ความหวังในความมืดมิดตัวอย่าง

ความเชื่อที่ถูกทดสอบ

ผมเป็นหนึ่งในคนที่ยอมจมน้ำพร้อมกับความเชื่อ มากกว่าที่จะว่ายน้ำได้โดยไม่มีมัน

—สแตนลีย์ บอลดวิน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ 

สมมุติว่าคุณใช้ชีวิตโดยความเชื่อ แต่คุณยังไม่เห็นคำสัญญาของพระเจ้าเป็นจริงในชีวิตของคุณเลยล่ะ? คุณกล้าที่จะเชื่อไหมว่าพระองค์จะรักษาพระสัญญาของพระองค์ แม้ว่าคุณไม่ได้มีโอกาสได้เห็นมันในเวลาที่คุณอยู่บนโลกนี้? มันเป็นไปได้หรือไม่ที่คุณจะเติบโตใกล้ชิดกับพระเจ้าถึงขนาดที่คุณยังจะรักและรับใช้พระองค์แม้ว่าคุณจะผิดหวัง? 

ผู้เผยพระวจนะฮาบากุกเป็นครูที่ดีสำหรับพวกเราเกี่ยวกับบทเรียนนี้ เพราะว่าเขาต้องรอจนกระทั่งคนรุ่นถัดมาที่พระเจ้าทรงรักษาสัญญาและลงโทษชาวบาบิโลน 

นั่นเป็นเวลาที่นานมากสำหรับการรอคอย

แต่พระเจ้าก็ยังคงสัตย์ซื่อ

ผู้เผยพระวจนะฮาบากุกได้มอบคำสามคำเล็กๆ ที่เราสามารถจะยึดเหนี่ยวเมื่อดูเสมือนว่าพระเจ้ายังไม่ได้ทรงช่วยในสิ่งที่พระองค์สัญญา ไม่ว่าอะไรก็ตามที่คุณกำลังเผชิญหน้าอยู่ อย่าปล่อยสามคำนี้ไปเป็นอันขาด 

ถ้าคุณต้องการที่จะติดสนิทกับพระเจ้า—ไม่ว่าอะไรก็ตาม—นี่เป็นสามคำที่คุณต้องจดจำระหว่างการเดินทางไปสู่ความสนิทสนมและความไว้วางใจและความเชื่อในพระเจ้าอย่างสุดใจ: 

“แต่พระเจ้า . . .” 

คุณจะพบคำเหล่านี้ในพระธรรมฮาบากุก 2:20 ภายหลังที่ผู้เผยวจนะยอมรับว่าเขาไม่ชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขากล่าวว่า “แต่พระเจ้า ทรงสถิตในพระวิหารบริสุทธิ์ของพระองค์ จงให้สิ้นทั้งพิภพอยู่สงบต่อพระพักตร์พระองค์เถิด” (TH1971 เน้นคำโดยผู้เขียน) 

โลกอาจจะกลับตาลปัตร แต่พระเจ้า ก็ยังสถิตอยู่ที่นั่น

เมื่อคุณไม่รู้จะหันหน้าไปทางไหน เมื่อความคิดของคุณและทรัพย์สินของคุณหมดสิ้นไป เมื่อการควบคุมสถานการณ์ของคุณสับสนไปหมด พระเจ้ายังคงสถิตอยู่ตรงนั้น เมื่อหัวเข่าของคุณปวดเมื่อยจากการคุกเข่าอธิษฐานแต่คุณไม่สามารถบอกได้ว่าพระองค์ฟังอยู่บ้างหรือไม่ พระองค์ก็ยังคงสถิตอยู่ที่นั่น 

ไม่ว่าอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นในชีวิตของคุณ พระเจ้าทรงสถิตในพระวิหารบริสุทธิ์ของพระองค์ 

อธิษฐาน: องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงโปรดให้ข้าพระองค์พบกับการทรงสถิตของพระองค์ในรูปแบบใหม่ได้ไหม? ขอพระองค์โปรดเผยให้ข้าพระองค์ทราบว่าพระองค์อยู่ใกล้เพียงใด?