ปฐมกาล 31:42-55

ปฐมกาล 31:42-55 TH1971

ถ้าพระเจ้าของบิดาฉัน พระเจ้าของอับราฮัมและซึ่งอิสอัคยำเกรง ไม่ทรงสถิตอยู่กับฉันแล้ว ครั้งนี้ท่านคงให้ฉันไปตัวเปล่าเป็นแน่ พระเจ้าทรงเห็นความทุกข์ใจของฉัน และการงานตรากตรำที่มือฉันทำ จึงทรงห้ามท่านเมื่อคืนวานนี้>> แล้วลาบันตอบยาโคบว่า <<บุตรีเหล่านี้ก็เป็นบุตรีของเรา เด็กเหล่านี้ก็เป็นเด็กของเรา ฝูงสัตว์ทั้งฝูงนี้ก็เป็นของเรา ของทั้งสิ้นที่เจ้าเห็นก็เป็นของเรา วันนี้เราจะกระทำอะไรแก่ลูกสาวของเราหรือแก่เด็กๆที่เกิดมาจากเขา มาเถิด ให้เราทำพันธสัญญาทั้งเจ้ากับเรา ให้พันธสัญญานั้นเป็นพยานระหว่างเจ้ากับเรา>> ฝ่ายยาโคบก็เอาศิลาก้อนหนึ่งตั้งไว้เป็นเสาศักดิ์สิทธิ์ แล้วยาโคบจึงพูดกับญาติพี่น้องว่า <<เก็บก้อนหินมา>> เขาเก็บก้อนหินมากองสุมไว้ แล้วก็กินเลี้ยงกันที่กองหินนั้น ลาบันจึงตั้งชื่อกองหินนั้นว่า เยการ์สหดูธา แต่ยาโคบตั้งชื่อว่า กาเลเอด ลาบันกล่าวว่า <<วันนี้กองศิลานี้จะเป็นพยานระหว่างเรากับเจ้า>> เหตุฉะนี้เขาจึงตั้งชื่อว่า กาเลเอด และมิสปาห์ เพราะเขากล่าวว่า <<พระเจ้าทรงเฝ้าอยู่ระหว่างเจ้ากับเรา เมื่อเราจากกันไป ถ้าเจ้าข่มเหงบุตรีของเรา หรือเจ้าได้ภรรยาอื่นนอกจากบุตรีของเรา แม้ว่าจะไม่มีใครอยู่กับเราก็จริง แต่จงจำไว้เถิดว่า พระเจ้าทรงเป็นพยานระหว่างเจ้ากับเรา>> ลาบันบอกยาโคบว่า <<ดูกองหินและเสาหินนี้ ที่เราตั้งไว้ระหว่างเจ้ากับเรา หินกองนี้เป็นพยาน และเสานั้นก็เป็นพยานว่า เราจะไม่ข้ามกองหินนี้ไปหาเจ้า และเจ้าจะไม่ข้ามกองหินนี้และเสานี้มาหาเรา เพื่อทำอันตรายกัน ให้พระเจ้าของอับราฮัมและพระเจ้าของนาโฮร์ ซึ่งเป็นพระเจ้าของบิดาของเขาทั้งสองทรงตัดสิน ความระหว่างเรา>> ยาโคบก็สาบานโดยอ้างถึงผู้ที่อิสอัคบิดาของตนยำเกรง ยาโคบถวายเครื่องบูชาบนภูเขา และเรียกญาติพี่น้องของตนมารับประทานขนมปัง พวกเขารับประทานขนมปังและอยู่ที่บนภูเขาตลอดคืนวันนั้น ลาบันตื่นขึ้นแต่เช้ามืด จูบหลานและบุตรีอวยพรแก่เขา แล้วก็ออกเดินทางกลับไปบ้าน

วิดีโอสำหรับ ปฐมกาล 31:42-55