มาระโก 6:1-32

มาระโก 6:1-32 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

พระเยซู​ไป​จาก​ที่​นั่น​และ​กลับ​ไป​บ้าน​เดิม พวก​ศิษย์​ก็​ติดตาม​ไป​ด้วย เมื่อ​ถึง​วัน​หยุด​ทาง​ศาสนา พระองค์​ก็​สั่งสอน​อยู่​ใน​ที่ประชุม​ของ​ชาวยิว มี​คน​มากมาย​ที่​ทึ่ง​ใน​คำสอน​ของ​พระองค์ และ​พูด​กัน​ว่า “เขา​ไป​เอา​ความรู้​แบบนี้​มา​จาก​ไหน แล้ว​ทำ​การอัศจรรย์​เหล่านี้​ได้​ยังไง เขา​เป็น​แค่​ช่างไม้ ลูก​ของ​มารีย์ พี่ชาย​ของ​ยากอบ โยเสส ยูดาส และ​ซีโมน และ​พวก​น้อง​สาว​ของ​เขา​ก็​อยู่​ใน​เมืองนี้​กับ​พวก​เรา​อีก​ด้วย” พวก​เขา​จึง​ขุ่นเคือง​พระองค์ พระเยซู​จึง​พูด​กับ​พวก​เขา​ว่า “ผู้พูดแทนพระเจ้า​ได้รับ​เกียรติ​ใน​ทุก​ที่ ยกเว้น​ใน​บ้าน​เมือง ใน​หมู่​ญาติ​พี่น้อง และ​ใน​ครอบครัว​ของ​ตัวเอง” เมื่อ​อยู่​ที่​นั่น พระเยซู​จึง​ไม่​สามารถ​ทำ​การ​อัศจรรย์​ได้​นอก​จาก​วางมือ​รักษา​คน​ป่วย​ไม่​กี่​คน พระองค์​แปลกใจ​ที่​พวก​เขา​ไม่​มี​ความเชื่อ​ใน​พระองค์ พระองค์​จึง​ไป​สอน​ที่​หมู่บ้าน​ใกล้เคียง​แถว​นั้น​แทน พระองค์​เรียก​ศิษย์​เอก​ทั้ง​สิบสอง​คน​มา แล้ว​ส่ง​พวก​เขา​ออก​ไป​เป็น​คู่ๆ​พระองค์​ทำ​ให้​พวก​เขา​มี​สิทธิอำนาจ​เหนือ​วิญญาณ​ชั่ว​ทั้งหลาย และ​สั่ง​ว่า “อย่า​เอา​อะไร​ติดตัว​ไป​เลย​นอก​จาก​ไม้เท้า ไม่​ต้อง​เอา​อาหาร ถุง​ย่าม​หรือ​เงิน​ติดตัว​ไป ให้​ใส่​รองเท้า​ได้​แต่​ไม่​ต้อง​เอา​เสื้อผ้า​สำรอง​ไป” พระองค์​พูด​กับ​พวก​เขา​ว่า “บ้าน​ไหน​ที่​ต้อนรับ​คุณ ก็​ให้​อยู่​ที่​บ้าน​นั้น​ตลอด​จน​กว่า​จะ​จาก​เมือง​นั้น​ไป แต่​ถ้า​ที่​ไหน​ไม่​ต้อนรับ​หรือ​ไม่​ฟัง​พวก​คุณ ก็​ให้​ออก​ไป​จาก​ที่​นั่น และ​ให้​สะบัด​ฝุ่น​ออก​จาก​เท้า ด้วย เพื่อ​เป็น​การเตือน​พวก​เขา” พวก​ศิษย์​ของ​พระองค์​ก็​ออก​ไป​สั่งสอน ให้​ผู้คน​กลับตัว​กลับใจ​เสียใหม่ พวก​เขา​ขับ​ผี​ชั่ว​ออก​ไป​หลาย​ตน ทา​น้ำมัน​มะกอก​ให้​กับ​คน​เจ็บป่วย​เป็น​จำนวน​มาก และ​รักษา​พวก​เขา​จน​หาย กษัตริย์​เฮโรด ได้ยิน​ชื่อ​เสียง​ของ​พระเยซู​เพราะ​คน​พูด​กัน​ไป​ทั่ว บางคน​พูด​ว่า “เขา​ต้อง​เป็น​ยอห์น​คน​ทำ​พิธีจุ่มน้ำ​ที่​ฟื้นขึ้น​จาก​ความตาย​แน่ๆ​ถึง​ทำ​การอัศจรรย์​พวกนี้​ได้” บางคน​พูด​ว่า “เขา​คือ​เอลียาห์” และ​บางคน​พูด​ว่า “เขา​คือ​ผู้พูดแทนพระเจ้า​เหมือน​กับ​ผู้พูดแทนพระเจ้า​คน​อื่นๆ​ใน​สมัย​โบราณ​นั้น” เมื่อ​เฮโรด​ได้ยิน​เรื่อง​พวกนี้ พระองค์​พูด​ว่า “ต้อง​เป็น​ยอห์น คน​ที่​เรา​สั่ง​ให้​ตัดหัว​ฟื้นขึ้น​จาก​ตาย​แน่ๆ” เพราะ​เฮโรด​เอง​ที่​เป็น​คน​สั่ง​ให้​จับ​ยอห์น​ล่าม​โซ่​และ​ขัง​คุก​ไว้ เพราะ​เห็น​แก่​นาง​เฮโรเดียส​ภรรยา​ของ​ฟีลิป​น้อง​ชาย​ของ​เฮโรด เพราะ​ยอห์น​ได้​เตือน​กษัตริย์​เฮโรด​บ่อยๆ​ว่า “พระองค์​ทำ​ไม่​ถูก ที่​เอา​ภรรยา​น้อง​ชาย​มา​เป็น​ภรรยา​ตัวเอง” ทำ​ให้​เฮโรเดียส​แค้นใจ​อยาก​จะ​ฆ่า​ยอห์น แต่​ก็​ทำ​ไม่​ได้ เพราะ​กษัตริย์​เฮโรด​กลัว​ยอห์น พระองค์​รู้​ว่า​ยอห์น​เป็น​คน​ที่​ทำ​ตามใจ​พระเจ้า และ​เป็น​คน​ของ​พระเจ้า​จริงๆ จึง​ปกป้อง​ยอห์น​ไว้ ทุก​ครั้ง​ที่​เฮโรด​ฟัง​ยอห์น​สอน​ก็​ลำบากใจ แต่​ก็​ยัง​ชอบ​ฟัง แล้ว​โอกาส​ของ​นาง​เฮโรเดียส​ก็​มา​ถึง เมื่อ​เฮโรด​จัด​งาน​วันเกิด​ของ​พระองค์​ขึ้น พระองค์​เชิญ​พวก​ข้าราชการ​ชั้นสูง นายทหาร​ชั้น​ผู้ใหญ่ และ​คน​สำคัญๆ​ของ​แคว้น​กาลิลี​มา​ใน​งาน ลูกสาว​ของ​นาง​เฮโรเดียส​เข้า​มา​เต้นรำ ทำ​ให้​เฮโรด​และ​บรรดา​แขกเหรื่อ​ถูกอก​ถูกใจ​มาก แล้ว​กษัตริย์​เฮโรด​จึง​บอก​กับ​หญิงสาว​นี้​ว่า “อยาก​ได้​รางวัล​อะไร​ก็​ขอ​มา​เลย เรา​จะ​ให้” พระองค์​ยัง​สัญญา​อีก​ว่า “เรา​จะ​ให้​ทุก​อย่าง​ที่​เจ้า​ขอ แม้​กระทั่ง​ครึ่ง​หนึ่ง​ของ​อาณาจักร​นี้” เธอ​ก็​ออก​ไป​ถาม​แม่​ว่า “แม่ หนู​ขอ​อะไร​ดี​คะ” แม่​ตอบ​ว่า “ขอ​หัว​ของ​ยอห์น​คน​ทำ​พิธีจุ่มน้ำ​สิ” แล้ว​เธอ​ก็​รีบ​วิ่ง​เข้า​ไป​บอก​กษัตริย์​ว่า “ดิฉัน​ขอ​หัว​ของ​ยอห์น​คน​ทำ​พิธีจุ่มน้ำ​ใส่​ถาด​มา​ให้​ที่​นี่​ค่ะ” กษัตริย์​เฮโรด​เสียใจ​มาก แต่​เพราะ​เขา​ได้​สาบาน​ไว้​แล้ว​ต่อหน้า​แขก​เป็น​จำนวน​มาก เฮโรด​จึง​ไม่​กล้า​ที่​จะ​ผิด​คำพูด​กับ​เธอ เฮโรด​จึง​สั่ง​ให้​เพชฌฆาต​ไป​ตัดหัว​ของ​ยอห์น​ใน​คุก​ทันที และ​เอา​ใส่​ถาด​มา​ให้​กับ​เธอ แล้ว​เธอ​ก็​เอา​ไป​ให้​แม่​ของ​เธอ เมื่อ​ศิษย์​ของ​ยอห์น​รู้​เข้า​ก็​พา​กัน​มา​รับ​ร่าง​ของ​ยอห์น​ไป​ฝัง​ไว้​ใน​อุโมงค์ พวก​ศิษย์​ที่​พระเยซู​ส่ง​ออก​ไป ได้​กลับ​มา​หา​พระองค์ และ​เล่า​เรื่อง​ทุก​อย่าง​ที่​ได้​ทำ​และ​สอน​ให้​พระองค์​ฟัง แล้ว​พระเยซู​บอก​พวก​เขา​ว่า “พวก​เรา​ไป​หา​ที่​เงียบๆ​พักผ่อน​กัน​เถอะ” เพราะ​มี​ผู้คน​เป็น​จำนวน​มาก​มา​หา​พระองค์ จน​ไม่​มี​เวลา​แม้​แต่​จะ​กิน​อาหาร​กัน พวก​เขา​จึง​ลง​เรือ​ไป​ยัง​ที่​เปลี่ยว​เพื่อ​อยู่​กัน​เฉพาะ​พวก​เขา

มาระโก 6:1-32 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

พระเยซูเสด็จออกจากที่นั่นไปยังภูมิลำเนาของพระองค์ และพวกสาวกก็ตามพระองค์ไป พอถึงวันสะบาโต พระองค์ทรงเริ่มสั่งสอนในธรรมศาลา และคนจำนวนมากที่ได้ยินพระองค์ก็ประหลาดใจ พูดกันว่า “คนนี้ได้ความคิดแบบนี้มาจากไหน? ปัญญาที่เขาได้รับเป็นปัญญาแบบไหนกันนี่? ถึงได้ทำการอัศจรรย์เหล่านี้ คนนี้เป็นช่างไม้ลูกของมารีย์ไม่ใช่หรือ? ยากอบ โยเสส ยูดาส และซีโมนก็เป็นน้องชายของเขาไม่ใช่หรือ? และน้องสาวของเขาก็อยู่ที่นี่กับพวกเราไม่ใช่หรือ?” พวกเขาจึงขัดเคืองใจในตัวพระองค์ พระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า “ผู้เผยพระวจนะจะไม่ขาดความเคารพนับถือเว้นแต่ในเมืองของตนและในท่ามกลางญาติพี่น้องของตน และในวงศ์วานของตน” พระองค์ทรงทำการอัศจรรย์ที่นั่นไม่ได้ เว้นแต่วางพระหัตถ์ถูกต้องคนเจ็บบางคนให้หายโรค และพระองค์ประหลาดพระทัยที่พวกเขาไม่มีความเชื่อ แล้วพระองค์จึงเสด็จไปทรงสั่งสอนตามหมู่บ้านโดยรอบ พระองค์ทรงเรียกสาวกสิบสองคนมา แล้วทรงใช้พวกเขาออกไปเป็นคู่ๆ และประทานสิทธิอำนาจให้พวกเขาขับผีร้ายออกได้ พระองค์ตรัสกำชับพวกเขาไม่ให้เอาอะไรไปใช้ตามทาง เว้นแต่ไม้เท้า ไม่ให้เอาอาหารหรือย่าม หรือเงินใส่เข็มขัดไป แต่ให้สวมรองเท้าและไม่ให้สวมเสื้อสองตัว แล้วพระองค์ตรัสสั่งพวกเขาว่า “เมื่อเข้าอาศัยในบ้านไม่ว่าที่ไหน ให้อาศัยในบ้านนั้นจนกว่าจะออกจากเมืองนั้น ถ้าที่ไหนไม่ต้อนรับและไม่ฟังพวกท่าน เมื่อจะออกจากที่นั่น จงสะบัดผงคลีใต้ฝ่าเท้าของพวกท่านออก ส่อให้เห็นความผิดของพวกเขา” พวกสาวกก็ออกไปประกาศให้ทุกคนกลับใจใหม่ พวกเขาขับผีออกหลายตน และเอาน้ำมันชโลมคนเจ็บป่วยหลายคนให้หายโรค กษัตริย์เฮโรดทรงทราบเรื่องของพระองค์ เพราะว่าพระนามของพระเยซูเป็นที่เลื่องลือ บางคนพูดว่า “ยอห์นผู้ให้บัพติศมาเป็นขึ้นมาจากตายแล้ว เพราะเหตุนี้เขาถึงทำการอัศจรรย์ได้” แต่บางคนว่า “เขาเป็นเอลียาห์” ส่วนคนอื่นๆ ว่า “เขาเป็นผู้เผยพระวจนะเหมือนคนหนึ่งในพวกผู้เผยพระวจนะในอดีต” เมื่อเฮโรดทรงได้ยินจึงตรัสว่า “ยอห์นคนที่เราตัดศีรษะเป็นขึ้นมาจากตายแล้ว” เพราะว่าเฮโรดทรงใช้คนไปจับยอห์นมาล่ามโซ่ขังคุกไว้เพื่อเห็นแก่นางเฮโรเดียสชายาของฟีลิปพระอนุชาของพระองค์ เนื่องจากเฮโรดอภิเษกสมรสกับนาง เพราะยอห์นเคยทูลเฮโรดว่า “ท่านไม่มีสิทธิ์รับชายาของพระอนุชามาเป็นพระชายาของตัวเอง” นางเฮโรเดียสจึงผูกพยาบาทยอห์นและปรารถนาจะประหารท่านเสีย แต่ประหารไม่ได้ เพราะเฮโรดทรงเกรงกลัวยอห์น เนื่องจากทรงทราบว่าท่านเป็นคนชอบธรรม และบริสุทธิ์ เฮโรดจึงทรงปกป้องท่านไว้ เมื่อเฮโรดทรงได้ยินคำสั่งสอนของท่านก็ทรงฉงนสนเท่ห์ แต่ก็ยังทรงยินดีที่จะฟัง อยู่มาวันหนึ่งเป็นโอกาสเหมาะ คือเป็นวันฉลองการประสูติของเฮโรด เฮโรดทรงจัดงานเลี้ยงขุนนางกับนายทหารชั้นผู้ใหญ่และคนสำคัญๆ ทั้งหลายในแคว้นกาลิลี เมื่อบุตรีของเฮโรเดียสเข้ามาเต้นรำ ทำให้กษัตริย์เฮโรดและแขกทั้งปวงชอบใจ กษัตริย์จึงตรัสกับหญิงสาวว่า “เจ้าจะขอสิ่งใดเราจะให้สิ่งนั้น” และกษัตริย์ทรงปฏิญาณว่า “เจ้าจะขอสิ่งใดๆ ก็ตาม เราจะให้สิ่งนั้นแก่เจ้าจนถึงกึ่งราชสมบัติ” นางจึงออกไปถามมารดาว่า “ลูกจะขอสิ่งใดดี?” มารดาจึงตอบว่า “จงขอศีรษะของยอห์นผู้ให้บัพติศมาเถิด” นางจึงรีบเข้าไปเฝ้ากษัตริย์ทันทีทูลว่า “หม่อมฉันขอศีรษะของยอห์นผู้ให้บัพติศมา ใส่ถาดมาให้หม่อมฉันเดี๋ยวนี้เลยเพคะ” กษัตริย์ก็ทรงเป็นทุกข์อย่างยิ่ง แต่เพราะทรงปฏิญาณไว้แล้ว และเพราะเห็นแก่หน้าแขกจึงขัดไม่ได้ กษัตริย์จึงรับสั่งให้เพชฌฆาตไปตัดศีรษะของยอห์นมาทันที เพชฌฆาตก็ไปตัดศีรษะยอห์นในคุก แล้วใส่ถาดมาให้หญิงสาว หญิงสาวนั้นก็เอาไปให้แก่มารดาของตน เมื่อพวกศิษย์ของยอห์นรู้เรื่อง ก็มารับศพของท่านไปฝังไว้ในอุโมงค์ พวกอัครทูตมาห้อมล้อมพระเยซูและทูลถึงสิ่งต่างๆ ที่พวกเขาทำและสั่งสอน แล้วพระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “มาเถิด จงปลีกตัวออกมาหาที่สงบเพื่อหยุดพักสักหน่อยหนึ่ง” เพราะว่ามีคนไปมามากมายจนไม่มีเวลาแม้แต่จะรับประทานอาหาร พระองค์จึงเสด็จลงเรือกับพวกสาวกไปยังที่สงบตามลำพัง

มาระโก 6:1-32 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)

ฝ่ายพระองค์​ได้​เสด็จออกจากที่​นั่น ไปยั​งบ​้านเมืองของพระองค์ และเหล่าสาวกของพระองค์​ก็​ตามพระองค์​ไป พอถึงวันสะบาโตพระองค์ทรงตั้งต้นสั่งสอนในธรรมศาลา และคนเป็​นอ​ันมากที่​ได้​ยินพระองค์​ก็​ประหลาดใจนักพู​ดก​ั​นว​่า “คนนี้​ได้​ความคิดนี้มาจากไหน สติ​ปัญญาที่​ได้​ประทานแก่คนนี้เป็นปัญญาอย่างใด จึงทำการมหัศจรรย์​อย่างนี้​สำเร็​จด​้วยมือของเขา คนนี้เป็นช่างไม้​บุ​ตรชายนางมารีย์​มิใช่​หรือ ยากอบ โยเสส ยู​ดาส และซีโมนเป็นน้องชายมิ​ใช่​หรือ และน้องสาวทั้งหลายของเขาก็​อยู่​ที่นี่​กับเรามิ​ใช่​หรือ​” เขาทั้งหลายจึงหมางใจในพระองค์ ฝ่ายพระเยซูตรัสกับเขาว่า “​ศาสดาพยากรณ์​จะไม่ขาดความนับถือเว้นแต่ในบ้านเมืองของตน ท่ามกลางญาติ​พี่​น้องของตน และในวงศ์วานของตน” พระองค์​จะกระทำการมหัศจรรย์​ที่​นั่นไม่​ได้ เว้นแต่​ได้​วางพระหัตถ์​ถู​กต้องคนเจ็บบางคนให้หายโรค พระองค์​ก็​ประหลาดพระทัยเพราะเขาไม่​มี​ความเชื่อ แล​้วพระองค์จึงเสด็จไปสั่งสอนตามหมู่บ้านโดยรอบ พระองค์​ทรงเรียกสาวกสิบสองคนมา แล​้วทรงเริ่มใช้เขาให้ออกไปเป็นคู่​ๆ ทรงประทานอำนาจให้เขาขับผีโสโครกออกได้ และตรัสกำชับเขาไม่​ให้​เอาอะไรไปใช้ตามทางเว้นแต่​ไม้​เท​้าสิ่งเดียว ห้ามมิ​ให้​เอาอาหาร หรือย่าม หรือหาสตางค์​ใส่​ไถ้​ไป แต่​ให้​สวมรองเท้าและไม่​ให้​สวมเสื้อสองตัว แล​้วพระองค์ตรั​สส​ั่งเขาว่า “ถ้าไปแห่งใด เมื่อเข้าอาศัยในเรือนไหน ก็​อาศัยในเรือนนั้นจนกว่าจะไปจากที่​นั่น และถ้าผู้ใดไม่ต้อนรับไม่ฟังท่านทั้งหลาย เมื่อจะไปจากที่นั่นจงสะบัดผงคลี​ใต้​ฝ่าเท้าของท่านออกเป็นสักขีพยานต่อเขา เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ในวันพิพากษานั้น โทษของเมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์จะเบากว่าโทษของเมืองนั้น” ฝ่ายเหล่าสาวกก็ออกไปเทศนาประกาศให้คนทั้งปวงกลับใจเสียใหม่ เขาได้ขับผี​ให้​ออกเสียหลายผี และได้เอาน้ำมันชโลมคนเจ็บป่วยหลายคนให้หายโรค ฝ่ายกษั​ตริ​ย์เฮโรดทรงได้ยินเรื่องของพระองค์ (เพราะว่าพระนามของพระองค์​ได้​เลื่องลือไป) แล​้​วท​่านตรั​สว​่า “ยอห์นผู้​ให้​รับบัพติศมาเป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว เหตุ​ฉะนั้นจึงทำการมหัศจรรย์​ได้​” แต่​คนอื่​นว​่า “เป็นเอลียาห์” และคนอื่นๆว่า “เป็นศาสดาพยากรณ์คนหนึ่งหรือเหมือนคนหนึ่งในพวกศาสดาพยากรณ์” ฝ่ายเฮโรดเมื่อทรงได้ยินแล้วจึงตรั​สว​่า “คือยอห์นนั้นเองที่เราได้ตัดศีรษะเสีย ท่านได้เป็นขึ้นมาจากความตาย” ด้วยว่าเฮโรดได้​ใช้​คนไปจับยอห์น และล่ามโซ่ขังคุกไว้ เพราะเห็นแก่นางเฮโรเดียสภรรยาฟีลิ​ปน​้องชายของตน ด้วยเฮโรดได้รับนางนั้นเป็นภรรยาของตน เพราะยอห์นได้เคยทูลเฮโรดว่า “ท่านผิดพระราชบัญญั​ติ​ที่​รับภรรยาของน้องชายมาเป็นภรรยาของตน” นางเฮโรเดียสจึงผูกพยาบาทยอห์นและปรารถนาจะฆ่าท่านเสียแต่ฆ่าไม่​ได้ เพราะเฮโรดยำเกรงยอห์นด้วยรู้​ว่า ท่านเป็นคนชอบธรรมและบริ​สุทธิ​์จึงได้ป้องกันท่านไว้ เมื่อเฮโรดได้ยินคำสั่งสอนของท่านก็​ปฏิบัติ​ตามหลายสิ่งและยินดีรับฟังท่าน ครั้นอยู่มาวันหนึ่งเป็นโอกาสดีคือเป็​นว​ันฉลองวันกำเนิดของเฮโรด เฮโรดให้จัดการเลี้ยงขุนนางกับนายทหารชั้นผู้​ใหญ่ และคนสำคัญๆทั้งปวงในแคว้นกาลิลี เมื่​อบ​ุตรสาวของนางเฮโรเดียสเข้ามาเต้นรำ ทำให้​เฮโรดและแขกทั้งปวงซึ่งเอนกายลงอยู่ด้วยกันนั้นชอบใจ กษัตริย์​จึงตรัสกับหญิงสาวนั้​นว​่า “เธอจะขอสิ่งใดจากเรา เราก็จะให้​สิ​่งนั้นแก่​เธอ​” และกษั​ตริ​ย์จึงทรงปฏิญาณตัวไว้กับหญิงสาวนั้​นว​่า “เธอจะขอสิ่งใดๆจากเรา เราจะให้​สิ​่งนั้นแก่เธอจนถึงครึ่งราชสมบั​ติ​ของเรา” หญิงสาวนั้นจึงออกไปถามมารดาว่า “ฉันจะขอสิ่งใดดี” มารดาจึงตอบว่า “จงขอศีรษะยอห์นผู้​ให้​รับบัพติศมาเถิด” ในทันใดนั้นหญิงสาวก็​รี​บเข้าไปเฝ้ากษั​ตริ​ย์ทูลว่า “หม่อมฉันขอศีรษะยอห์นผู้​ให้​รับบัพติศมาใส่ถาดมาให้หม่อมฉันเดี๋ยวนี้เพคะ” กษัตริย์​ทรงเป็นทุกข์​นัก แต่​เพราะเหตุ​ได้​ทรงปฏิญาณไว้และเพราะเห็นแก่​หน​้าแขกทั้งปวงซึ่งเอนกายลงอยู่​ด้วยกัน ก็​ปฏิเสธไม่​ได้ ในขณะนั้นกษั​ตริ​ย์จึงรับสั่งเพชฌฆาตให้ไปตัดศีรษะยอห์นมา เพชฌฆาตก็ไปตัดศีรษะยอห์นในคุก เอาศีรษะของยอห์นใส่ถาดมาให้​แก่​หญิงสาวนั้น หญิงสาวนั้​นก​็เอาไปให้​แก่​มารดาของตน เมื่อสาวกของยอห์​นร​ู้​เหตุ​แล้ว ก็​พากันมารับเอาศพของท่านไปฝังไว้ในอุโมงค์ ฝ่ายอัครสาวกพากันมาหาพระเยซู และได้ทูลถึงบรรดาการซึ่งเขาได้กระทำและได้​สั่งสอน แล​้วพระองค์ตรัสแก่เขาว่า “ท่านทั้งหลายจงไปหาที่​เปล​ี่ยวหยุดพักหายเหนื่อยสักหน่อยหนึ่ง” เพราะว่ามีคนไปมาเป็​นอ​ันมากจนไม่​มี​เวลาว่างจะรับประทานอาหารได้ พระองค์​จึงเสด็จลงเรื​อก​ับสาวกไปยังที่​เปล​ี่ยวแต่​ลำพัง

มาระโก 6:1-32 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

ฝ่ายพระเยซูได้เสด็จจากที่นั่นไปยังตำบลบ้านของพระองค์ และเหล่าสาวกก็ตามพระองค์ไป พอถึงวันสะบาโต พระองค์ทรงสั่งสอนในธรรมศาลา และคนเป็นอันมากที่ได้ยินพระองค์ก็ประหลาดใจนัก พูดกันว่า <<คนนี้ได้ความคิดนี้มาจากไหน สติปัญญาที่ได้ประทานแก่คนนี้เป็นปัญญาอย่างใด การมหัศจรรย์อย่างนี้สำเร็จได้ด้วยมือของเขาเองหนอ คนนี้เป็นช่างไม้ บุตรนางมารีย์มิใช่หรือ ยากอบ โยเสส ยูดาส และซีโมนเป็นน้องชายมิใช่หรือ และน้องสาวก็อยู่ที่นี่กับเรามิใช่หรือ>> เขาทั้งหลายจึงหมางใจในพระองค์ ฝ่ายพระเยซูตรัสกับเขาว่า <<ผู้เผยพระวจนะจะไม่ขาดความนับถือ เว้นแต่ในเมืองของตน ท่ามกลางญาติพี่น้องของตน และในวงศ์วานของตน>> พระองค์จะกระทำการมหัศจรรย์ที่นั่นไม่ได้ เว้นแต่ได้วางพระหัตถ์ถูกต้องคนเจ็บบางคนให้หายโรค พระองค์ก็ประหลาดพระทัยเพราะเขาไม่มีความเชื่อ แล้วพระองค์จึงเสด็จไปสั่งสอนตามหมู่บ้านโดยรอบ พระองค์ทรงเรียกสาวกสิบสองคนมา แล้วทรงใช้เขาให้ออกไปเป็นคู่ๆ ทรงประทานอำนาจให้เขาขับผีร้ายออกได้ และตรัสกำชับเขาไม่ให้เอาอะไรไปใช้ตามทาง เว้นแต่ไม้เท้าสิ่งเดียว ห้ามมิให้เอาอาหารหรือย่าม หรือหาสตางค์ใส่ไถ้ไป แต่ให้สวมรองเท้าและไม่ให้สวมเสื้อสองตัว แล้วพระองค์ตรัสสั่งเขาว่า <<ถ้าไปแห่งใดเมื่อเข้าอาศัยในเรือนไหน ก็อาศัยในเรือนนั้น จนกว่าจะไปจากที่นั่น และถ้าแห่งไหนไม่ต้อนรับไม่ฟังท่านทั้งหลาย เมื่อจะไปจากที่นั่น จงสะบัดผงคลีใต้ฝ่าเท้าของท่านออก ส่อให้เห็นความผิดของเขา>> ฝ่ายเหล่าสาวกก็ออกไปเทศนาประกาศให้กลับใจเสียใหม่ เขาได้ขับผีให้ออกเสียหลายผี และได้เอาน้ำมันทาคนเจ็บป่วยหลายคนให้หายโรค ฝ่ายกษัตริย์เฮโรดทรงทราบเรื่องของพระองค์ เพราะว่าพระนามของพระเยซูได้เลื่องลือไป บางคนพูดว่า <<ยอห์น ผู้ให้รับบัพติศมาเป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว เหตุฉะนั้นจึงทำการมหัศจรรย์ได้>> แต่คนอื่นว่าเป็นเอลียาห์ และคนอื่นๆว่าเป็นผู้เผยพระวจนะ เหมือนคนหนึ่งในพวกผู้เผยพระวจนะโบราณ ฝ่ายเฮโรดเมื่อทรงทราบแล้วจึงตรัสว่า <<คือยอห์นนั้นเองที่เราได้ตัดศีรษะเสีย ท่านได้เป็นขึ้นมาจากความตาย>> ด้วยว่าเฮโรดได้ใช้คนไปจับยอห์น ล่ามโซ่ขังคุกไว้ เพราะเห็นแก่นางเฮโรเดียสภรรยาฟีลิปน้องชายของตน ด้วยเฮโรดได้รับนางนั้นเป็นภรรยาของตน เพราะยอห์นได้เคยทูลเฮโรดว่า <<ท่านไม่มีสิทธิ์รับภรรยาของน้องมาเป็นภรรยาของตน>> นางเฮโรเดียสจึงผูกพยาบาทยอห์นและปรารถนาจะฆ่าเสีย แต่ฆ่าไม่ได้ เพราะเฮโรดยำเกรงยอห์น ด้วยรู้ว่าท่านเป็นคนชอบธรรม และบริสุทธิ์ เฮโรดจึงได้ป้องกันไว้ เมื่อเฮโรดได้ยินคำสั่งสอนของท่านก็ให้ฉงนสนเท่ห์นัก แต่ก็ยังยินดีอยากฟัง ครั้นอยู่มาวันหนึ่งเป็นโอกาสดี คือเป็นวันฉลองวันกำเนิดของเฮโรด เฮโรดได้จัดการเลี้ยงขุนนางกับนายทหารชั้นผู้ใหญ่ และคนสำคัญๆทั้งปวงในแคว้นกาลิลี เมื่อบุตรีของนางเฮโรเดียสเข้ามาเต้นรำ ทำให้กษัตริย์เฮโรด และแขกทั้งปวงชอบใจ กษัตริย์จึงตรัสกับหญิงสาวนั้นว่า <<เธอจะขอสิ่งใดก็จะให้สิ่งนั้น>> และกษัตริย์จึงทรงปฏิญาณตัวไว้ว่า <<เธอจะขอสิ่งใดๆ เราจะให้สิ่งนั้น จนถึงกึ่งราชสมบัติ>> หญิงสาวนั้นจึงออกไปถามมารดาว่า <<ฉันจะขอสิ่งใดดี>> มารดาจึงตอบว่า <<จงขอศีรษะยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาเถิด>> ในทันใดนั้น หญิงสาวก็รีบเข้าไปเฝ้ากษัตริย์ทูลว่า <<หม่อมฉันขอศีรษะยอห์น ผู้ให้รับบัพติศมา ใส่ถาดมาให้หม่อมฉันเดี๋ยวนี้เพคะ>> กษัตริย์ทรงเป็นทุกข์นัก แต่เพราะเหตุได้ทรงปฏิญาณไว้ และเพราะเห็นแก่หน้าแขกก็ขัดไม่ได้ ในขณะนั้นกษัตริย์จึงรับสั่งเพชฌฆาตให้ไปตัดศีรษะยอห์นมา เพชฌฆาตก็ไปตัดศีรษะยอห์นในคุก ใส่ถาดมาให้แก่หญิงสาวนั้น หญิงสาวนั้นก็เอาไปให้แก่มารดาของตน เมื่อศิษย์ของยอห์นรู้เหตุแล้ว ก็พากันมารับเอาศพของท่านไปฝังไว้ในอุโมงค์ ฝ่ายอัครทูตพากันมาหาพระเยซู และได้ทูลถึงบรรดาการซึ่งเขาได้กระทำ และได้สั่งสอน แล้วพระองค์ตรัสแก่เขาว่า <<ท่านทั้งหลายจงไปหาที่เปลี่ยวหยุดพักหายเหนื่อยสักหน่อยหนึ่ง>> เพราะว่ามีคนไปมาเป็นอันมากจนไม่มีเวลาว่างจะรับประทานอาหารได้ พระองค์จึงเสด็จลงเรือกับสาวกไปยังที่เปลี่ยวแต่ลำพัง

มาระโก 6:1-32 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

พระเยซูเสด็จจากที่นั่นไปยังบ้านเกิดของพระองค์โดยมีเหล่าสาวกติดตามไปด้วย เมื่อถึงวันสะบาโตพระองค์ทรงสั่งสอนในธรรมศาลา หลายคนที่ได้ฟังพระองค์ก็ประหลาดใจ พวกเขาถามว่า “คนนี้ได้สิ่งเหล่านี้มาจากไหน? สติปัญญาที่เขาได้รับเป็นสติปัญญาอย่างไหนกัน? ถึงกับทำการอัศจรรย์ได้! เขาเป็นช่างไม้มิใช่หรือ? เขาเป็นลูกนางมารีย์ เป็นพี่ชายของยากอบ โยเซฟ ยูดาส กับซีโมนไม่ใช่หรือ? พวกน้องสาวของเขาก็อยู่กับเราไม่ใช่หรือ?” เขาทั้งหลายจึงไม่พอใจพระองค์ พระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า “ผู้เผยพระวจนะจะขาดคนนับถือก็แต่เฉพาะในบ้านเกิด ในหมู่ญาติ และในบ้านของตนเอง” พระองค์ไม่อาจทำการอัศจรรย์ใดๆ ที่นั่นเว้นแต่ทรงวางมือบนคนป่วยบางคนและรักษาพวกเขาให้หาย และพระองค์ทรงแปลกใจที่พวกเขาขาดความเชื่อ จากนั้นพระเยซูเสด็จไปสั่งสอนตามหมู่บ้านโดยรอบ ทรงเรียกสาวกสิบสองคนมา ส่งพวกเขาออกไปเป็นคู่ๆพร้อมทั้งประทานฤทธิ์อำนาจเหนือวิญญาณชั่วให้แก่พวกเขา พระองค์ทรงกำชับว่า “ไม่ต้องนำสิ่งใดติดตัวไปในการเดินทางนอกจากไม้เท้า ไม่ต้องเอาอาหาร ย่าม หรือเงินติดตัวไป ให้สวมรองเท้าแต่ไม่ต้องเตรียมเสื้ออีกตัวหนึ่ง เมื่อท่านเข้าไปในบ้านใดจงพักที่บ้านนั้นจนกว่าจะไปจากเมืองนั้น หากที่ไหนไม่ต้อนรับหรือไม่รับฟัง เมื่อจะไปจากที่นั่นก็จงสะบัดฝุ่นออกจากเท้าเพื่อเป็นพยานปรักปรำเขา” เหล่าสาวกจึงออกไปและเทศนาให้ประชาชนกลับใจใหม่ พวกเขาขับผีออกหลายตนและเจิมคนป่วยมากมายด้วยน้ำมันและรักษาพวกเขาให้หาย กษัตริย์เฮโรดได้ยินเรื่องของพระเยซูเพราะชื่อเสียงของพระองค์เลื่องลือไปทั่ว บางคนพูดว่าพระเยซูคือยอห์นผู้ให้บัพติศมาซึ่งเป็นขึ้นจากตาย ดังนั้นเขาจึงมีฤทธิ์อำนาจทำการอัศจรรย์ต่างๆ ได้ บางคนก็ว่า “เขาคือเอลียาห์” และยังมีคนอื่นๆ ที่อ้างว่า “เขาคือผู้เผยพระวจนะเหมือนเหล่าผู้เผยพระวจนะในอดีต” แต่เมื่อเฮโรดได้ยินก็กล่าวว่า “นี่คือยอห์นที่เราสั่งให้ตัดศีรษะไป เขาเป็นขึ้นจากตายแล้ว!” เพราะเฮโรดเองสั่งให้จับยอห์นมาล่ามโซ่ขังไว้ในคุกด้วยสาเหตุจากนางเฮโรเดียสภรรยาของฟีลิปน้องชายของตนซึ่งเฮโรดได้นางมาเป็นภรรยา เนื่องจากยอห์นเคยพูดกับเฮโรดว่า “ท่านทำผิดบัญญัติที่เอาน้องสะใภ้มาเป็นภรรยา” ดังนั้นนางเฮโรเดียสจึงอาฆาตยอห์นและอยากจะฆ่าเขาแต่ก็ทำไม่ได้ เพราะเฮโรดยำเกรงยอห์นและคอยปกป้องเขาเพราะรู้ว่าเขาเป็นผู้ชอบธรรมและบริสุทธิ์ เมื่อเฮโรดได้ฟังยอห์นพูดก็งุนงงสงสัยยิ่งนักแต่ก็ยังอยากฟัง ในที่สุดโอกาสก็มาถึง ในงานฉลองวันเกิดเฮโรดจัดงานเลี้ยงขุนนาง นายทหารชั้นผู้ใหญ่ และบรรดาคนสำคัญๆ ในแคว้นกาลิลี เมื่อบุตรีของนางเฮโรเดียสออกมาเต้นรำก็เป็นที่ถูกใจเฮโรดกับแขกเหรื่อยิ่งนัก กษัตริย์จึงกล่าวกับหญิงสาวนั้นว่า “จงขอสิ่งที่เจ้าต้องการแล้วเราจะให้ตามที่เจ้าขอ” และสัญญาโดยปฏิญาณว่า “ไม่ว่าเจ้าจะขออะไร เราก็จะให้ทั้งนั้นจนถึงครึ่งหนึ่งของอาณาจักร” นางจึงออกไปถามมารดาว่า “ลูกจะขออะไรดี?” มารดาบอกว่า “ขอศีรษะยอห์นผู้ให้บัพติศมาสิ” นางรีบมาทูลกษัตริย์ทันทีว่า “ขอศีรษะของยอห์นผู้ให้บัพติศมาใส่ถาดมาให้หม่อมฉันที่นี่เดี๋ยวนี้เถิด” กษัตริย์เฮโรดเป็นทุกข์ยิ่งนักแต่ก็ขัดไม่ได้เพราะได้ปฏิญาณไว้และเพราะเห็นแก่หน้าแขกเหรื่อ จึงบัญชาในทันทีทันใดให้เพชฌฆาตนำศีรษะของยอห์นมา เขาก็ไปตัดศีรษะของยอห์นในคุก แล้วนำศีรษะใส่ถาดมาให้หญิงนั้นและนางเอาไปให้มารดา เมื่อศิษย์ของยอห์นทราบข่าวจึงมารับศพเขาไปฝังในอุโมงค์ ฝ่ายอัครทูตมาเข้าเฝ้าพระเยซูและทูลรายงานสิ่งทั้งปวงที่พวกเขาได้ทำและสั่งสอน เนื่องจากขณะนั้นมีผู้คนไปๆ มาๆ กันแน่นขนัดจนพวกเขาไม่มีโอกาสที่จะรับประทานอาหาร พระองค์จึงตรัสกับเหล่าสาวกว่า “ท่านทั้งหลายจงตามเราไปหาที่สงบพักกันสักหน่อยเถิด” ดังนั้นพระองค์กับเหล่าสาวกจึงลงเรือไปยังที่สงบเงียบ

มาระโก 6:1-32 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)

พระ​เยซู​ได้​ออกไป​จาก​ที่นั่น และ​มา​ยัง​เมือง​ที่​พระ​องค์​เติบโต​มา เหล่า​สาวก​ก็​ติดตาม​ไป​ด้วย เมื่อ​ถึง​วัน​สะบาโต​พระ​องค์​เริ่ม​สั่งสอน​ใน​ศาลา​ที่​ประชุม และ​มี​คน​ฟัง​จำนวน​มาก​ที่​อัศจรรย์ใจ​และ​พูด​กันว่า “ชาย​ผู้นี้​ได้​สิ่ง​เหล่า​นี้​มา​จาก​ไหน ช่าง​มี​สติ​ปัญญา​อะไร​เช่นนี้ และ​แสดง​สิ่ง​อัศจรรย์​ด้วย​ตัวเขา​เอง​ได้​อย่างไร​กัน ชาย​ผู้นี้​เป็น​ช่าง​ไม้​บุตร​ของ​มารีย์ พี่​ชาย​ของ​ยากอบ โยเสส ยูดาส​และ​ซีโมน​มิ​ใช่​หรือ พวก​น้อง​สาว​ของ​เขา​ก็​อยู่​ที่นี่​กับ​เรา​มิ​ใช่​หรือ” และ​พวก​เขา​ก็​เหยียดหยาม​พระ​องค์ พระ​เยซู​กล่าว​กับ​พวก​เขา​ว่า “ผู้เผย​คำกล่าว​ของ​พระ​เจ้า​เป็นที่​ยอมรับ​นับถือ​ทั่ว​ทุก​แห่งหน เว้นแต่​ใน​เมือง​ที่​ตน​เติบโต​มา​และ​ใน​หมู่​ญาติ​พี่น้อง​และ​ครอบครัว​ของ​ตน” พระ​องค์​ไม่​สามารถ​แสดง​สิ่ง​อัศจรรย์​ที่นั่น เว้นแต่ว่า​พระ​องค์​วาง​มือ​ทั้ง​สอง​บน​พวก​คนป่วย​ไม่​กี่​คน และ​รักษา​พวก​เขา​ให้​หาย​จาก​โรค พระ​องค์​แปลกใจ​ใน​ความ​ไม่​เชื่อ​ของ​พวก​เขา ครั้น​แล้ว​พระ​เยซู​เที่ยว​สั่งสอน​ไป​ตาม​หมู่บ้าน​ต่างๆ โดย​รอบ พระ​องค์​เรียก​สาวก​ทั้ง​สิบ​สอง​มา แล้ว​ใช้​ให้​เขา​ออก​ไป​กัน​เป็น​คู่ อีกทั้ง​ได้​ให้​พวก​เขา​มี​สิทธิ​อำนาจ​เหนือ​วิญญาณ​ร้าย พระ​องค์​สั่ง​พวก​เขา​ว่า “ไม่​ต้อง​นำ​ของ​ติดตัว​ใน​การ​เดิน​ทาง​เลย นอกจาก​ไม้เท้า​เท่า​นั้น ไม่​เอา​อาหาร​หรือ​ย่าม ไม่​เอา​เงินทอง​ติด​กระเป๋า​ไป​ด้วย เพียงแต่​สวม​รองเท้า และ​อย่า​นำ​เสื้อ​สำรอง​ตัวใน​ไป​ด้วย” พระ​องค์​บอก​พวก​เขา​ว่า “เมื่อ​เจ้า​เข้าไป​ใน​บ้าน​ใคร​ก็ตาม จง​อยู่​ที่นั่น​จน​กว่า​จะ​ออก​ไป​จาก​เมือง​นั้น สถาน​ที่​ใด​ที่​ไม่​ยอม​ต้อนรับ​หรือ​ฟัง​เจ้า เวลา​เจ้า​ออกไป​จาก​ที่นั่น​ก็​จง​สลัด​ฝุ่น​ออกจาก​เท้า​เพื่อ​แสดง​ถึง​ความ​ผิด​ของ​เขา” ดังนั้น​พวก​เขา​จึง​ออกไป​ประกาศ​ว่า ผู้​คน​ควร​จะ​กลับใจ พวก​เขา​ขับไล่​มาร​จำนวน​มาก​ออกจาก​ผู้​คน และ​ใช้​น้ำมัน​เจิม​บรรดา​คนป่วย​และ​รักษา​พวก​เขา​ให้​หาย​ขาด กษัตริย์​เฮโรด​ได้ยิน​เรื่อง​ดัง​กล่าว​ก็​เพราะ​พระ​นาม​ของ​พระ​องค์​เป็นที่​รู้จัก บาง​คน​พูดกัน​ว่า “ยอห์น​ผู้ให้​บัพติศมา​ฟื้น​คืน​ชีวิต​จาก​ความ​ตาย​จึง​เป็น​เหตุ​ให้​ท่าน​สำแดง​สิ่ง​อัศจรรย์​ต่างๆ ได้” แต่​คนอื่นๆ พูดกัน​ว่า “ท่าน​เป็น​เอลียาห์” บ้าง​พูด​ว่า “เป็น​ผู้เผย​คำกล่าว​ของ​พระ​เจ้า เช่นเดียว​กับ​บรรดา​ผู้เผย​คำกล่าว​คนอื่นๆ ใน​อดีต” แต่​เมื่อ​เฮโรด​ได้ยิน​ดังนั้น​จึง​กล่าว​ว่า “เขา​คือ​ยอห์น​ที่​เรา​สั่ง​ตัดหัว เขา​ได้​ฟื้น​คืน​ชีวิต​จาก​ความ​ตาย” เฮโรด​เอง​เป็น​ผู้​ที่​ใช้​ให้​คน​จับกุม​ยอห์น​และ​มัด​ไว้​ใน​คุก​เพราะ​เห็น​แก่​นาง​เฮโรเดียส​ผู้​เป็น​ภรรยา​ของ​ฟีลิป​น้อง​ชาย​ของ​ตน เนื่อง​จาก​เฮโรด​ได้​สมรส​กับ​นาง เป็น​เพราะ​ยอห์น​ได้​บอก​เฮโรด​ว่า “เป็น​การ​ผิด​กฎ​ที่​ท่าน​จะ​เอา​ภรรยา​ของ​น้อง​มา​เป็น​ภรรยา​ของ​ตน” นาง​เฮโรเดียส​จึง​ผูกใจ​เจ็บ​ต่อ​ยอห์น และ​ต้องการ​ชีวิต​ของ​ท่าน แต่​ก็​ทำ​ไม่​ได้ เนื่อง​จาก​เฮโรด​กลัว​ยอห์น​เพราะ​รู้​ว่า ท่าน​เป็น​คน​มี​ความ​ชอบธรรม​และ​เป็น​คน​บริสุทธิ์ จึง​ได้​ป้องกัน​ตัว​ท่าน​ไว้ ฉะนั้น​เมื่อ​เฮโรด​ได้ยิน​ยอห์น​สั่งสอน ท่าน​ก็​รู้สึก​สับสน​งุนงง​ยิ่ง​นัก แต่​ก็​พอใจ​ที่​จะ​ฟัง แล้ว​โอกาส​ก็​มา​ถึง คือ​เฮโรด​จัด​งานเลี้ยง​วันเกิด​ของ​ตน​โดย​เชิญ​พวก​ข้าราช​สำนัก นาย​ทหาร​ชั้น​เอก และ​ผู้​นำ​ทั้ง​ปวง​ใน​แคว้น​กาลิลี เมื่อ​บุตร​สาว​ของ​นาง​เฮโรเดียส​เอง​มา​เต้นระบำ ก็​ทำ​ให้​เฮโรด​และ​แขก​ใน​งาน​พอใจ กษัตริย์​จึง​กล่าว​กับ​หญิง​สาว​นั้น​ว่า “จะ​ขอ​สิ่งใด​จาก​เรา​ก็​ได้ แล้ว​เรา​จะ​ให้” กษัตริย์​ได้​สัญญา​เธอ​ว่า “อะไร​ก็​ตาม​ที่​เจ้า​ขอ​จาก​เรา เรา​จะ​ให้​แก่​เจ้า แม้​จะ​ถึง​ครึ่ง​หนึ่ง​ของ​ราช​อาณาจักร​ของ​เรา” ดังนั้น​เธอ​จึง​ออกไป​ถาม​มารดา​ของ​เธอ​ว่า “จะ​ขอ​สิ่ง​ใด​ดี” มารดา​ตอบ​ว่า “ศีรษะ​ของ​ยอห์น​ผู้​ให้​บัพติศมา” เธอ​รีบ​เข้า​มา​เฝ้า​กษัตริย์​และ​ขอ​ว่า “ดิฉัน​อยาก​ได้​ศีรษะ​ของ​ยอห์น​ผู้​ให้​บัพติศมา​บน​ถาด​เดี๋ยวนี้” ถึง​แม้​ว่า​กษัตริย์​เสียใจ​มาก แต่​เป็น​เพราะ​คำ​มั่น​สัญญา​ของ​ท่าน​และ​แขก​ใน​งาน ท่าน​จึง​ปฏิเสธ​เธอ​ไม่​ได้ กษัตริย์​จึง​สั่ง​เพชฌฆาต​ให้​ไป​เอา​ศีรษะ​ของ​ยอห์น​มา​ทันที โดยเขา​ก็​ไป​ตัด​ศีรษะ​ของ​ยอห์น​ใน​คุก และ​นำ​ศีรษะ​ของ​ท่าน​วาง​บน​ถาด​มา​ให้​หญิง​สาว และ​เธอ​ก็​ให้​มารดา​ไป เมื่อ​เหล่า​สาวก​ของ​ยอห์น​ได้ยิน​เรื่อง​นี้ พวก​เขา​จึง​มา​รับ​เอา​ร่าง​ของ​ท่าน​ไป​วาง​ไว้ใน​ถ้ำ​เก็บ​ศพ บรรดา​อัครทูต​ชุมนุม​ร่วม​กับ​พระ​เยซู และ​รายงาน​พระ​องค์​ถึง​สิ่ง​ทั้ง​ปวง​ที่​พวก​เขา​ได้​แสดง​และ​สั่งสอน พระ​องค์​กล่าว​กับ​พวก​เขา​ว่า “ไป​หา​ที่​ร้าง​เพื่อ​พัก​ตาม​ลำพัง​เถอะ เรา​จะ​ได้​พักผ่อน​กัน​หน่อย” ด้วย​เหตุ​ว่า​มี​ผู้​คน​ไป​มา​มาก จน​พวก​เขา​ไม่​มี​แม้​กระทั่ง​เวลา​ที่​จะ​รับประทาน​อาหาร​กัน พวก​เขา​จึง​ออกเรือ​กัน​ไป​ยัง​ที่​ร้าง​กัน​ตาม​ลำพัง