มัทธิว 27:31-61

มัทธิว 27:31-61 THA-ERV

เมื่อ​ล้อเลียน​จน​พอใจ​แล้ว พวก​เขา​ก็​ถอด​ชุด​สีแดง ใส่​เสื้อผ้า​ชุด​เดิม​ให้ และ​นำ​ตัว​พระองค์​ไป​ตรึง​ที่​ไม้กางเขน ขณะ​ที่​พวก​เขา​กำลัง​เดิน​ออก​มา ก็​พบ​ชาย​คน​หนึ่ง​มา​จาก​ไซรีน​ชื่อ​ซีโมน พวก​เขา​จึง​ได้​บังคับ​ให้​ซีโมน​แบก​ไม้กางเขน​แทน​พระเยซู เมื่อ​มา​ถึง​สถานที่​ที่​เรียกว่า “กลโกธา” ซึ่ง​หมายถึง “เนิน​หัว​กระโหลก” พวก​เขา​เอา​เหล้า​องุ่น​ผสม​กับ​ของ​ขม​มา​ให้​พระองค์ แต่​เมื่อ​พระองค์​ชิม​แล้ว​ก็​ไม่​ยอม​ดื่ม หลัง​จาก​พวก​เขา​จับ​พระองค์​ตรึง​บน​ไม้​กางเขน​แล้ว ก็​เอา​เสื้อผ้า​ของ​พระองค์​มา​จับ​สลาก​แบ่ง​กัน แล้ว​พวก​เขา​ก็​นั่ง​เฝ้า​พระองค์​อยู่​ที่​นั่น เขา​เขียน​คำกล่าวหา​ติด​ไว้​เหนือ​หัว​พระองค์​ว่า “นี่​คือ​เยซู กษัตริย์​ของ​ชาวยิว” มี​โจร​สอง​คน​ถูก​ตรึง​กางเขน​พร้อม​กับ​พระเยซู ทาง​ขวา​คน​หนึ่ง​และ​ทาง​ซ้าย​คน​หนึ่ง คน​ที่​เดิน​ผ่าน​ไป​มา​ต่าง​ส่าย​หัว และ​พูด​เยาะเย้ย​ว่า “อ้าว​ไหน​บอก​ว่า​จะ​ทำลาย​วิหาร แล้ว​สร้าง​มัน​ขึ้น​มา​ใหม่​ภาย​ใน​สาม​วัน​ไง ถ้า​แก​เป็น​ลูก​ของ​พระเจ้า​จริง​ก็​ให้​ช่วย​ชีวิต​ตัวเอง แล้ว​ลง​มา​จาก​ไม้กางเขน​สิ” นอก​จากนี้​พวก​หัวหน้า​นักบวช ครู​สอน​กฎปฏิบัติ และพวก​ผู้นำ​อาวุโส ต่าง​ก็​พา​กัน​พูด​เยาะเย้ย​พระองค์​ว่า “มัน​ช่วย​คน​อื่น​ให้​รอด​ได้ แต่​ช่วย​ตัวเอง​ไม่​ได้ ถ้า​มัน​เป็น​กษัตริย์​ของ​อิสราเอล​จริง ให้​มัน​ลง​มา​จาก​ไม้กางเขน​เดี๋ยวนี้ แล้ว​เรา​จะ​เชื่อ มัน​วางใจ​ใน​พระเจ้า ถ้า​พระเจ้า​ต้องการ​ตัว​มัน ก็​ขอ​ให้​พระเจ้า​ช่วย​ชีวิต​มัน​เดี๋ยวนี้ เพราะ​มัน​พูด​ว่า ‘เรา​เป็น​ลูก​ของ​พระเจ้า’” โจร​สอง​คน​ที่​ถูก​ตรึง​ไม้กางเขน​กับ​พระองค์​ก็​พูดจา​ดูถูก​พระองค์​เหมือน​กัน ตั้งแต่​เที่ยงวัน มี​แต่​ความ​มืดมิด​ปกคลุม​ไป​ทั่ว​ทั้ง​แผ่นดิน​จน​ถึง​บ่าย​สาม​โมง ประมาณ​บ่าย​สาม​โมง พระเยซู​ร้อง​ออก​มา​เสียง​ดัง​ว่า “เอลี เอลี ลามา สะบัก​ธานี” แปล​ว่า “พระเจ้า​ของ​ลูก พระเจ้า​ของ​ลูก ทำไม​ถึง​ทอดทิ้ง​ลูก​ไป” เมื่อ​บางคน​ที่​ยืน​อยู่​ตรง​นั้น​ได้ยิน พวก​เขา​ก็​พูด​กัน​ว่า “เขา​กำลัง​เรียก​เอลียาห์” ทันใดนั้น คน​หนึ่ง​ใน​พวก​เขา​วิ่ง​ไป​เอา​ฟองน้ำ​มา​ชุบ​เหล้า​องุ่น​เปรี้ยว​มา​เสียบ​ที่​ปลาย​ไม้อ้อ แล้ว​ยื่นขึ้น​ไป​ให้​พระองค์​ดื่ม แต่​พวก​ที่​เหลือ​พูด​ว่า “ให้​คอย​ดูซิ​ว่า​เอลียาห์​จะ​มา​ช่วย​ชีวิต​เขา​หรือ​เปล่า” พระเยซู​ร้อง​เสียง​ดัง​ออก​มา​อีก​ครั้ง แล้ว​ก็​สิ้นใจตาย ใน​ขณะ​นั้น​เอง ม่าน​ภาย​ใน​วิหาร​ได้​ฉีก​ขาด​ออก​เป็น​สอง​ส่วน​จาก​บน​ลง​ล่าง เกิด​แผ่นดิน​ไหว และ​ก้อนหิน​แตก​เป็น​เสี่ยงๆ พวก​อุโมงค์ฝังศพ​เปิด​ออก และ​ร่าง​ของ​ประชาชน​ของ​พระเจ้า​หลาย​คน​ที่​ตาย​ไป​แล้ว​ก็​ฟื้นขึ้น​มา หลังจาก​พระเยซู​ฟื้นขึ้น​มา พวก​เขา​ก็​ออก​มา​จาก​อุโมงค์​ฝัง​ศพ จาก​นั้น​พา​กัน​เข้า​ไป​ใน​เมือง​เยรูซาเล็ม และ​ปรากฏ​ตัว​ให้​ประชาชน​จำนวน​มาก​ได้​เห็น เมื่อ​นายร้อย​และ​พวก​ทหาร​ที่​เฝ้า​พระเยซู​อยู่ เห็น​แผ่นดิน​ไหว​และ​เหตุการณ์​ทั้งหมด​ที่​เกิด​ขึ้น​ก็​กลัว​มาก ต่าง​ก็​พูด​ว่า “เขา​เป็น​ลูก​ของ​พระเจ้า​แน่ๆ” มี​ผู้หญิง​หลาย​คน​ที่​ยืน​ดู​อยู่​ห่างๆ พวก​เธอ​เคย​ติด​ตาม​รับใช้​พระเยซู​มา​ตั้งแต่​แคว้น​กาลิลี ใน​พวก​นั้น​มี มารีย์​ชาว​มักดาลา มารีย์​แม่​ของ​ยากอบ​กับ​โยเซฟ และ​แม่​ของ​ยากอบ​กับ​ยอห์น​ที่​เป็น​ภรรยา​ของ​เศเบดี มี​เศรษฐี​คน​หนึ่ง​จาก​เมือง​อาริมาเธีย​ชื่อ​โยเซฟ เขา​เป็น​ศิษย์​ของ​พระเยซู ใน​ตอน​เย็น โยเซฟ​ได้​ไป​หา​ปีลาต​เพื่อ​ขอ​ศพ​พระเยซู ปีลาต​จึง​สั่ง​ให้​ทหาร​มอบ​ศพ​พระเยซู​ให้​กับ​โยเซฟ โยเซฟ​ได้​นำ​ศพ​พระเยซู​ไป และ​เอา​ผ้า​ลินิน​สะอาด​พัน​ศพ​ไว้ เขา​นำ​ศพ​ไป​ไว้​ที่​อุโมงค์ฝังศพ​ใหม่​ของ​เขา​เอง ซึ่ง​เขา​ได้​ขุด​เข้า​ไป​ใน​หิน และ​ก่อน​จะ​จาก​ไป เขา​กลิ้ง​หิน​ก้อน​ใหญ่​มา​ปิด​ปาก​อุโมงค์​ไว้ ตอน​นั้น มารีย์​ชาว​เมือง​มักดาลา และ​มารีย์​อีก​คน​หนึ่ง ได้​มา​นั่ง​มอง​อยู่​ตรง​ข้าม​อุโมงค์​ฝัง​ศพ