมไว้ให้เขา หรือไม่ แล้วเขาจะใช้ชีวิตอย่างที่เติมเต็มไปด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ไหม มันเป็นเป้าหมายที่สำคัญที่สุดของฉันเสมอ สำหรับลูกๆ ของฉัน-และตัวฉันเอง แต่ฉันจะสอนลูกออทิสติกของฉันเกี่ยวกับพระเยซูอย่างไร? เขาจะใส่ใจไหม? เขาจะเข้าใจไหม? เขาจะสามารถสื่อสารกับฉันได้ไหมว่าเขาเข้าใจ? คำพูดและความรักของฉันจะสามารถผ่านเข้าถึงเขาได้ไหม?

ท้ายสุดแล้ว คำถามเหล่านี้ที่ฉันขัดข้องใจมาจากการขาดความเชื่อของฉัน และความเข้าใจผิดเกี่ยวกับพลังและความรักของพระบิดา ทั้งหมด มันไม่เคยขึ้นอยู่กับเราพ่อแม่ที่จะเปลี่ยนหัวใจของลูกของเรา มันเป็นงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์-และงานของพระองค์ไม่ได้เกี่ยวพันกับความเฉลี่ยวฉลาดและความสามารถของมนุษย์ งานของพระองค์เป็นสิ่งเหนือธรรมชาติ และแน่นอนพระองค์รักลูกของเรามากกว่าที่เรารักเขาเสียอีก!

แต่เดี๋ยว อะไรคือสิ่งที่พ่อแม่คนหนึ่งควรทำ? ให้อ่านต่อไปเพื่อค้นพบคำถามหลักๆ ที่เราทั้งหลายสงสัยบ่อยๆ

1.ลูกของฉันสามารถเป็นคริสเตียนได้หรือไม่ หากว่าเขามีความพิการทางด้านสติปัญญา? ข่าวดีคือ เรารับใช้พระเจ้าผู้ที่ความรักของพระองค์ไม่ได้เข้าถึงเราจากขอบเขตในความสามารถในการรับรู้และเข้าใจของเรา ไม่มีใครเข้าใจพระเจ้าได้มากเท่าถึงว่าจริงๆ พระองค์เป็นอย่างไร พระคำภีร์ไบเบิลกล่าวถึงเราว่า รู้เพียงส่วนหนึ่ง หรือเหมือนกับว่าเราแค่เพียงจับภาพสะท้อนของความเข้าใจในพระเจ้า เราทั้งหลายอาจจะไม่สามารถเข้าใจความลึกลับของพระองค์ได้เลย และการที่พระองค์จัดระเบียบของจักรวาลได้อย่างไร แต่เราส่วนใหญ่มีความเข้าใจเพียงพอที่จะเลือกที่จะยอมรับความเมตตา และรับความรอดจากพระเจ้า

แต่กับลูกของเราที่มีความต้องการพิเศษหละ? นักศาสนศาสตร์มีความคิดมายาวนานว่า เป็นไปได้ว่ามี "ความรับผิดชอบทางอายุ" ที่แตกต่างกับไปสำหรับแต่ละคน มันเหมือนกันกับอายุแห่งความเข้าใจ ลูกๆ ของเราอาจจะไม่สามารถเข้าถึงระดับความเข้าใจที่ทำให้เขามีความสามารถทั้งในการเข้าใจสิ่งที่เขาควรทำ และกระนั้น การเลือกที่จะทำสิ่งที่แตกต่าง

ผลลัพธ์? เราไม่สามารถรู้ได้จริงๆ ทั้งหมดว่าอะไรที่อยู่ในใจของลูกของเรา เราไม่ใช่พระเจ้า! ในฐานะที่เป็นพ่อแม่ คำสั่งที่ได้รับคือการสอนลูกในสิ่งที่ถูกต้อง เพื่อบอกเขาเกี่ยวกับข่าวดีที่พระเยซูรักเขา และต้องการให้เขาเป็นเพื่อนกับพระเจ้า และเพื่อช่วยให้เขาได้เดินในทางของพระเจ้ามากเท่าที่เป็นไปได้ ซึ่งใช้กับเด็กทุกๆ คน ไม่เกี่ยวกับความสามารถของเขา และนั้นก็เป็นสิ่งที่เราสามารถทำได้

2.ลูกของฉันสามารถเป็นคริสเตียนได้หรือไม่ หากเขามีความพิการด้านการสื่อสาร-แล้ว "การยอมรับในความเชื่อ" หละ?ตกลง มาดูกันว่าทำไมสิ่งนี้จึงทำให้พ่อแม่บางครั้งรู้สึกหวั่นใจ พระคำบทโรม 10:9 พูดไว้เกี่ยวกับการยอมรับด้วยปากของเราว่า พระเยซูคือพระเจ้า เพื่อว่าเราจะได้รับความรอดอืม แล้วถ้าลูกของฉันไม่เคยพูดและอาจจะพูดไม่ได้เลย?ประการแรก เรามาอ่านคำตอบที่ให้ไว้ในข้อที่ 1 อีกครั้ง ถัดไป ให้เราจดจำว่าเรากำลังพูดถึงพระเจ้าที่เต็มล้นด้วยความยุติธรรม พระองค์ทรงช่วยให้เรารอดด้วยพระเมตตา ไม่ใช่เพราะการกระทำของเรา ถ้าคุณรู้สึกว่าลูกชายหรือลูกสาวของคุณมีความสามารถทางจิตใจที่จะสามารถประมวลสิ่งที่คุณกำลังสอนเขาเกี่ยวกับพระเยซู แต่เขาไม่สามารถสื่อสารเป็นคำพูดต่อคุณหรือต่อพระเจ้าได้ ฉะนั้นพระเจ้ามีความสามารถมากกว่าที่จะสามารถเข้าพบเขาในระดับตามความสามารถของเขา พระองค์ไม่เคยต้องการให้เราทำบางสิ่งที่เราไม่สามารถทำได้ และนั้นก็คือพระเมตตาคุณของพระองค์ทั้งสิ้น

3.ฉันจะพูดอย่างไรกับลูกที่มีความต้องการพิเศษของฉันเกี่ยวกับการบัพติสมา? นี้เป็นคำถามที่ดีที่สุดคำถามหนึ่ง และฉันก็โชคดีที่ฉันสามารถพาลูกชายของฉันผ่านการบัพติสมาเมื่อสองปีที่แล้ว ตอนแรกที่เขาถามเกี่ยวกับการบัพติสมา เขาต้องการแค่โอกาสได้ว่ายน้ำที่โบสถ์ ฉันรู้ว่ายังไม่ถึงเวลา แต่ในที่สุด เขาก็ถามเกี่ยวกับการบัพติสมาอีกครั้ง เขาถามว่าเขาสามารถรับการบัพติสมาได้หรือไม่ เขาดูเหมือนว่าเขาเข้าใจ ดังนั้นเราจึงตอบตกลง! มันกลายเป็นวันที่มีความหมายมากวันหนึ่งสำหรับครอบครัวของฉัน เรายังคงพูดถึงมันอยู่ ถ้าลูกของคุณแสดงถึงความปรารถนาที่จะรับการบัพติสมา ฉันแนะนำให้อธิบายถึงการบัพติสมาและก็ทำได้เลย! ถ้าคุณกังวลว่าเหตุการณ์อาจจะทำให้เกิดความตระหนก คุณสามารถปรึกษากับผู้นำของโบสถ์ว่ามีสถานที่อื่น หรือเวลาอื่นเพื่อลูกของคุณจะได้รับการบัพติสมาหรือไม่ เป็นไปได้ว่า การทำบัพติสมาในสระว่ายน้ำที่เขาคุ้นเคยอาจจะเหมาะกับลูกของคุณก็ได้

4.ฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าลูกของฉันเข้าใจเกี่ยวกับการติดตามพระเยซู?เป็นคำถามที่ยากที่จะตอบได้ ไม่ว่าความสามารถของลูกของคุณจะเป็นอย่างไร ความจริงแล้ว ฉันคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะตอบคำถามนี้ ดังนั้นฉันก็จะไม่พยายามตอบ! คุณพ่อคุณแม่ ไม่ว่าความสามารถของลูกของคุณจะอยู่ระดับไหน มีบางสิ่งที่เราทั้งหลายไม่สามารถรู้ได้ทั้งหมด ฉันรู้สึกจริงๆ ว่าคำตอบจะตกอยู่ที่ว่า "ฉันสามารถทำอะไรได้บ้าง ในฐานะพ่อแม่ เพื่อช่วยให้ลูกของฉันพบและดำรงอยู่ในทางของพระเจ้า? และเราจะได้ทำความเข้าใจนี้จากการอ่านคำแบ่งปันของวันพรุ่งนี้!

การเลี้ยงดูผู้ติดตามของพระเยซูสำหรับผู้ที่เกิดมากับความพิการ สามารถเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอนเท่าๆ กับการเลี้ยงดูผู้ติดตามพระเยซูสำหรับผู้ที่ไม่มีความพิการ เราพ่อแม่ ไม่ว่าลูกของเราเกิดมากับความสามารถอะไร ต้องพากเพียรอุตสาหะ และยอมให้ความเชื่อของเราเติมเข้ามา ในเมื่อตาของเราไม่สามารถเห็นว่าเรากำลังทำความแตกต่างอยู่หรือไม่

สมุดบันทึก:คุณมีคำถามอื่นๆ สำหรับพระเจ้าอีกไหม? บันทึกเอาไว้ แล้วพิจารณาว่าคำถามไหนจะสามารถตอบได้ด้วยความเชื่อ