เริ่มต้นที่นี่ | ก้าวแรกกับพระเยซูตัวอย่าง

มาระโก 4-5 | เมล็ดดี และ ดินดี

พระเยซูเป็นนักเล่าเรื่องที่ยอดเยี่ยม ในพระธรรมมาระโกบทที่ 4 และ 5 พระเยซูทรงกล่าว คำอุปมา - เรื่องเล่าที่สอนบทเรียน อุปมาเรื่องแรกของพระเยซูจะช่วยตอบสองคำถามที่สำคัญแก่เรา นั้นคือ พระคัมภีร์คืออะไร และ เหตุใดเราจึงควรอ่านมัน?

ให้เรามาเริ่มกันที่ พระธรรมมาระโกบทที่ 4 ข้อที่ 3:

“'จงฟังเถิด มีคนหนึ่งออกไปหว่านพืช และเมื่อเขาหว่าน เมล็ดพืชก็ตกตามหนทางบ้าง แล้วนกก็มากินเสีย บ้างก็ตกที่ซึ่งมีพื้นหินมีเนื้อดินแต่น้อย จึงงอกขึ้นโดยเร็ว เพราะดินไม่ลึก แต่เมื่อแดดจัด แดดก็แผดเผา เพราะรากไม่มี จึงเหี่ยวไป บ้างก็ตกกลางต้นหนาม ต้นหนามก็งอกขึ้นปกคลุมเสีย จึงไม่เกิดผล บ้างก็ตกที่ดินดี แล้วงอกงามจำเริญขึ้น เกิดผลสามสิบเท่าบ้าง หกสิบเท่าบ้าง ร้อยเท่าบ้าง’

แล้วพระเยซูตรัสว่า ‘ใครมีหู จงฟังเถิด’”

มันเป็นเรื่องของการเพาะปลูก ชาวนาคนหนึ่งกำลังเพาะเมล็ดพืช บางเมล็ดก็เติบโตและบางเมล็ดก็ไม่ โดยผลลัพธ์นั้นขึ้นอยู่กับดิน ไม่ใช่เรื่องที่น่าตื่นเต้นเท่าไร แต่พระเยซูทรงให้กุญแจที่จะเปิดเผยคำอุปมานี้ในข้อที่ 14:

“ผู้ที่หว่านนั้นก็หว่านพระวจนะ” 

ในพระธรรมลูกาบทที่ 8 พระเยซูตรัสว่า: 

“เมล็ดพืชหมายถึงพระวจนะของพระเจ้า"  (ลูกา 8:11)

พระเยซูทรงเปรียบเทียบพระวจนะของพระเจ้ากับเมล็ดพืช ลองคิดถึงเมล็ดพืช พวกมันไม่ได้น่าสนใจเท่าไร ผลไม้ต่างหากที่น่าสนใจมากกว่า แต่เมล็ดที่อยู่ข้างใน เจ้าจุดเล็กๆที่เจียมเนื้อเจียมตัว ได้ซุกซ่อนแบบพิมพ์เขียวทั้งหมดไว้ข้างใน และรวมถึงอุปกรณ์ก่อสร้างทั้งหมดที่จำเป็นในการสร้างพุ่มไม้ พืช หรือต้นไม้ - ตั้งแต่รากจนถึงกิ่งก้านจนถึงผลไม้ - และทั้งหมดนี้ออกมาจากดิน เมล็ดพืชนั้นแสนอัศจรรย์: คุณฝังมันและมันก็สร้างชีวิตขึ้นมา 

และพระเยซูตรัสกับเราว่า: พระวจนะของพระเจ้าก็คือเมล็ดพืช ซึ่งอาจดูเหมือนไม่มีอะไร แต่มีแบบพิมพ์เขียวแห่งชีวิตอยู่ข้างใน ทั้งหมดที่จำเป็นสำหรับพระวจนะก็คือ ดินที่ดี

พระคัมภีร์เป็นมากกว่าแค่หนังสือเล่มหนึ่ง ซึ่งที่จริงแล้วมันคือหนังสือ 66 เล่ม แต่สิ่งที่มากมายกว่านั้นก็คือ พระคัมภีร์คือพระวจนะของพระเจ้า พระธรรม 2 ทิโมธี กล่าวว่า 

“พระคัมภีร์ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้า” (2 ทิโมธี 3:16) 

นั่นหมายความว่า พระคำภีร์ประกาศตัวเองเป็นพระวจนะของพระเจ้า 

ดังนั้น ถ้าพระวจนะคือเมล็ดพืช แล้วสิ่งใดคือดิน? ให้เรากลับมาดูที่คำอุปมา

พระเยซูทรงอธิบายว่าดินคือผู้ที่ได้ฟังพระวจนะ ดินก็คือคุณและฉัน มันก็คือหัวใจของเรานั่นเอง และดินนั้นมีสี่ชนิดด้วยกัน - หัวใจสี่แบบที่แตกต่างกันเมื่อมันได้ฟังพระวจนะของพระเจ้า

หัวใจบางดวงนั้นแข็งเหมือนหิน พระวจนะเข้ากระทบและไม่อาจแทรกเข้าไปข้างในได้ หัวใจอีกแบบหนึ่งเป็นเหมือนดินที่มีหินปะปน มีดินร่วนอยู่นิดหน่อยและเมล็ดพืชก็เติบโตได้ แต่รากไม่อาจหยั่งลึก เมื่อมีปัญหาเข้ามา พวกเขาก็ละทิ้งความเชื่อ ต่อมา หัวใจบางดวงเป็นเหมือนดินที่มีหนามและวัชพืชปกคลุม หมกมุ่นอยู่กับความสนุกสนานเพลิดเพลินและความกังวลในชีวิต จนกระทั่งไม่มีพื้นที่ให้ความเชื่อเติบโต แล้วก็ยังมีหัวใจบางดวงที่... คุณเคยเห็นพื้นดินที่โล่งดูแสนธรรมดาซึ่งกลับกลายเป็นสวนไหมล่ะ? มหัศจรรย์จริงๆ

แล้วคุณจะแน่ใจได้อย่างไรว่าหัวใจของคุณนั้นเป็นดินประเภทที่งอกงาม เพื่อหาคำตอบนั้น อ่านพระธรรมมาระโกบทที่ 4 จดจำไว้ว่า พลังอำนาจนั้นอยู่ในพระวจนะของพระเจ้า ไม่ใช่ของฉัน ฉันอยู่ที่นี่เพื่อทำให้คุณได้เริ่มต้น แต่จุดมุ่งหมายที่แท้จริงของฉันคือ เพื่อทำให้คุณได้เปิดพระคัมภีร์และอ่านด้วยตัวคุณเอง 

ความหวังของฉันสำหรับคุณคือ กิจวัตรในการอ่านพระคัมภีร์ที่แข็งแรง นั่นคือส่วนที่เป็นปัจจัยสำคัญของการติดตามพระเยซู อ่านพระคัมภีร์ทุกวัน เพาะเมล็ดพืชในดินที่ดีและเกิดผลที่ดีด้วย

อ่านพระธรรมมาระโกบทที่ 4 และ 5 และพิจารณาว่าคุณอยากจะเป็นดินชนิดไหน ถ้าคุณมีเวลา ให้อ่านทั้งบทและติดตามพระเยซูไปในขณะที่พระองค์ทรงเล่าเรื่องราวแสนอัศจรรย์อีกมากมาย และดูตอนที่พระองค์ทรงตรัสกับพายุใหญ่แล้วทำให้มันสงบลง ตอนที่พระองค์ทรงขับผี รักษาคนป่วย และแม้แต่ทำให้คนตายกลับฟื้นคืนชีวิต และพระองค์ทรงทำทั้งหมดนั้นด้วยพลังอำนาจแห่ง พระวจนะ และถ้าพระวจนะของพระเยซูสามารถทำทุกสิ่งนั้นได้ ลองจินตนาการดูว่าพระวจนะจะทำสิ่งใดบ้างในชีวิตของคุณ ทั้งหมดที่คุณต้องมีคือ - ดินที่ดี 

คำถามสำหรับการใคร่ครวญ และ การอภิปราย:

• คุณคิดว่าทำไมพระเยซูจึงเปรียบพระวจนะเป็นภาพของเมล็ดพืช? สองสิ่งนี้เหมือนกันอย่างไร?
• ถ้าดินเป็นสัญลักษณ์แทนหัวใจ คุณจะทำอะไรเพื่อให้แน่ใจว่าพระวจนะได้ถูกเพาะลงในดินที่ดี และมีพื้นที่ให้เติบโตและเกิดผล?
• คุณได้เคยเห็นพลังอำนาจของพระวจนะส่งผลกระทบต่อตัวคุณเองและผู้คนรอบข้างอย่างไรบ้าง? แบ่งปันเรื่องราวของคุณ