2 ซามูเอล 13:15-39

2 ซามูเอล 13:15-39 THSV11

ต่อมาอัมโนนก็ทรงชังเธอด้วยความเกลียดชังที่สุด ความเกลียดชังที่ท่านเกลียดชังเธอก็มากยิ่งกว่าความรักซึ่งท่านเคยรักเธอ และอัมโนนรับสั่งกับเธอว่า “จงลุกขึ้นไป” แต่เธอตอบว่า “อย่าเลย เพราะความผิดใหญ่หลวงนี้ ที่จะไล่หม่อมฉันไปก็มากกว่าครั้งก่อนที่พระเชษฐาทำกับหม่อมฉัน” แต่ท่านไม่ยอมฟังเธอ จึงเรียกมหาดเล็กที่ปรนนิบัติอยู่ สั่งว่า “จงไล่ผู้หญิงคนนี้ให้ออกไปให้พ้นเรา แล้วปิดประตูใส่กลอนหลังจากเธอออกไป” เธอสวมเสื้อคลุมยาวมีแขนดังที่พระราชธิดาพรหมจารีของพระราชาสวมกัน มหาดเล็กของท่านจึงนำเธอออกไป และใส่กลอนประตูหลังจากเธอออกไป ทามาร์ก็เอาขี้เถ้าใส่ที่ศีรษะของเธอและฉีกเสื้อคลุมยาวมีแขนที่เธอสวมอยู่นั้นเสีย เอามือกุมศีรษะร้องไห้เสียงดังเดินไปเรื่อยๆ อับซาโลมพระเชษฐาของเธอก็รับสั่งกับเธอว่า “พี่อัมโนนได้อยู่กับน้องหรือ? น้องเอ๋ย นิ่งเสีย เพราะเขาเป็นพี่ อย่าทุกข์ใจเพราะเรื่องนี้เลย” ฝ่ายทามาร์ก็อยู่เดียวดายในวังของอับซาโลมพระเชษฐา เมื่อกษัตริย์ดาวิดทรงทราบเรื่องเหล่านี้ทั้งสิ้น พระองค์ก็กริ้วยิ่งนัก แต่อับซาโลมไม่ได้พูดกับอัมโนนเลย ไม่ว่าดีหรือร้าย เพราะอับซาโลมเกลียดชังอัมโนนมาก ที่ทำให้ทามาร์น้องหญิงของท่านอับอาย ต่อมาอีกสองปีเต็ม อับซาโลมมีงานตัดขนแกะที่ตำบลบาอัลฮาโซร์ ซึ่งอยู่ใกล้เอฟราอิม และอับซาโลมเชิญพระราชโอรสทั้งสิ้นของพระราชา ไปในงานนั้น อับซาโลมไปเฝ้าพระราชาทูลว่า “ดูเถิด ผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทมีงานตัดขนแกะ ขอเชิญพระราชาและมหาดเล็กของพระองค์ไปในงานนั้นกับผู้รับใช้ของฝ่าพระบาท” แต่พระราชาตรัสกับอับซาโลมว่า “ลูกเอ๋ย อย่าเลย อย่าให้พวกเราไปกันหมดเลย จะเป็นภาระแก่เจ้าเปล่าๆ” อับซาโลมคะยั้นคะยอพระองค์ ถึงกระนั้นพระองค์ไม่ยอมเสด็จ แต่ทรงอวยพรให้ อับซาโลมจึงทูลว่า “ถ้าไม่โปรดเสด็จ ก็ขออนุญาตให้พระเชษฐาอัมโนนไปด้วยกันกับพวกเราเถิด” และพระราชาตรัสถามว่า “ทำไมจะให้เขาไปกับเจ้าด้วย?” แต่อับซาโลมทูลคะยั้นคะยอจนพระองค์ทรงให้อัมโนนและพระราชโอรสของพระราชาทั้งสิ้นไปด้วย แล้วอับซาโลมบัญชาพวกมหาดเล็กของท่านว่า “จงคอยดูว่าจิตใจของอัมโนนเพลิดเพลินด้วยเหล้าองุ่นเมื่อไร เมื่อเราสั่งพวกเจ้าว่า ‘จงประหารอัมโนน’ พวกเจ้าจงฆ่าเขาเสีย อย่ากลัวเลย เราเองสั่งพวกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือ? จงเข้มแข็งและเป็นคนกล้าหาญเถิด” และพวกมหาดเล็กของอับซาโลมก็ทำกับอัมโนน ตามที่อับซาโลมบัญชาไว้ แล้วพระราชโอรสทั้งหมดของพระราชาก็ลุกขึ้นทรงล่อของแต่ละองค์หนีไป ขณะเมื่อบรรดาพระราชโอรสทรงดำเนินอยู่ตามทาง มีข่าวไปถึงดาวิดว่า “อับซาโลมประหารพระราชโอรสของพระราชาทั้งหมดแล้ว ไม่เหลืออยู่สักองค์เดียว” พระราชาทรงลุกขึ้นฉีกฉลองพระองค์ และบรรทมบนพื้นดิน ข้าราชการทั้งสิ้นสวมเสื้อผ้าฉีกขาด ยืนเฝ้าอยู่ แต่โยนาดับบุตรชิเมอาห์พระเชษฐาของดาวิด ทูลว่า “ขออย่าให้เจ้านายของข้าพระบาทสำคัญผิดไปว่า พวกเขาประหารพระราชโอรสหนุ่มแน่นเหล่านั้นทั้งหมด เพราะว่าอัมโนนสิ้นชีวิตแต่ผู้เดียว เพราะตามบัญชาของอับซาโลม เรื่องนี้ท่านตั้งใจไว้แต่วันที่อัมโนนทำให้ทามาร์น้องหญิงของท่านอับอาย ฉะนั้น ขอพระราชาเจ้านายของข้าพระบาท อย่าทุกข์พระทัย ด้วยสำคัญว่า พระราชโอรสทั้งหมดของพระองค์สิ้นชีวิต เพราะอัมโนนสิ้นชีพแต่ผู้เดียว” แต่อับซาโลมได้หนีไป ฝ่ายทหารยามหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองดู นี่แน่ะ คนจำนวนมากกำลังมาจากถนนโฮโรนาอิมข้างๆ ภูเขา โยนาดับจึงทูลพระราชาว่า “ดูเถิด บรรดาพระราชโอรสเสด็จมาแล้ว สิ่งนี้เป็นจริง ตามถ้อยคำที่ผู้รับใช้ของฝ่าพระบาททูล” ต่อมาเมื่อเขาพูดจบลง ดูสิ บรรดาพระราชโอรสของพระราชาก็เสด็จมาถึง และร้องไห้เสียงดัง ฝ่ายพระราชาก็ทรงกันแสง และบรรดาข้าราชการก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วย อับซาโลมหนีไปเข้าเฝ้าทัลมัย พระราชโอรสของอัมมีฮูด พระราชาเมืองเกชูร์ แต่ดาวิดทรงไว้ทุกข์ให้พระราชโอรสของพระองค์วันแล้ววันเล่า ฝ่ายอับซาโลมก็ทรงหนีไปยังเมืองเกชูร์ และอยู่ที่นั่น 3 ปี แล้วดาวิดพระราชาตรอมพระทัยอาลัยถึงอับซาโลม เพราะการที่ทรงคิดถึงอัมโนนนั้นคลายลง เนื่องจากเขาสิ้นชีพแล้ว