มัทธิว 27:31-61

มัทธิว 27:31-61 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

เมื่อเยาะเย้ยพระองค์แล้ว พวกเขาก็ถอดเสื้อคลุมตัวนั้นออก และเอาฉลองพระองค์ของพระองค์มาสวมให้ และนำพระองค์ออกไปเพื่อตรึงที่กางเขน เมื่อออกไปแล้วก็พบชาวไซรีนคนหนึ่งชื่อซีโมน จึงเกณฑ์ให้เขาแบกกางเขนของพระองค์ไป เมื่อมาถึงที่หนึ่งซึ่งเรียกว่ากลโกธา แปลว่าที่กะโหลกศีรษะ เขาทั้งหลายเอาเหล้าองุ่นผสมกับของขมมาถวายพระองค์ เมื่อพระองค์ทรงชิมแล้วก็ไม่เสวย เมื่อตรึงพระองค์ที่กางเขนแล้ว พวกเขาก็เอาฉลองพระองค์มาจับฉลากแบ่งกัน แล้วก็นั่งเฝ้าพระองค์อยู่ที่นั่น และพวกเขาเอาข้อความที่เป็นข้อหาลงโทษพระองค์ไปติดไว้เหนือพระเศียร ซึ่งอ่านว่า “คนนี้คือเยซู กษัตริย์ของชนชาติยิว” เวลานั้น เขาเอาโจรสองคนตรึงไว้พร้อมกับพระองค์ ข้างขวาคนหนึ่งข้างซ้ายคนหนึ่ง คนทั้งหลายที่เดินผ่านไปมา พูดหมิ่นประมาทพระองค์ สั่นศีรษะเยาะเย้ย ว่า “เจ้าเป็นคนที่จะทำลายพระวิหารแล้วสร้างขึ้นภายในสามวันนี่นา จงช่วยตัวเองให้รอด ถ้าเจ้าเป็นพระบุตรของพระเจ้า จงลงมาจากกางเขนเถิด” พวกหัวหน้าปุโรหิตกับพวกธรรมาจารย์และพวกผู้ใหญ่ก็เยาะเย้ยพระองค์เหมือนกันว่า “เขาช่วยคนอื่นให้รอดได้ แต่ช่วยตัวเองไม่ได้ เขาเป็นกษัตริย์ของชนชาติอิสราเอล ให้เขาลงมาจากกางเขนเดี๋ยวนี้เถิด เราจะได้เชื่อบ้าง เขาวางใจพระเจ้า ถ้าพระองค์พอพระทัยตัวเขาก็ขอให้ทรงช่วยเขาเดี๋ยวนี้เถิด เพราะเขากล่าวว่าเขาเป็นพระบุตรของพระเจ้า” แม้แต่โจรสองคนที่ถูกตรึงพร้อมกับพระองค์ก็ด่าว่าพระองค์ด้วย แล้วก็เกิดความมืดมัวทั่วแผ่นดิน ตั้งแต่เวลาเที่ยงวันจนถึงบ่ายสามโมง พอเวลาประมาณบ่ายสามโมง พระเยซูทรงร้องเสียงดังว่า “เอลี เอลี ลามา สะบักธานี” แปลว่า “พระเจ้าของข้าพระองค์ พระเจ้าของข้าพระองค์ ทำไมพระองค์ทรงทอดทิ้งข้าพระองค์เสีย?” บางคนที่ยืนอยู่ที่นั่น เมื่อได้ยินก็พูดว่า “คนนี้เรียกเอลียาห์” ทันใดนั้นคนหนึ่งในพวกเขาก็วิ่งไปเอาฟองน้ำชุบเหล้าองุ่นเปรี้ยวเสียบปลายไม้อ้อ ส่งให้พระองค์เสวย แต่พวกที่เหลือร้องว่า “อย่าเพิ่งเลย ให้เราคอยดูซิว่าเอลียาห์จะมาช่วยเขาหรือไม่” และพระเยซูทรงร้องเสียงดังอีกครั้งหนึ่ง แล้วสิ้นพระชนม์ และนี่แน่ะ ม่านในพระวิหารก็ฉีกขาดออกเป็นสองท่อนตั้งแต่บนตลอดล่าง แผ่นดินก็ไหว ศิลาก็แตกออกจากกัน อุโมงค์ฝังศพต่างๆ ก็เปิดออก ศพของธรรมิกชนหลายคนที่ล่วงหลับไปแล้วก็เป็นขึ้นมา และเมื่อพระเยซูทรงเป็นขึ้นมาแล้ว พวกเขาก็ออกจากอุโมงค์ พากันเข้าไปในนครบริสุทธิ์ปรากฏกับคนจำนวนมาก แต่นายร้อยและพวกทหารที่เฝ้าพระเยซูอยู่ด้วยกัน เมื่อเห็นแผ่นดินไหวและสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้น ก็กลัวอย่างยิ่ง จึงพูดกันว่า “ท่านผู้นี้เป็นพระบุตรของพระเจ้าจริงๆ” ที่นั่นมีผู้หญิงหลายคนที่ติดตามพระองค์จากกาลิลีเพื่อจะปรนนิบัติพระองค์ มองดูอยู่แต่ไกล ในพวกนั้นมีมารีย์ชาวมักดาลา มารีย์มารดาของยากอบและโยเซฟ และมารดาของบุตรทั้งสองของเศเบดี เมื่อถึงเวลาพลบค่ำมีเศรษฐีคนหนึ่งมาจากอาริมาเธียชื่อโยเซฟ เป็นสาวกของพระเยซู เข้าไปหาปีลาตขอพระศพพระเยซู ปีลาตจึงสั่งให้มอบแก่เขา โยเซฟก็เชิญพระศพลงและเอาผ้าป่านที่สะอาดพันหุ้มไว้ แล้วเชิญพระศพไปวางไว้ในอุโมงค์ใหม่ของตนที่สกัดไว้ในศิลา และกลิ้งหินใหญ่ปิดปากอุโมงค์ไว้แล้วก็ไป มารีย์ชาวมักดาลากับมารีย์อีกคนหนึ่งก็นั่งอยู่ที่นั่นตรงหน้าอุโมงค์

มัทธิว 27:31-61 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

เมื่อเยาะเย้ยพระองค์แล้วเขาถอดเสื้อนั้นออก แล้วเอาฉลองพระองค์สวมให้ และนำพระองค์ออกไป เพื่อจะตรึงเสียที่กางเขน ครั้นออกไปแล้วได้พบชาวไซรีนคนหนึ่งชื่อซีโมน จึงเกณฑ์ให้แบกกางเขนของพระองค์ไป เมื่อมาถึงตำบลหนึ่งที่เรียกว่ากลโกธา แปลว่าที่กะโหลกศีรษะ เขาเอาเหล้าองุ่นเปรี้ยวระคนกับของขมมาถวายพระองค์ เมื่อพระองค์ทรงชิมก็ไม่เสวย ครั้นตรึงพระองค์ที่กางเขนแล้ว เขาก็เอาฉลองพระองค์มาจับฉลากแบ่งปันกัน แล้วก็นั่งเฝ้าพระองค์อยู่ที่นั่น และเขาได้เอาถ้อยคำข้อหา ที่ลงโทษพระองค์ไปติดไว้เหนือพระเศียร ซึ่งอ่านว่า <<ผู้นี้คือเยซู กษัตริย์ของชนชาติยิว>> คราวนั้น เขาเอาโจรสองคนตรึงไว้พร้อมกับพระองค์ ข้างขวาคนหนึ่งข้างซ้ายคนหนึ่ง ฝ่ายคนทั้งปวงที่เดินผ่านไปมานั้น ก็กล่าวเหยียดหยามพระองค์ สั่นศีรษะเยาะเย้ย ว่า <<เจ้าผู้จะทำลายพระวิหาร และสร้างขึ้นในสามวันน่ะ จงช่วยตัวเองให้รอด ถ้าเจ้าเป็นบุตรของพระเจ้า จงลงมาจากกางเขนเถิด>> พวกมหาปุโรหิตกับพวกธรรมาจารย์และพวกผู้ใหญ่ ก็เยาะเย้ยพระองค์ว่า <<เขาช่วยคนอื่นให้รอดได้ แต่ช่วยตัวเองไม่ได้ เขาเป็นกษัตริย์ของชาติอิสราเอล ให้เขาลงมาจากกางเขนเดี๋ยวนี้เถิด เราจะได้เชื่อถือบ้าง เขาไว้ใจในพระเจ้า ถ้าพระองค์พอพระทัยในเขาก็ให้ทรงช่วยเขาเดี๋ยวนี้เถิด ด้วยเขาได้กล่าวว่าเขาเป็นพระบุตรของพระเจ้า>> ถึงโจรที่ถูกตรึงไว้กับพระองค์ ก็ยังกล่าวคำหยาบช้าต่อพระองค์เหมือนกัน แล้วก็บังเกิดมืดมัวทั่วแผ่นดิน ตั้งแต่เวลาเที่ยงวันจนถึงบ่ายสามโมง ครั้นประมาณบ่ายสามโมง พระเยซูทรงร้องเสียงดังว่า <<เอลี เอลี ลามาสะบักธานี>> แปลว่า <<พระเจ้าของข้าพระองค์ พระเจ้าของข้าพระองค์ ไฉนทรงทอดทิ้งข้าพระองค์เสีย>> บางคนที่ยืนอยู่ที่นั่น เมื่อได้ยินก็พูดว่า <<คนนี้เรียกเอลียาห์>> ในทันใดนั้น คนหนึ่งในพวกเขาวิ่งไปเอาฟองน้ำชุบเหล้าองุ่นเปรี้ยวเสียบปลายไม้อ้อ ส่งให้พระองค์เสวย แต่คนอื่นร้องว่า <<อย่าเพ่อก่อน ให้เราคอยดูซิว่าเอลียาห์จะมาช่วยเขาให้รอดหรือไม่>> ฝ่ายพระเยซูร้องเสียงดังอีกครั้งหนึ่ง แล้วสิ้นพระชนม์ และดูเถิด ม่านในพระวิหารก็ขาดออกเป็นสองท่อน ตั้งแต่บนตลอดล่าง แผ่นดินก็ไหว ศิลาก็แตกออกจากกัน อุโมงค์ฝังศพก็เปิดออก ศพของธรรมิกชนหลายคนที่ล่วงหลับไปแล้วได้เป็นขึ้นมา และเมื่อพระเยซูทรงเป็นขึ้นมาแล้ว เขาทั้งหลายก็ออกจากอุโมงค์ พากันเข้าไปในนครบริสุทธิ์ปรากฏแก่คนเป็นอันมาก ส่วนนายร้อยและทหารที่เฝ้าพระศพพระเยซูอยู่ด้วยกัน เมื่อได้เห็นแผ่นดินไหวและการทั้งปวงซึ่งบังเกิดขึ้นนั้น ก็พากันครั่นคร้ามยิ่งนัก จึงพูดกันว่า <<แท้จริงท่านผู้นี้เป็นพระบุตรของพระเจ้า>> ที่นั่นมีหญิงหลายคนที่ได้ติดตามพระองค์ จากกาลิลีเพื่อจะปรนนิบัติพระองค์ มองดูอยู่แต่ไกล ในพวกนั้นมีมารีย์ชาวมักดาลา มารีย์มารดาของยากอบและโยเซฟ และมารดาของบุตรเศเบดี ครั้นถึงเวลาพลบค่ำ มีเศรษฐีคนหนึ่งมาจากบ้านอาริมาเธีย ชื่อโยเซฟเป็นศิษย์ของพระเยซู ได้เข้าไปหาปีลาตขอพระศพพระเยซู ปีลาตจึงสั่งให้มอบแก่เขา โยเซฟก็เชิญพระศพเอาผ้าป่านที่สะอาด พันหุ้มไว้ แล้วเชิญพระศพไปประดิษฐานไว้ที่อุโมงค์ใหม่ของตน ซึ่งเขาได้สกัดไว้ในศิลา กลิ้งหินใหญ่ปิดปากอุโมงค์ไว้แล้วก็ไป ฝ่ายมารีย์ชาวมักดาลากับมารีย์อีกคนหนึ่งนั้น ก็นั่งอยู่ที่นั่นตรงหน้าอุโมงค์

มัทธิว 27:31-61 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

เมื่อ​ล้อเลียน​จน​พอใจ​แล้ว พวก​เขา​ก็​ถอด​ชุด​สีแดง ใส่​เสื้อผ้า​ชุด​เดิม​ให้ และ​นำ​ตัว​พระองค์​ไป​ตรึง​ที่​ไม้กางเขน ขณะ​ที่​พวก​เขา​กำลัง​เดิน​ออก​มา ก็​พบ​ชาย​คน​หนึ่ง​มา​จาก​ไซรีน​ชื่อ​ซีโมน พวก​เขา​จึง​ได้​บังคับ​ให้​ซีโมน​แบก​ไม้กางเขน​แทน​พระเยซู เมื่อ​มา​ถึง​สถานที่​ที่​เรียกว่า “กลโกธา” ซึ่ง​หมายถึง “เนิน​หัว​กระโหลก” พวก​เขา​เอา​เหล้า​องุ่น​ผสม​กับ​ของ​ขม​มา​ให้​พระองค์ แต่​เมื่อ​พระองค์​ชิม​แล้ว​ก็​ไม่​ยอม​ดื่ม หลัง​จาก​พวก​เขา​จับ​พระองค์​ตรึง​บน​ไม้​กางเขน​แล้ว ก็​เอา​เสื้อผ้า​ของ​พระองค์​มา​จับ​สลาก​แบ่ง​กัน แล้ว​พวก​เขา​ก็​นั่ง​เฝ้า​พระองค์​อยู่​ที่​นั่น เขา​เขียน​คำกล่าวหา​ติด​ไว้​เหนือ​หัว​พระองค์​ว่า “นี่​คือ​เยซู กษัตริย์​ของ​ชาวยิว” มี​โจร​สอง​คน​ถูก​ตรึง​กางเขน​พร้อม​กับ​พระเยซู ทาง​ขวา​คน​หนึ่ง​และ​ทาง​ซ้าย​คน​หนึ่ง คน​ที่​เดิน​ผ่าน​ไป​มา​ต่าง​ส่าย​หัว และ​พูด​เยาะเย้ย​ว่า “อ้าว​ไหน​บอก​ว่า​จะ​ทำลาย​วิหาร แล้ว​สร้าง​มัน​ขึ้น​มา​ใหม่​ภาย​ใน​สาม​วัน​ไง ถ้า​แก​เป็น​ลูก​ของ​พระเจ้า​จริง​ก็​ให้​ช่วย​ชีวิต​ตัวเอง แล้ว​ลง​มา​จาก​ไม้กางเขน​สิ” นอก​จากนี้​พวก​หัวหน้า​นักบวช ครู​สอน​กฎปฏิบัติ และพวก​ผู้นำ​อาวุโส ต่าง​ก็​พา​กัน​พูด​เยาะเย้ย​พระองค์​ว่า “มัน​ช่วย​คน​อื่น​ให้​รอด​ได้ แต่​ช่วย​ตัวเอง​ไม่​ได้ ถ้า​มัน​เป็น​กษัตริย์​ของ​อิสราเอล​จริง ให้​มัน​ลง​มา​จาก​ไม้กางเขน​เดี๋ยวนี้ แล้ว​เรา​จะ​เชื่อ มัน​วางใจ​ใน​พระเจ้า ถ้า​พระเจ้า​ต้องการ​ตัว​มัน ก็​ขอ​ให้​พระเจ้า​ช่วย​ชีวิต​มัน​เดี๋ยวนี้ เพราะ​มัน​พูด​ว่า ‘เรา​เป็น​ลูก​ของ​พระเจ้า’” โจร​สอง​คน​ที่​ถูก​ตรึง​ไม้กางเขน​กับ​พระองค์​ก็​พูดจา​ดูถูก​พระองค์​เหมือน​กัน ตั้งแต่​เที่ยงวัน มี​แต่​ความ​มืดมิด​ปกคลุม​ไป​ทั่ว​ทั้ง​แผ่นดิน​จน​ถึง​บ่าย​สาม​โมง ประมาณ​บ่าย​สาม​โมง พระเยซู​ร้อง​ออก​มา​เสียง​ดัง​ว่า “เอลี เอลี ลามา สะบัก​ธานี” แปล​ว่า “พระเจ้า​ของ​ลูก พระเจ้า​ของ​ลูก ทำไม​ถึง​ทอดทิ้ง​ลูก​ไป” เมื่อ​บางคน​ที่​ยืน​อยู่​ตรง​นั้น​ได้ยิน พวก​เขา​ก็​พูด​กัน​ว่า “เขา​กำลัง​เรียก​เอลียาห์” ทันใดนั้น คน​หนึ่ง​ใน​พวก​เขา​วิ่ง​ไป​เอา​ฟองน้ำ​มา​ชุบ​เหล้า​องุ่น​เปรี้ยว​มา​เสียบ​ที่​ปลาย​ไม้อ้อ แล้ว​ยื่นขึ้น​ไป​ให้​พระองค์​ดื่ม แต่​พวก​ที่​เหลือ​พูด​ว่า “ให้​คอย​ดูซิ​ว่า​เอลียาห์​จะ​มา​ช่วย​ชีวิต​เขา​หรือ​เปล่า” พระเยซู​ร้อง​เสียง​ดัง​ออก​มา​อีก​ครั้ง แล้ว​ก็​สิ้นใจตาย ใน​ขณะ​นั้น​เอง ม่าน​ภาย​ใน​วิหาร​ได้​ฉีก​ขาด​ออก​เป็น​สอง​ส่วน​จาก​บน​ลง​ล่าง เกิด​แผ่นดิน​ไหว และ​ก้อนหิน​แตก​เป็น​เสี่ยงๆ พวก​อุโมงค์ฝังศพ​เปิด​ออก และ​ร่าง​ของ​ประชาชน​ของ​พระเจ้า​หลาย​คน​ที่​ตาย​ไป​แล้ว​ก็​ฟื้นขึ้น​มา หลังจาก​พระเยซู​ฟื้นขึ้น​มา พวก​เขา​ก็​ออก​มา​จาก​อุโมงค์​ฝัง​ศพ จาก​นั้น​พา​กัน​เข้า​ไป​ใน​เมือง​เยรูซาเล็ม และ​ปรากฏ​ตัว​ให้​ประชาชน​จำนวน​มาก​ได้​เห็น เมื่อ​นายร้อย​และ​พวก​ทหาร​ที่​เฝ้า​พระเยซู​อยู่ เห็น​แผ่นดิน​ไหว​และ​เหตุการณ์​ทั้งหมด​ที่​เกิด​ขึ้น​ก็​กลัว​มาก ต่าง​ก็​พูด​ว่า “เขา​เป็น​ลูก​ของ​พระเจ้า​แน่ๆ” มี​ผู้หญิง​หลาย​คน​ที่​ยืน​ดู​อยู่​ห่างๆ พวก​เธอ​เคย​ติด​ตาม​รับใช้​พระเยซู​มา​ตั้งแต่​แคว้น​กาลิลี ใน​พวก​นั้น​มี มารีย์​ชาว​มักดาลา มารีย์​แม่​ของ​ยากอบ​กับ​โยเซฟ และ​แม่​ของ​ยากอบ​กับ​ยอห์น​ที่​เป็น​ภรรยา​ของ​เศเบดี มี​เศรษฐี​คน​หนึ่ง​จาก​เมือง​อาริมาเธีย​ชื่อ​โยเซฟ เขา​เป็น​ศิษย์​ของ​พระเยซู ใน​ตอน​เย็น โยเซฟ​ได้​ไป​หา​ปีลาต​เพื่อ​ขอ​ศพ​พระเยซู ปีลาต​จึง​สั่ง​ให้​ทหาร​มอบ​ศพ​พระเยซู​ให้​กับ​โยเซฟ โยเซฟ​ได้​นำ​ศพ​พระเยซู​ไป และ​เอา​ผ้า​ลินิน​สะอาด​พัน​ศพ​ไว้ เขา​นำ​ศพ​ไป​ไว้​ที่​อุโมงค์ฝังศพ​ใหม่​ของ​เขา​เอง ซึ่ง​เขา​ได้​ขุด​เข้า​ไป​ใน​หิน และ​ก่อน​จะ​จาก​ไป เขา​กลิ้ง​หิน​ก้อน​ใหญ่​มา​ปิด​ปาก​อุโมงค์​ไว้ ตอน​นั้น มารีย์​ชาว​เมือง​มักดาลา และ​มารีย์​อีก​คน​หนึ่ง ได้​มา​นั่ง​มอง​อยู่​ตรง​ข้าม​อุโมงค์​ฝัง​ศพ

มัทธิว 27:31-61 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)

เมื่อพวกเขาเยาะเย้ยพระองค์​แล้ว เขาถอดเสื้อนั้นออก แล​้วเอาฉลองพระองค์สวมให้ และนำพระองค์ออกไปเพื่อจะตรึงเสียที่​กางเขน ขณะที่​พวกเขาออกไปนั้น เขาได้พบชาวไซรีนคนหนึ่งชื่อซี​โมน เขาจึงเกณฑ์คนนั้นให้แบกกางเขนของพระองค์​ไป เมื่อพวกเขามาถึงสถานที่​แห่งหน​ึ่งซึ่งเรียกว่ากลโกธา แปลว่า สถานที่​กะโหลกศีรษะ เขาเอาน้ำองุ่นเปรี้ยวระคนกับของขมมาถวายพระองค์ เมื่อพระองค์ทรงชิมก็​ไม่​เสวย ครั้นตรึงพระองค์​ที่​กางเขนแล้ว เขาก็เอาฉลองพระองค์มาจับสลากแบ่งปั​นก​ันเพื่อจะสำเร็จตามพระวจนะโดยศาสดาพยากรณ์ซึ่งว่า ‘เสื้อผ้าของข้าพระองค์ เขาแบ่งปั​นก​ัน ส่วนเสื้อของข้าพระองค์​นั้น เขาก็จับสลากกัน’ แล​้วพวกเขาก็นั่งเฝ้าพระองค์​อยู่​ที่นั่น และได้เอาถ้อยคำข้อหาที่ลงโทษพระองค์ไปติดไว้เหนือพระเศียร ซึ่​งอ​่านว่า “​ผู้​นี้​คือเยซู​กษัตริย์​ของชนชาติ​ยิว​” คราวนั้​นม​ีโจรสองคนถูกตรึงไว้​พร​้อมกับพระองค์ ข้างขวาพระหัตถ์คนหนึ่ง ข้างซ้ายอีกคนหนึ่ง ฝ่ายคนทั้งหลายที่เดินผ่านไปมานั้​นก​็ด่าทอพระองค์ สั่นศีรษะของเขา กล่าวว่า “​เจ้​าผู้จะทำลายพระวิหารและสร้างขึ้นในสามวันน่ะ จงช่วยตัวเองให้​รอด ถ้าเจ้าเป็นบุตรของพระเจ้า จงลงมาจากกางเขนเถิด” พวกปุโรหิตใหญ่กับพวกธรรมาจารย์และพวกผู้​ใหญ่​ก็​เยาะเย้ยพระองค์เช่​นก​ั​นว​่า “เขาช่วยคนอื่นให้รอดได้ แต่​ช่วยตัวเองให้รอดไม่​ได้ ถ้าเขาเป็นกษั​ตริ​ย์ของชาติ​อิสราเอล ให้​เขาลงมาจากกางเขนเดี๋ยวนี้​เถิด และเราจะเชื่อเขา เขาไว้ใจในพระเจ้า ถ้าพระองค์พอพระทัยในเขาก็​ให้​พระองค์​ทรงช่วยเขาให้รอดเดี๋ยวนี้​เถิด ด้วยเขาได้​กล่าวว่า ‘เราเป็นพระบุตรของพระเจ้า’” ถึงโจรที่​ถู​กตรึงไว้กับพระองค์​ก็​ยังกล่าวคำหยาบช้าต่อพระองค์​เหมือนกัน แล้วก็​บังเกิดความมืดทั่​วท​ั้งแผ่นดิน ตั้งแต่​เวลาเที่ยงวัน จนถึ​งบ​่ายสามโมง ครั้นประมาณบ่ายสามโมงพระเยซูทรงร้องเสียงดังว่า “เอลี เอลี ลามาสะบักธานี” แปลว่า “พระเจ้าของข้าพระองค์ พระเจ้าของข้าพระองค์ ไฉนพระองค์ทรงทอดทิ้งข้าพระองค์​เสีย​” บางคนในพวกที่ยืนอยู่​ที่นั่น เมื่อได้ยิ​นก​็​พูดว่า “คนนี้เรียกเอลียาห์” ในทันใดนั้น คนหนึ่งในพวกเขาวิ่งไปเอาฟองน้ำชุ​บน​้ำองุ่นเปรี้ยวเสียบปลายไม้​อ้อ ส่งให้​พระองค์​เสวย แต่​คนอื่​นร​้องว่า “อย่าเพิ่ง ให้​เราคอยดู​ซิว​่าเอลียาห์จะมาช่วยเขาให้รอดหรือไม่” ฝ่ายพระเยซู เมื่อพระองค์ร้องเสียงดั​งอ​ีกครั้งหนึ่ง ก็​ทรงปล่อยพระวิญญาณจิตออกไป และดู​เถิด ม่านในพระวิหารก็ขาดออกเป็นสองท่อนตั้งแต่บนตลอดล่าง แผ่​นดิ​นก​็​ไหว ศิ​ลาก​็แตกออกจากกัน อุโมงค์​ฝังศพก็เปิดออก ศพของพวกวิ​สุทธิ​ชนหลายคนที่ล่วงหลับไปแล้วได้เป็นขึ้นมา ภายหลังที่​พระองค์​ทรงเป็นขึ้นมาแล้ว เขาทั้งหลายก็ออกจากอุโมงค์พากันเข้าไปในนครบริ​สุทธิ​์ปรากฏแก่คนเป็​นอ​ันมาก บัดนี้ เมื่อนายร้อยและทหารที่เฝ้าพระเยซู​อยู่​ด้วยกันได้​เห​็นแผ่นดินไหวและเหตุ​การณ์​เหล่​านั้นซึ่​งบ​ังเกิดขึ้น ก็​พากั​นคร​ั่​นคร​้ามยิ่งนัก จึงพู​ดก​ั​นว​่า “​แท้​จร​ิงท่านผู้​นี้​เป็นพระบุตรของพระเจ้า” ที่​นั่​นม​ีหญิงหลายคนที่​ได้​ติ​ดตามพระเยซูจากแคว้นกาลิลีเพื่อปรนนิบั​ติ​พระองค์ มองดู​อยู่​แต่ไกล ในพวกนั้​นม​ี​มาร​ีย์ชาวมักดาลา มาร​ีย์มารดาของยากอบและโยเสส และมารดาของบุตรเศเบดี ครั้นถึงเวลาพลบค่ำ มี​เศรษฐี​คนหนึ่งมาจากบ้านอาริมาเธียชื่อโยเซฟ เป็นสาวกของพระเยซู​ด้วย เขาได้​เข​้าไปหาปีลาตขอพระศพพระเยซู ปี​ลาตจึงสั่งให้มอบพระศพนั้นให้ เมื่อโยเซฟได้รับพระศพมาแล้ว เขาก็เอาผ้าป่านที่สะอาดพันหุ้มพระศพไว้ แล​้วเชิญพระศพไปประดิษฐานไว้​ที่​อุโมงค์​ใหม่​ของตน ซึ่งเขาได้สกัดไว้ในศิ​ลา เขาก็​กล​ิ้งหินใหญ่ปิดปากอุโมงค์​ไว้​แล้วก็​จากไป ฝ่ายมารีย์ชาวมักดาลากับมารีย์​อี​กคนหนึ่งนั้น ก็​นั่งอยู่​ที่​นั่นตรงหน้าอุโมงค์

มัทธิว 27:31-61 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

หลังจากเยาะเย้ยพระองค์แล้ว ก็ถอดเสื้อนั้นออก เอาเสื้อผ้าของพระองค์เองมาสวมให้ แล้วนำพระองค์ออกไปเพื่อตรึงที่ไม้กางเขน ขณะออกไปก็พบชายคนหนึ่งจากไซรีนชื่อซีโมน พวกทหารจึงเกณฑ์ให้เขาแบกไม้กางเขนนั้น เมื่อพวกเขามาถึงที่ซึ่งเรียกว่า กลโกธา ซึ่งแปลว่า สถานแห่งหัวกะโหลก ก็เอาเหล้าองุ่นผสมน้ำดีมีรสขมมาถวาย พระเยซูทรงชิมแล้วก็ไม่เสวย เมื่อเขาตรึงพระองค์ที่ไม้กางเขนแล้ว ก็นำฉลองพระองค์มาจับฉลากแบ่งกัน และพวกเขานั่งเฝ้าพระองค์อยู่ที่นั่น เหนือพระเศียรมีข้อหาเขียนติดไว้ว่า “นี่คือเยซูกษัตริย์ของชาวยิว” โจรสองคนถูกตรึงที่ไม้กางเขนพร้อมกับพระองค์ คนหนึ่งอยู่ข้างซ้ายและอีกคนหนึ่งอยู่ข้างขวาของพระองค์ ผู้คนที่ผ่านไปมาต่างส่ายหน้าพูดสบประมาทพระองค์ และกล่าวว่า “เจ้าผู้จะทำลายพระวิหารแล้วสร้างขึ้นใหม่ในสามวัน จงช่วยตัวเองให้รอด! ลงมาจากกางเขนสิถ้าเจ้าเป็นพระบุตรของพระเจ้า!” เช่นเดียวกันพวกหัวหน้าปุโรหิต ธรรมาจารย์ และเหล่าผู้อาวุโส ก็เยาะเย้ยพระองค์ว่า “เขาช่วยคนอื่นให้รอด แต่ช่วยตัวเองให้รอดไม่ได้! เขาเป็นกษัตริย์ของอิสราเอล! ให้เขาลงมาจากกางเขนเดี๋ยวนี้สิแล้วเราจะเชื่อเขา เขาวางใจในพระเจ้าก็ให้พระเจ้าช่วยเขาตอนนี้สิถ้าพระองค์ยังต้องการเขาอยู่ เพราะเขาพูดว่า ‘เราเป็นพระบุตรของพระเจ้า’ ” พวกโจรที่ถูกตรึงพร้อมกับพระองค์ก็พากันพูดดูถูกดูหมิ่นพระองค์ต่างๆ นานาด้วย แล้วเกิดความมืดมัวไปทั่วแผ่นดินตั้งแต่เที่ยงวันจนถึงบ่ายสามโมง ราวบ่ายสามโมงพระเยซูทรงร้องเสียงดังว่า “เอโลอี เอโลอี ลามา สะบักธานี?” ซึ่งแปลว่า “พระเจ้าของข้าพระองค์ พระเจ้าของข้าพระองค์ ทำไมทรงทอดทิ้งข้าพระองค์?” บางคนซึ่งยืนอยู่ที่นั่นเมื่อได้ยินก็พูดว่า “เขาร้องเรียกเอลียาห์” ทันใดนั้นคนหนึ่งในพวกเขาก็วิ่งไปเอาฟองน้ำจุ่มเหล้าองุ่นเปรี้ยวเสียบไม้ส่งให้พระเยซูเสวย คนอื่นๆ พูดว่า “อย่าไปยุ่งกับเขา ให้เราดูซิว่าเอลียาห์จะมาช่วยเขาหรือไม่” และเมื่อพระเยซูทรงร้องเสียงดังอีกครั้ง พระองค์ก็สิ้นพระชนม์ ขณะนั้นเองม่านในพระวิหารก็ขาดเป็นสองส่วนตั้งแต่บนจรดล่าง เกิดแผ่นดินไหว ศิลาแตกออกจากกัน อุโมงค์ฝังศพเปิดออกและร่างของวิสุทธิชนหลายคนที่ตายแล้วก็ฟื้นคืนชีวิต พวกเขาออกมาจากอุโมงค์และหลังจากพระเยซูคืนพระชนม์แล้ว พวกเขาก็เข้าสู่นครบริสุทธิ์และปรากฏแก่คนเป็นอันมาก ส่วนนายร้อยและทหารที่เฝ้าพระเยซูอยู่ด้วยกันเมื่อเห็นแผ่นดินไหวและทุกสิ่งที่เกิดขึ้นก็ตื่นตกใจร้องว่า “แท้จริงท่านผู้นี้เป็นพระบุตรของพระเจ้า!” ผู้หญิงหลายคนอยู่ที่นั่นเฝ้าดูอยู่ห่างๆ พวกเขาติดตามพระเยซูมาจากกาลิลีเพื่อคอยปรนนิบัติพระองค์ ในพวกนั้นมีมารีย์ชาวมักดาลา มารีย์มารดาของยากอบกับโยเซฟ และมารดาของบุตรเศเบดี เมื่อเวลาเย็นใกล้เข้ามาเศรษฐีคนหนึ่งมาจากอาริมาเธียชื่อโยเซฟ เขาเองก็เป็นสาวกของพระเยซู เขาไปพบปีลาตเพื่อขอพระศพพระเยซูและปีลาตก็สั่งให้มอบพระศพแก่เขา โยเซฟเชิญพระศพมา เอาผ้าลินินสะอาดพันพระศพ แล้วนำไปวางไว้ในอุโมงค์ใหม่ของตนซึ่งสกัดไว้ในศิลาและกลิ้งหินใหญ่ปิดทางเข้าอุโมงค์ แล้วเขาก็ไป มารีย์ชาวมักดาลากับมารีย์อีกคนหนึ่งนั่งอยู่ที่นั่นตรงข้ามอุโมงค์

มัทธิว 27:31-61 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)

หลัง​จาก​ที่​พวก​เขา​ได้​ล้อเลียน​พระ​เยซู​แล้ว​ก็​ถอด​เสื้อ​คลุม​ออก สวม​เสื้อ​ตัว​นอก​ของ​พระ​องค์​คืน​ให้ แล้ว​นำ​พระ​องค์​ออก​ไป​เพื่อ​ตรึง​บน​ไม้​กางเขน ขณะ​ที่​กำลัง​เดิน​กัน​ออก​ไป​ก็​พบ​กับ​ชาว​ไซรีน​คน​หนึ่ง​ชื่อ​ซีโมน พวก​เขา​จึง​ใช้​ให้​แบก​ไม้​กางเขน​ของ​พระ​องค์ เมื่อ​พวก​เขา​มา​ยัง​สถานที่​ซึ่ง​เรียก​ว่า​กลโกธา​ซึ่ง​มี​ความ​หมาย​ว่า ที่​ของ​กะโหลก​ศีรษะ พวก​เขา​ให้​พระ​เยซู​ดื่ม​เหล้า​องุ่น​ผสม​กับ​ของ​ขม แต่​เมื่อ​พระ​องค์​ชิม​แล้ว ก็​ไม่​ดื่ม เมื่อ​พวก​เขา​ได้​ตรึง​พระ​เยซู​บน​ไม้​กางเขน​แล้ว​ก็​แบ่งปัน​เสื้อ​ตัวนอก​ของ​พระ​องค์​ด้วย​การ​จับ​ฉลาก​ใน​หมู่​พวก​เขา​เอง หลัง​จาก​นั้น​ก็​นั่ง​เฝ้า​พระ​องค์​อยู่​ที่นั่น พวก​เขา​ติด​ข้อ​กล่าวหา​พระ​องค์​ไว้​เหนือ​ศีรษะ​ของ​พระ​องค์ มี​ความ​ว่า “นี่​คือ​พระ​เยซู กษัตริย์​ของ​ชาว​ยิว” ใน​เวลา​นั้น​มี​โจร 2 คน​ถูก​ตรึง​บน​ไม้​กางเขน​พร้อม​กับ​พระ​องค์ คน​หนึ่ง​ทาง​ด้าน​ขวา​และ​คน​หนึ่ง​ทาง​ด้าน​ซ้าย พวก​ผู้​คน​ที่​เดิน​ผ่าน​ไป ต่าง​ก็​เยาะเย้ย​พระ​องค์​พลาง​ส่าย​หัว​กัน​ไป​มา และ​พูด​ว่า “ใน​เมื่อ​ท่าน​เป็น​ผู้​ที่​จะ​ทำลาย​พระ​วิหาร​แล้ว​สร้าง​ขึ้น​ใหม่​ได้​ใน 3 วัน ก็​ช่วย​ตัว​เอง​ให้​รอด​สิ ถ้า​ท่าน​เป็น​พระ​บุตร​ของ​พระ​เจ้า ก็​ลง​มา​จาก​ไม้​กางเขน​เสีย​เถอะ” พวก​มหา​ปุโรหิต​กับ​อาจารย์​ฝ่าย​กฎ​บัญญัติ​และ​พวก​ผู้ใหญ่​ล้อเลียน​พระ​องค์​ใน​ทำนอง​เดียว​กัน​และ​พูด​ว่า “เขา​ช่วย​คน​อื่น​ให้​รอด​ชีวิต​ได้ แต่​กลับ​ช่วย​ตน​เอง​ให้​รอด​ไม่​ได้ เขา​เป็น​กษัตริย์​ของ​อิสราเอล เวลา​นี้​ก็​ให้​ลง​มา​จาก​ไม้​กางเขน​สิ แล้ว​พวก​เรา​จะได้​เชื่อ​เขา เขา​ไว้ใจ​พระ​เจ้า ถ้า​พระ​เจ้า​ต้องการ ก็​ให้​พระ​องค์​ช่วยเหลือ​เขา​เดี๋ยวนี้ เพราะ​เขา​กล่าวไว้​ว่า ‘เรา​เป็น​บุตร​ของ​พระ​เจ้า’” โจร​ทั้ง​สอง​ที่​ถูก​ตรึง​พร้อม​กับ​พระ​เยซู​ก็​เช่น​กัน พวก​เขา​สบ​ประมาท​พระ​องค์​ใน​ทำนอง​เดียว​กัน ความ​มืด​ปก​คลุม​ไป​ทั่ว​แผ่นดิน​ตั้งแต่​เวลา​เที่ยง​วัน​จน​ถึง​บ่าย 3 โมง ประมาณ​เวลา​บ่าย 3 โมง พระ​เยซู​ร้องขึ้น​เสียง​ดัง​ว่า “เอลี เอลี ลามา สะบักธานี” คือ “พระ​เจ้า​ของ​ข้าพเจ้า พระ​เจ้า​ของ​ข้าพเจ้า ทำไม​พระ​องค์​จึง​ทอดทิ้ง​ข้าพเจ้า” บาง​คน​ที่​ยืน​อยู่​ที่​นั่น​ได้ยิน​ดังนั้น​จึง​พูด​ว่า “คนนี้​กำลัง​เรียก​เอลียาห์” ใน​ทันใด​นั้น คน​หนึ่ง​วิ่ง​ไป​เอา​ฟองน้ำ​ชุบ​เหล้า​องุ่น​เปรี้ยว​ติด​ไว้​ที่​ปลาย​ไม้อ้อ​ยื่น​ให้​พระ​องค์​จิบ คน​อื่น​พูด​ว่า “รอ​ดู​กัน​เถิด​ว่า​เอลียาห์​จะ​มา​ช่วยเหลือ​เขา​หรือ​ไม่” พระ​เยซู​ร้อง​เสียงดัง​ขึ้น​อีก​ครั้ง และ​สิ้น​ชีวิต ดู​เถิด ผ้า​ม่าน​ใน​พระ​วิหาร​ขาด​ออก​เป็น 2 ท่อน​จาก​ส่วน​บน​ถึง​ส่วน​ล่าง เกิด​แผ่นดินไหว และ​หิน​แตก​ออก​จาก​กัน ถ้ำ​เก็บศพ​เปิดออก ร่าง​ของ​บรรดา​ผู้​บริสุทธิ์​ของ​พระ​เจ้า​ที่​ตายไป​แล้ว​กลับ​ฟื้น​คืนชีวิต เขา​เหล่า​นั้น​ได้​ออกมา​จาก​ถ้ำ​เก็บศพ และ​หลัง​จาก​พระ​องค์​ได้​ฟื้น​คืนชีวิต​จาก​ความ​ตาย​แล้ว พวก​เขา​ก็​เข้าไป​ใน​เมือง​บริสุทธิ์ และ​ปรากฏตัว​แก่​คน​จำนวน​มาก เมื่อ​นาย​ร้อย​และ​พวก​คน​ที่​เฝ้า​พระ​เยซู​อยู่​ด้วย​กัน​เห็น​แผ่นดินไหว​และ​สิ่ง​ต่างๆ ที่​เกิด​ขึ้น​ก็​ตกใจ​กลัว​มาก พูด​ว่า “จริง​ทีเดียว ผู้นี้​เป็น​พระ​บุตร​ของ​พระ​เจ้า” มี​ผู้​หญิง​จำนวน​มาก​ซึ่ง​อยู่​ที่นั่น​มองดู​อยู่​แต่​ไกล พวก​นาง​ได้​ติดตาม​พระ​เยซู​จาก​แคว้น​กาลิลี​มา​เพื่อ​ปรนนิบัติ​พระ​องค์ ใน​บรรดา​หญิง​เหล่า​นั้น​มี มารีย์​ชาว​มักดาลา มารีย์​มารดา​ของ​ยากอบ​และ​โยเซฟ และ​มารดา​ของ​บุตร​ชาย​ทั้ง​สอง​ของ​เศเบดี ครั้น​ถึง​เวลา​เย็น มี​ชาย​มั่งมี​คนหนึ่ง​จาก​เมือง​อาริมาเธีย​ชื่อ​โยเซฟ ซึ่ง​ก็​ได้​มา​เป็น​สาวก​ของ​พระ​เยซู​เช่น​กัน ชาย​คนนี้​ไป​หา​ปีลาต​เพื่อ​ขอ​ร่าง​ของ​พระ​เยซู ปีลาต​จึง​สั่ง​ให้​เขา​เอา​ร่าง​ไป​ได้ โยเซฟ​เอา​ร่าง​นั้น​ไป​และ​พัน​หุ้ม​ไว้​ใน​ผ้าป่าน​สะอาด เขา​วาง​ร่าง​พระ​องค์​ไว้​ใน​ถ้ำ​เก็บศพ​ของ​เขา​เอง​ซึ่ง​เจาะ​เข้าไป​ใน​หิน กลิ้ง​หิน​ก้อน​ใหญ่​พิง​ปิด​ทาง​เข้า​ถ้ำ​เก็บศพ​ไว้​แล้ว​จาก​ไป มารีย์​ชาว​มักดาลา​และ​มารีย์​อีกคน​ก็​อยู่​ที่นั่น​ด้วย นั่ง​อยู่​ฝั่ง​ตรงข้าม​ถ้ำ​เก็บศพ