ต่อมาความรักก็แปรเปลี่ยนเป็นความเกลียดชัง อัมโนนกลับเกลียดชังเธอยิ่งกว่าที่เคยหลงรักเธอ จึงตะคอกว่า “ลุกขึ้น แล้วไปให้พ้นจากที่นี่!” ทามาร์กล่าวว่า “พี่ไล่น้องอย่างนี้ก็เลวร้ายยิ่งกว่าสิ่งที่พี่ได้ทำกับน้อง” แต่อัมโนนไม่ฟัง กลับเรียกมหาดเล็กเข้ามาสั่งว่า “ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไป แล้วปิดประตูลงกลอนเสีย” ดังนั้นมหาดเล็กก็ไล่เธอออกไปข้างนอกและลงกลอนประตู ทามาร์นั้นสวมเสื้อคลุมที่ตกแต่งอย่างงดงามตามธรรมเนียมพระราชธิดาพรหมจารี เธอก็โปรยขี้เถ้าบนศีรษะและฉีกเสื้อคลุมที่ตกแต่งอย่างงดงามนั้นขาด เอามือปิดหน้า ร้องไห้เสียงดังออกไป เมื่ออับซาโลมพี่ชายเห็นเข้าก็บอกเธอว่า “จริงหรือที่อัมโนนข่มเหงน้อง? น้องเอ๋ย นิ่งเสียเถิด เขาเป็นพี่ อย่าจำเรื่องนี้ให้รกใจเลย” ทามาร์จึงอาศัยอยู่ที่ตำหนักของอับซาโลมอย่างเดียวดาย เมื่อดาวิดทรงทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็กริ้วนัก อับซาโลมไม่ได้พูดอะไรสักคำเดียวกับอัมโนนไม่ว่าดีหรือร้าย เขาเกลียดชังอัมโนนเข้ากระดูกที่ย่ำยีทามาร์น้องสาวของเขา สองปีต่อมา เมื่อมีการตัดขนแกะของอับซาโลมที่บาอัลฮาโซร์ใกล้เขตแดนเอฟราอิม อับซาโลมเชิญราชโอรสทุกองค์ของกษัตริย์มายังงานฉลองครั้งนี้ อับซาโลมเข้าเฝ้าดาวิดและทูลว่า “ผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทมีงานฉลองตัดขนแกะ พระองค์และข้าราชบริพารจะมาร่วมงานด้วยได้หรือไม่?” ดาวิดตรัสว่า “อย่าเลยลูก ถ้าเราไปกันทั้งหมด จะเป็นภาระแก่ลูกเกินไป” อับซาโลมทูลคะยั้นคะยอ ดาวิดทรงยืนกรานไม่ไป แต่ทรงอวยพรให้ อับซาโลมจึงทูลว่า “หากเสด็จไปไม่ได้ ขอทรงโปรดให้พี่อัมโนนไปกับเหล่าข้าพระบาท” ดาวิดตรัสถามว่า “ทำไมต้องให้อัมโนนไปด้วย?” อับซาโลมอ้อนวอนจนกษัตริย์ทรงอนุญาตให้ราชโอรสทุกพระองค์รวมทั้งอัมโนนไปร่วมในงาน อับซาโลมสั่งคนของตนไว้ว่า “รอจนอัมโนนเมาเหล้าองุ่น และเราพูดกับเจ้าว่า ‘ฆ่าอัมโนนเสีย’ จากนั้นก็จงฆ่าเขา อย่ากลัวเลย เราเป็นผู้บงการเอง จงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด” ดังนั้นคนของอับซาโลมจึงจัดการกับอัมโนนตามคำสั่งของนาย ราชโอรสองค์อื่นๆ ของดาวิดก็รีบขึ้นขี่ล่อหนีไป ขณะที่ราชโอรสทั้งหลายกำลังกลับมา มีคนมาทูลดาวิดว่า “อับซาโลมสังหารราชโอรสทั้งหมดไม่เหลือรอดสักองค์เดียว” ดาวิดทรงลุกขึ้น ฉีกฉลองพระองค์ออกและทอดพระกายลงกับพื้น ข้าราชบริพารของดาวิดต่างก็ฉีกเสื้อผ้าของตน แต่โยนาดับบุตรชิเมอาห์ พี่ชายของดาวิดทูลว่า “ขอฝ่าพระบาทอย่าได้ทรงคิดว่าราชโอรสสิ้นชีวิตทุกพระองค์ มีอัมโนนเพียงพระองค์เดียวที่สิ้นชีวิต อับซาโลมวางแผนนี้ตั้งแต่วันที่อัมโนนข่มขืนทามาร์น้องสาวของเขา ขอฝ่าพระบาทอย่าได้ใส่พระทัยกับข่าวที่ว่าราชโอรสทุกพระองค์ถูกสังหาร มีเพียงอัมโนนที่สิ้นชีวิต” ขณะเดียวกันอับซาโลมก็หนีไป ฝ่ายยามที่ยืนรักษาการณ์ เห็นคนกลุ่มใหญ่กำลังมุ่งหน้ามาทางทิศตะวันตกของเขา ตามเส้นทางข้างเนินเขา ยามจึงเข้าทูลรายงานกษัตริย์ว่า “ข้าพระบาทเห็นคนกลุ่มใหญ่มาจากเมืองโฮโรนาอิม ทางข้างเนินเขา” โยนาดับทูลว่า “โปรดทอดพระเนตรเถิด ราชโอรสทั้งหลายของกษัตริย์กำลังมาแล้ว อย่างที่ผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทกราบทูล” กล่าวยังไม่ทันขาดคำ ราชโอรสทั้งหลายก็มาถึงและพากันร่ำไห้เสียงดัง กษัตริย์ดาวิดทรงกันแสง และข้าราชบริพารก็ร่ำไห้อย่างทุกข์ใจนัก อับซาโลมหนีไปเข้าเฝ้าทัลมัยราชโอรสของกษัตริย์อัมมีฮูดแห่งเกชูร์ ส่วนดาวิดทรงคร่ำครวญถึงอัมโนนทุกวัน หลังจากอับซาโลมหนีไปยังเกชูร์ก็อาศัยอยู่ที่นั่นเป็นเวลาสามปี เมื่อดาวิดทรงคลายความเศร้าโศกเนื่องจากการตายของอัมโนน พระองค์ก็ทรงระลึกถึงอับซาโลม
อ่าน 2ซามูเอล 13
ฟัง 2ซามูเอล 13
แบ่งปัน
เปรียบเทียบฉบับแปลทั้งหมด: 2ซามูเอล 13:15-39
บันทึกข้อพระคำ อ่านแบบออฟไลน์ ดูคลิปการสอน และอื่น ๆ อีกมากมาย!
หน้าหลัก
พระคัมภีร์
แผนการอ่าน
วิดีโอ