อิสยาห์ 49:1-22

อิสยาห์ 49:1-22 TH1971

โอ แผ่นดินชายทะเลเอ๋ย จงฟังข้าพเจ้า เจ้าชนชาติทั้งหลายแต่ไกลเอ๋ย จงฟัง พระเจ้าทรงเรียกข้าพเจ้าตั้งแต่ในครรภ์ พระองค์ทรงตั้งชื่อข้าพเจ้าตั้งแต่อยู่ในท้องมารดาข้าพเจ้า พระองค์ทรงทำปากของข้าพเจ้าเหมือนดาบคม พระองค์ทรงซ่อนข้าพเจ้าไว้ในร่มพระหัตถ์ของพระองค์ พระองค์ทรงทำข้าพเจ้าให้เป็นลูกศรขัดมัน พระองค์ทรงซ่อนข้าพเจ้าไว้เสียในแล่งของพระองค์ และพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า <<เจ้าเป็นผู้รับใช้ของเรา อิสราเอลซึ่งเราจะได้รับเกียรติในเจ้า>> แต่ข้าพเจ้าว่า <<ข้าพเจ้าได้ทำงานเปล่าดาย ข้าพเจ้าเปลืองแรงของข้าพเจ้าเปล่าๆ อนิจจัง แต่แน่ละ ความยุติธรรมอันควรตกแก่ข้าพเจ้าอยู่กับพระเจ้า และค่าตอบแทนของข้าพเจ้าอยู่กับพระเจ้าของข้าพเจ้า>> และบัดนี้ พระเจ้าผู้ทรงปั้นข้าพเจ้าตั้งแต่ในครรภ์ ให้เป็นผู้รับใช้ของพระองค์ เพื่อจะนำยาโคบกลับมาหาพระองค์ และเพื่ออิสราเอลจะรวบรวมกันมายังพระองค์ เพราะข้าพเจ้าได้รับเกียรติในสายพระเนตรของพระเจ้า และพระเจ้าของข้าพเจ้าได้ทรงเป็นแรงของข้าพเจ้าแล้ว พระองค์ตรัสว่า ซึ่งเจ้าจะเป็นผู้รับใช้ของเรา เพื่อจะยกบรรดาเผ่าของยาโคบขึ้น เพื่อจะให้อิสราเอลที่เหลืออยู่กลับสู่สภาพดีนั้น ดูเป็นการเล็กน้อยเกินไป เราจะมอบให้เจ้าเป็นความสว่างแก่บรรดาประชาชาติ เพื่อความรอดของเราจะถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก>> พระเจ้า ผู้ไถ่และองค์บริสุทธิ์ของอิสราเอล ตรัสแก่ผู้ที่คนดูหมิ่นและแก่ผู้ที่ประชาชาติรังเกียจ ผู้เป็นผู้รับใช้ของผู้ครอบครองทั้งหลาย ดังนี้ว่า <<พระราชาจะทอดพระเนตรและทรงลุกยืน บรรดาเจ้านายจะเห็น และเขาทั้งหลายจะกราบลง เพราะเหตุพระเจ้าผู้เที่ยงธรรม องค์บริสุทธิ์ของอิสราเอลผู้ได้เลือกสรรเจ้า>> พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า <<ในเวลาโปรดปราน เราตอบเจ้าแล้ว ในวันแห่งความรอดเราได้ช่วยเจ้า เราได้ดูแลเจ้า และมอบให้เจ้า เป็นตัวพันธสัญญาของมนุษยชาติ เพื่อสถาปนาแผ่นดิน เพื่อจะให้รับที่ร้างเปล่าเป็นมรดก พลางกล่าวแก่ผู้ถูกจำจองว่า <ออกมาเถิด> ต่อบรรดาผู้ที่อยู่ในความมืดว่า<จงปรากฏตัว> เขาทั้งหลายจะเลี้ยงชีวิตตามทาง และตามที่สูงโล้นทั้งหลายจะเป็นที่หากินของเขา เขาทั้งหลายจะไม่หิวหรือกระหาย ลมที่แผดเผาหรือดวงอาทิตย์จะไม่ทำลายเขา เพราะพระองค์ซึ่งสงสารเขาจะทรงนำเขาไป และจะนำเขาไปตามน้ำพุ เราจะทำภูเขาของเราทั้งหมดเป็นทางเดิน และทางหลวงของเราจะสูง นี่แน่ะ พวกเหล่านี้จะมาจากเมืองไกล และนี่แน่ะ บ้างมาจากเหนือและจากตะวันตก และบ้างมาจากแผ่นดินสเวเน โอ ฟ้าสวรรค์เอ๋ย จงร้องเพลงเพราะความชื่นบาน โอ แผ่นดินโลกเอ๋ย จงลิงโลดเถิด โอ ภูเขาเอ๋ย จงเปรมปรีดิ์ร้องเพลง เพราะพระเจ้าได้ทรงเล้าโลมชนชาติของพระองค์แล้ว และจะทรงเมตตาแก่คนของพระองค์ ผู้ที่ถูกข่มใจ แต่ศิโยนกล่าวว่า <<พระเจ้าได้ทรงละทิ้งข้าพเจ้าแล้ว องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าทรงลืมข้าพเจ้าเสียแล้ว>> <<ผู้หญิงจะลืมบุตรที่ยังกินนมของนาง และจะไม่เมตตาบุตรจากครรภ์ของนางได้หรือ>> แม้ว่าคนเหล่านี้ยังลืมได้ กระนั้นเราก็จะไม่ลืมเจ้า ดูเถิด เราได้สลักเจ้าไว้บนฝ่ามือของเรา กำแพงเมืองของเจ้าอยู่ต่อหน้าเราเสมอ ผู้ก่อสร้างเจ้าก็เอาชนะผู้ทำลายเจ้า และบรรดาผู้ที่ทำให้เจ้าถูกทิ้งร้างก็ออกไปจากเจ้า จงเงยหน้าเงยตาขึ้นดูรอบๆ เขาทั้งหลายชุมนุมกัน เขาทั้งหลายมาหาเจ้า พระเจ้าตรัสว่า เรามีชีวิตอยู่ตราบใด เจ้าจะสวมเขาทั้งหลายไว้หมดอย่างเครื่องอาภรณ์ เจ้าจะผูกเขาไว้อย่างเจ้าสาวประดับอาภรณ์ <<แน่ละ ที่ทิ้งร้างและที่ร้างเปล่าของเจ้า และแผ่นดินที่ถูกทำลายของเจ้า แน่ะละ เจ้าจะแคบเกินไปสำหรับชาวเมืองของเจ้า และบรรดาผู้ที่กลืนเจ้าจะอยู่ห่างไกล เด็กที่เกิดในยามที่เจ้าทุกข์ระทมเพราะลูกตาย จะพูดที่หูของเจ้าว่า <ที่นี้แคบเกินสำหรับฉันแล้ว จงหาที่ให้ฉันอยู่> แล้วเจ้าจะว่าในใจของเจ้าว่า <ใครหนอได้คลอดคนเหล่านี้ให้ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าทุกข์ระทมเพราะลูกตายและเป็นหมัน ถูกกวาดไปเป็นเชลยและถูกขับไล่ แต่ใครหนอชุบเลี้ยงคนเหล่านี้ ดูเถิด เราถูกทิ้งอยู่แต่ลำพัง แล้วคนเหล่านี้มาจากไหนกัน> >> พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า <<ดูเถิด เราจะยกมือของเรากวักบรรดาประชาชาติ และยกสัญญาณของเราต่อชนชาติทั้งหลาย และเขาทั้งหลายจะอุ้มบรรดาบุตรชายของเจ้ามา และบรรดาบุตรหญิงของเจ้านั้น เขาจะใส่บ่าแบกมา