อิสยาห์ 49:1-22
อิสยาห์ 49:1-22 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)
โอ แผ่นดินชายทะเล จงฟังข้าพเจ้า ชนชาติทั้งหลายที่อยู่ไกล จงตั้งใจฟัง พระยาห์เวห์ทรงเรียกข้าพเจ้าตั้งแต่ในครรภ์ พระองค์ทรงตั้งชื่อข้าพเจ้าตั้งแต่อยู่ในท้องมารดาข้าพเจ้า พระองค์ทรงทำให้ปากของข้าพเจ้าเหมือนดาบคม พระองค์ทรงซ่อนข้าพเจ้าไว้ในร่มเงาพระหัตถ์ของพระองค์ พระองค์ทรงทำให้ข้าพเจ้าเป็นลูกศรขัดมัน พระองค์ทรงซ่อนข้าพเจ้าไว้ในแล่งของพระองค์ และพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “เจ้าเป็นผู้รับใช้ของเรา อิสราเอลผู้ซึ่งเราจะสำแดงศักดิ์ศรีของเราเอง” แต่ข้าพเจ้าเองกล่าวว่า “ข้าพเจ้าเหนื่อยเปล่า ข้าพเจ้าเปลืองแรงของตัวเองเสียเปล่าและอนิจจัง แต่แน่ละ สิ่งที่ควรเป็นของข้าพเจ้านั้นอยู่กับพระยาห์เวห์ และค่าตอบแทนของข้าพเจ้าอยู่กับพระเจ้าของข้าพเจ้า” และบัดนี้ พระยาห์เวห์ตรัส คือพระองค์ผู้ทรงปั้นข้าพเจ้าตั้งแต่ในครรภ์ ให้เป็นผู้รับใช้ของพระองค์ เพื่อนำยาโคบกลับมาหาพระองค์ และเพื่อรวบรวมอิสราเอลมายังพระองค์ เพราะข้าพเจ้าได้รับเกียรติในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ และพระเจ้าของข้าพเจ้าทรงเป็นกำลังของข้าพเจ้า พระองค์ตรัสว่า “ซึ่งเจ้าจะเป็นผู้รับใช้ของเรา เพื่อจะยกเผ่าทั้งหลายของยาโคบขึ้น และเพื่อให้อิสราเอลที่เหลือกลับสู่สภาพดีนั้น ดูจะเป็นการเล็กน้อยเกินไป เราจะให้เจ้าเป็นความสว่างแก่บรรดาประชาชาติ เพื่อความรอดของเราจะไปถึงสุดปลายแผ่นดินโลก” พระยาห์เวห์ พระผู้ไถ่และองค์บริสุทธิ์ของอิสราเอล ตรัสกับผู้ถูกดูหมิ่นและถูกประชาชาติรังเกียจ คือคนใช้ของบรรดาผู้ครอบครอง ว่า “กษัตริย์ทั้งหลายจะมองดูแล้วจะยืนขึ้น และพวกเจ้านายจะกราบลงด้วยตัวเอง เพราะเหตุพระยาห์เวห์ผู้สัตย์จริง องค์บริสุทธิ์ของอิสราเอลผู้ได้เลือกสรรเจ้า” พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า “ในเวลาโปรดปราน เราได้ตอบเจ้าแล้ว ในวันแห่งความรอดเราได้ช่วยเจ้า เราได้ดูแลเจ้า และมอบเจ้าไว้ ให้เป็นพันธสัญญาของชนชาติ เพื่อฟื้นฟูแผ่นดิน เพื่อแบ่งที่ร้างเปล่าให้เป็นมรดก และเพื่อกล่าวกับพวกถูกจำจองว่า ‘จงออกมา’ กล่าวกับพวกที่อยู่ในความมืดว่า ‘จงเผยตัว’ พวกเขาจะเลี้ยงชีพตามทาง และที่เลี้ยงดูของพวกเขาจะอยู่ตามที่สูงโล้นทุกแห่ง เขาทั้งหลายจะไม่หิวหรือกระหาย ความร้อนแผดเผาหรือดวงอาทิตย์จะไม่ทำลายเขา เพราะพระองค์ผู้ทรงสงสารพวกเขาจะทรงนำพวกเขา และจะนำพาเขาไปยังน้ำพุ เราจะปรับภูเขาทุกแห่งของเราให้เป็นทางเดิน และทางหลวงทั้งหลายของเราจะถูกยกให้สูง นี่แน่ะ พวกเหล่านี้จะมาจากเมืองไกล และดูสิ เหล่านี้มาจากเหนือและจากตะวันตก และเหล่านี้มาจากแผ่นดินซีนิม” โอ ฟ้าสวรรค์ จงเปล่งเสียงชื่นบาน และแผ่นดินโลกจงชื่นชมยินดีเถิด โอ ภูเขาเอ๋ย จงร้องด้วยความเปรมปรีดิ์ เพราะพระยาห์เวห์ได้ทรงปลอบโยนชนชาติของพระองค์แล้ว และทรงสงสารคนของพระองค์ที่ถูกข่มใจ แต่ศิโยนกล่าวว่า “พระยาห์เวห์ได้ทรงละทิ้งข้าแล้ว และองค์เจ้านายทรงลืมข้าเสียแล้ว” “ผู้หญิงจะลืมบุตรของนางที่ยังกินนมอยู่ และไม่สงสารบุตรจากครรภ์ของนางได้หรือ? และถึงแม้ว่าคนเหล่านี้จะลืมได้ แต่เราก็จะไม่ลืมเจ้า ดูสิ เราได้สลักเจ้าไว้บนฝ่ามือของเรา กำแพงเมืองของเจ้าอยู่ต่อหน้าเราเสมอ บรรดาบุตรของเจ้าจะรีบมา แต่พวกผู้ทำลายเจ้าจะจากไป และพวกที่ทำให้เจ้าถูกทิ้งร้างก็ออกไปจากเจ้า จงเงยตาขึ้นและมองไปรอบๆ เขาทั้งหลายชุมนุมกัน และพวกเขามายังเจ้า” พระยาห์เวห์ตรัสว่า “ตราบใดที่เราเองมีชีวิตอยู่ เจ้าจะสวมพวกเขาทุกคนเหมือนเครื่องประดับ เจ้าจะผูกพวกเขาไว้อย่างเจ้าสาวประดับอาภรณ์ “แม้ที่ทิ้งร้างและที่ร้างเปล่าของเจ้า และแผ่นดินที่ถูกทำลายของเจ้า แน่ะ บัดนี้เจ้าจะแคบเกินไปสำหรับผู้อาศัย และพวกกลืนกินเจ้าจะอยู่ห่างไกล ลูกๆ ที่เกิดยามเจ้าทุกข์ใจจากการเสียลูก จะพูดที่หูของเจ้าอีกว่า ‘ที่นี้แคบเกินสำหรับฉันแล้ว จงหาที่กว้างขึ้นให้ฉันอยู่’ แล้วเจ้าจะพูดในใจของเจ้าว่า ‘ใครหนอได้คลอดคนเหล่านี้ให้ข้า ข้าทุกข์ระทมเพราะเสียลูกและเป็นหมัน ถูกกวาดต้อนเป็นเชลยและถูกขับไล่ แต่ใครหนอชุบเลี้ยงคนเหล่านี้? นี่แน่ะ ข้าถูกทิ้งไว้แต่ลำพัง แล้วคนเหล่านี้มาจากไหนกัน?’ ” พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า “ดูสิ เราจะยกมือของเรากวักบรรดาประชาชาติ และชูธงสัญญาณของเราต่อชนชาติทั้งหลาย แล้วพวกเขาจะอุ้มบรรดาบุตรชายของเจ้ามาในอ้อมอก และจะแบกบรรดาบุตรหญิงของเจ้ามาบนบ่า
อิสยาห์ 49:1-22 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)
พวกเจ้าที่อยู่แถบชายฝั่งและหมู่เกาะต่างๆฟังเราให้ดี ชนชาติทั้งหลายที่มาจากแดนไกล ตั้งใจฟังให้ดี พระยาห์เวห์ได้เรียกผมให้มารับใช้พระองค์ก่อนที่ผมจะเกิดเสียอีก พระองค์ตั้งชื่อให้ผม ตั้งแต่ผมยังอยู่ในท้องแม่ พระองค์ทำให้ปากของผมเหมือนกับดาบที่คมกริบ พระองค์ซ่อนและปกป้องผมไว้ใต้มือพระองค์ พระองค์ทำให้ผมเป็นเหมือนลูกธนูที่ขัดมัน พระองค์ซ่อนผมไว้ในซองธนูของพระองค์ พระองค์พูดกับผมว่า “อิสราเอล เจ้าเป็นผู้รับใช้ของเรา เราจะได้รับเกียรติเพราะเจ้า” แต่ผมคิดว่า “ผมได้ทำงานเหนื่อยเปล่า” ผมได้ทุ่มแรงไปจนหมด เสียแรงเปล่าๆไม่ได้อะไรซักอย่าง แต่อย่างไรก็ตามพระยาห์เวห์จะให้สิ่งที่ผมสมควรจะได้รับอย่างแน่นอน และรางวัลของผมอยู่กับพระเจ้าของผม พระยาห์เวห์ได้ปั้นผมในครรภ์ให้เป็นผู้รับใช้ของพระองค์ พระองค์ทำอย่างนี้เพื่อพระองค์จะได้นำครอบครัวของยาโคบกลับมาหาพระองค์ และเพื่อรวบรวมคนอิสราเอลกลับมาหาพระองค์ ผมจะได้รับเกียรติในสายตาของพระยาห์เวห์ และพระเจ้าของผมได้เป็นพละกำลังของผมแล้ว ตอนนี้พระยาห์เวห์พูดว่า “เจ้าเป็นผู้รับใช้ของเราที่กำลังช่วยเราฟื้นฟูเผ่าต่างๆของยาโคบ และนำผู้รอดชีวิตของชนชาติอิสราเอลกลับมา แค่นั้นยังน้อยเกินไป เราจะทำให้เจ้าเป็นแสงสว่างให้กับชนชาติต่างๆด้วย เพื่อความรอดของเราจะได้ไปถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก” พระยาห์เวห์พระผู้ไถ่และผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งอิสราเอล ได้พูดกับคนนั้นที่ถูกดูหมิ่นที่ชนชาติอื่นๆเกลียดชัง และที่เป็นทาสของผู้ครอบครองทั้งหลายอย่างนี้ว่า “เมื่อพวกกษัตริย์เห็นเจ้า พวกเขาก็จะยืนขึ้นให้เกียรติเจ้า เมื่อพวกเจ้านายเห็นเจ้าก็จะโค้งคำนับเจ้า” เพราะพระยาห์เวห์องค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งอิสราเอลผู้ที่ได้เลือกเจ้ามานั้นรักษาคำสัญญาของพระองค์เสมอ พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนี้ “ในเวลาที่เราแสดงความเมตตา เราจะตอบคำอธิษฐานของเจ้า ในวันแห่งความรอด เราจะช่วยเจ้าและปกป้องเจ้า เราจะแต่งตั้งเจ้าให้เป็นตัวกลางแห่งคำสัญญาที่เรามีกับมนุษย์ เพื่อว่าเราจะได้ฟื้นฟูแผ่นดินขึ้นมาใหม่ และคืนแผ่นดินที่ถูกทำลายกลับไปให้เจ้าของเดิม เราจะบอกกับพวกนักโทษว่า ‘ออกมาได้แล้ว’ เราจะบอกกับคนเหล่านั้นที่อยู่ในความมืดว่า ‘โผล่ออกมาได้แล้ว’ พวกเขาจะเป็นเหมือนแกะที่กินไปตามทางเดิน และพวกเขาจะมีทุ่งหญ้าบนเนินเขาโล้นทั้งหลาย พวกเขาจะไม่ขาดอาหารหรือน้ำ แสงแดดและลมร้อนของทะเลทรายจะไม่โจมตีพวกเขา เพราะพระองค์ผู้ปลอบโยนพวกเขาจะนำหน้าพวกเขา และพระองค์จะนำทางพวกเขาไปถึงตาน้ำทั้งหลาย เราจะทำให้ภูเขาทั้งหลายของเราแบนเป็นถนน และถมที่ต่ำขึ้นมาเป็นทางหลวงของเรา ดูสิ จะมีบางคนมาจากแดนไกล จะมีบางคนมาจากทิศเหนือและทิศตะวันตก และจะมีบางคนมาจากทางภาคใต้ของอียิปต์” ฟ้าสวรรค์เอ๋ย ร้องเพลงเถิด แผ่นดินโลกเอ๋ย ชื่นชมยินดีเถิด ภูเขาทั้งหลายเอ๋ย ระเบิดเป็นเสียงเพลงแห่งความชื่นชมยินดีเถิด เพราะพระยาห์เวห์ได้ปลอบโยนคนของพระองค์ และพระองค์จะให้ความรักกับคนของพระองค์ที่ทุกข์ยากลำบาก แต่ศิโยน ได้พูดว่า “พระยาห์เวห์ทอดทิ้งฉัน องค์เจ้าชีวิตลืมฉัน” พระยาห์เวห์พูดว่า “ผู้หญิงที่ให้นมลูก จะลืมลูกของเธอได้หรือ หรือ ผู้หญิงที่คลอดลูกออกมาจะไม่ให้ความรักต่อลูกของเธอ ได้หรือ ถึงแม้ว่าพวกเขาอาจจะลืมได้ แต่เราจะไม่มีวันลืมเจ้า ดูสิ เยรูซาเล็ม เราวาดเมืองของเจ้าลงบนฝ่ามือของเรา กำแพงของเจ้าอยู่ต่อหน้าต่อตาเราเสมอ ลูกๆของเจ้ากำลังรีบกลับมาหาเจ้า และคนพวกนั้นที่พังทลายเจ้าและทำลายเจ้าก็จะจากเจ้าไป ลืมตาขึ้นมามองไปรอบๆ พวกลูกหลานของเจ้ากำลังรวมตัวกันกลับมาหาเจ้า” พระยาห์เวห์พูดว่า “เจ้ารู้ว่าเรามีชีวิตอยู่แน่ ก็ให้แน่ใจขนาดนั้นเลยว่า เจ้าจะได้สวมใส่ลูกหลานของเจ้าเหมือนเครื่องเพชร หรือเหมือนกับเจ้าสาวที่สวมใส่เครื่องเพชร เราได้ทำลายเจ้าและทำให้เจ้ากลายเป็นซากปรักหักพัง และรื้อเจ้าลงกับพื้น แต่ต่อไปนี้แผ่นดินของเจ้าก็จะแคบเกินไปแล้วสำหรับประชาชนมากมายของเจ้า และคนพวกนั้นที่เคยกลืนกินเจ้าก็อยู่ห่างไกล และลูกๆของเจ้าที่เจ้าคิดว่าสูญเสียไปแล้ว วันหนึ่งพวกเขาจะกลับมาพูดใส่หูเจ้าว่า ‘ที่นี่แคบเกินไปสำหรับเราแล้ว หาที่ใหม่ให้พวกเราอยู่กันหน่อย’ แล้วเจ้าก็จะพูดกับตัวเองว่า ‘ใครกันนะที่คลอดเด็กพวกนี้มาให้กับข้า ข้าได้สูญเสียลูกของข้าไป และข้าเป็นหมัน ข้าถูกขับไล่ออกจากแผ่นดินของข้า ข้าถูกสามีทิ้ง อย่างนั้น ใครได้เลี้ยงเด็กๆพวกนี้ขึ้นมา ข้าถูกทิ้งไว้ตัวคนเดียว แล้วนี่ เด็กๆพวกนี้มาจากไหนกัน’” นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ องค์เจ้าชีวิตพูด “เราจะยกมือของเราขึ้นเป็นสัญญาณให้กับชนชาติต่างๆ เราจะยกธงของเราขึ้นให้คนเห็น และพวกเขาก็จะอุ้มพวกลูกชายของเจ้ามาในอ้อมอกของเขา และพวกเขาก็จะแบกพวกลูกสาวของเจ้าไว้บนบ่า
อิสยาห์ 49:1-22 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)
โอ เกาะทั้งหลายเอ๋ย จงฟังข้าพเจ้า เจ้าชนชาติทั้งหลายแต่ไกลเอ๋ย จงฟัง พระเยโฮวาห์ทรงเรียกข้าพเจ้าตั้งแต่ในครรภ์ พระองค์ทรงกล่าวถึงชื่อข้าพเจ้าตั้งแต่อยู่ในท้องมารดาข้าพเจ้า พระองค์ทรงทำปากของข้าพเจ้าเหมือนดาบคม พระองค์ทรงซ่อนข้าพเจ้าไว้ในร่มพระหัตถ์ของพระองค์ พระองค์ทรงทำข้าพเจ้าให้เป็นลูกศรขัดมัน พระองค์ทรงซ่อนข้าพเจ้าไว้เสียในแล่งของพระองค์ และพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “เจ้าเป็นผู้รับใช้ของเรา โอ อิสราเอล ซึ่งเราจะได้รับเกียรติในเจ้า” แต่ข้าพเจ้าว่า “ข้าพเจ้าได้ทำงานเปล่าดาย ข้าพเจ้าเปลืองแรงของข้าพเจ้าเปล่าๆ อนิจจัง แต่แน่ละ ความยุติธรรมอันควรตกแก่ข้าพเจ้าอยู่กับพระเยโฮวาห์ และงานของข้าพเจ้าอยู่กับพระเจ้าของข้าพเจ้า” และบัดนี้พระเยโฮวาห์ ผู้ทรงปั้นข้าพเจ้าตั้งแต่ในครรภ์ให้เป็นผู้รับใช้ของพระองค์ เพื่อจะนำยาโคบกลับมาหาพระองค์อีก ตรัสว่า “ถึงแม้อิสราเอลจะไม่ถูกรวบรวมเข้ามา ข้าพเจ้าก็ยังได้รับเกียรติในสายพระเนตรของพระเยโฮวาห์ และพระเจ้าของข้าพเจ้าจะทรงเป็นกำลังของข้าพเจ้า” พระองค์ตรัสว่า “ซึ่งเจ้าจะเป็นผู้รับใช้ของเรา เพื่อจะยกบรรดาตระกูลของยาโคบขึ้น เพื่อจะให้อิสราเอลที่เหลืออยู่กลับสู่สภาพดีนั้น ดูเป็นการเล็กน้อยเกินไป เราจะมอบให้เจ้าเป็นความสว่างแก่บรรดาประชาชาติ เพื่อความรอดของเราจะถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลกทางเจ้า” พระเยโฮวาห์ ผู้ไถ่ของอิสราเอลและองค์บริสุทธิ์ ตรัสแก่ผู้ที่คนดูหมิ่นและแก่ผู้ที่ประชาชาติรังเกียจ ผู้เป็นผู้รับใช้ของผู้ครอบครองทั้งหลาย ดังนี้ว่า “กษัตริย์ทั้งหลายจะทอดพระเนตรและทรงลุกยืน บรรดาเจ้านายจะกราบลง เพราะเหตุพระเยโฮวาห์ผู้สัตย์ซื่อ องค์บริสุทธิ์ของอิสราเอล จะทรงเลือกสรรเจ้า” พระเยโฮวาห์ตรัสดังนี้ว่า “ในเวลาอันชอบ เราได้ฟังเจ้า ในวันแห่งความรอด เราได้ช่วยเจ้า เราจะรักษาเจ้าไว้ และมอบให้เจ้าเป็นพันธสัญญาของมนุษยชาติ เพื่อสถาปนาแผ่นดิน เพื่อเป็นเหตุให้ได้รับมรดกที่ร้างเปล่านั้น เพื่อเจ้าจะกล่าวแก่ผู้ถูกจองจำว่า ‘ออกไปเถิด’ ต่อบรรดาผู้ที่อยู่ในความมืดว่า ‘จงปรากฏตัว’ เขาทั้งหลายจะเลี้ยงชีวิตตามทาง และตามที่สูงทั้งหลายจะเป็นที่หากินของเขา เขาทั้งหลายจะไม่หิวหรือกระหาย ความร้อนหรือดวงอาทิตย์จะไม่ทำลายเขา เพราะพระองค์ซึ่งเมตตาเขาจะทรงนำเขาไป และจะนำเขาไปตามน้ำพุ เราจะทำภูเขาของเราทั้งหมดเป็นทางเดิน และทางหลวงของเราจะสูง ดูเถิด พวกเหล่านี้จะมาจากเมืองไกล และดูเถิด บ้างมาจากเหนือและจากตะวันตก และบ้างมาจากแผ่นดินสเวเน” โอ ฟ้าสวรรค์เอ๋ย จงร้องเพลง โอ แผ่นดินโลกเอ๋ย จงลิงโลดเถิด โอ ภูเขาเอ๋ย จงเปรมปรีดิ์ร้องเพลง เพราะพระเยโฮวาห์ได้ทรงเล้าโลมชนชาติของพระองค์แล้ว และจะทรงเมตตาแก่คนของพระองค์ ผู้ที่ถูกข่มใจ แต่ศิโยนกล่าวว่า “พระเยโฮวาห์ได้ทรงละทิ้งข้าพเจ้าแล้ว องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าทรงลืมข้าพเจ้าเสียแล้ว” “ผู้หญิงจะลืมบุตรที่ยังกินนมของนาง และจะไม่เมตตาบุตรชายจากครรภ์ของนางได้หรือ แม้ว่าคนเหล่านี้ยังลืมได้ กระนั้นเราก็จะไม่ลืมเจ้า ดูเถิด เราได้สลักเจ้าไว้บนฝ่ามือของเรา กำแพงเมืองของเจ้าอยู่ต่อหน้าเราเสมอ ลูกหลานของเจ้าก็จะเร่งรีบ ผู้ทำลายเจ้าและบรรดาผู้ที่ทำให้เจ้าถูกทิ้งร้างก็จะออกไปจากเจ้า จงเงยหน้าเงยตาขึ้นดูรอบๆ เขาทั้งหลายชุมนุมกัน เขาทั้งหลายมาหาเจ้า” พระเยโฮวาห์ตรัสว่า “เรามีชีวิตอยู่ตราบใด เจ้าจะสวมเขาทั้งหลายไว้หมดอย่างเครื่องอาภรณ์ เจ้าจะผูกเขาไว้อย่างเจ้าสาวประดับอาภรณ์ เพราะว่าที่ที่ถูกทิ้งไว้เสียเปล่าและที่รกร้างของเจ้า และแผ่นดินที่ถูกทำลายของเจ้าจะแคบเกินไปด้วยเหตุมีชาวเมืองอยู่กันมาก และคนทั้งหลายที่กลืนเจ้าจะอยู่ห่างไกล เด็กที่เกิดแก่เจ้าหลังจากลูกเสียไปแล้ว จะพูดที่หูของเจ้าอีกว่า ‘ที่นี้แคบเกินสำหรับฉันแล้ว จงหาที่ให้ฉันอยู่’ แล้วเจ้าจะกล่าวในใจของเจ้าว่า ‘ใครหนอได้ให้กำเนิดคนเหล่านี้แก่ข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้าสูญเสียลูกๆไปแล้ว และข้าพเจ้าก็โดดเดี่ยว ถูกกวาดไปเป็นเชลยและย้ายไปโน่นมานี่ แต่ใครหนอชุบเลี้ยงคนเหล่านี้ ดูเถิด ข้าพเจ้าถูกทิ้งอยู่ตามลำพัง แล้วคนเหล่านี้มาจากไหนกัน’” องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าตรัสดังนี้ว่า “ดูเถิด เราจะยกมือของเรากวักบรรดาประชาชาติ และยกสัญญาณของเราต่อชนชาติทั้งหลาย และเขาทั้งหลายจะอุ้มบรรดาบุตรชายของเจ้ามา และบรรดาบุตรสาวของเจ้านั้น เขาจะใส่บ่าแบกมา
อิสยาห์ 49:1-22 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)
โอ แผ่นดินชายทะเลเอ๋ย จงฟังข้าพเจ้า เจ้าชนชาติทั้งหลายแต่ไกลเอ๋ย จงฟัง พระเจ้าทรงเรียกข้าพเจ้าตั้งแต่ในครรภ์ พระองค์ทรงตั้งชื่อข้าพเจ้าตั้งแต่อยู่ในท้องมารดาข้าพเจ้า พระองค์ทรงทำปากของข้าพเจ้าเหมือนดาบคม พระองค์ทรงซ่อนข้าพเจ้าไว้ในร่มพระหัตถ์ของพระองค์ พระองค์ทรงทำข้าพเจ้าให้เป็นลูกศรขัดมัน พระองค์ทรงซ่อนข้าพเจ้าไว้เสียในแล่งของพระองค์ และพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า <<เจ้าเป็นผู้รับใช้ของเรา อิสราเอลซึ่งเราจะได้รับเกียรติในเจ้า>> แต่ข้าพเจ้าว่า <<ข้าพเจ้าได้ทำงานเปล่าดาย ข้าพเจ้าเปลืองแรงของข้าพเจ้าเปล่าๆ อนิจจัง แต่แน่ละ ความยุติธรรมอันควรตกแก่ข้าพเจ้าอยู่กับพระเจ้า และค่าตอบแทนของข้าพเจ้าอยู่กับพระเจ้าของข้าพเจ้า>> และบัดนี้ พระเจ้าผู้ทรงปั้นข้าพเจ้าตั้งแต่ในครรภ์ ให้เป็นผู้รับใช้ของพระองค์ เพื่อจะนำยาโคบกลับมาหาพระองค์ และเพื่ออิสราเอลจะรวบรวมกันมายังพระองค์ เพราะข้าพเจ้าได้รับเกียรติในสายพระเนตรของพระเจ้า และพระเจ้าของข้าพเจ้าได้ทรงเป็นแรงของข้าพเจ้าแล้ว พระองค์ตรัสว่า ซึ่งเจ้าจะเป็นผู้รับใช้ของเรา เพื่อจะยกบรรดาเผ่าของยาโคบขึ้น เพื่อจะให้อิสราเอลที่เหลืออยู่กลับสู่สภาพดีนั้น ดูเป็นการเล็กน้อยเกินไป เราจะมอบให้เจ้าเป็นความสว่างแก่บรรดาประชาชาติ เพื่อความรอดของเราจะถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก>> พระเจ้า ผู้ไถ่และองค์บริสุทธิ์ของอิสราเอล ตรัสแก่ผู้ที่คนดูหมิ่นและแก่ผู้ที่ประชาชาติรังเกียจ ผู้เป็นผู้รับใช้ของผู้ครอบครองทั้งหลาย ดังนี้ว่า <<พระราชาจะทอดพระเนตรและทรงลุกยืน บรรดาเจ้านายจะเห็น และเขาทั้งหลายจะกราบลง เพราะเหตุพระเจ้าผู้เที่ยงธรรม องค์บริสุทธิ์ของอิสราเอลผู้ได้เลือกสรรเจ้า>> พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า <<ในเวลาโปรดปราน เราตอบเจ้าแล้ว ในวันแห่งความรอดเราได้ช่วยเจ้า เราได้ดูแลเจ้า และมอบให้เจ้า เป็นตัวพันธสัญญาของมนุษยชาติ เพื่อสถาปนาแผ่นดิน เพื่อจะให้รับที่ร้างเปล่าเป็นมรดก พลางกล่าวแก่ผู้ถูกจำจองว่า <ออกมาเถิด> ต่อบรรดาผู้ที่อยู่ในความมืดว่า<จงปรากฏตัว> เขาทั้งหลายจะเลี้ยงชีวิตตามทาง และตามที่สูงโล้นทั้งหลายจะเป็นที่หากินของเขา เขาทั้งหลายจะไม่หิวหรือกระหาย ลมที่แผดเผาหรือดวงอาทิตย์จะไม่ทำลายเขา เพราะพระองค์ซึ่งสงสารเขาจะทรงนำเขาไป และจะนำเขาไปตามน้ำพุ เราจะทำภูเขาของเราทั้งหมดเป็นทางเดิน และทางหลวงของเราจะสูง นี่แน่ะ พวกเหล่านี้จะมาจากเมืองไกล และนี่แน่ะ บ้างมาจากเหนือและจากตะวันตก และบ้างมาจากแผ่นดินสเวเน โอ ฟ้าสวรรค์เอ๋ย จงร้องเพลงเพราะความชื่นบาน โอ แผ่นดินโลกเอ๋ย จงลิงโลดเถิด โอ ภูเขาเอ๋ย จงเปรมปรีดิ์ร้องเพลง เพราะพระเจ้าได้ทรงเล้าโลมชนชาติของพระองค์แล้ว และจะทรงเมตตาแก่คนของพระองค์ ผู้ที่ถูกข่มใจ แต่ศิโยนกล่าวว่า <<พระเจ้าได้ทรงละทิ้งข้าพเจ้าแล้ว องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าทรงลืมข้าพเจ้าเสียแล้ว>> <<ผู้หญิงจะลืมบุตรที่ยังกินนมของนาง และจะไม่เมตตาบุตรจากครรภ์ของนางได้หรือ>> แม้ว่าคนเหล่านี้ยังลืมได้ กระนั้นเราก็จะไม่ลืมเจ้า ดูเถิด เราได้สลักเจ้าไว้บนฝ่ามือของเรา กำแพงเมืองของเจ้าอยู่ต่อหน้าเราเสมอ ผู้ก่อสร้างเจ้าก็เอาชนะผู้ทำลายเจ้า และบรรดาผู้ที่ทำให้เจ้าถูกทิ้งร้างก็ออกไปจากเจ้า จงเงยหน้าเงยตาขึ้นดูรอบๆ เขาทั้งหลายชุมนุมกัน เขาทั้งหลายมาหาเจ้า พระเจ้าตรัสว่า เรามีชีวิตอยู่ตราบใด เจ้าจะสวมเขาทั้งหลายไว้หมดอย่างเครื่องอาภรณ์ เจ้าจะผูกเขาไว้อย่างเจ้าสาวประดับอาภรณ์ <<แน่ละ ที่ทิ้งร้างและที่ร้างเปล่าของเจ้า และแผ่นดินที่ถูกทำลายของเจ้า แน่ะละ เจ้าจะแคบเกินไปสำหรับชาวเมืองของเจ้า และบรรดาผู้ที่กลืนเจ้าจะอยู่ห่างไกล เด็กที่เกิดในยามที่เจ้าทุกข์ระทมเพราะลูกตาย จะพูดที่หูของเจ้าว่า <ที่นี้แคบเกินสำหรับฉันแล้ว จงหาที่ให้ฉันอยู่> แล้วเจ้าจะว่าในใจของเจ้าว่า <ใครหนอได้คลอดคนเหล่านี้ให้ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าทุกข์ระทมเพราะลูกตายและเป็นหมัน ถูกกวาดไปเป็นเชลยและถูกขับไล่ แต่ใครหนอชุบเลี้ยงคนเหล่านี้ ดูเถิด เราถูกทิ้งอยู่แต่ลำพัง แล้วคนเหล่านี้มาจากไหนกัน> >> พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า <<ดูเถิด เราจะยกมือของเรากวักบรรดาประชาชาติ และยกสัญญาณของเราต่อชนชาติทั้งหลาย และเขาทั้งหลายจะอุ้มบรรดาบุตรชายของเจ้ามา และบรรดาบุตรหญิงของเจ้านั้น เขาจะใส่บ่าแบกมา
อิสยาห์ 49:1-22 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)
จงฟังข้าพเจ้าเถิด บรรดาเกาะแก่งทั้งหลายเอ๋ย ชนชาติไกลโพ้นทั้งหลาย ฟังทางนี้ องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสเรียกข้าพเจ้าตั้งแต่ข้าพเจ้ายังไม่เกิด ทรงเอ่ยชื่อข้าพเจ้าตั้งแต่ข้าพเจ้าถือกำเนิด พระองค์ทรงทำให้ปากของข้าพเจ้าเหมือนดาบคมกริบ ทรงซ่อนข้าพเจ้าไว้ในร่มเงาแห่งพระหัตถ์ ทรงทำให้ข้าพเจ้าเป็นลูกธนูคมปลาบ และทรงเก็บข้าพเจ้าไว้ในแล่งธนูของพระองค์ พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “อิสราเอล เจ้าเป็นผู้รับใช้ของเรา เราจะสำแดงเกียรติบารมีของเราในตัวเจ้า” แต่ข้าพเจ้ากล่าวว่า “ข้าพเจ้าตรากตรำไปอย่างไร้จุดหมาย ลงแรงไปโดยเปล่าประโยชน์และไร้ค่า ถึงกระนั้นสิ่งที่ข้าพเจ้าควรได้ก็อยู่ในพระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า บำเหน็จของข้าพเจ้าอยู่ที่พระเจ้าของข้าพเจ้า” และบัดนี้องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า พระองค์ผู้ทรงสร้างข้าพเจ้าในครรภ์มารดา เพื่อให้เป็นผู้รับใช้ของพระองค์ เพื่อนำยาโคบกลับมายังพระองค์ และรวบรวมอิสราเอลมายังพระองค์เอง เพราะข้าพเจ้ามีเกียรติในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้า และพระเจ้าทรงเป็นพละกำลังของข้าพเจ้า พระองค์ตรัสว่า “เป็นการเล็กน้อยเกินไปที่จะให้เจ้าเป็นผู้รับใช้ของเรา เพื่อฟื้นฟูชนเผ่าต่างๆ ของยาโคบให้กลับสู่สภาพเดิม และนำชนอิสราเอลเหล่านั้นซึ่งเราสงวนไว้กลับมาหาเรา เราจะให้เจ้าเป็นแสงสว่างสำหรับชนต่างชาติด้วย เพื่อเจ้าจะนำความรอดของเราไปจนถึงสุดปลายแผ่นดินโลก” พระยาห์เวห์ พระผู้ไถ่ องค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล ตรัสแก่ผู้นั้นซึ่งเป็นที่รังเกียจเดียดฉันท์ของชาติ ผู้เป็นคนรับใช้ของบรรดาผู้ครอบครองนั้นว่า “กษัตริย์ทั้งหลายจะเห็นเจ้าแล้วยืนขึ้น เจ้านายทั้งปวงจะเห็นเจ้าแล้วหมอบกราบ เนื่องด้วยองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงซื่อสัตย์ องค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอลผู้ทรงเลือกสรรเจ้า” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “ในเวลาแห่งความโปรดปราน เราจะตอบเจ้า และในวันแห่งความรอด เราจะช่วยเจ้า เราจะปกป้องเจ้า และทำให้เจ้าเป็นพันธสัญญาแก่เหล่าประชากร เพื่อให้ดินแดนนั้นกลับคืนสู่ปกติสุข และรื้อฟื้นกรรมสิทธิ์ซึ่งถูกทิ้งร้างขึ้นมาใหม่ เพื่อกล่าวแก่เชลยว่า ‘ออกมาเถิด’ และกล่าวแก่ผู้อยู่ในความมืดมนว่า ‘จงเป็นอิสระ!’ “พวกเขาจะเลี้ยงชีพอยู่ริมทาง และพบทุ่งหญ้าบนเนินเขาแห้งแล้งทุกแห่ง เขาจะไม่หิวหรือกระหาย แสงอาทิตย์แรงกล้าและลมทะเลทรายอันร้อนระอุจะไม่แผดเผาเขาอีกต่อไป พระองค์ผู้ทรงเอ็นดูสงสารเขาจะนำเขา และพาเขามายังริมธารน้ำพุ เราจะเปลี่ยนภูเขาทุกลูกของเราให้เป็นทางเรียบ และทางหลวงของเราจะถูกยกขึ้น ดูเถิด พวกเขาจะมาจากแดนไกล บางคนมาจากทางเหนือ บางคนมาจากทางตะวันตก บางคนก็มาจากอัสวาน” ฟ้าสวรรค์เอ๋ย จงโห่ร้องยินดี โลกเอ๋ย จงเปรมปรีดิ์ ภูเขาทั้งหลายเอ๋ย จงเปล่งเสียงร้องเพลง! เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปลอบโยนประชากรของพระองค์ และจะทรงเอ็นดูสงสารผู้ที่ทุกข์ทรมานของพระองค์ แต่ศิโยนกล่าวว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทอดทิ้งข้าแล้ว องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงลืมข้าไปแล้ว” “แม่จะลืมลูกน้อยในอก และจะไม่เอ็นดูสงสารลูกที่นางให้กำเนิดได้หรือ? แม้นางอาจจะลืมได้ แต่เราจะไม่ลืมเจ้า! ดูเถิด เราได้สลักชื่อของเจ้าไว้บนฝ่ามือของเรา กำแพงของเจ้าอยู่ตรงหน้าเราเสมอ ลูกๆ ของเจ้ารีบรุดมา และบรรดาผู้ที่ทำให้เจ้าเริศร้างก็ไปจากเจ้า เงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ เถิด ลูกๆ ทั้งหมดของเจ้าพากันมาหาเจ้า” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “เรามีชีวิตอยู่แน่ฉันใด พวกเขาจะเป็นเครื่องประดับตกแต่งของเจ้าฉันนั้น เจ้าจะเหมือนเจ้าสาว มีพวกเขาเป็นอาภรณ์ประดับ “ถึงแม้ว่าเจ้าถูกทำให้เป็นซากปรักหักพังและเริศร้าง ดินแดนของเจ้าถูกทิ้งร้าง แต่บัดนี้เจ้าจะกลับคับแคบเกินไปสำหรับประชากรของเจ้า และผู้ที่ล้างผลาญเจ้าจะไปไกลลิบลับ ลูกหลานซึ่งเกิดในช่วงที่เจ้าเป็นเชลย จะพูดให้เจ้าได้ยินว่า ‘ที่นี่คับแคบเกินไปสำหรับเรา ขอที่อาศัยกว้างขวางกว่านี้เถิด’ แล้วเจ้าจะรำพึงว่า ‘ใครหนอได้ให้กำเนิดคนทั้งหมดนี้แก่เรา? เราถูกพลัดพรากและเป็นหมัน ตกเป็นเชลยและถูกทอดทิ้ง ใครหนอเลี้ยงดูคนเหล่านี้ขึ้นมา? เราถูกทิ้งไว้เดียวดาย แล้วคนเหล่านี้มาจากไหนกัน?’ ” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสว่า “ดูเถิด เราจะส่งสัญญาณแก่บรรดาชนชาติต่างๆ เราจะชูธงของเราให้ชนชาติทั้งหลาย พวกเขาจะอุ้มลูกชายของเจ้าไว้ในอ้อมแขนพากลับมาหาเจ้า ส่วนลูกสาวของเจ้าจะให้ขี่คอเขามา
อิสยาห์ 49:1-22 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)
โอ หมู่เกาะต่างๆ เอ๋ย จงฟังข้าพเจ้า และเอาใจใส่ บรรดาชนชาติที่อยู่ห่างไกลเอ๋ย พระผู้เป็นเจ้าเรียกข้าพเจ้าตั้งแต่อยู่ในครรภ์ พระองค์ตั้งชื่อข้าพเจ้าตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดาข้าพเจ้า พระองค์ทำให้ปากข้าพเจ้าเหมือนดาบคม พระองค์ซ่อนข้าพเจ้าไว้ในร่มเงาของมือพระองค์ พระองค์ทำให้ข้าพเจ้าเป็นลูกศรคม พระองค์ซ่อนข้าพเจ้าไว้ในแล่งศรของพระองค์ พระองค์กล่าวกับข้าพเจ้าว่า “อิสราเอลเอ๋ย เจ้าเป็นผู้รับใช้ของเรา เราจะแสดงให้เห็นบารมีในตัวเจ้า” แต่ข้าพเจ้าพูดว่า “ข้าพเจ้าได้ตรากตรำโดยไร้ประโยชน์ ข้าพเจ้าได้ใช้กำลังโดยเปล่าและไร้ค่า แต่ค่าตอบแทนของข้าพเจ้าอยู่ที่พระผู้เป็นเจ้าอย่างแน่นอน และรางวัลของข้าพเจ้าอยู่ที่พระเจ้าของข้าพเจ้า” แต่บัดนี้พระผู้เป็นเจ้ากล่าว คือองค์ผู้สร้างข้าพเจ้า ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ เพื่อให้เป็นผู้รับใช้ของพระองค์ เพื่อนำยาโคบกลับมาหาพระองค์ คือพาอิสราเอลมาหาพระองค์ (เพราะข้าพเจ้าได้รับการยกย่องในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า และพระเจ้าของข้าพเจ้าเป็นกำลังของข้าพเจ้า) พระองค์กล่าวดังนี้ว่า “ดูว่าจะน้อยเกินไปที่จะให้เจ้าเป็นเพียงผู้รับใช้ของเรา เพื่อจะตั้งเผ่าพันธุ์ของยาโคบขึ้น และพาพวกอิสราเอลที่เราได้รักษาไว้เพื่อให้กลับมา แต่เราจะทำให้เจ้าเป็นแสงสว่างแก่บรรดาประชาชาติ เพื่อเจ้าจะได้นำความรอดพ้นจากเราไปยังทุกมุมโลก” พระผู้เป็นเจ้า ผู้ไถ่และองค์ผู้บริสุทธิ์ของอิสราเอลกล่าวกับ ผู้ที่ถูกประชาชาติดูหมิ่นและชิงชัง และกับผู้รับใช้ของบรรดาผู้ปกครองดังนี้ว่า “บรรดากษัตริย์จะเห็นเจ้าและจะลุกขึ้นยืน พวกผู้นำจะน้อมตัวลง เพราะพระผู้เป็นเจ้าผู้สัตย์จริง องค์ผู้บริสุทธิ์ของอิสราเอลได้เลือกเจ้า” พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ว่า “เมื่อถึงเวลาที่เราจะโปรดปราน เราก็ตอบเจ้า และเมื่อถึงวันช่วยให้รอดพ้น เราก็ช่วยเจ้า เราจะรับเจ้าไว้ เพื่อเป็นพันธสัญญาแก่ชนชาติ เพื่อฟื้นฟูแผ่นดิน เพื่อมอบสิทธิที่ดินที่ถูกทิ้งร้างไว้ เพื่อบอกเหล่านักโทษว่า ‘ออกไปเถิด’ และพูดกับบรรดาผู้ที่อยู่ในความมืดว่า ‘ออกมาจากความมืดเถิด’ พวกเขาจะพบทุ่งหญ้าตามทาง และเนินเขาโล้นทุกแห่งจะเป็นทุ่งหญ้าของพวกเขา พวกเขาจะไม่หิวหรือกระหาย ลมและดวงอาทิตย์อันร้อนแรงจะไม่กระทบพวกเขา เพราะองค์ผู้มีเมตตาต่อพวกเขาจะนำพวกเขาไป และจะนำพวกเขาไปยังแหล่งน้ำ และเราจะทำให้เทือกเขากลายเป็นทางราบ และถนนจะถูกยกสูงขึ้น ดูเถิด เขาเหล่านี้จะมาจากแดนไกล และดูเถิด คนเหล่านี้มาจากทิศเหนือและจากทิศตะวันตก และมาจากดินแดนสินิม” ฟ้าสวรรค์เอ๋ย จงชื่นชมยินดี แผ่นดินโลกเอ๋ย จงดีใจ เทือกเขาเอ๋ย จงส่งเสียงร้องเพลง โอ เพราะพระผู้เป็นเจ้าปลอบประโลมชนชาติของพระองค์ และมีความสงสารต่อคนของพระองค์ที่มีความทุกข์ใจ แต่ศิโยนพูดว่า “พระผู้เป็นเจ้าได้ทอดทิ้งข้าพเจ้า พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าลืมข้าพเจ้าเสียแล้ว” “ผู้หญิงจะลืมลูกของนางที่ยังกินนมอยู่ได้หรือ และนางจะไม่มีความสงสารต่อลูกชายที่เกิดจากครรภ์ของนางหรือ นางอาจจะลืมก็ได้ แต่เราจะไม่ลืมเจ้า ดูเถิด เราได้สลักเจ้าไว้ที่ฝ่ามือของเราแล้ว เราจะไม่มีวันลืมกำแพงเมืองของเจ้า ลูกๆ ของเจ้ากลับมาอย่างรวดเร็ว พวกที่ทำลายเจ้าและทำให้เจ้าสูญสิ้นก็ไปจากเจ้า จงเงยหน้าขึ้นดูโดยรอบ พวกลูกๆ มาชุมนุมกันและมาหาเจ้า พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า ตราบที่เรามีชีวิตอยู่ พวกเขาจะเป็นเช่นเดียวกับเครื่องประดับที่เจ้าสวมใส่ พวกเขาจะสวมติดอยู่กับเจ้าเช่นเดียวกับที่เจ้าสาวใช้ประดับ แม้ว่าสถานที่ของเจ้าถูกพังทลาย และเป็นที่ร้าง แผ่นดินเสียหาย แต่บัดนี้บรรดาผู้อยู่อาศัยในที่ของเจ้ามีอย่างล้นหลามในแผ่นดิน และพวกที่พยายามกำจัดเจ้าให้หมดสิ้นจะอยู่ห่างไกลมาก ลูกๆ ที่ถูกพรากไป จะเป็นเสียงที่เจ้าได้ยินว่า ‘แผ่นดินคับแคบสำหรับเรา ช่วยขยับขยายให้เราได้อยู่อาศัยเถิด’ แล้วเจ้าจะคิดในใจว่า ‘ใครหนอให้กำเนิดคนเหล่านี้แก่เรา เราสูญเสียคนไปและเป็นหมัน ลี้ภัยและไม่เป็นที่ยอมรับ แต่ใครหนอที่ได้นำคนเหล่านี้ขึ้นมา ดูเถิด เราถูกทอดทิ้งไว้ตามลำพัง แล้วคนพวกนี้มาจากไหนกัน’” พระผู้เป็นเจ้า องค์พระเจ้ากล่าวดังนี้ “ดูเถิด เราจะยกมือของเราไปทางบรรดาประชาชาติ และจะยกธงชัยของเราแก่บรรดาชนชาติ และพวกเขาจะอุ้มบรรดาลูกชายของเจ้ามาในอ้อมอก และจะแบกลูกสาวของเจ้ามาบนบ่าของพวกเขา