มาระโก 6:1-32

มาระโก 6:1-32 TH1971

ฝ่ายพระเยซูได้เสด็จจากที่นั่นไปยังตำบลบ้านของพระองค์ และเหล่าสาวกก็ตามพระองค์ไป พอถึงวันสะบาโต พระองค์ทรงสั่งสอนในธรรมศาลา และคนเป็นอันมากที่ได้ยินพระองค์ก็ประหลาดใจนัก พูดกันว่า <<คนนี้ได้ความคิดนี้มาจากไหน สติปัญญาที่ได้ประทานแก่คนนี้เป็นปัญญาอย่างใด การมหัศจรรย์อย่างนี้สำเร็จได้ด้วยมือของเขาเองหนอ คนนี้เป็นช่างไม้ บุตรนางมารีย์มิใช่หรือ ยากอบ โยเสส ยูดาส และซีโมนเป็นน้องชายมิใช่หรือ และน้องสาวก็อยู่ที่นี่กับเรามิใช่หรือ>> เขาทั้งหลายจึงหมางใจในพระองค์ ฝ่ายพระเยซูตรัสกับเขาว่า <<ผู้เผยพระวจนะจะไม่ขาดความนับถือ เว้นแต่ในเมืองของตน ท่ามกลางญาติพี่น้องของตน และในวงศ์วานของตน>> พระองค์จะกระทำการมหัศจรรย์ที่นั่นไม่ได้ เว้นแต่ได้วางพระหัตถ์ถูกต้องคนเจ็บบางคนให้หายโรค พระองค์ก็ประหลาดพระทัยเพราะเขาไม่มีความเชื่อ แล้วพระองค์จึงเสด็จไปสั่งสอนตามหมู่บ้านโดยรอบ พระองค์ทรงเรียกสาวกสิบสองคนมา แล้วทรงใช้เขาให้ออกไปเป็นคู่ๆ ทรงประทานอำนาจให้เขาขับผีร้ายออกได้ และตรัสกำชับเขาไม่ให้เอาอะไรไปใช้ตามทาง เว้นแต่ไม้เท้าสิ่งเดียว ห้ามมิให้เอาอาหารหรือย่าม หรือหาสตางค์ใส่ไถ้ไป แต่ให้สวมรองเท้าและไม่ให้สวมเสื้อสองตัว แล้วพระองค์ตรัสสั่งเขาว่า <<ถ้าไปแห่งใดเมื่อเข้าอาศัยในเรือนไหน ก็อาศัยในเรือนนั้น จนกว่าจะไปจากที่นั่น และถ้าแห่งไหนไม่ต้อนรับไม่ฟังท่านทั้งหลาย เมื่อจะไปจากที่นั่น จงสะบัดผงคลีใต้ฝ่าเท้าของท่านออก ส่อให้เห็นความผิดของเขา>> ฝ่ายเหล่าสาวกก็ออกไปเทศนาประกาศให้กลับใจเสียใหม่ เขาได้ขับผีให้ออกเสียหลายผี และได้เอาน้ำมันทาคนเจ็บป่วยหลายคนให้หายโรค ฝ่ายกษัตริย์เฮโรดทรงทราบเรื่องของพระองค์ เพราะว่าพระนามของพระเยซูได้เลื่องลือไป บางคนพูดว่า <<ยอห์น ผู้ให้รับบัพติศมาเป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว เหตุฉะนั้นจึงทำการมหัศจรรย์ได้>> แต่คนอื่นว่าเป็นเอลียาห์ และคนอื่นๆว่าเป็นผู้เผยพระวจนะ เหมือนคนหนึ่งในพวกผู้เผยพระวจนะโบราณ ฝ่ายเฮโรดเมื่อทรงทราบแล้วจึงตรัสว่า <<คือยอห์นนั้นเองที่เราได้ตัดศีรษะเสีย ท่านได้เป็นขึ้นมาจากความตาย>> ด้วยว่าเฮโรดได้ใช้คนไปจับยอห์น ล่ามโซ่ขังคุกไว้ เพราะเห็นแก่นางเฮโรเดียสภรรยาฟีลิปน้องชายของตน ด้วยเฮโรดได้รับนางนั้นเป็นภรรยาของตน เพราะยอห์นได้เคยทูลเฮโรดว่า <<ท่านไม่มีสิทธิ์รับภรรยาของน้องมาเป็นภรรยาของตน>> นางเฮโรเดียสจึงผูกพยาบาทยอห์นและปรารถนาจะฆ่าเสีย แต่ฆ่าไม่ได้ เพราะเฮโรดยำเกรงยอห์น ด้วยรู้ว่าท่านเป็นคนชอบธรรม และบริสุทธิ์ เฮโรดจึงได้ป้องกันไว้ เมื่อเฮโรดได้ยินคำสั่งสอนของท่านก็ให้ฉงนสนเท่ห์นัก แต่ก็ยังยินดีอยากฟัง ครั้นอยู่มาวันหนึ่งเป็นโอกาสดี คือเป็นวันฉลองวันกำเนิดของเฮโรด เฮโรดได้จัดการเลี้ยงขุนนางกับนายทหารชั้นผู้ใหญ่ และคนสำคัญๆทั้งปวงในแคว้นกาลิลี เมื่อบุตรีของนางเฮโรเดียสเข้ามาเต้นรำ ทำให้กษัตริย์เฮโรด และแขกทั้งปวงชอบใจ กษัตริย์จึงตรัสกับหญิงสาวนั้นว่า <<เธอจะขอสิ่งใดก็จะให้สิ่งนั้น>> และกษัตริย์จึงทรงปฏิญาณตัวไว้ว่า <<เธอจะขอสิ่งใดๆ เราจะให้สิ่งนั้น จนถึงกึ่งราชสมบัติ>> หญิงสาวนั้นจึงออกไปถามมารดาว่า <<ฉันจะขอสิ่งใดดี>> มารดาจึงตอบว่า <<จงขอศีรษะยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาเถิด>> ในทันใดนั้น หญิงสาวก็รีบเข้าไปเฝ้ากษัตริย์ทูลว่า <<หม่อมฉันขอศีรษะยอห์น ผู้ให้รับบัพติศมา ใส่ถาดมาให้หม่อมฉันเดี๋ยวนี้เพคะ>> กษัตริย์ทรงเป็นทุกข์นัก แต่เพราะเหตุได้ทรงปฏิญาณไว้ และเพราะเห็นแก่หน้าแขกก็ขัดไม่ได้ ในขณะนั้นกษัตริย์จึงรับสั่งเพชฌฆาตให้ไปตัดศีรษะยอห์นมา เพชฌฆาตก็ไปตัดศีรษะยอห์นในคุก ใส่ถาดมาให้แก่หญิงสาวนั้น หญิงสาวนั้นก็เอาไปให้แก่มารดาของตน เมื่อศิษย์ของยอห์นรู้เหตุแล้ว ก็พากันมารับเอาศพของท่านไปฝังไว้ในอุโมงค์ ฝ่ายอัครทูตพากันมาหาพระเยซู และได้ทูลถึงบรรดาการซึ่งเขาได้กระทำ และได้สั่งสอน แล้วพระองค์ตรัสแก่เขาว่า <<ท่านทั้งหลายจงไปหาที่เปลี่ยวหยุดพักหายเหนื่อยสักหน่อยหนึ่ง>> เพราะว่ามีคนไปมาเป็นอันมากจนไม่มีเวลาว่างจะรับประทานอาหารได้ พระองค์จึงเสด็จลงเรือกับสาวกไปยังที่เปลี่ยวแต่ลำพัง

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง