มาระโก 6:1-32

มาระโก 6:1-32 NTV

พระ​เยซู​ได้​ออกไป​จาก​ที่นั่น และ​มา​ยัง​เมือง​ที่​พระ​องค์​เติบโต​มา เหล่า​สาวก​ก็​ติดตาม​ไป​ด้วย เมื่อ​ถึง​วัน​สะบาโต​พระ​องค์​เริ่ม​สั่งสอน​ใน​ศาลา​ที่​ประชุม และ​มี​คน​ฟัง​จำนวน​มาก​ที่​อัศจรรย์ใจ​และ​พูด​กันว่า “ชาย​ผู้นี้​ได้​สิ่ง​เหล่า​นี้​มา​จาก​ไหน ช่าง​มี​สติ​ปัญญา​อะไร​เช่นนี้ และ​แสดง​สิ่ง​อัศจรรย์​ด้วย​ตัวเขา​เอง​ได้​อย่างไร​กัน ชาย​ผู้นี้​เป็น​ช่าง​ไม้​บุตร​ของ​มารีย์ พี่​ชาย​ของ​ยากอบ โยเสส ยูดาส​และ​ซีโมน​มิ​ใช่​หรือ พวก​น้อง​สาว​ของ​เขา​ก็​อยู่​ที่นี่​กับ​เรา​มิ​ใช่​หรือ” และ​พวก​เขา​ก็​เหยียดหยาม​พระ​องค์ พระ​เยซู​กล่าว​กับ​พวก​เขา​ว่า “ผู้เผย​คำกล่าว​ของ​พระ​เจ้า​เป็นที่​ยอมรับ​นับถือ​ทั่ว​ทุก​แห่งหน เว้นแต่​ใน​เมือง​ที่​ตน​เติบโต​มา​และ​ใน​หมู่​ญาติ​พี่น้อง​และ​ครอบครัว​ของ​ตน” พระ​องค์​ไม่​สามารถ​แสดง​สิ่ง​อัศจรรย์​ที่นั่น เว้นแต่ว่า​พระ​องค์​วาง​มือ​ทั้ง​สอง​บน​พวก​คนป่วย​ไม่​กี่​คน และ​รักษา​พวก​เขา​ให้​หาย​จาก​โรค พระ​องค์​แปลกใจ​ใน​ความ​ไม่​เชื่อ​ของ​พวก​เขา ครั้น​แล้ว​พระ​เยซู​เที่ยว​สั่งสอน​ไป​ตาม​หมู่บ้าน​ต่างๆ โดย​รอบ พระ​องค์​เรียก​สาวก​ทั้ง​สิบ​สอง​มา แล้ว​ใช้​ให้​เขา​ออก​ไป​กัน​เป็น​คู่ อีกทั้ง​ได้​ให้​พวก​เขา​มี​สิทธิ​อำนาจ​เหนือ​วิญญาณ​ร้าย พระ​องค์​สั่ง​พวก​เขา​ว่า “ไม่​ต้อง​นำ​ของ​ติดตัว​ใน​การ​เดิน​ทาง​เลย นอกจาก​ไม้เท้า​เท่า​นั้น ไม่​เอา​อาหาร​หรือ​ย่าม ไม่​เอา​เงินทอง​ติด​กระเป๋า​ไป​ด้วย เพียงแต่​สวม​รองเท้า และ​อย่า​นำ​เสื้อ​สำรอง​ตัวใน​ไป​ด้วย” พระ​องค์​บอก​พวก​เขา​ว่า “เมื่อ​เจ้า​เข้าไป​ใน​บ้าน​ใคร​ก็ตาม จง​อยู่​ที่นั่น​จน​กว่า​จะ​ออก​ไป​จาก​เมือง​นั้น สถาน​ที่​ใด​ที่​ไม่​ยอม​ต้อนรับ​หรือ​ฟัง​เจ้า เวลา​เจ้า​ออกไป​จาก​ที่นั่น​ก็​จง​สลัด​ฝุ่น​ออกจาก​เท้า​เพื่อ​แสดง​ถึง​ความ​ผิด​ของ​เขา” ดังนั้น​พวก​เขา​จึง​ออกไป​ประกาศ​ว่า ผู้​คน​ควร​จะ​กลับใจ พวก​เขา​ขับไล่​มาร​จำนวน​มาก​ออกจาก​ผู้​คน และ​ใช้​น้ำมัน​เจิม​บรรดา​คนป่วย​และ​รักษา​พวก​เขา​ให้​หาย​ขาด กษัตริย์​เฮโรด​ได้ยิน​เรื่อง​ดัง​กล่าว​ก็​เพราะ​พระ​นาม​ของ​พระ​องค์​เป็นที่​รู้จัก บาง​คน​พูดกัน​ว่า “ยอห์น​ผู้ให้​บัพติศมา​ฟื้น​คืน​ชีวิต​จาก​ความ​ตาย​จึง​เป็น​เหตุ​ให้​ท่าน​สำแดง​สิ่ง​อัศจรรย์​ต่างๆ ได้” แต่​คนอื่นๆ พูดกัน​ว่า “ท่าน​เป็น​เอลียาห์” บ้าง​พูด​ว่า “เป็น​ผู้เผย​คำกล่าว​ของ​พระ​เจ้า เช่นเดียว​กับ​บรรดา​ผู้เผย​คำกล่าว​คนอื่นๆ ใน​อดีต” แต่​เมื่อ​เฮโรด​ได้ยิน​ดังนั้น​จึง​กล่าว​ว่า “เขา​คือ​ยอห์น​ที่​เรา​สั่ง​ตัดหัว เขา​ได้​ฟื้น​คืน​ชีวิต​จาก​ความ​ตาย” เฮโรด​เอง​เป็น​ผู้​ที่​ใช้​ให้​คน​จับกุม​ยอห์น​และ​มัด​ไว้​ใน​คุก​เพราะ​เห็น​แก่​นาง​เฮโรเดียส​ผู้​เป็น​ภรรยา​ของ​ฟีลิป​น้อง​ชาย​ของ​ตน เนื่อง​จาก​เฮโรด​ได้​สมรส​กับ​นาง เป็น​เพราะ​ยอห์น​ได้​บอก​เฮโรด​ว่า “เป็น​การ​ผิด​กฎ​ที่​ท่าน​จะ​เอา​ภรรยา​ของ​น้อง​มา​เป็น​ภรรยา​ของ​ตน” นาง​เฮโรเดียส​จึง​ผูกใจ​เจ็บ​ต่อ​ยอห์น และ​ต้องการ​ชีวิต​ของ​ท่าน แต่​ก็​ทำ​ไม่​ได้ เนื่อง​จาก​เฮโรด​กลัว​ยอห์น​เพราะ​รู้​ว่า ท่าน​เป็น​คน​มี​ความ​ชอบธรรม​และ​เป็น​คน​บริสุทธิ์ จึง​ได้​ป้องกัน​ตัว​ท่าน​ไว้ ฉะนั้น​เมื่อ​เฮโรด​ได้ยิน​ยอห์น​สั่งสอน ท่าน​ก็​รู้สึก​สับสน​งุนงง​ยิ่ง​นัก แต่​ก็​พอใจ​ที่​จะ​ฟัง แล้ว​โอกาส​ก็​มา​ถึง คือ​เฮโรด​จัด​งานเลี้ยง​วันเกิด​ของ​ตน​โดย​เชิญ​พวก​ข้าราช​สำนัก นาย​ทหาร​ชั้น​เอก และ​ผู้​นำ​ทั้ง​ปวง​ใน​แคว้น​กาลิลี เมื่อ​บุตร​สาว​ของ​นาง​เฮโรเดียส​เอง​มา​เต้นระบำ ก็​ทำ​ให้​เฮโรด​และ​แขก​ใน​งาน​พอใจ กษัตริย์​จึง​กล่าว​กับ​หญิง​สาว​นั้น​ว่า “จะ​ขอ​สิ่งใด​จาก​เรา​ก็​ได้ แล้ว​เรา​จะ​ให้” กษัตริย์​ได้​สัญญา​เธอ​ว่า “อะไร​ก็​ตาม​ที่​เจ้า​ขอ​จาก​เรา เรา​จะ​ให้​แก่​เจ้า แม้​จะ​ถึง​ครึ่ง​หนึ่ง​ของ​ราช​อาณาจักร​ของ​เรา” ดังนั้น​เธอ​จึง​ออกไป​ถาม​มารดา​ของ​เธอ​ว่า “จะ​ขอ​สิ่ง​ใด​ดี” มารดา​ตอบ​ว่า “ศีรษะ​ของ​ยอห์น​ผู้​ให้​บัพติศมา” เธอ​รีบ​เข้า​มา​เฝ้า​กษัตริย์​และ​ขอ​ว่า “ดิฉัน​อยาก​ได้​ศีรษะ​ของ​ยอห์น​ผู้​ให้​บัพติศมา​บน​ถาด​เดี๋ยวนี้” ถึง​แม้​ว่า​กษัตริย์​เสียใจ​มาก แต่​เป็น​เพราะ​คำ​มั่น​สัญญา​ของ​ท่าน​และ​แขก​ใน​งาน ท่าน​จึง​ปฏิเสธ​เธอ​ไม่​ได้ กษัตริย์​จึง​สั่ง​เพชฌฆาต​ให้​ไป​เอา​ศีรษะ​ของ​ยอห์น​มา​ทันที โดยเขา​ก็​ไป​ตัด​ศีรษะ​ของ​ยอห์น​ใน​คุก และ​นำ​ศีรษะ​ของ​ท่าน​วาง​บน​ถาด​มา​ให้​หญิง​สาว และ​เธอ​ก็​ให้​มารดา​ไป เมื่อ​เหล่า​สาวก​ของ​ยอห์น​ได้ยิน​เรื่อง​นี้ พวก​เขา​จึง​มา​รับ​เอา​ร่าง​ของ​ท่าน​ไป​วาง​ไว้ใน​ถ้ำ​เก็บ​ศพ บรรดา​อัครทูต​ชุมนุม​ร่วม​กับ​พระ​เยซู และ​รายงาน​พระ​องค์​ถึง​สิ่ง​ทั้ง​ปวง​ที่​พวก​เขา​ได้​แสดง​และ​สั่งสอน พระ​องค์​กล่าว​กับ​พวก​เขา​ว่า “ไป​หา​ที่​ร้าง​เพื่อ​พัก​ตาม​ลำพัง​เถอะ เรา​จะ​ได้​พักผ่อน​กัน​หน่อย” ด้วย​เหตุ​ว่า​มี​ผู้​คน​ไป​มา​มาก จน​พวก​เขา​ไม่​มี​แม้​กระทั่ง​เวลา​ที่​จะ​รับประทาน​อาหาร​กัน พวก​เขา​จึง​ออกเรือ​กัน​ไป​ยัง​ที่​ร้าง​กัน​ตาม​ลำพัง

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง