2 ซามูเอล 19:9-43

2 ซามูเอล 19:9-43 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

ขณะนั้น​ชาว​อิสราเอล​ต่าง​หลบ​หนี​กลับ​บ้าน​ของ​พวก​เขา ประชาชน​อิสราเอล​ทั่ว​ทุก​เผ่า​ต่าง​ถกเถียง​กัน​ว่า “กษัตริย์​ได้​ช่วย​เหลือ​พวก​เรา​ให้​พ้น​จาก​มือ​ของ​พวก​ศัตรู เขา​คือ​ผู้ที่​ช่วย​พวก​เรา​ให้​พ้น​จาก​มือ​ของ​ชาว​ฟีลิสเตีย แต่​ตอน​นี้​เขา​ได้​หลบ​หนี​จาก​ประเทศ​ไป​เพราะ​อับซาโลม และ​อับซาโลม​ที่​พวก​เรา​ได้​แต่งตั้ง​ให้​ปกครอง​พวก​เรา​ได้​ตาย​แล้ว​ใน​สนามรบ แล้ว​ทำไม​พวก​เรา​ไม่​พูด​ถึง​การ​เชิญ​กษัตริย์​กลับ​มา​เล่า” กษัตริย์​ดาวิด​ส่ง​ข้อ​ความ​ไป​ให้​ศาโดก​และ​อาบียาธาร์​นักบวช​ทั้ง​สอง​ว่า “ให้​ไป​ถาม​พวก​ผู้ใหญ่​ชาว​ยูดาห์​ว่า ‘ทำไม​ท่าน​ถึง​เป็น​คน​สุดท้าย​ที่​จะ​เชิญ​กษัตริย์​กลับ​วัง​ของ​เขา ใน​เมื่อ​ทั่ว​ทั้ง​อิสราเอล​ก็​ได้​พูด​กัน​ถึง​เรื่องนี้ และ​มัน​ก็​มา​ถึง​หู​ของ​เรา​ผู้​เป็น​กษัตริย์​แล้ว พวก​ท่าน​เป็น​พี่​น้อง​ของ​เรา เป็น​เลือดเนื้อ​ของ​เรา แล้ว​ทำไม​ท่าน​จึง​เป็น​พวก​สุด​ท้าย​ที่​จะ​นำ​เรา​ผู้​เป็น​กษัตริย์​กลับ​มา​ยัง​วัง​ของ​เรา’ และ​ให้​บอก​อามาสา​ด้วย​ว่า ‘ท่าน​ไม่​ใช่​เลือดเนื้อ​ของ​เรา​หรือ ขอ​ให้​พระเจ้า​ลงโทษ​เรา​อย่าง​รุนแรง​ที่สุด​อย่าง​ที่​ไม่​เคย​มี​มา​ก่อน ถ้า​จาก​นี้​ไป​ท่าน​ไม่​ได้​เป็น​แม่ทัพ​ของ​กองทัพ​เรา​แทน​โยอาบ’” ดาวิด​ชนะใจ​ชาว​ยูดาห์​ทั้งหมด​ราว​กับ​ว่า​พวก​เขา​เป็น​คนๆ​เดียว พวก​เขา​ส่ง​ข้อ​ความ​ถึง​กษัตริย์​ว่า “กลับ​มา​เถิด ทั้ง​ตัว​ท่าน​และ​คน​ของ​ท่าน​ทั้งหมด​ด้วย” แล้ว​กษัตริย์​ก็​ได้​กลับ​มา​และ​ไป​ถึง​แม่น้ำ​จอร์แดน ขณะ​นั้น​คน​ยูดาห์​ได้​มา​ที่​กิลกาล​เพื่อ​ออก​ไป​รับ​เสด็จ​กษัตริย์​และ​นำ​เขา​ข้าม​แม่น้ำ​จอร์แดน​มา ชิเมอี​ลูกชาย​เกรา​ชาว​เบนยามิน​ที่​มา​จาก​เมือง​บาฮูริม รีบ​ลง​มา​พร้อม​กับ​คน​ยูดาห์​เพื่อ​รับ​เสด็จ​กษัตริย์​ดาวิด เขา​มา​พร้อม​กับ​ชาว​เผ่า​เบนยามิน​หนึ่ง​พัน​คน และ​กับ​ศิบา​คน​รับใช้​ครอบครัว​ซาอูล ศิบา​มา​พร้อม​กับ​ลูกชาย​สิบห้า​คน​และ​คน​รับใช้​ยี่สิบ​คน​ของ​เขา พวก​เขา​รีบ​ไป​ที่​แม่น้ำ​จอร์แดน​ที่​กษัตริย์อยู่ พวก​เขา​ข้าม​ที่​ทางข้าม​เพื่อ​ไป​รับ​ครอบครัว​กษัตริย์​ข้าม​มา และ​เพื่อ​ทำ​ตาม​สิ่ง​ที่​กษัตริย์​ต้องการ เมื่อ​ชิเมอี​ลูกชาย​เกรา​ข้าม​จอร์แดน​ไป เขา​หมอบ​คำนับ​อยู่​ต่อหน้า​กษัตริย์ และ​พูด​กับ​กษัตริย์​ว่า “ขอ​ให้​เจ้านาย​ข้าพเจ้า​อย่า​เอา​ผิด​กับ​ข้าพเจ้า​เลย อย่า​ได้​จดจำ​สิ่ง​ที่​ผิดๆ​ที่​คน​รับใช้​ของ​ท่าน​ได้​ทำ​ไป ใน​วัน​ที่​ท่าน​กษัตริย์​เจ้านาย​ของ​ข้าพเจ้า​ออก​จาก​เยรูซาเล็ม ขอ​ให้​กษัตริย์​เอา​มัน​ออก​ไป​จาก​ความคิด​ด้วย​เถิด เพราะ​ข้าพเจ้า​ผู้รับใช้​ท่าน​รู้​ว่า​ข้าพเจ้า​ได้​ทำ​บาป​ไป แต่​วันนี้​ข้าพเจ้า​มา​ที่​นี่​เป็น​คน​แรก​ใน​บรรดา​ครอบครัว​โยเซฟ ทั้งหมด​เพื่อ​ลง​มา​พบ​กับ​ท่าน​กษัตริย์​เจ้านาย​ของ​ข้าพเจ้า” แล้ว​อาบีชัย​ลูกชาย​นาง​เศรุยาห์​ก็​พูด​ว่า “ชิเมอี​สมควร​ตาย​เพราะ​เรื่อง​นี้​ไม่ใช่​หรือ เขา​ได้​สาป​แช่ง​ผู้​ที่​พระยาห์เวห์​ได้​เจิม​ให้​เป็น​กษัตริย์” ดาวิด​ตอบ​ว่า “พวก​ลูกชาย​นาง​เศรุยาห์ พวก​เจ้า​มา​ยุ่ง​เรื่อง​ของ​เรา​ทำไม วันนี้​เจ้า​ทำ​ตัว​เหมือน​ศัตรู​ของ​เรา วันนี้​จะ​ไม่​มี​ใคร​ต้อง​ตาย​ใน​อิสราเอล คิด​ว่า​เรา​ไม่​รู้​หรือ​ว่า​วันนี้​เรา​ได้​เป็น​กษัตริย์​ปกครอง​เหนือ​อิสราเอล​แล้ว” ดังนั้น​กษัตริย์​พูด​กับ​ชิเมอี​ว่า “เจ้า​จะ​ไม่​ต้อง​ตาย” แล้ว​กษัตริย์​ก็​สาบาน​กับ​เขา เมฟีโบเชท​หลาน ซาอูล​ลง​ไป​รับ​เสด็จ​กษัตริย์​ด้วย​เหมือน​กัน เขา​ไม่​ได้​ดูแล​เท้า​ของ​เขา​หรือ​แต่ง​หนวด​เครา​หรือ​ซัก​เสื้อผ้า​เขา​เลย​ตั้งแต่​วัน​ที่​กษัตริย์​จาก​ไป​จน​กระทั่ง​วัน​ที่​เขา​กลับ​มา​อย่าง​ปลอดภัย เมื่อ​เขา​มา​จาก​เยรูซาเล็ม​เพื่อ​มา​รับ​เสด็จ​กษัตริย์ กษัตริย์​ถาม​เขา​ว่า “เมฟีโบเชท ทำไม​เจ้า​ถึง​ไม่​ไป​กับ​เรา” เขา​พูด​ว่า “กษัตริย์​เจ้า​นาย​ของ​ข้าพเจ้า ข้าพเจ้า​ผู้รับใช้​ท่าน​เป็น​ง่อย ข้าพเจ้า​ก็​เลย​พูด​ว่า ‘ใส่​อาน​ให้​กับ​ลา​ของ​เรา​หน่อย เรา​จะ​ได้​ขี่​ตาม​กษัตริย์​ไป’ แต่​ศิบา​คน​รับใช้​ข้าพเจ้า ทรยศ​ข้าพเจ้า และ​เขา​ก็​ใส่ร้าย​ข้าพเจ้า​ผู้รับใช้​ท่าน​กษัตริย์​เจ้านาย​ของ​ข้าพเจ้า กษัตริย์​ของ​ข้าพเจ้า​เป็น​เหมือน​ทูตสวรรค์​ของ​พระเจ้า ดังนั้น​ขอ​ท่าน​ทำ​ใน​สิ่ง​ที่​ท่าน​เห็นควร​เถิด อันที่​จริง ลูก​หลาน​ทุก​คน​ของ​ปู่ ข้าพเจ้า​ไม่​สมควร​ได้รับ​สิ่ง​ใด​เลย​นอกจาก​ความตาย​จาก​ท่าน​กษัตริย์​เจ้านาย​ของ​ข้าพเจ้า แต่​ท่าน​ได้​ให้​ข้าพเจ้า​ผู้รับใช้​ของ​ท่าน​นั่ง​ร่วม​กับ​คน​เหล่านั้น​ที่​นั่ง​ร่วม​โต๊ะ​กับ​ท่าน ดังนั้น ข้าพเจ้า​ยัง​มี​สิทธิ์​เรียกร้อง​อะไร​จาก​กษัตริย์​อีก​เล่า” กษัตริย์​พูด​กับ​เขา​ว่า “ไม่​ต้อง​พูด​อะไร​แล้ว เรา​ขอ​สั่ง​ให้​เจ้า​และ​ศิบา​แบ่ง​ที่​นา​กัน” เมฟีโบเชท​พูด​กับ​กษัตริย์​ว่า “ให้​เขา​ไป​ทุก​อย่าง​เถิด เพราะ​ตอน​นี้​ท่าน​กษัตริย์​เจ้านาย​ของ​ข้าพเจ้า​ได้​กลับ​มา​อย่าง​ปลอดภัย​แล้ว” บารซิลลัย​ชาว​กิเลอาด​ลง​มา​จาก​โรเกลิม​ด้วย เพื่อ​ที่​จะ​ข้าม​แม่น้ำ​จอร์แดน​ไป​กับ​กษัตริย์​และ​เพื่อ​ส่ง​เขา​ให้​เดินทาง​ไป​จาก​ที่​นั่น ขณะนั้น บารซิลลัย​แก่​มาก​แล้ว มี​อายุ​แปดสิบ​ปี เขา​เป็น​ผู้นำ​เสบียง​อาหาร​มา​ให้​กับ​กษัตริย์​ระหว่าง​ที่​พัก​อยู่​ที่​เมือง​มาหะนาอิม เพราะ​เขา​ร่ำรวย​มาก กษัตริย์​ดาวิด​พูด​กับ​บารซิลลัย​ว่า “ข้าม​ไป​กับ​เรา​และ​อยู่​กับ​เรา​ใน​เยรูซาเล็ม​เถิด แล้ว​เรา​จะ​คอย​ดูแล​ท่าน” แต่​บารซิลลัย​ตอบ​กษัตริย์​ดาวิด​ว่า “ข้าพเจ้า​จะ​ยัง​มี​ชีวิต​อยู่​ได้​อีก​สัก​กี่​ปี​กัน ที่​ข้าพเจ้า​จะ​ไป​อยู่​ใน​เมือง​เยรูซาเล็ม​กับ​กษัตริย์ ตอนนี้​ข้าพเจ้า​ก็​มี​อายุ​ตั้ง​แปดสิบ​ปี​แล้ว ข้าพเจ้า​แก่​เกิน​กว่า​ที่​จะ​สนุก​สนาน​กับอะไร​ต่ออะไร​แล้ว ข้าพเจ้า​ผู้รับใช้​ท่าน​ยัง​สามารถ​ลิ้มรส​อาหาร​และ​เครื่อง​ดื่ม​ได้​อีก​หรือ ข้าพเจ้า​ยัง​จะ​ฟัง​เสียง​ของ​นักร้อง​ชาย​และ​หญิง​ได้​อีก​หรือ ทำไม​จะ​ต้อง​ให้​ข้าพเจ้า​ผู้รับใช้​ท่าน​เป็น​ภาระ​เพิ่ม​ให้​กับ​กษัตริย์​เจ้านาย​ของ​ข้าพเจ้า​ด้วย​เล่า ผู้รับใช้​ท่าน​จะ​ข้าม​แม่น้ำ​จอร์แดน​ไป​กับ​กษัตริย์​ไป​แค่​ช่วง​หนึ่ง​เท่านั้น ทำไม​กษัตริย์​ต้อง​ตอบแทน​ข้าพเจ้า​ด้วย​รางวัล​ขนาด​นี้ ปล่อย​ผู้รับใช้​ท่าน​กลับ​ไป​เถิด ข้าพเจ้า​จะ​ได้​ตาย​อยู่​ใน​เมือง​ของ​ข้าพเจ้า​เอง​ใกล้​หลุม​ฝังศพ​พ่อ​และ​แม่​ข้าพเจ้า แต่​คน​ผู้​นี้​คือ​คิมฮาม​ผู้รับใช้​ท่าน ให้​เขา​ข้าม​ไป​กับ​กษัตริย์​เจ้านาย​ของ​ข้าพเจ้า​เถิด ทำ​กับ​เขา​ตาม​ที่​ท่าน​เห็น​สมควร​เถิด” กษัตริย์​พูด​ว่า “คิมฮาม​จะ​ข้าม​ไป​กับ​เรา เรา​จะ​ดีกับ​เขา​อย่าง​ที่​ท่าน​ขอ​ไว้ ท่าน​ขอ​อะไร เรา​ก็​จะ​ทำ​ให้” กษัตริย์​จูบ​บารซิลลัย​และ​ให้​พร​กับ​เขา และ​บารซิลลัย​ก็​กลับ​บ้าน​เขา หลังจาก​นั้น กษัตริย์​และ​ประชาชน​ทั้งหมด​ก็​ข้าม​แม่น้ำ​จอร์แดน​ไป เมื่อ​กษัตริย์​ข้าม​แม่น้ำ​และ​เดินทาง​ไป​ถึง​กิลกาล กองทัพ​ทั้งหมด​ของ​ยูดาห์​และ​ครึ่ง​หนึ่ง​ของ​กองทัพ​อิสราเอล​นำ​กษัตริย์​ข้าม​แม่น้ำ​มา คิมฮาม​ข้าม​ไป​กับ​เขา​ด้วย ต่อมา​คน​อิสราเอล​ทั้งหมด​ก็​มา​หา​กษัตริย์ และ​พูด​กับ​เขา​ว่า “ทำไม​ชาวยูดาห์​พี่น้อง​ของ​พวก​เรา​ถึง​ได้​ขโมย​ท่าน​ไป ทำไม​พวก​เขา​ถึง​ได้​นำ​ตัว​ท่าน​และ​ครอบครัว​ของ​ท่าน​ข้าม​แม่น้ำ​จอร์แดน​ไป​พร้อม​กับ​คน​ของ​เขา” ชาว​ยูดาห์​ทั้งหมด​ตอบ​คน​อิสราเอล​ว่า “พวก​เรา​ทำ​ไป​เพราะ​กษัตริย์​เป็น​ญาติ​สนิท​กับ​พวก​เรา ทำไม​พวก​ท่าน​ต้อง​โกรธ​ด้วย พวก​เรา​ไป​กิน​ของ​อะไร​ของ​กษัตริย์​หรือ พวก​เรา​เอา​อะไร​ของ​เขา​มา​เป็น​ของ​พวก​เรา​หรือ” ชาว​อิสราเอล​จึง​ตอบ​คน​ยูดาห์​ไป​ว่า “พวก​เรา​มี​ส่วนแบ่ง​ใน​กษัตริย์​สิบ​ส่วน และ​นอกจาก​นั้น พวก​เรา​มี​สิทธิ์​ใน​ดาวิด​มาก​กว่า​พวก​ท่าน แล้ว​ทำไม​พวก​ท่าน​ถึง​ได้​ดูถูก​พวก​เรา​อย่าง​นี้ พวก​เรา​ไม่​ใช่​พวก​แรก​หรือ​ที่​ได้​พูด​ถึง​การ​นำ​กษัตริย์​กลับ​มา” แต่​คำ​พูด​ของ​คน​ยูดาห์​รุนแรง​กว่า​คำ​พูด​ของ​คน​อิสราเอล

2 ซามูเอล 19:9-43 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

ประชาชนทั้งสิ้นก็หมางใจกันไปทั่วอิสราเอลทุกเผ่า กล่าวว่า “พระราชาเคยทรงช่วยกู้เราให้พ้นจากมือบรรดาศัตรูของเรา และทรงช่วยเราให้พ้นจากมือพวกฟีลิสเตีย บัดนี้พระองค์ทรงหนีอับซาโลมออกจากแผ่นดิน แต่อับซาโลมผู้ที่เราเจิมตั้งไว้เหนือเรานั้นก็สวรรคตเสียแล้วในสงคราม บัดนี้ทำไมพวกเจ้าไม่พูดอะไรบ้างเลยในเรื่องที่จะทูลเชิญพระราชาให้เสด็จกลับ?” กษัตริย์ดาวิดทรงส่งคนไปหาศาโดกและอาบียาธาร์ปุโรหิตทั้งสอง รับสั่งว่า “จงพูดกับพวกผู้ใหญ่ของคนยูดาห์ว่า ‘ทำไมพวกท่านจึงเป็นคนสุดท้ายที่จะทูลเชิญพระราชาเสด็จกลับพระราชวังของพระองค์ ในเมื่อมีถ้อยคำมาจากอิสราเอลทั้งปวงถึงพระราชา ให้เสด็จกลับพระราชวังของพระองค์? ท่านเป็นญาติของเรา เป็นกระดูกและเนื้อของเรา ทำไมท่านจึงจะเป็นคนสุดท้ายที่จะเชิญพระราชากลับ?’ และจงบอกอามาสาว่า ‘ท่านไม่ได้เป็นกระดูกและเนื้อของเราหรือ? ถ้าท่านมิได้เป็นผู้บังคับบัญชากองทัพต่อหน้าเราแทนโยอาบสืบต่อไป ขอพระเจ้าทรงลงโทษเรา และทรงเพิ่มโทษนั้น’ ” กษัตริย์ดาวิดชักจูงจิตใจของคนยูดาห์ทั้งปวงดังกับจิตใจของชายคนเดียว พวกเขาจึงส่งคนไปทูลพระราชาว่า “ขอฝ่าพระบาทเสด็จกลับพร้อมกับข้าราชการทั้งหมด” พระราชาก็เสด็จกลับและมายังแม่น้ำจอร์แดน และยูดาห์ก็พากันมาที่กิลกาลเพื่อรับเสด็จพระราชาและนำพระราชาเสด็จข้ามแม่น้ำจอร์แดน ชิเมอีบุตรเก-รา คนเบนยามินผู้มาจากบาฮูริม รีบลงมาพร้อมกับคนยูดาห์เพื่อจะรับเสด็จกษัตริย์ดาวิด มีคนจากเผ่าเบนยามินพร้อมกับท่าน 1,000 คน และศิบามหาดเล็กในราชวงศ์ของซาอูล พร้อมกับบุตร 15 คน กับคนใช้อีก 20 คน ก็รีบมายังแม่น้ำจอร์แดนเฉพาะพระพักตร์พระราชา ขณะที่ข้ามท่าข้ามไปรับราชวงศ์ของพระราชา และคอยปฏิบัติให้ชอบพระทัย ชิเมอีบุตรเก-รา โน้มตัวลงเฉพาะพระพักตร์พระราชาขณะที่พระองค์จะเสด็จข้ามแม่น้ำจอร์แดน ทูลพระราชาว่า “ขอเจ้านายของข้าพระบาทอย่าทรงถือโทษการล่วงละเมิดของข้าพระบาท และขออย่าทรงจดจำความผิดที่ข้าพระบาททำในวันที่พระราชาเจ้านายของข้าพระบาทเสด็จออกจากเยรูซาเล็ม ขอพระราชาอย่าทรงจดจำไว้ในพระทัย ด้วยผู้รับใช้ของฝ่าพระบาททราบแล้วว่าข้าพระบาทเองได้ทำบาป เพราะฉะนั้น ดูเถิด ในวันนี้ข้าพระบาทได้มาเป็นคนแรกในพงศ์พันธุ์โยเซฟทั้งหมด ที่ลงมารับเสด็จพระราชาเจ้านายของข้าพระบาท” อาบีชัยบุตรนางเศรุยาห์จึงตอบว่า “ที่ชิเมอีทำเช่นนี้ไม่ควรจะถึงที่ตายดอกหรือ? เพราะเขาได้แช่งด่าผู้ที่รับการเจิมของพระยาห์เวห์” แต่ดาวิดตรัสว่า “บุตรทั้งสองของนางเศรุยาห์เอ๋ย เรามีธุระอะไรกับท่าน ซึ่งในวันนี้ท่านจะมาเป็นปฏิปักษ์กับเรา ในวันนี้น่ะควรที่จะให้ใครในอิสราเอลมีโทษถึงตาย ในวันนี้เราไม่ทราบหรือว่า เราเองเป็นกษัตริย์ครอบครองอิสราเอล?” และพระราชาตรัสกับชิเมอีว่า “เจ้าจะไม่ตาย” แล้วพระราชาก็ทรงปฏิญาณให้เขา เมฟีโบเชท พระราชนัดดาของซาอูลก็ลงมารับเสด็จ โดยไม่ได้แต่งเท้าหรือขลิบเครา หรือซักเสื้อผ้าของตนตั้งแต่วันที่พระราชาเสด็จจากไปจนวันที่เสด็จกลับมาโดยสวัสดิภาพ เมื่อเมฟีโบเชทมายังกรุงเยรูซาเล็มเพื่อจะรับเสด็จ พระราชาตรัสถามว่า “เมฟีโบเชท ทำไมท่านไม่ได้ไปกับเรา?” ท่านทูลตอบว่า “ข้าแต่พระราชา เจ้านายของข้าพระบาท มหาดเล็กของข้าพระบาทหลอกลวงข้าพระบาท เพราะผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทบอกเขาว่า ‘ข้าจะผูกอานลาตัวหนึ่งเพื่อข้าจะได้ขี่ไปตามเสด็จพระราชา’ เพราะว่าผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทเป็นง่อย เขากลับไปทูลพระราชาเจ้านายของข้าพระบาท ใส่ร้ายผู้รับใช้ของฝ่าพระบาท แต่พระราชาเจ้านายของข้าพระบาทเหมือนทูตของพระเจ้า เมื่อฝ่าพระบาททรงเห็นสมควรจะทำแก่ข้าพระบาทประการใด ก็ขอทรงทำเถิด พ่ะย่ะค่ะ เพราะว่าเชื้อวงศ์ราชบิดาของข้าพระบาททั้งสิ้นนั้นเป็นแต่คนสมควรตาย เฉพาะพระพักตร์พระราชาเจ้านายของข้าพระบาท แต่ฝ่าพระบาทก็ทรงแต่งตั้งผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทไว้ในหมู่ผู้ที่รับประทานร่วมโต๊ะเสวยของฝ่าพระบาท ข้าพระบาทจะมีความชอบธรรมประการใดเล่าที่จะร้องทูลต่อพระราชาอีก?” พระราชาจึงตรัสกับท่านว่า “ท่านจะพูดเรื่องราวของท่านต่อไปทำไม เราตัดสินใจว่า ท่านกับศิบาจงแบ่งที่ดินกัน” เมฟีโบเชททูลพระราชาว่า “เมื่อพระราชาเจ้านายของข้าพระบาทได้เสด็จกลับสู่พระราชวังโดยสวัสดิภาพเช่นนี้แล้ว ก็ให้ศิบารับไปหมดเถิดพ่ะย่ะค่ะ” ฝ่ายบารซิลลัยชาวกิเลอาดได้ลงมาจากโรเก-ลิม และไปกับพระราชาถึงแม่น้ำจอร์แดน เพื่อส่งพระองค์ข้ามแม่น้ำจอร์แดนไป บารซิลลัยเป็นคนชรามากแล้ว อายุ 80 ปี ท่านได้นำเสบียงอาหารมาถวายพระราชาขณะพระองค์ประทับที่มาหะนาอิมเพราะท่านเป็นคนมั่งมีมาก พระราชาจึงตรัสกับบารซิลลัยว่า “จงข้ามมาอยู่กับเรา เราจะเลี้ยงดูท่านให้อยู่กับเราที่เยรูซาเล็ม” แต่บารซิลลัยทูลพระราชาว่า “ข้าพระบาทจะอยู่ต่อไปได้อีกกี่ปี? ที่ข้าพระบาทจะขึ้นไปอยู่กับพระราชาที่เยรูซาเล็ม วันนี้ข้าพระบาทมีอายุ 80 ปีแล้ว ผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทจะสังเกตว่าอะไรเป็นที่พอใจและไม่พอใจได้หรือ? ข้าพระบาทจะลิ้มรสอร่อยของสิ่งที่กินและดื่มได้หรือ? ข้าพระบาทจะฟังเสียงนักร้องชายหญิงร้องเพลงได้อีกหรือ? ทำไมจะให้ผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทเป็นภาระเพิ่มแก่พระราชาเจ้านายของข้าพระบาทอีกเล่า? ผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทจะตามเสด็จข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปอีกหน่อยกับพระราชา ไฉนพระราชาจะทรงตอบแทนด้วยรางวัลเช่นนี้เล่า? ขอให้ผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทกลับไปเพื่อจะตายในเมืองของข้าพระบาท ใกล้ที่ฝังศพบิดามารดาของข้าพระบาท แต่นี่คือคิมฮามผู้รับใช้ของฝ่าพระบาท โปรดให้เขาตามเสด็จพระราชาเจ้านายของข้าพระบาทไป ขอทรงทำต่อเขาแล้วแต่ทรงเห็นควร” พระราชาตรัสตอบว่า “คิมฮามจะข้ามไปกับเรา เราจะทำคุณแก่เขาตามที่ท่านเห็นควร ทุกสิ่งที่ท่านต้องการให้เราทำเพื่อท่าน เรายินดีทำให้ท่าน” แล้วประชาชนทั้งสิ้นก็ข้ามแม่น้ำจอร์แดน พระราชาเสด็จข้ามไป พระราชาทรงจูบบารซิลลัย และอวยพรท่าน ท่านก็กลับไปยังที่อยู่ของท่าน พระราชาเสด็จข้ามไปยังกิลกาล และคิมฮามก็ข้ามตามเสด็จไปด้วย ประชาชนยูดาห์ทั้งหมดกับประชาชนอิสราเอลครึ่งหนึ่งได้นำพระราชาข้ามมา นี่แน่ะ คนอิสราเอลทั้งหมดมาเฝ้าพระราชา ทูลพระราชาว่า “ไฉนคนยูดาห์พี่น้องของเราจึงลักพาฝ่าพระบาทไปเสีย พาพระราชาและราชวงศ์ของพระองค์ข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปพร้อมกับคนของดาวิดทั้งหมด?” คนยูดาห์ทั้งปวงจึงตอบคนอิสราเอลว่า “เพราะพระราชาเป็นญาติสนิทกับเรา ท่านทั้งหลายจะโกรธด้วยเรื่องนี้ทำไมเล่า เราได้อยู่กินผลาญพระราชทรัพย์ของพระราชาหรือ? พระองค์ให้รางวัลอะไรแก่เราหรือ?” คนอิสราเอลก็ตอบคนยูดาห์ว่า “เรามีส่วนในพระราชาสิบส่วนและในดาวิดเราก็มีมากกว่าท่าน ทำไมท่านจึงดูถูกเราเช่นนี้เล่า? เราไม่ได้เป็นพวกแรกที่พูดเรื่องการนำพระราชากลับหรือ?” แต่ถ้อยคำของคนยูดาห์ก็รุนแรงกว่าถ้อยคำของคนอิสราเอล

2 ซามูเอล 19:9-43 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)

ประชาชนทั้งสิ้​นก​็หมางใจกันไปทั่​วอ​ิสราเอลทุกตระกูล กล่าวว่า “​กษัตริย์​เคยทรงช่วยเราให้พ้นจากมือศั​ตรู​ของเราและทรงช่วยเราให้พ้นจากมือคนฟีลิสเตีย บัดนี้​พระองค์​ทรงหนีอับซาโลมออกจากแผ่นดิน แต่​อับซาโลมผู้​ที่​เราเจิมตั้งไว้เหนือเรานั้​นก​็​สิ​้นชีวิตเสียแล้วในสงคราม ฉะนั้นบัดนี้ ทำไมเจ้าไม่​พู​ดอะไรบ้างเลยในเรื่องที่จะเชิญกษั​ตริ​ย์​ให้​เสด็จกลับ” กษัตริย์​ดาว​ิดทรงใช้คนไปหาศาโดกและอาบียาธาร์​ปุ​โรหิต รับสั่งว่า “ขอบอกพวกผู้​ใหญ่​ของคนยูดาห์​ว่า ‘ทำไมท่านทั้งหลายจึงเป็นคนสุดท้ายที่จะเชิญกษั​ตริ​ย์​กล​ับพระราชวังของพระองค์ เมื่อถ้อยคำเหล่านี้มาจากอิสราเอลทั้งหลายถึงกษั​ตริ​ย์ คือถึงราชวงศ์ของพระองค์ ท่านทั้งหลายเป็นญาติของเรา เป็นกระดูกและเนื้อหนังของเรา ทำไมท่านจึงจะเป็นคนสุดท้ายที่จะเชิญกษั​ตริ​ย์​กลับ​’ และจงบอกอามาสาว่า ‘ท่านมิ​ได้​เป็นกระดูกและเนื้อหนังของเราหรือ ถ้าท่านมิ​ได้​เป็นผู้บังคับบัญชากองทัพแทนโยอาบสืบต่อไป ขอพระเจ้าทรงลงโทษเรา และให้​หน​ักยิ่งกว่านั้​นอ​ีก’” พระองค์​ก็ได้​ชักจูงจิตใจของบรรดาคนยูดาห์ดั​งก​ับเป็นจิตใจของชายคนเดียว พวกเขาจึงส่งคนไปทูลกษั​ตริ​ย์​ว่า “ขอพระองค์เสด็จกลับพร้อมกับบรรดาข้าราชการทั้งหมดด้วย” กษัตริย์​ก็​เสด็จกลับและมายังแม่น้ำจอร์​แดน และยูดาห์​ก็​พากันมาที่กิลกาลเพื่อรับเสด็จกษั​ตริ​ย์และนำกษั​ตริ​ย์เสด็จข้ามแม่น้ำจอร์​แดน ชิ​เมอี บุ​ตรชายเก-​รา คนเบนยามินผู้มาจากบาฮู​ริม รี​บลงมาพร้อมกับคนยูดาห์เพื่อจะรับเสด็จกษั​ตริ​ย์​ดาวิด มี​คนจากตระกูลเบนยามินพร้อมกั​บท​่านหนึ่งพันคน และศิบามหาดเล็กในราชวงศ์ของซาอูล พร​้อมกับบุตรชายสิบห้าคนกับคนใช้​อี​กยี่​สิ​บคน ก็​รี​บมายังแม่น้ำจอร์แดนต่อพระพักตร์​กษัตริย์ เขาทั้งหลายได้ข้ามท่าข้ามไปรับราชวงศ์ของกษั​ตริ​ย์ และคอยปฏิบั​ติ​ให้​ชอบพระทัย ชิ​เมอี บุ​ตรชายเก-​รา ได้​กราบลงต่อพระพักตร์​กษัตริย์​ขณะที่​พระองค์​เสด็จข้ามแม่น้ำจอร์​แดน กราบทูลกษั​ตริ​ย์​ว่า “ขอเจ้านายของข้าพระองค์อย่าทรงถือโทษความชั่วช้าข้าพระองค์ และทรงจดจำความผิดที่​ผู้รับใช้​ของพระองค์​ได้​กระทำในวั​นที​่​กษัตริย์​เจ้​านายของข้าพระองค์สละกรุงเยรูซาเล็ม ขอกษั​ตริ​ย์อย่าทรงจดจำไว้ในพระทัย ด้วยผู้​รับใช้​ของพระองค์​ได้​ทราบแล้​วว​่าได้กระทำบาป เพราะฉะนั้น ดู​เถิด ในวันนี้ข้าพระองค์​ได้​มาเป็นคนแรกในวงศ์วานโยเซฟที่ลงมารับเสด็จกษั​ตริ​ย์​เจ้​านายของข้าพระองค์” อาบ​ีชัยบุตรชายนางเศรุยาห์จึงตอบว่า “​ที่​ชิ​เมอีกระทำเช่นนี้​ไม่​ควรจะถึงที่ตายดอกหรือ เพราะเขาได้ด่าผู้​ที่​เจ​ิมตั้งของพระเยโฮวาห์” แต่​ดาว​ิดตรั​สว​่า “​บุ​ตรทั้งสองของนางเศรุยาห์​เอ๋ย เรามีธุระอะไรกั​บท​่าน ซึ่งในวันนี้ท่านจะมาเป็นปฏิ​ปักษ์​กับเรา ในวันนี้น่ะควรที่จะให้ใครมีโทษถึงตายในอิสราเอลหรือ ในวันนี้เราไม่ทราบดอกหรือว่า เราเป็นกษั​ตริ​ย์ครอบครองอิสราเอล” และกษั​ตริ​ย์ตรัสกับชิเมอี​ว่า “​เจ้​าจะไม่​ถึงตาย​” แล​้วกษั​ตริ​ย์​ก็​ประทานคำปฏิญาณแก่​เขา เมฟีโบเชท โอรสซาอู​ลก​็ลงมารับเสด็จกษั​ตริ​ย์ โดยมิ​ได้​แต่​งเท้าหรือขลิบเครา หรือซักเสื้อผ้าของตนตั้งแต่​วันที่​กษัตริย์​เสด็จจากไปจนวั​นที​่เสด็จกลับมาโดยสันติ​ภาพ อยู่​มาเมื่อเมฟีโบเชทมายังกรุงเยรูซาเล็มเพื่อจะรับเสด็จกษั​ตริ​ย์ กษัตริย์​ตรัสถามว่า “เมฟีโบเชท ทำไมท่านมิ​ได้​ไปกับเรา” ท่านทูลตอบว่า “​โอ ข้าแต่​กษัตริย์​เจ้​านายของข้าพระองค์ มหาดเล็กของข้าพระองค์หลอกลวงข้าพระองค์ เพราะผู้​รับใช้​ของพระองค์บอกเขาว่า ‘ข้าจะผูกอานลาตัวหนึ่งเพื่อข้าจะได้​ขี่​ไปตามเสด็จกษั​ตริ​ย์’ เพราะว่าผู้​รับใช้​ของพระองค์เป็นง่อย เขากลับไปทูลกษั​ตริ​ย์​เจ้​านายของข้าพระองค์​ใส่​ร้ายผู้​รับใช้​ของพระองค์ แต่​กษัตริย์​เจ้​านายของข้าพระองค์เหมือนทูตสวรรค์​องค์​หน​ึ่งของพระเจ้า เมื่อพระองค์ทรงเห็นสมควรจะกระทำประการใด ก็​ขอทรงกระทำเถิด พ่ะย่ะค่ะ เพราะว่าวงศ์วานราชบิดาของข้าพระองค์ทั้งสิ้​นก​็สมควรถึงตายต่อพระพักตร์​กษัตริย์​เจ้​านายของข้าพระองค์ แต่​พระองค์​ก็​ทรงแต่งตั้งผู้​รับใช้​ของพระองค์​ไว้​ในหมู่​ผู้​ที่​รับประทานร่วมโต๊ะเสวยของพระองค์ ข้าพระองค์จะมี​สิทธิ​ประการใดเล่าที่จะร้องทูลอีกต่อกษั​ตริ​ย์” กษัตริย์​จึงตรัสกั​บท​่านว่า “ท่านจะพูดเรื่องธุ​รก​ิจของท่านต่อไปทำไม เราตัดสินใจว่า ท่านกับศิบาจงแบ่งที่​ดิ​นก​ัน” เมฟีโบเชทกราบทูลกษั​ตริ​ย์​ว่า “เมื่อกษั​ตริ​ย์​เจ้​านายของข้าพระองค์​ได้​เสด็จกลับสู่พระราชสำนักโดยสันติภาพเช่นนี้​แล้ว ก็​ให้​ศิบารับไปหมดเถิด พ่ะย่ะค่ะ” ฝ่ายบารซิลลัย ชาวกิเลอาด ได้​ลงมาจากโรเกลิม และไปกับกษั​ตริ​ย์ข้ามแม่น้ำจอร์​แดน เพื่อส่งพระองค์ข้ามแม่น้ำจอร์แดนไป บารซิลลัยเป็นคนชรามากแล้ว อายุ​แปดสิบปี ท่านได้นำเสบียงอาหารมาถวายกษั​ตริ​ย์ ขณะพระองค์ประทั​บท​ี่มาหะนาอิม เพราะท่านเป็นคนมั่​งม​ี​มาก กษัตริย์​จึงตรัสกับบารซิลลัยว่า “ข้ามมาอยู่กับเราเสียเถิด เราจะชุบเลี้ยงท่านให้​อยู่​กับเราที่​กรุ​งเยรูซาเล็ม” แต่​บารซิลลัยทูลกษั​ตริ​ย์​ว่า “ข้าพระองค์จะอยู่ต่อไปได้​อี​กก​ี่​ปี ที่​ข้าพระองค์จะไปอยู่กับกษั​ตริ​ย์​ที่​กรุ​งเยรูซาเล็ม วันนี้​ข้าพระองค์​มีอายุ​แปดสิบปี​แล้ว ข้าพระองค์จะสังเกตว่าอะไรเป็​นที​่พอใจและไม่พอใจได้​หรือ ผู้รับใช้​ของพระองค์จะลิ้มรสอร่อยของสิ่งที่กินและดื่มได้​หรือ ข้าพระองค์จะฟังเสียงชายหญิงร้องเพลงได้​หรือ ทำไมจะให้​ผู้รับใช้​ของพระองค์เป็นภาระเพิ่มแก่​กษัตริย์​เจ้​านายของข้าพระองค์​อี​กเล่า ผู้รับใช้​ของพระองค์จะตามเสด็จกษั​ตริ​ย์ข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปหน่อยเท่านั้น ไฉนกษั​ตริ​ย์จะพระราชทานรางวัลเช่นนี้​เล่า ขอให้​ผู้รับใช้​ของพระองค์​กล​ับเพื่อไปตายที่ในเมืองของข้าพระองค์ และถูกฝังข้างๆที่ฝังศพของบิดามารดาของข้าพระองค์ ดู​เถิด ขอทรงโปรดให้คิมฮามผู้​รับใช้​ของพระองค์ตามเสด็จกษั​ตริ​ย์​เจ้​านายของข้าพระองค์​ไป พระองค์​จะโปรดเขาประการใดก็​แล้วแต่​ทรงเห็นควร” กษัตริย์​ตรัสตอบว่า “คิมฮามจงข้ามไปกับเรา เราจะกระทำคุณแก่เขาตามที่ท่านเห็นควร สิ​่งใดที่ท่านปรารถนาให้เรากระทำแก่​ท่าน เรายินดีกระทำตาม” แล​้วประชาชนทั้งสิ้​นก​็ข้ามแม่น้ำจอร์​แดน เมื่อกษั​ตริ​ย์เสด็จข้ามไปแล้วกษั​ตริ​ย์ทรงจุบบารซิลลัย และทรงอวยพระพรแก่​ท่าน ท่านก็​กล​ับไปยั​งบ​้านช่องของตน กษัตริย์​เสด็จไปยั​งก​ิลกาล และคิมฮามก็ข้ามตามเสด็จไปด้วย ประชาชนยูดาห์ทั้งหมดกับประชาชนอิสราเอลครึ่งหนึ่งได้นำกษั​ตริ​ย์ข้ามมา แล​้วดู​เถิด คนอิสราเอลทั้งหมดมาเฝ้ากษั​ตริ​ย์ กราบทูลกษั​ตริ​ย์​ว่า “ไฉนคนยูดาห์​พี่​น้องของเราจึงได้ลักพาพระองค์ไปเสีย พากษั​ตริ​ย์และราชวงศ์ข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปพร้อมกับบรรดาคนของดาวิดด้วย” ประชาชนยูดาห์ทั้งสิ้นจึงตอบประชาชนอิสราเอลว่า “เพราะกษั​ตริ​ย์เป็นญาติ​สน​ิทกับเรา ท่านทั้งหลายจะโกรธด้วยเรื่องนี้ทำไมเล่า เราได้​อยู่​กินสิ้นเปลืองพระราชทรัพย์ของกษั​ตริ​ย์​หรือ พระองค์​ได้​ให้​รางวัลอะไรแก่เราหรือ” คนอิสราเอลก็ตอบคนยูดาห์​ว่า “เรามีส่วนในกษั​ตริ​ย์​สิ​บส่​วน และในดาวิดเราก็​มี​สิทธิ​มากกว่าท่าน ทำไมท่านจึ​งด​ู​ถู​กเราเช่นนี้​เล่า เราไม่​ได้​เป็นพวกแรกที่​พู​ดเรื่องการนำกษั​ตริ​ย์​กล​ับดอกหรือ” แต่​ถ้อยคำของคนยูดาห์รุนแรงกว่าถ้อยคำของคนอิสราเอล

2 ซามูเอล 19:9-43 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

ประชาชนทั้งสิ้นก็หมางใจกันไปทั่วอิสราเอลทุกเผ่า กล่าวว่า <<พระราชาเคยทรงช่วยกู้เราให้พ้นจากมือศัตรูของเรา และทรงช่วยเราให้พ้นจากมือคนฟีลิสเตีย บัดนี้พระองค์ทรงหนีอับซาโลมออกจากแผ่นดิน แต่อับซาโลมผู้ที่เราเจิมตั้งไว้เหนือเรา นั้นก็สิ้นชีวิตเสียแล้วในสงคราม ทำไมเจ้าไม่พูดอะไรบ้างเลยในเรื่องที่จะเชิญ พระราชาให้เสด็จกลับ>> กษัตริย์ดาวิดทรงใช้คนไปหาศาโดกและ อาบียาธาร์ปุโรหิต รับสั่งว่า <<ขอบอกพวกผู้ใหญ่ของคนยูดาห์ว่า <ทำไมท่านทั้งหลายจึงเป็นคนสุดท้ายที่จะเชิญพระราชากลับพระราชวังของพระองค์ เมื่อถ้อยคำเหล่านี้มาจากอิสราเอลถึงพระราชา ที่จะเชิญพระองค์ให้กลับพระราชวังของพระองค์ ท่านทั้งหลายเป็นญาติของเรา เป็นกระดูกและ เนื้อหนังของเรา ทำไมท่านจึงจะเป็นคนสุดท้ายที่จะเชิญพระราชากลับ> และจงบอกอามาสาว่า <ท่านมิได้เป็นกระดูกและเนื้อหนังของเราหรือ ถ้าท่านมิได้เป็นผู้บังคับบัญชากองทัพแทน โยอาบสืบต่อไป ขอพระเจ้าทรงลงโทษเรา และยิ่งหนักกว่านั้นอีก> >> ท่านก็ได้ชักจูงจิตใจของ บรรดาคนยูดาห์ดังกับเป็นจิตใจของชายคนเดียว เขาจึงส่งคนไปทูลพระราชาว่า <<ขอฝ่าพระบาทเสด็จกลับพร้อมกับบรรดาข้าราชการ ทั้งหลายด้วย>> พระราชาก็เสด็จกลับและมายังแม่น้ำจอร์แดน และยูดาห์ก็พากันมาที่กิลกาลเพื่อรับเสด็จพระราชา และนำเสด็จข้ามแม่น้ำจอร์แดน ชิเมอี บุตรเก-รา คนเบนยามินผู้มาจากบาฮูริม รีบลงมาพร้อมกับคนยูดาห์เพื่อจะรับเสด็จกษัตริย์ดาวิด มีคนจากเผ่าเบนยามินพร้อมกับท่านหนึ่งพันคน และศิบามหาดเล็กในราชวงศ์ของซาอูล พร้อมกับบุตรสิบห้าคนกับคนใช้อีกยี่สิบ ก็รีบมายังแม่น้ำจอร์แดนต่อพระพักตร์พระราชา เขาทั้งหลายได้ข้ามท่าข้ามไปรับราชวงศ์ของพระราชา และคอยปฏิบัติให้ชอบพระทัย ชิเมอีบุตรเก-รา ได้กราบลงต่อพระพักตร์ พระราชาขณะที่พระองค์จะเสด็จข้ามแม่น้ำจอร์แดน กราบทูลพระราชาว่า <<ขอเจ้านายของข้าพระบาทอย่าทรงถือโทษข้าพระบาท และทรงจดจำความผิดที่ข้าพระบาทได้กระทำในวัน ที่พระราชาเจ้านายของข้าพระบาทสละกรุงเยรูซาเล็ม ขอพระราชาอย่าทรงจดจำไว้ในพระทัย ด้วยข้าพระบาทได้ทราบแล้วว่าได้กระทำบาป เพราะฉะนั้น ดูเถิด ในวันนี้ข้าพระบาทได้มาเป็นคนแรกในพงศ์พันธุ์โยเซฟ ที่ลงมารับเสด็จพระราชาเจ้านายของข้าพระบาท>> อาบีชัยบุตรนางเศรุยาห์จึงตอบว่า <<ที่ชิเมอีกระทำเช่นนี้ไม่ควรจะถึงที่ตายดอกหรือ เพราะเขาได้ด่าผู้ที่เจิมตั้งของพระเจ้า>> แต่ดาวิดตรัสว่า <<บุตรทั้งสองของนางเศรุยาห์เอ๋ย เรามีธุระอะไรกับท่าน ซึ่งในวันนี้ท่านจะมาเป็นปฏิปักษ์กับเรา ในวันนี้น่ะควรที่จะให้ใครมีโทษถึงตาย หรือในวันนี้เราไม่ทราบดอกหรือว่า เราเป็นกษัตริย์ครอบครองอิสราเอล>> และพระราชาตรัสกับชิเมอีว่า <<เจ้าจะไม่ถึงตาย>> แล้วพระราชาก็ประทานคำปฏิญาณแก่เขา เมฟีโบเชท โอรสซาอูลก็ลงมารับเสด็จ โดยมิได้แต่งเท้าหรือขลิบเครา หรือซักเสื้อผ้าของตนตั้งแต่วันที่พระราชาเสด็จจาก ไปจนวันที่เสด็จกลับมาโดยสวัสดิภาพ เมื่อเมฟีโบเชทมายังกรุงเยรูซาเล็ม เพื่อจะรับเสด็จพระราชาตรัสถามว่า <<เมฟีโบเชททำไมท่านมิได้ไปกับเรา>> ท่านทูลตอบว่า <<ข้าแต่พระราชาเจ้านายของข้าพระบาท มหาดเล็กของข้าพระบาทหลอกลวงข้าพระบาท เพราะข้าพระบาทบอกเขาว่า <ข้าจะผูกอานลาตัวหนึ่ง เพื่อข้าจะได้ขี่ไปตามเสด็จพระราชา> เพราะว่าข้าพระบาทเป็นง่อย เขากลับไปทูลพระราชาเจ้านายของข้าพระบาท ใส่ร้ายข้าพระบาท แต่พระราชาเจ้านายของข้าพระบาทเหมือนทูตของพระเจ้า เมื่อฝ่าพระบาททรงเห็นสมควรจะกระทำแก่ข้าพระบาท ประการใด ก็ขอทรงกระทำเถิดพ่ะย่ะค่ะ เพราะว่าเชื้อวงศ์ราชบิดาของข้าพระบาทก็สมควรถึงตาย ต่อพระพักตร์พระราชาเจ้านายของข้าพระบาท แต่ฝ่าพระบาทก็ทรงแต่งตั้งข้าพระบาทไว้ใน หมู่ผู้ที่รับประทานร่วมโต๊ะเสวยของฝ่าพระบาท ข้าพระบาทจะมีสิทธิประการใดเล่าที่จะ ร้องทูลอีกต่อพระราชา>> พระราชาจึงตรัสกับท่านว่า <<ท่านจะพูดเรื่องธุรกิจของท่านต่อไปทำไม เราตัดสินใจว่า ท่านกับศิบาจงแบ่งที่ดินกัน>> เมฟีโบเชทกราบทูลพระราชาว่า <<เมื่อพระราชาเจ้านายของข้าพระบาท ได้เสด็จกลับสู่พระราชสำนักโดยสวัสดิภาพเช่นนี้แล้ว ก็ให้ศิบารับไปหมดเถิดพ่ะย่ะค่ะ>> ฝ่ายบารซิลลัย ชาวกิเลอาดได้ลงมาจากโรเกลิม และไปกับพระราชาถึงแม่น้ำจอร์แดน เพื่อส่งพระองค์ข้ามแม่น้ำจอร์แดนไป บารซิลลัยเป็นคนชรามากแล้ว อายุแปดสิบปี ท่านได้นำเสบียงอาหารมาถวายพระราชาขณะ พระองค์ประทับที่มาหะนาอิมเพราะท่านเป็นคนมั่งมีมาก พระราชาจึงตรัสกับบารซิลลัยว่า <<ข้ามมาอยู่กับเราเสียเถิด เราจะชุบเลี้ยงท่านให้อยู่กับเราที่กรุงเยรูซาเล็ม>> แต่บารซิลลัยทูลพระราชาว่า <<ข้าพระบาทจะอยู่ต่อไปได้อีกกี่ปี ที่ข้าพระบาทจะไปอยู่กับพระราชาที่กรุงเยรูซาเล็ม วันนี้ข้าพระบาทมีอายุแปดสิบปีแล้ว ข้าพระบาทจะสังเกตว่าอะไรเป็นที่พอใจและไม่พอใจได้หรือ ข้าพระบาทจะลิ้มรสอร่อยของสิ่งที่กินและดื่มได้หรือ ข้าพระบาทจะฟังเสียงชายหญิงร้องเพลงได้หรือ ทำไมจะให้ข้าพระบาทเป็นภาระเพิ่มแก่พระราชา เจ้านายของข้าพระบาทอีกเล่า ข้าพระบาทจะตามเสด็จพระราชาข้ามแม่น้ำ จอร์แดนไปเท่านั้น ไฉนพระราชาจะพระราชทานรางวัลเช่นนี้เล่า ขอให้ข้าพระบาทกลับเพื่อไปตายที่ในเมืองของข้าพระบาท ใกล้ที่ฝังศพของบิดามารดาของข้าพระบาท ขอทรงโปรดให้คิมฮามข้าของฝ่าพระบาท ตามเสด็จพระราชาเจ้านายของข้าพระบาทไป ฝ่าพระบาทจะโปรดเขาประการใดก็แล้วแต่ทรงเห็นควร>> พระราชาตรัสตอบว่า <<คิมฮามจงข้ามไปกับเรา เราจะกระทำคุณแก่เขาตามที่ท่านเห็นควร สิ่งใดที่ท่านปรารถนาให้เรากระทำแก่ท่าน เรายินดีกระทำตาม>> แล้วประชาชนทั้งสิ้นก็ข้ามแม่น้ำจอร์แดน พระราชาเสด็จข้ามไป พระราชาทรงจุบบารซิลลัย และทรงอวยพระพรแก่ท่าน ท่านก็กลับไปยังบ้านช่องของตน พระราชาเสด็จไปยังกิลกาล และคิมฮามก็ข้ามตามเสด็จไปด้วย ประชาชนยูดาห์ทั้งหมดกับประชาชน อิสราเอลครึ่งหนึ่งได้นำพระราชาข้ามมา แล้วคนอิสราเอลทั้งหมดมาเฝ้าพระราชา กราบทูลพระราชาว่า <<ไฉนคนยูดาห์พี่น้องของเราจึงได้ลักพาฝ่าพระบาทไปเสีย พาพระราชาและราชวงศ์ข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปพร้อม กับคนของดาวิดด้วย>> ประชาชนยูดาห์จึงตอบประชาชนอิสราเอลว่า <<เพราะพระราชาเป็นญาติสนิทกับเรา ท่านทั้งหลายจะโกรธด้วยเรื่องนี้ทำไมเล่า เราได้อยู่กินสิ้นเปลืองพระราชทรัพย์ของพระราชาหรือ พระองค์ได้ให้รางวัลอะไรแก่เราหรือ>> คนอิสราเอลก็ตอบคนยูดาห์ว่า <<เรามีส่วนในพระราชาสิบส่วนและในดาวิดเราก็ มีมากกว่าท่าน ทำไมท่านจึงดูถูกเราเช่นนี้เล่า เราไม่ได้เป็นพวกแรกที่พูดเรื่องการนำพระราชากลับดอกหรือ>> แต่ถ้อยคำของคนยูดาห์รุนแรงกว่าถ้อยคำของคนอิสราเอล

2 ซามูเอล 19:9-43 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

ผู้คนถกเถียงกันทั่วทุกเผ่าของอิสราเอลว่า “กษัตริย์ได้ทรงกอบกู้เราให้พ้นจากมือของศัตรู ทรงช่วยเราให้พ้นจากมือของชาวฟีลิสเตีย แต่บัดนี้พระองค์ทรงหนีจากแผ่นดินไปเพราะอับซาโลม และอับซาโลมผู้ที่พวกเราเจิมตั้งให้ปกครองเรา ก็สิ้นพระชนม์แล้วในสงคราม ทำไมเราไม่มาพูดถึงเรื่องทูลเชิญกษัตริย์กลับมา?” กษัตริย์ดาวิดทรงส่งข่าวไปถึงปุโรหิตศาโดกและปุโรหิตอาบียาธาร์ว่า “จงถามบรรดาผู้อาวุโสของยูดาห์ว่า ‘ทำไมท่านเป็นพวกสุดท้ายที่เชิญกษัตริย์กลับพระราชวังของพระองค์ เพราะว่ากษัตริย์ได้ยินสิ่งที่พวกท่านพูดกันทั่วอิสราเอล พวกท่านเป็นพี่น้องร่วมตระกูล เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขเดียวกันแท้ๆ ทำไมจึงกลายเป็นพวกสุดท้ายที่มาทูลเชิญกษัตริย์กลับ?’ และให้ไปบอกอามาสาว่า ‘เจ้าก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขเดียวกับเราไม่ใช่หรือ? ขอพระเจ้าทรงจัดการกับเราอย่างสาหัส หากเจ้าไม่ได้เป็นแม่ทัพของเราแทนโยอาบนับแต่นี้’” ดังนั้นบรรดาคนยูดาห์ก็ได้รับการโน้มน้าวใจจนมีมติเป็นเอกฉันท์ พวกเขามากราบทูลกษัตริย์ว่า “เชิญเสด็จกลับมาหาพวกข้าพระบาท พร้อมทั้งบรรดาผู้ที่ร่วมเสด็จด้วย” กษัตริย์จึงเสด็จกลับ และมาถึงแม่น้ำจอร์แดน ชาวยูดาห์พากันมาที่กิลกาลเพื่อรับเสด็จและส่งเสด็จข้ามแม่น้ำจอร์แดน ฝ่ายชิเมอีบุตรเกรา คนเบนยามินจากบาฮูริมรีบรุดมาสมทบกับคนยูดาห์เพื่อรับเสด็จกษัตริย์ดาวิด คนที่มากับชิเมอีคือคนเบนยามินหนึ่งพันคน พร้อมทั้งศิบาข้าราชบริพารของซาอูล บุตรชายทั้งสิบห้าคนและคนใช้ยี่สิบคนของศิบา พวกเขารีบรุดมายังแม่น้ำจอร์แดนที่กษัตริย์ประทับอยู่ พวกเขากุลีกุจอส่งเชื้อพระวงศ์ข้ามฟาก และให้ความช่วยเหลือต่างๆ นานา เมื่อชิเมอีบุตรเกราข้ามแม่น้ำจอร์แดนมา เขาหมอบกราบลงต่อหน้ากษัตริย์ดาวิด และทูลว่า “ขอโปรดอภัยโทษแก่ข้าพระบาท และอย่าทรงจดจำสิ่งผิดพลาดที่ข้าพระบาทได้ทำเมื่อครั้งฝ่าพระบาทเสด็จออกจากเยรูซาเล็มด้วยเถิด เพราะผู้รับใช้สำนึกว่าได้ทำบาปไปแล้ว ข้าพระบาทจึงมาที่นี่ในวันนี้เป็นคนแรกสุดของวงศ์วานโยเซฟที่มารับเสด็จ” อาบีชัยบุตรนางเศรุยาห์ทูลว่า “ชิเมอีไม่สมควรตายหรอกหรือที่ได้บังอาจแช่งด่ากษัตริย์ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเจิมตั้งไว้?” ดาวิดตรัสว่า “บุตรนางเศรุยาห์เอ๋ย เจ้าเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้ เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาก้าวก่าย! ควรหรือที่จะมีใครในอิสราเอลถูกประหารในวันนี้? เราไม่รู้หรือว่าวันนี้เราคือกษัตริย์ของอิสราเอล?” แล้วกษัตริย์จึงตรัสกับชิเมอีว่า “เราไว้ชีวิตเจ้า” และทรงสาบานรับรอง เมฟีโบเชทหลานชายของซาอูลก็มารับเสด็จด้วย เขาไม่ได้ดูแลเท้าหรือซักเสื้อผ้าหรือขริบเคราเลยตั้งแต่วันที่กษัตริย์เสด็จจากไปจวบจนเสด็จกลับมาโดยสวัสดิภาพ เมื่อเมฟีโบเชทเดินทางจากเยรูซาเล็มมาเข้าเฝ้า กษัตริย์ตรัสถามว่า “เมฟีโบเชท ทำไมเจ้าจึงไม่ไปกับเรา?” เขาทูลว่า “ข้าแต่องค์กษัตริย์ เพราะข้าพระบาทขาพิการจึงสั่งศิบาว่า ‘จงจัดอานลาให้เราได้ตามเสด็จ’ แต่ศิบาทรยศ เขาทูลใส่ร้ายหาว่าข้าพระบาทไม่ยอมไป แต่ฝ่าพระบาททรงเป็นเหมือนทูตของพระเจ้า ขอทรงทำต่อข้าพระบาทตามที่ทรงเห็นชอบเถิด วงศ์วานทั้งหมดของเสด็จปู่ของข้าพระบาท ไม่สมควรได้รับสิ่งใดจากฝ่าพระบาทนอกจากความตาย แต่ฝ่าพระบาทกลับประทานเกียรติให้ร่วมโต๊ะเสวย ดังนั้นข้าพระบาทจะปริปากทูลอะไรได้?” ดาวิดตรัสว่า “จะพูดให้มากความไปทำไม? เจ้ากับศิบาจงแบ่งที่ดินกัน” เมฟีโบเชททูลว่า “ให้เขาเอาไปทั้งหมดเถิด ในเมื่อฝ่าพระบาทเสด็จกลับมาโดยปลอดภัยเช่นนี้แล้ว” บารซิลลัยชาวกิเลอาดก็มาจากเมืองโรเกลิมด้วยเพื่อตามเสด็จข้ามแม่น้ำจอร์แดนและส่งเสด็จ บารซิลลัยชรามาก อายุได้แปดสิบปีแล้ว เขาได้นำเสบียงอาหารมาถวายขณะกษัตริย์ประทับอยู่ที่มาหะนาอิม เพราะเขาร่ำรวยมาก กษัตริย์ตรัสกับบารซิลลัยว่า “ข้ามมาอยู่กับเราที่กรุงเยรูซาเล็มเถิด เราจะดูแลท่านเอง” แต่บารซิลลัยกราบทูลว่า “ข้าพระบาทจะอยู่ไปได้อีกกี่ปี พระองค์จึงให้ตามเสด็จไปกรุงเยรูซาเล็ม? บัดนี้ข้าพระบาทอายุแปดสิบปีแล้ว อะไรดีไม่ดีจะแยกแยะได้หรือ? กินดื่มอะไรจะลิ้มรสได้หรือ? เสียงนักร้องชายหญิงจะได้ยินหรือ? ควรหรือที่ผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทจะไปเพิ่มภาระให้แก่ฝ่าพระบาท? ข้าพระบาทจะขอตามเสด็จข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปเท่านั้น ฝ่าพระบาทจะปูนบำเหน็จให้ทำไมเล่า? ข้าพระบาทขอกลับไปตายที่บ้านเกิดเมืองนอน ใกล้ๆ อุโมงค์ฝังศพของบิดามารดา แต่นี่คือคิมฮามผู้รับใช้ของฝ่าพระบาท ขอให้เขาตามเสด็จฝ่าพระบาทไป ขอทรงทำแก่เขาตามที่ทรงเห็นชอบเถิด” กษัตริย์ดาวิดตรัสว่า “คิมฮามจะไปกับเรา เราจะปฏิบัติต่อเขาตามที่ท่านเห็นสมควร สิ่งใดที่ท่านอยากได้จากเรา เราจะทำให้ท่าน” ฉะนั้นประชากรทั้งหมดจึงข้ามแม่น้ำจอร์แดน แล้วกษัตริย์ก็เสด็จข้ามไป ดาวิดทรงจูบและให้พรแก่บารซิลลัย แล้วบารซิลลัยก็กลับบ้าน กษัตริย์เสด็จต่อไปยังกิลกาล ให้คิมฮามตามเสด็จไปด้วย กำลังพลยูดาห์ทั้งหมดและทหารอิสราเอลครึ่งหนึ่งคอยรับเสด็จอยู่ที่นั่นแล้ว แล้วคนอิสราเอลทั้งหมดมาเข้าเฝ้ากษัตริย์และทูลว่า “เหตุใดพี่น้องชนยูดาห์จึงชิงตัดหน้าเชิญกษัตริย์กับราชวงศ์และข้าราชบริพารข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปก่อน?” คนยูดาห์โต้ตอบว่า “เราทำเช่นนั้นก็เพราะกษัตริย์ทรงเกี่ยวโยงใกล้ชิดกับพวกเรา ทำไมเรื่องแค่นี้พวกท่านต้องโกรธด้วย? เรากินเสบียงใดๆ ของกษัตริย์หรือ? มีสิ่งใดที่เราฉกฉวยมาเป็นของตนหรือ?” คนอิสราเอลโต้กลับว่า “พวกเรามีสิทธิ์ในองค์กษัตริย์สิบส่วน มิหนำซ้ำเรามีสิทธิ์ในกษัตริย์ดาวิดมากกว่าพวกท่าน ทำไมพวกท่านไม่ไว้หน้าพวกเรา? เราเป็นพวกแรกใช่ไหมที่พูดถึงเรื่องการเชิญกษัตริย์เสด็จกลับมา?” แต่คนยูดาห์โต้ตอบด้วยวาจาเผ็ดร้อนยิ่งกว่าคนอิสราเอล

2 ซามูเอล 19:9-43 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)

ประชาชน​ต่าง​ก็​ถกเถียง​กัน​ว่า “กษัตริย์​ดาวิด​ช่วย​พวก​เรา​ให้​พ้น​จาก​มือ​ของ​ศัตรู และ​ช่วย​พวก​เรา​ให้​พ้น​จาก​มือ​ของ​ชาว​ฟีลิสเตีย และ​บัดนี้​ท่าน​ได้​หนี​อับซาโลม และ​ออก​ไป​จาก​แผ่นดิน แต่​อับซาโลม​ผู้​ที่​เรา​เจิม​ให้​เป็น​ผู้​นำ​พวก​เรา ก็​สิ้น​ชีวิต​ใน​สงคราม แล้ว​ทำไม​เวลา​นี้ พวก​ท่าน​จึง​ไม่​พูด​ถึง​เรื่อง​ที่​จะ​นำ​กษัตริย์​กลับ​มา​บ้าง​เลย” กษัตริย์​ดาวิด​ให้​คน​ไป​บอก​ศาโดก​และ​อาบียาธาร์​ปุโรหิต​ว่า “จง​ถาม​บรรดา​หัวหน้า​ชั้น​ผู้​ใหญ่​ของ​ยูดาห์​ว่า ‘ทำไม​ท่าน​จึง​เป็น​คน​สุดท้าย​ที่​จะ​เชิญ​กษัตริย์​กลับ​วัง​ของ​ท่าน เมื่อ​คำ​พูด​ของ​ชาว​อิสราเอล​ทั้ง​ปวง​ได้​มา​ถึง​กษัตริย์​แล้ว ท่าน​เป็น​พี่​น้อง​ร่วม​ชาติ​ของ​เรา เป็น​เลือด​เนื้อ​เชื้อไข​เดียว​กับ​เรา แล้ว​ทำไม​ท่าน​จึง​เป็น​คน​สุดท้าย​ที่​จะ​เชิญ​กษัตริย์​กลับ​มา’ และ​จง​บอก​อามาสา​ว่า ‘ท่าน​ไม่​ได้​เป็น​เลือด​เนื้อ​เชื้อไข​ของ​เรา​หรือ ขอ​ให้​พระ​เจ้า​กระทำ​ต่อ​เรา​เช่น​นั้น หรือ​มาก​กว่า​นั้น ถ้า​หาก​ว่า​ท่าน​ไม่​ได้​เป็น​ผู้​บังคับ​กองพัน​ทหาร​ของ​เรา​แทน​โยอาบ​ตั้งแต่​นี้​ไป’” และ​ท่าน​ได้​ชนะ​ใจ​ชาว​ยูดาห์​อย่าง​พร้อม​เพรียง พวก​เขา​จึง​ไป​เรียน​กษัตริย์​ว่า “ขอ​เชิญ​ท่าน​และ​ทหาร​รับใช้​ทั้ง​ปวง​ของ​ท่าน​กลับ​มา” ดังนั้น​กษัตริย์​จึง​กลับ​มา​ยัง​แม่น้ำ​จอร์แดน และ​ชาว​ยูดาห์​ก็​ได้​มา​ที่​เมือง​กิลกาล​เพื่อ​ต้อน​รับ​กษัตริย์​และ​เชิญ​ท่าน​ข้าม​แม่น้ำ​จอร์แดน ฝ่าย​ชิเมอี​บุตร​ของ​เก-รา​ชาว​เบนยามิน​จาก​บาฮูริม ก็​รีบ​ลง​มา​กับ​พวก​ผู้​ชาย​ชาว​ยูดาห์ เพื่อ​พบ​กับ​กษัตริย์​ดาวิด พวก​ที่​มา​ด้วย​ก็​มี​ชาย​ชาว​เบนยามิน 1,000 คน และ​ศิบา​ผู้​รับใช้​จาก​พงศ์​พันธุ์​ของ​ซาอูล​ก็​มา​พร้อม​กับ​บุตร​ชาย 15 คน และ​ผู้​รับใช้ 20 คน ต่าง​ก็​รีบ​ลง​มา​ยัง​แม่น้ำ​จอร์แดน​เพื่อ​มา​หา​กษัตริย์ พวก​เขา​ได้​ข้าม​เขต​ลำ​น้ำ​ที่​ลุย​ข้าม​ได้ และ​พา​ทั้ง​ครัว​เรือน​ของ​กษัตริย์​ข้าม​มา​เพื่อ​เป็น​ที่​พอใจ​ของ​ท่าน และ​ชิเมอี​บุตร​ของ​เก-รา​ก้ม​ตัว​ลง ณ เบื้อง​หน้า​กษัตริย์ ขณะ​ที่​ท่าน​กำลัง​จะ​ข้าม​แม่น้ำ​จอร์แดน และ​พูด​กับ​กษัตริย์​ว่า “ขอ​เจ้า​นาย​ของ​ข้าพเจ้า​อย่า​ถือ​โทษ​ข้าพเจ้า หรือ​จดจำ​สิ่ง​ที่​ข้า​รับใช้​กระทำ​ผิด​ใน​วัน​ที่​เจ้านาย​ผู้​เป็น​กษัตริย์​ต้อง​จาก​เยรูซาเล็ม​ไป ขอ​กษัตริย์​อย่า​นึก​ถึง​เรื่อง​นั้น​อีก เพราะ​ว่า​ข้าพเจ้า​ผู้​รับใช้​ของ​ท่าน​ทราบ​ว่า ข้าพเจ้า​ได้​กระทำ​บาป​แล้ว ฉะนั้น ดู​เถิด ใน​วัน​นี้​ข้าพเจ้า​เป็น​คน​แรก​ของ​พงศ์​พันธุ์​โยเซฟ​ที่​ลง​มา​พบ​เจ้านาย​ผู้​เป็น​กษัตริย์” อาบีชัย​บุตร​ของ​นาง​เศรุยาห์​ตอบ​ว่า “สมควร​มิ​ใช่​หรือ​ที่​ชิเมอี​จะ​ถูก​สังหาร​ที่​กระทำ​เช่น​นี้ เพราะ​ว่า​เขา​สาปแช่ง​ผู้​ที่​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​เจิม” แต่​ดาวิด​ตอบ​ว่า “ไม่​ใช่​เรื่อง​ของ​พวก​ท่าน​ทั้ง​สอง บุตร​ของ​เศรุยาห์​เอ๋ย ที่​ท่าน​ควร​จะ​เป็น​ปฏิปักษ์​กับ​เรา​ใน​วัน​นี้ มี​ใคร​ที่​ควร​จะ​ถูก​สังหาร​ใน​อิสราเอล​วัน​นี้​หรือ เรา​ไม่​รู้​หรือ​ว่า​วัน​นี้​เรา​เป็น​กษัตริย์​ปกครอง​อิสราเอล” และ​กษัตริย์​กล่าว​กับ​ชิเมอี​ว่า “เจ้า​จะ​ไม่​ตาย” กษัตริย์​ได้​ให้​คำ​สัญญา​แก่​เขา เมฟีโบเชท​บุตร​ของ​ซาอูล​ก็​ลง​มา​พบ​กษัตริย์ ท่าน​ไม่​ได้​ดูแล​รักษา​เท้า หรือ​ขลิบ​เครา หรือ​ซัก​เสื้อ​ผ้า นับ​ตั้งแต่​กษัตริย์​จาก​ไป​จน​ถึง​วัน​ที่​ท่าน​กลับ​มา​ด้วย​ความ​ปลอดภัย เมื่อ​เมฟีโบเชท​มา​ยัง​เยรูซาเล็ม​เพื่อ​ต้อนรับ​กษัตริย์ กษัตริย์​ถาม​ว่า “เมฟีโบเชท ทำไม​ท่าน​จึง​ไม่​ได้​ไป​กับ​เรา” ท่าน​ตอบ​ว่า “โอ เจ้านาย​ผู้​เป็น​กษัตริย์ ใน​เมื่อ​ข้าพเจ้า​ผู้​รับใช้​ของ​ท่าน​เป็น​ง่อย ข้าพเจ้า​สั่ง​ว่า ‘เรา​จะ​ให้​จัดการ​ผูก​อาน​ลา เพื่อ​จะ​ขี่​ไป​กับ​กษัตริย์’ แต่​ศิบา​ผู้​รับใช้​ของ​ข้าพเจ้า​กลับ​ทรยศ​ข้าพเจ้า เขา​ได้​ว่า​ร้าย​ข้าพเจ้า​ต่อ​เจ้านาย​ผู้​เป็น​กษัตริย์ แต่​ว่า​เจ้านาย​ผู้​เป็น​กษัตริย์​เป็น​ดั่ง​ทูต​สวรรค์​ของ​พระ​เจ้า ฉะนั้น​ขอ​ให้​ท่าน​กระทำ​ตาม​ที่​เห็น​สมควร​เถิด เพราะ​ว่า​พงศ์​พันธุ์​ของ​บิดา​ข้าพเจ้า​มี​แต่​คน​ที่​สมควร​จะ​ตาย ณ เบื้อง​หน้า​เจ้านาย​ผู้​เป็น​กษัตริย์ แต่​ท่าน​ให้​ข้าพเจ้า​ข้า​รับใช้​ของ​ท่าน​นั่ง​ร่วม​โต๊ะ​รับประทาน​กับ​ท่าน​ด้วย ข้าพเจ้า​จะ​มี​สิทธิ์​เรียก​ร้อง​สิ่ง​ใด​จาก​กษัตริย์​เกิน​กว่า​นี้​ได้​เล่า” กษัตริย์​กล่าว​ว่า “พูด​ถึง​เรื่อง​ของ​ท่าน​อีก​ทำไม เรา​ได้​ตัดสิน​ใจ​แล้ว​ว่า ท่าน​และ​ศิบา​จะ​แบ่ง​ที่​ดิน​กัน” เมฟีโบเชท​พูด​กับ​กษัตริย์​ว่า “โอ ให้​เขา​รับ​ไป​หมด​เถิด ใน​เมื่อ​เจ้านาย​ผู้​เป็น​กษัตริย์​ได้​กลับ​มา​บ้าน​ด้วย​ความ​ปลอดภัย​แล้ว” ฝ่าย​บาร์ซิลลัย​ชาว​กิเลอาด​ได้​ลง​มา​จาก​โรเกลิม และ​ได้​ข้าม​แม่น้ำ​จอร์แดน​ไป​กับ​กษัตริย์ เพื่อ​ส่ง​ท่าน​ให้​เดิน​ทาง​ต่อ​ไป​จาก​ที่​นั่น บาร์ซิลลัย​เป็น​คน​ชรา มี​อายุ 80 ปี ท่าน​จัด​หา​อาหาร​ให้​กษัตริย์​ขณะ​ที่​ท่าน​พัก​อยู่​ที่​มาหะนาอิม เพราะ​เป็น​คน​มั่งมี​มาก กษัตริย์​กล่าว​กับ​บาร์ซิลลัย​ว่า “มา​กับ​เรา​เถิด แล้ว​เรา​จะ​ดูแล​ท่าน​ใน​เยรูซาเล็ม” แต่​บาร์ซิลลัย​เรียน​กษัตริย์​ว่า “ข้าพเจ้า​ยัง​จะ​มี​ชีวิต​อยู่​อีก​กี่​ปี ที่​ข้าพเจ้า​ควร​ขึ้น​ไป​ยัง​เยรูซาเล็ม​กับ​กษัตริย์ เวลา​นี้​ข้าพเจ้า​มี​อายุ 80 ปี ข้าพเจ้า​จะ​ทราบ​ได้​หรือ​ว่า​อะไร​คือ​ความ​สำราญ และ​อะไร​ไม่​ใช่ ข้าพเจ้า​จะ​ลิ้ม​รส​สิ่ง​ที่​รับประทาน​และ​ดื่ม​ได้​หรือ ข้าพเจ้า​ยัง​จะ​ฟัง​เสียง​ร้อง​เพลง​ของ​ชาย​และ​หญิง​ได้​หรือ แล้ว​ทำไม​ข้าพเจ้า​ควร​จะ​เป็น​ภาระ​เพิ่ม​แก่​เจ้านาย​ผู้​เป็น​กษัตริย์ ข้าพเจ้า​จะ​ข้าม​แม่น้ำ​ไป​กับ​กษัตริย์​เพียง​ระยะ​สั้นๆ ไฉน​กษัตริย์​จึง​ทดแทน​ข้าพเจ้า​ด้วย​รางวัล​เช่น​นี้ โปรด​ให้​ข้าพเจ้า​กลับ​ไป​เถิด ให้​ข้าพเจ้า​ตาย​ใน​เมือง​ข้าพเจ้า​เอง ใกล้ๆ กับ​ที่​ฝัง​ศพ​บิดา​และ​มารดา​ข้าพเจ้า นี่​ก็​คิมฮาม​ให้​เป็น​ผู้​รับใช้​ของ​ท่าน ให้​เขา​ข้าม​ไป​กับ​เจ้านาย​ผู้​เป็น​กษัตริย์​เถิด และ​ท่าน​จะ​ให้​เขา​รับใช้​สิ่ง​ใด​ก็​ตาม​ที่​ท่าน​เห็น​สมควร” กษัตริย์​ตอบ​ว่า “คิมฮาม​จะ​ข้าม​ไป​กับ​เรา และ​เรา​จะ​ให้​เขา​รับใช้​ตาม​ที่​ท่าน​เห็น​สมควร และ​ทุก​สิ่ง​ที่​ท่าน​ต้องการ เรา​ก็​จะ​กระทำ​เพื่อ​ท่าน” ครั้น​แล้ว​พรรค​พวก​ของ​ดาวิด​ก็​ข้าม​แม่น้ำ​จอร์แดน และ​กษัตริย์​ข้าม​ไป ท่าน​จูบ​แก้ม​บาร์ซิลลัย​และ​ให้​พร และ​บาร์ซิลลัย​จึง​กลับ​ไป​บ้าน​ของ​ท่าน กษัตริย์​เดิน​ทาง​ต่อ​ไป​ยัง​กิลกาล คิมฮาม​ก็​ตาม​ท่าน​ไป​ด้วย ทหาร​ของ​ยูดาห์​ทั้ง​หมด​และ​ทหาร​จำนวน​ครึ่ง​หนึ่ง​ของ​อิสราเอล​ด้วย​ที่​นำ​กษัตริย์​เดิน​ทาง​ต่อ​ไป และ​ทหาร​อิสราเอล​ทุก​คน​ก็​มา​หา​กษัตริย์​และ​พูด​กับ​ท่าน​ว่า “เหตุ​ใด​พี่​น้อง​ร่วม​ชาติ​ของ​พวก​เรา​จาก​ยูดาห์​ได้​ลัก​พา​กษัตริย์​ไป และ​นำ​ท่าน​กับ​ครัว​เรือน​ของ​ท่าน​ข้าม​แม่น้ำ​จอร์แดน และ​พรรค​พวก​ของ​ท่าน​ก็​มา​ด้วย” ชาว​ยูดาห์​ตอบ​ชาว​อิสราเอล​ว่า “เพราะ​ว่า​กษัตริย์​เป็น​ญาติ​สนิท​ของ​พวก​เรา ทำไม​ท่าน​จึง​โกรธ​เรื่อง​นี้​ด้วย พวก​เรา​ให้​กษัตริย์​เสีย​ค่า​ใช้​จ่าย​เรื่อง​อาหาร​การ​กิน​หรือ และ​กษัตริย์​ท่าน​ประทาน​สิ่ง​ใด​ให้​พวก​เรา​หรือ” ชาว​อิสราเอล​ตอบ​ชาว​ยูดาห์​ว่า “พวก​เรา​มี​สิทธิ์​ใน​กษัตริย์​มาก​กว่า​พวก​ท่าน​ถึง 10 เท่า และ​ใน​ดาวิด​มาก​ยิ่ง​กว่า​พวก​ท่าน​ด้วย แล้ว​ทำไม​ท่าน​จึง​ดู​หมิ่น​เรา เรา​เป็น​พวก​แรก​ที่​พูด​ถึง​การ​นำ​กษัตริย์​ของ​เรา​กลับ​มา​มิ​ใช่​หรือ” แต่​คำ​พูด​ของ​ชาว​ยูดาห์​รุนแรง​ยิ่ง​กว่า​คำ​พูด​ของ​ชาว​อิสราเอล