ปฐมกาล 31:42-55

ปฐมกาล 31:42-55 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

ถ้า​พระเจ้า​ของ​พ่อ​ผม พระเจ้า​ของ​อับราฮัม พระองค์​ผู้​ที่​อิสอัค​เกรง​กลัว ไม่ได้​อยู่​ฝ่าย​ผม​แล้ว​ละก็ ตอนนี้​ลุง​คง​ส่ง​ผม​กลับไป​มือเปล่า​แน่ๆ พระเจ้า​ได้เห็น​ถึง​ความ​ยาก​ลำบาก​และ​งานหนัก​ที่​ผม​ลงมือ​ทำ พระองค์​ถึง​ได้​เตือน​ลุง​เมื่อคืนนี้” แล้ว​ลาบัน​ตอบ​ยาโคบ​ว่า “พวกลูกสาวนี้​ก็​เป็น​ลูกสาว​ของ​ลุง พวกเด็กนี้​ก็​เป็น​เด็ก​ของลุง ฝูงสัตว์​พวกนั้น​ก็​เป็น​ฝูงสัตว์​ของ​ลุง ทุกสิ่ง​ทุกอย่าง​ที่​เจ้า​เห็น​ก็​เป็น​ของ​ลุง​ทั้งนั้น แต่​วันนี้​ลุง​จะ​ทำ​อะไร​ได้​กับ​ลูกสาว​พวกนี้​ของ​ลุง หรือ​เด็กๆ​ที่​พวกเขา​เกิด​มา มาเถิด ให้​เรา​มา​ทำ​ข้อตกลง​กัน​ระหว่าง​เจ้า​กับ​ลุง และ​ขอ​ให้​มี​พยาน​ระหว่าง​เจ้า​กับ​ลุง” ยาโคบ​ได้​เอา​หิน​มา​ก้อน​หนึ่ง​ตั้งขึ้น​เป็น​แท่งหิน แล้ว​ยาโคบ​ก็​พูด​กับ​ญาติๆ​ของเขา​ว่า “ไป​เก็บ​ก้อนหิน​มา​รวมกัน​ที่นี่” แล้ว​พวกเขา​ได้​ไป​เก็บ​ก้อนหิน​มา​รวมกัน​จน​เป็น​กอง แล้ว​พวกเขา​ได้​กิน​อาหาร​กัน​ข้าง​กองหิน​นั้น ลาบัน​จึง​เรียก​สถานที่​นั้น​ว่า “เยการ์สหดูธา” ส่วน​ยาโคบ​เรียก​มัน​ว่า “กาเลเอด” แล้ว​ลาบัน​พูด​ว่า “ใน​วันนี้ กองหิน​นี้​ได้​เป็น​พยาน​ระหว่าง​เจ้า​กับ​ลุง” ดังนั้น​มัน​จึง​มี​ชื่อ​เรียกว่า “กาเลเอด” และ “มิสปาห์” เพราะ​ลาบัน​พูด​ว่า “ขอ​ให้​พระยาห์เวห์​เฝ้าดู​ระหว่าง​เจ้า​กับ​ลุง ตอนที่​เรา​แยก​จาก​กัน ถ้า​เจ้า​ทำร้าย​ลูกสาว​ทั้ง​สอง​คน​ของ​ลุง หรือ​ถ้า​เจ้า​เอา​เมีย​อื่น​อีก​นอกเหนือ​จาก​ลูกสาว​ของ​ลุง ถึงแม้​จะ​ไม่มี​ใคร​อยู่​กับ​พวกเรา​ก็​ตาม ให้​จำไว้​ว่า​พระเจ้า​ได้​เป็น​พยาน​ระหว่าง​เจ้า​กับ​ลุง” ลาบัน​พูด​กับ​ยาโคบ​ว่า “ดู​กองหิน​และ​เสาหิน​ที่​เรา​ได้​ตั้ง​ขึ้นมา​ไว้​ระหว่าง​เรา​สิ กองหิน​นี้​ก็​เป็น​พยาน เสาหิน​นี้​ก็​เป็น​พยาน ว่า​ลุง​จะ​ไม่ข้าม​กองหิน​นี้​ไป​ฝั่ง​เจ้า และ​เจ้า​ก็​จะ​ไม่ข้าม​กองหิน​และ​เสาหิน​นี้​มา​ฝั่ง​ลุง เพื่อ​ทำร้าย​กัน ขอให้​พระเจ้า​ของ​อับราฮัม​และ​พระเจ้า​ของ​นาโฮร์ (พระเจ้า​ของ​บรรพบุรุษ​ของ​พวกเขา) ตัดสิน​ระหว่าง​เรา” ยาโคบ​ได้​สาบาน​ใน​นาม​ของ​ผู้ที่​อิสอัค​พ่อ​ของเขา​เกรง​กลัว แล้ว​ยาโคบ​ได้​ถวาย​เครื่อง​บูชา​บน​ภูเขานั้น และ​เชิญ​ญาติๆ​ของเขา​มา​ร่วม​กิน​อาหาร​กัน พวกเขา​ก็ได้​มา​กิน​อาหาร​กัน และ​ค้างคืน​อยู่​บน​ภูเขานั้น ลาบัน​ตื่นแต่​เช้าตรู่ และ​จูบลา​หลานๆ​และ​ลูกสาว​ทั้ง​สองคน และ​เขา​ก็​อวยพร​ให้​กับ​พวกเขา แล้ว​ลาบัน​ได้​เดินทาง​กลับ​ไป​ยัง​บ้าน​ของตน

ปฐมกาล 31:42-55 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

ถ้าพระเจ้าของบิดาฉัน พระเจ้าของอับราฮัมและซึ่งอิสอัคยำเกรง ไม่ทรงสถิตอยู่กับฉันแล้ว ครั้งนี้ท่านคงให้ฉันไปตัวเปล่าเป็นแน่ พระเจ้าทรงเห็นความทุกข์ใจของฉัน และการงานตรากตรำที่มือฉันทำ จึงทรงห้ามท่านเมื่อคืนวานนี้>> แล้วลาบันตอบยาโคบว่า <<บุตรีเหล่านี้ก็เป็นบุตรีของเรา เด็กเหล่านี้ก็เป็นเด็กของเรา ฝูงสัตว์ทั้งฝูงนี้ก็เป็นของเรา ของทั้งสิ้นที่เจ้าเห็นก็เป็นของเรา วันนี้เราจะกระทำอะไรแก่ลูกสาวของเราหรือแก่เด็กๆที่เกิดมาจากเขา มาเถิด ให้เราทำพันธสัญญาทั้งเจ้ากับเรา ให้พันธสัญญานั้นเป็นพยานระหว่างเจ้ากับเรา>> ฝ่ายยาโคบก็เอาศิลาก้อนหนึ่งตั้งไว้เป็นเสาศักดิ์สิทธิ์ แล้วยาโคบจึงพูดกับญาติพี่น้องว่า <<เก็บก้อนหินมา>> เขาเก็บก้อนหินมากองสุมไว้ แล้วก็กินเลี้ยงกันที่กองหินนั้น ลาบันจึงตั้งชื่อกองหินนั้นว่า เยการ์สหดูธา แต่ยาโคบตั้งชื่อว่า กาเลเอด ลาบันกล่าวว่า <<วันนี้กองศิลานี้จะเป็นพยานระหว่างเรากับเจ้า>> เหตุฉะนี้เขาจึงตั้งชื่อว่า กาเลเอด และมิสปาห์ เพราะเขากล่าวว่า <<พระเจ้าทรงเฝ้าอยู่ระหว่างเจ้ากับเรา เมื่อเราจากกันไป ถ้าเจ้าข่มเหงบุตรีของเรา หรือเจ้าได้ภรรยาอื่นนอกจากบุตรีของเรา แม้ว่าจะไม่มีใครอยู่กับเราก็จริง แต่จงจำไว้เถิดว่า พระเจ้าทรงเป็นพยานระหว่างเจ้ากับเรา>> ลาบันบอกยาโคบว่า <<ดูกองหินและเสาหินนี้ ที่เราตั้งไว้ระหว่างเจ้ากับเรา หินกองนี้เป็นพยาน และเสานั้นก็เป็นพยานว่า เราจะไม่ข้ามกองหินนี้ไปหาเจ้า และเจ้าจะไม่ข้ามกองหินนี้และเสานี้มาหาเรา เพื่อทำอันตรายกัน ให้พระเจ้าของอับราฮัมและพระเจ้าของนาโฮร์ ซึ่งเป็นพระเจ้าของบิดาของเขาทั้งสองทรงตัดสิน ความระหว่างเรา>> ยาโคบก็สาบานโดยอ้างถึงผู้ที่อิสอัคบิดาของตนยำเกรง ยาโคบถวายเครื่องบูชาบนภูเขา และเรียกญาติพี่น้องของตนมารับประทานขนมปัง พวกเขารับประทานขนมปังและอยู่ที่บนภูเขาตลอดคืนวันนั้น ลาบันตื่นขึ้นแต่เช้ามืด จูบหลานและบุตรีอวยพรแก่เขา แล้วก็ออกเดินทางกลับไปบ้าน

ปฐมกาล 31:42-55 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

ถ้า​พระเจ้า​ของ​พ่อ​ผม พระเจ้า​ของ​อับราฮัม พระองค์​ผู้​ที่​อิสอัค​เกรง​กลัว ไม่ได้​อยู่​ฝ่าย​ผม​แล้ว​ละก็ ตอนนี้​ลุง​คง​ส่ง​ผม​กลับไป​มือเปล่า​แน่ๆ พระเจ้า​ได้เห็น​ถึง​ความ​ยาก​ลำบาก​และ​งานหนัก​ที่​ผม​ลงมือ​ทำ พระองค์​ถึง​ได้​เตือน​ลุง​เมื่อคืนนี้” แล้ว​ลาบัน​ตอบ​ยาโคบ​ว่า “พวกลูกสาวนี้​ก็​เป็น​ลูกสาว​ของ​ลุง พวกเด็กนี้​ก็​เป็น​เด็ก​ของลุง ฝูงสัตว์​พวกนั้น​ก็​เป็น​ฝูงสัตว์​ของ​ลุง ทุกสิ่ง​ทุกอย่าง​ที่​เจ้า​เห็น​ก็​เป็น​ของ​ลุง​ทั้งนั้น แต่​วันนี้​ลุง​จะ​ทำ​อะไร​ได้​กับ​ลูกสาว​พวกนี้​ของ​ลุง หรือ​เด็กๆ​ที่​พวกเขา​เกิด​มา มาเถิด ให้​เรา​มา​ทำ​ข้อตกลง​กัน​ระหว่าง​เจ้า​กับ​ลุง และ​ขอ​ให้​มี​พยาน​ระหว่าง​เจ้า​กับ​ลุง” ยาโคบ​ได้​เอา​หิน​มา​ก้อน​หนึ่ง​ตั้งขึ้น​เป็น​แท่งหิน แล้ว​ยาโคบ​ก็​พูด​กับ​ญาติๆ​ของเขา​ว่า “ไป​เก็บ​ก้อนหิน​มา​รวมกัน​ที่นี่” แล้ว​พวกเขา​ได้​ไป​เก็บ​ก้อนหิน​มา​รวมกัน​จน​เป็น​กอง แล้ว​พวกเขา​ได้​กิน​อาหาร​กัน​ข้าง​กองหิน​นั้น ลาบัน​จึง​เรียก​สถานที่​นั้น​ว่า “เยการ์สหดูธา” ส่วน​ยาโคบ​เรียก​มัน​ว่า “กาเลเอด” แล้ว​ลาบัน​พูด​ว่า “ใน​วันนี้ กองหิน​นี้​ได้​เป็น​พยาน​ระหว่าง​เจ้า​กับ​ลุง” ดังนั้น​มัน​จึง​มี​ชื่อ​เรียกว่า “กาเลเอด” และ “มิสปาห์” เพราะ​ลาบัน​พูด​ว่า “ขอ​ให้​พระยาห์เวห์​เฝ้าดู​ระหว่าง​เจ้า​กับ​ลุง ตอนที่​เรา​แยก​จาก​กัน ถ้า​เจ้า​ทำร้าย​ลูกสาว​ทั้ง​สอง​คน​ของ​ลุง หรือ​ถ้า​เจ้า​เอา​เมีย​อื่น​อีก​นอกเหนือ​จาก​ลูกสาว​ของ​ลุง ถึงแม้​จะ​ไม่มี​ใคร​อยู่​กับ​พวกเรา​ก็​ตาม ให้​จำไว้​ว่า​พระเจ้า​ได้​เป็น​พยาน​ระหว่าง​เจ้า​กับ​ลุง” ลาบัน​พูด​กับ​ยาโคบ​ว่า “ดู​กองหิน​และ​เสาหิน​ที่​เรา​ได้​ตั้ง​ขึ้นมา​ไว้​ระหว่าง​เรา​สิ กองหิน​นี้​ก็​เป็น​พยาน เสาหิน​นี้​ก็​เป็น​พยาน ว่า​ลุง​จะ​ไม่ข้าม​กองหิน​นี้​ไป​ฝั่ง​เจ้า และ​เจ้า​ก็​จะ​ไม่ข้าม​กองหิน​และ​เสาหิน​นี้​มา​ฝั่ง​ลุง เพื่อ​ทำร้าย​กัน ขอให้​พระเจ้า​ของ​อับราฮัม​และ​พระเจ้า​ของ​นาโฮร์ (พระเจ้า​ของ​บรรพบุรุษ​ของ​พวกเขา) ตัดสิน​ระหว่าง​เรา” ยาโคบ​ได้​สาบาน​ใน​นาม​ของ​ผู้ที่​อิสอัค​พ่อ​ของเขา​เกรง​กลัว แล้ว​ยาโคบ​ได้​ถวาย​เครื่อง​บูชา​บน​ภูเขานั้น และ​เชิญ​ญาติๆ​ของเขา​มา​ร่วม​กิน​อาหาร​กัน พวกเขา​ก็ได้​มา​กิน​อาหาร​กัน และ​ค้างคืน​อยู่​บน​ภูเขานั้น ลาบัน​ตื่นแต่​เช้าตรู่ และ​จูบลา​หลานๆ​และ​ลูกสาว​ทั้ง​สองคน และ​เขา​ก็​อวยพร​ให้​กับ​พวกเขา แล้ว​ลาบัน​ได้​เดินทาง​กลับ​ไป​ยัง​บ้าน​ของตน

ปฐมกาล 31:42-55 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

ถ้าพระเจ้าของบิดาฉัน พระเจ้าของอับราฮัมและผู้ซึ่งอิสอัคยำเกรง ไม่ทรงอยู่กับฉันแล้ว ครั้งนี้ท่านคงให้ฉันไปตัวเปล่า พระเจ้าทรงเห็นความทุกข์ใจของฉัน และการงานตรากตรำที่มือฉันทำ จึงทรงห้ามท่านเมื่อคืนนี้” แล้วลาบันตอบยาโคบว่า “บุตรหญิงเหล่านี้ก็เป็นลูกของเรา บุตรชายเหล่านี้ก็เป็นหลานของเรา ฝูงสัตว์นี้ก็เป็นของเรา ของทั้งสิ้นที่เจ้าเห็นก็เป็นของเรา วันนี้เราจะทำอะไรแก่บุตรหญิงของเราหรือแก่เด็กๆ ที่เกิดมาจากพวกนาง? มาเถิด ให้เราทำพันธสัญญาระหว่างเรากับเจ้า ให้พันธสัญญานั้นเป็นพยานระหว่างเรากับเจ้า” ฝ่ายยาโคบก็เอาศิลาก้อนหนึ่งตั้งไว้เป็นเสา แล้วยาโคบจึงพูดกับญาติพี่น้องว่า “เก็บก้อนหินมา” พวกเขาเก็บก้อนหินมากองสุมไว้ แล้วก็กินเลี้ยงกันที่กองหินนั้น ลาบันจึงตั้งชื่อกองหินนั้นว่า เยการ์สหดูธา แต่ยาโคบตั้งชื่อว่า กาเลเอด ลาบันกล่าวว่า “วันนี้กองหินนี้จะเป็นพยานระหว่างเรากับเจ้า” ดังนั้นเขาจึงตั้งชื่อว่า กาเลเอด และมิสปาห์ เพราะเขากล่าวว่า “พระยาห์เวห์ทรงเฝ้าอยู่ระหว่างเรากับเจ้า เมื่อเราจากกันไป ถ้าเจ้าข่มเหงบุตรหญิงของเรา หรือเจ้าได้ภรรยาอื่นนอกจากบุตรหญิงของเรา แม้ว่าจะไม่มีใครอยู่กับเราก็จริง จำไว้ว่า พระเจ้าทรงเป็นพยานระหว่างเรากับเจ้า” ลาบันบอกยาโคบว่า “ดูกองหินและเสาหินนี้ ที่เราตั้งไว้ระหว่างเรากับเจ้า หินกองนี้เป็นพยาน และเสานั้นก็เป็นพยานว่า เราจะไม่ข้ามกองหินนี้ไปหาเจ้า และเจ้าจะไม่ข้ามกองหินและเสานี้มาหาเรา เพื่อทำร้ายกัน ให้พระเจ้าของอับราฮัมและพระเจ้าของนาโฮร์ ซึ่งเป็นพระเจ้าของบิดาของเราทั้งสองทรงตัดสินความระหว่างเรา” ยาโคบก็สาบานโดยอ้างถึงพระองค์ที่อิสอัคบิดาของเขายำเกรง ยาโคบถวายเครื่องบูชาบนภูเขา และเรียกญาติพี่น้องของเขามารับประทานขนมปัง พวกเขารับประทานขนมปังและอยู่บนภูเขาคืนวันนั้น ลาบันตื่นขึ้นแต่เช้ามืด จูบหลานและบุตรหญิง อวยพรพวกเขา แล้วก็ออกเดินทางกลับบ้าน

ปฐมกาล 31:42-55 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)

ถ้าแม้​นพระเจ้าของบิดาข้าพเจ้า พระเจ้าของอับราฮัมและซึ่​งอ​ิสอัคยำเกรง ไม่​ทรงสถิตอยู่กับข้าพเจ้าแล้ว ครั้งนี้​ท่านจะให้ข้าพเจ้าไปตัวเปล่าเป็นแน่ พระเจ้าทรงเห็นความทุกข์ใจของข้าพเจ้าและการงานตรากตรำที่มือข้าพเจ้าทำ จึงทรงห้ามท่านเมื่อคืนวานนี้” แล​้วลาบันตอบยาโคบว่า “​บุ​ตรสาวเหล่านี้​ก็​เป็นบุตรสาวของเรา เด็กเหล่านี้​ก็​เป็นเด็กของเรา ฝูงสัตว์ทั้งฝูงนี้​ก็​เป็นฝูงสัตว์ของเรา ของทั้งสิ้​นที​่​เจ้​าเห็​นก​็เป็นของเรา วันนี้​เราจะกระทำอะไรแก่​บุ​ตรสาวของเราหรือแก่เด็กๆที่​เก​ิดมาจากเขา ฉะนั้นมาเถิด บัดนี้​ให้​เราทำพันธสัญญา ทั้งเรากับเจ้า ให้​เป็นพยานระหว่างเรากับเจ้า” ฝ่ายยาโคบก็เอาศิ​ลาก​้อนหนึ่งตั้งไว้เป็นเสาสำคัญ แล​้วยาโคบจึงพู​ดก​ับญาติ​พี่​น้องว่า “​เก​็​บก​้อนหินมา” เขาเก็​บก​้อนหินมากองสุมไว้ แล้วก็​กินเลี้ยงกั​นที​่กองหินนั้น ลาบ​ันจึงตั้งชื่อกองหินนั้​นว​่า เยการ์สหดูธา แต่​ยาโคบตั้งชื่อว่า กาเลเอด ลาบ​ันกล่าวว่า “​วันนี้​กองหินนี้จะเป็นพยานระหว่างเรากับเจ้า” เหตุ​ฉะนี้​เขาจึงตั้งชื่อว่า กาเลเอด และมิสปาห์ เพราะเขากล่าวว่า “พระเยโฮวาห์ทรงเฝ้าอยู่ระหว่างเรากับเจ้า เมื่อเราจากกันไป ถ้าเจ้าข่มเหงบุตรสาวของเรา หรือถ้าเจ้าได้ภรรยาอื่นนอกจากบุตรสาวของเรา ถึงไม่​มี​ใครอยู่กับเราด้วย จงรู้เถิดว่า พระเจ้าทรงเป็นพยานระหว่างเรากับเจ้า” ลาบ​ันบอกยาโคบว่า “​จงดู​กองหินและเสาหินนี้​ที่​เราได้ตั้งไว้ระหว่างเรากับเจ้า หินกองนี้เป็นพยาน และเสานั้​นก​็เป็นพยานว่า เราจะไม่ข้ามกองหินนี้ไปหาเจ้า และเจ้าจะไม่ข้ามกองหินนี้และเสานี้มาหาเรา เพื่อทำอันตรายกัน ให้​พระเจ้าของอับราฮัมและพระเจ้าของนาโฮร์ ซึ่งเป็นพระเจ้าของบิดาของท่านทรงตัดสินความระหว่างเรา” ยาโคบก็ปฏิญาณโดยอ้างถึงผู้​ที่​อิสอั​คบ​ิดาของตนยำเกรง แล​้วยาโคบถวายเครื่องบูชาบนถิ่นเทือกเขา และเรียกญาติ​พี่​น้องของตนมารับประทานขนมปัง พวกเขารับประทานขนมปังและอยู่บนถิ่นเทือกเขาตลอดคื​นว​ันนั้น ลาบ​ันตื่นขึ้นแต่​เช้ามืด จุ​บหลานและบุตรสาว อวยพรแก่​พวกเขา แล​้วลาบั​นก​็ออกเดินทางกลับไปบ้าน

ปฐมกาล 31:42-55 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

ถ้าพระเจ้าของบิดาฉัน พระเจ้าของอับราฮัมและซึ่งอิสอัคยำเกรง ไม่ทรงสถิตอยู่กับฉันแล้ว ครั้งนี้ท่านคงให้ฉันไปตัวเปล่าเป็นแน่ พระเจ้าทรงเห็นความทุกข์ใจของฉัน และการงานตรากตรำที่มือฉันทำ จึงทรงห้ามท่านเมื่อคืนวานนี้>> แล้วลาบันตอบยาโคบว่า <<บุตรีเหล่านี้ก็เป็นบุตรีของเรา เด็กเหล่านี้ก็เป็นเด็กของเรา ฝูงสัตว์ทั้งฝูงนี้ก็เป็นของเรา ของทั้งสิ้นที่เจ้าเห็นก็เป็นของเรา วันนี้เราจะกระทำอะไรแก่ลูกสาวของเราหรือแก่เด็กๆที่เกิดมาจากเขา มาเถิด ให้เราทำพันธสัญญาทั้งเจ้ากับเรา ให้พันธสัญญานั้นเป็นพยานระหว่างเจ้ากับเรา>> ฝ่ายยาโคบก็เอาศิลาก้อนหนึ่งตั้งไว้เป็นเสาศักดิ์สิทธิ์ แล้วยาโคบจึงพูดกับญาติพี่น้องว่า <<เก็บก้อนหินมา>> เขาเก็บก้อนหินมากองสุมไว้ แล้วก็กินเลี้ยงกันที่กองหินนั้น ลาบันจึงตั้งชื่อกองหินนั้นว่า เยการ์สหดูธา แต่ยาโคบตั้งชื่อว่า กาเลเอด ลาบันกล่าวว่า <<วันนี้กองศิลานี้จะเป็นพยานระหว่างเรากับเจ้า>> เหตุฉะนี้เขาจึงตั้งชื่อว่า กาเลเอด และมิสปาห์ เพราะเขากล่าวว่า <<พระเจ้าทรงเฝ้าอยู่ระหว่างเจ้ากับเรา เมื่อเราจากกันไป ถ้าเจ้าข่มเหงบุตรีของเรา หรือเจ้าได้ภรรยาอื่นนอกจากบุตรีของเรา แม้ว่าจะไม่มีใครอยู่กับเราก็จริง แต่จงจำไว้เถิดว่า พระเจ้าทรงเป็นพยานระหว่างเจ้ากับเรา>> ลาบันบอกยาโคบว่า <<ดูกองหินและเสาหินนี้ ที่เราตั้งไว้ระหว่างเจ้ากับเรา หินกองนี้เป็นพยาน และเสานั้นก็เป็นพยานว่า เราจะไม่ข้ามกองหินนี้ไปหาเจ้า และเจ้าจะไม่ข้ามกองหินนี้และเสานี้มาหาเรา เพื่อทำอันตรายกัน ให้พระเจ้าของอับราฮัมและพระเจ้าของนาโฮร์ ซึ่งเป็นพระเจ้าของบิดาของเขาทั้งสองทรงตัดสิน ความระหว่างเรา>> ยาโคบก็สาบานโดยอ้างถึงผู้ที่อิสอัคบิดาของตนยำเกรง ยาโคบถวายเครื่องบูชาบนภูเขา และเรียกญาติพี่น้องของตนมารับประทานขนมปัง พวกเขารับประทานขนมปังและอยู่ที่บนภูเขาตลอดคืนวันนั้น ลาบันตื่นขึ้นแต่เช้ามืด จูบหลานและบุตรีอวยพรแก่เขา แล้วก็ออกเดินทางกลับไปบ้าน

ปฐมกาล 31:42-55 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

ถ้าพระเจ้าของบรรพบุรุษของฉัน คือพระเจ้าของอับราฮัมและพระเจ้าที่อิสอัคยำเกรงไม่ได้อยู่กับฉัน ท่านก็คงจะให้ฉันมามือเปล่าเป็นแน่ แต่พระเจ้าทอดพระเนตรความยากลำบากและการตรากตรำของฉัน พระองค์จึงทรงว่ากล่าวท่านเมื่อคืนนี้” ลาบันตอบยาโคบว่า “ผู้หญิงเหล่านี้เป็นลูกสาวของเรา เด็กๆ ก็เป็นลูกหลานของเรา ฝูงสัตว์เหล่านี้ก็เป็นฝูงสัตว์ของเรา และทุกอย่างที่เจ้าเห็นอยู่นี้ล้วนเป็นของเรา แต่เราจะทำอะไรลูกสาวของเรา และลูกๆ ที่พวกนางให้กำเนิดได้เล่า? มาเถิดให้เราทำสนธิสัญญาระหว่างเจ้ากับเรา ให้เป็นพยานหลักฐานระหว่างเราทั้งสอง” ดังนั้นยาโคบจึงเอาหินก้อนหนึ่งตั้งขึ้นเป็นเสา แล้วเขาบอกกับญาติว่า “รวบรวมก้อนหินมา” ดังนั้นพวกเขาก็เอาหินมากองรวมกันเป็นพะเนิน และพวกเขาก็รับประทานอาหารด้วยกันข้างกองหินนั้น ลาบันเรียกกองหินนั้นว่าเยการ์สหดูธา และยาโคบเรียกว่ากาเลเอด ลาบันกล่าวว่า “ในวันนี้กองหินนี้จะเป็นพยานระหว่างเรากับเจ้า” นี่เป็นเหตุที่กองหินนั้นได้ชื่อว่ากาเลเอด ทั้งมีชื่อว่ามิสปาห์ด้วย เพราะเขากล่าวว่า “ขอให้องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเฝ้าดูเรากับเจ้าเมื่อเราจากกันไป ถ้าเจ้าข่มเหงบรรดาลูกสาวของเราหรือมีภรรยาใหม่นอกจากลูกสาวของเรา ถึงแม้ไม่มีใครอยู่กับเรา ก็ขอให้จำไว้ว่าพระเจ้าทรงเป็นพยานระหว่างเจ้ากับเรา” ลาบันกล่าวกับยาโคบด้วยว่า “นี่เป็นกองหินและเสาซึ่งเราตั้งไว้ระหว่างเรากับเจ้า กองหินนี้เป็นพยานและเสานี้เป็นพยานว่า เราจะไม่ล่วงล้ำผ่านกองหินไปทางเขตแดนของเจ้าเพื่อทำร้ายเจ้า และเจ้าก็จะไม่ล่วงล้ำผ่านกองหินและเสานี้มาทางเขตแดนของเราเพื่อทำอันตรายเรา ขอให้พระเจ้าของอับราฮัมและเทพเจ้าของนาโฮร์ คือบรรดาพระของบรรพบุรุษของพวกเขา ทรงตัดสินระหว่างเราและเจ้า” ดังนั้นยาโคบจึงกล่าวปฏิญาณในพระนามพระเจ้าผู้ซึ่งอิสอัคบิดาของตนยำเกรง เขาถวายเครื่องบูชาที่นั่น ที่เทือกเขานั้นและเชิญญาติพี่น้องรับประทานอาหาร หลังจากรับประทานอาหารแล้วก็พักค้างคืนที่นั่น เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ลาบันจูบอำลาและให้พรลูกหลานแล้วก็เดินทางกลับบ้าน

ปฐมกาล 31:42-55 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)

ถ้า​พระ​เจ้า​ของ​บิดา​ฉัน พระ​เจ้า​ของ​อับราฮัม และ​พระ​เจ้า​ที่​อิสอัค​เกรง​กลัว​ไม่​ได้​เป็น​ฝ่าย​ฉัน ลุง​คง​จะ​ให้​ฉัน​จาก​ไป​ตัว​เปล่า​เป็น​แน่ พระ​เจ้า​เห็น​ความ​ทุกข์​ของ​ฉัน และ​แรง​งาน​จาก​มือ​ของ​ฉัน​เอง พระ​องค์​จึง​ได้​ห้าม​ลุง​ไว้​เมื่อ​คืน​วาน​นี้” ลาบัน​ตอบ​ยาโคบ​ว่า “หญิง​เหล่า​นี้​เป็น​ลูก​สาว​ของ​ฉัน เด็กๆ ก็​เป็น​หลาน​ฉัน ฝูง​สัตว์​ก็​เป็น​ของ​ฉัน และ​ทุก​สิ่ง​ที่​เจ้า​เห็น​เป็น​ของ​ฉัน วัน​นี้​ฉัน​จะ​ทำ​อะไร​เพื่อ​พวก​เขา หรือ​เพื่อ​ลูกๆ ของ​เขา​ที่​เขา​ให้​กำเนิด​มา​ได้​บ้าง​เล่า มา​เถิด เจ้า​กับ​ฉัน เรา​มา​ทำ​พันธ​สัญญา​กัน​เพื่อ​เป็น​พยาน​ระหว่าง​เรา​สอง​คน” ยาโคบ​จึง​หยิบ​หิน​ก้อน​หนึ่ง​ให้​เป็น​เสา​หลัก แล้ว​ยาโคบ​พูด​กับ​ญาติ​ของ​ตน​ว่า “จง​หยิบ​ก้อน​หิน​มา” พวก​เขา​ก็​หยิบ​ก้อน​หิน เอา​มา​รวม​กัน​ไว้​เป็น​กอง แล้ว​ก็​รับประทาน​อาหาร​กัน​ใกล้​กอง​หิน​ที่​นั่น ลาบัน​ตั้งชื่อ​กอง​หิน​นั้น​ว่า เยการ์สหดูธา แต่​ยาโคบ​ตั้งชื่อ​ว่า กาเลเอด ลาบัน​พูด​ว่า “หิน​กอง​นี้​เป็น​พยาน​ระหว่าง​เจ้า​กับ​ฉัน​ใน​วัน​นี้” เขา​จึง​เรียก​ชื่อ​ว่า กาเลเอด ลาบัน​พูด​ต่อ​ไป​ว่า “ขอ​ให้​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​คอย​เฝ้า​พวก​เรา​ไว้​ขณะ​ที่​เรา​อยู่​ห่าง​จาก​กัน” สถาน​ที่​นั้น​จึง​มี​อีก​ชื่อ​ว่า มิสปาห์ ลาบัน​พูด​ต่อ​อีก​ว่า “ถ้า​เจ้า​ทำ​ไม่​ดี​ต่อ​ลูก​สาว​ของ​ฉัน หรือ​ถ้า​เจ้า​มี​ภรรยา​อื่น​นอกเหนือ​จาก​ลูก​สาว​ของ​ฉัน​แล้ว แม้ว่า​ฉัน​จะ​ไม่​รู้ แต่​จง​จำ​ไว้​ว่า พระ​เจ้า​เป็น​พยาน​ระหว่าง​เจ้า​กับ​ฉัน” แล้ว​ลาบัน​พูด​กับ​ยาโคบ​ว่า “ดู​หิน​กอง​นี้​และ​เสา​หลัก​ที่​ฉัน​ได้​ตั้ง​ไว้​ระหว่าง​เจ้า​กับ​ฉัน หิน​กอง​นี้​เป็น​พยาน และ​เสา​หลัก​ก็​เป็น​พยาน​ว่า ฉัน​จะ​ไม่​ข้าม​หิน​กอง​นี้​ไป​หา​เจ้า และ​เจ้า​จะ​ไม่​ข้าม​หิน​กอง​นี้​มา​หา​ฉัน​เพื่อ​ทำ​ร้าย​กัน ให้​พระ​เจ้า​ของ​อับราฮัม และ​พระ​เจ้า​ของ​นาโฮร์ คือ​พระ​เจ้า​ของ​บิดา​ของ​ท่าน​ทั้ง​สอง​ตัดสิน​ระหว่าง​เรา” ดังนั้น ยาโคบ​จึง​สาบาน​ใน​พระ​นาม​ของ​พระ​เจ้า​ที่​อิสอัค​บิดา​ของ​ตน​เกรง​กลัว แล้ว​ยาโคบ​ถวาย​เครื่อง​สักการะ​ที่​แถบ​เทือก​เขา และ​เรียก​บรรดา​ญาติ​มา​รับประทาน​ขนมปัง พวก​เขา​ก็​รับประทาน​และ​อยู่​ที่​แถบ​เทือก​เขา​นั้น​ตลอด​คืน ลาบัน​ลุก​ขึ้น​แต่​เช้าตรู่ จูบ​แก้ม​ลา​หลานๆ และ​บุตร​หญิง​ของ​เขา อวยพร​พวก​เขา​เสร็จ​แล้ว​ก็​เดิน​ทาง​กลับ​บ้าน​ไป