การบริหารจัดการเวลาแบบพระเจ้าตัวอย่าง

จงมอบเวลาของคุณ วางใจในพระเจ้า

ความเชื่อ หมายความถึงการวางใจแน่วแน่กับความน่าเชื่อถือ ความเป็นจริงหรือความสามารถของใครบางคน หรือ
ในบางสิ่ง คำคำนี้ปรากฎในพระคัมภีร์มากกว่า 150 ครั้ง ใจความหลักหนึ่งพระคัมภีร์ก็คือ ความเชื่อในพระเจ้า เมื่อใดที่บุคคลในพระคัมภีร์เชื่อในพระเจ้า พวกเขาก็จะมีประสบการณ์แห่งความดีเลิศของพระองค์ เมื่อใดที่เขามอบความไว้วางใจให้กับสิ่งอื่นแทนที่พระเจ้า เขาก็ไม่พบเลย

เยเรมีย์ 17 ข้อ 7-8 คำมั่นสัญญาแห่งพระพรทั้งปวงของคนที่เชื่อวางใจในพระเจ้า
แต่ผู้ที่วางใจในพระเจ้าย่อมได้รับพระพร
คือผู้ที่มอบความไว้วางใจของเขาในพระองต์
เขาจะเป็นเหมือนต้นไม้ที่ปลูกไว้ริมน้ำ
ซึ่งหยั่งรากมันไปสู่ลำน้ำ
เมื่อแดดส่องมาถึงก็ไม่กลัว
เพราะใบของมันคงเขียวอยู่เสมอ
มันไม่กระวนกระวายในปีที่แห้งแล้ง
และมันจะไม่หยุดที่จะเกิดผล

แล้วอะไรเล่าดูเหมือนเป็นความเชื่ออย่างจริงจังในพระเจ้าเกี่ยวข้องกับเวลาของเรา บ่อยครั้งในฐานะคริสเตียน
เรามักคิดถึงการทูลขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าในก่รตัดสินใจครั้งใหญ่อย่างเช่นการเลือกงานทำ การย้ายไปอยู่ที่ไหน หรือการแต่งงานกับใครบางคน แต่เรามักลืมที่จะทูลขอพระเจ้าในการทรงนำชีวิตเราวันต่อวัน อย่างจำเพาะเจาะจงด้วยพระหัตถ์พระองค์

นี่เป็นวิธีการบางอย่างที่เราจะเชื่อวางใจให้พระเจ้าให้เป็นศูนย์กลางของการบริหารจัดการเวลาของเรา

ลองจัดตารางของคุณ ทบทวนกิจกรรมทั้งหมดในชีวิต อธิษฐานเผื่อการใช้เวลามากหรือน้อยในเรื่องอะไรบ้าง

ลงทุนกับการใช้เวลาสร้างความสัมพันธ์กับพระเจ้า ใช้เวลาศึกษาพระคัมภีร์ และอธิษฐานทุก ๆ วัน ในการติดต่อกับพระบิดาในสวรรค์ มอบภาระที่คุณมีอยู่นั้นแด่พระเจ้า
พักสงบในพระองค์ ใช้เวลาวันสะบาโตหยุดพักทุกสัปดาห์ และวันหยุดอื่น ด้วยความไว้วางใจในการดูแลของพระเจ้า
หากว่าคุณมีแนวโน้มที่จะให้เวลารับผิดชอบผู้อื่นมากเกินไป ขอพระเจ้าทรงช่วยให้คุณวางใจในความรักพระองค์ที่มีต่อคนที่คุณเอาใจใส่อยู่นั้น ถ้าหากคุณมีแนวโน้มติดพันอยู่กับภาระกิจการงาน ขอพระเจ้าทรงช่วยให้คุณปรับตัวได้มากขึ้น และเปิดใจไปเอาใจใส่ความต้องการของผู้อื่นด้วย

ในฐานะคริสเตียน การใช้เวลา และสงบสุขของเรากับเวลาที่มีอยู่นั้น มักแสดงออกด้วยการเชื่อในพระเจ้า โดยไม่ให้ตัวเราเป็นผู้บริหารจัดการเวลาของเราแทนพระองค์