ปฐมกาล 42:1-36

ปฐมกาล 42:1-36 THSV11

เมื่อยาโคบรู้ว่ามีข้าวในอียิปต์ จึงพูดกับพวกลูกชายของเขาว่า “มานั่งมองดูกันอยู่ทำไมเล่า?” ยาโคบพูดต่อไปว่า “นี่แน่ะ พ่อได้ยินว่ามีข้าวในอียิปต์ พวกเจ้าจงลงไปที่นั่น ซื้อข้าวมาให้พวกเรา เพื่อพวกเราจะได้มีชีวิตต่อไปและไม่ตาย” พวกพี่ชายของโยเซฟทั้งสิบคนก็ไปซื้อข้าวที่อียิปต์ แต่เบนยามินน้องชายของโยเซฟนั้นยาโคบไม่ให้ไปกับพวกพี่ชาย เพราะเขากล่าวว่า “เกรงว่าจะเกิดอันตรายแก่เขา” ดังนั้นบรรดาบุตรชายของอิสราเอลก็ไปซื้อข้าวพร้อมกับคนอื่นๆ ที่เดินทางไป เพราะการกันดารอาหารที่เกิดในดินแดนคานาอัน โยเซฟเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน ท่านเป็นผู้ขายข้าวให้แก่ประชาชนทุกคนในแผ่นดิน พวกพี่ชายของโยเซฟก็มาโน้มตัวลงซบหน้าถึงดินคำนับท่าน เมื่อโยเซฟเห็นพวกพี่ชายของท่านก็จำได้ แต่ทำเป็นไม่รู้จัก และพูดจาดุดันกับพวกเขา ท่านถามพวกเขาว่า “พวกเจ้ามาจากไหน?” เขาตอบว่า “มาจากดินแดนคานาอันเพื่อซื้ออาหาร” โยเซฟจำพวกพี่ชายได้ แต่พวกพี่ชายจำท่านไม่ได้ โยเซฟระลึกถึงความฝันที่เคยฝันถึงพวกเขา ท่านกล่าวแก่พวกพี่ชายว่า “พวกเจ้าเป็นสายลับ แอบมาดูความอ่อนแอของแผ่นดิน” พวกเขาจึงตอบว่า “นายเจ้าข้า ไม่ใช่อย่างนั้น พวกผู้รับใช้ของท่านมาซื้ออาหาร ข้าพเจ้าทั้งหลายเป็นบุตรร่วมบิดาเดียวกัน เป็นคนซื่อสัตย์ พวกผู้รับใช้ของท่านไม่ใช่สายลับ” โยเซฟบอกเขาอีกว่า “ไม่จริง พวกเจ้ามาดูความอ่อนแอของดินแดนนี้” พวกเขาจึงตอบว่า “ข้าพเจ้าทั้งหลายผู้รับใช้ของท่านเป็นพี่น้องสิบสองคน เป็นบุตรร่วมบิดาเดียวกัน อยู่ในดินแดนคานาอัน ตอนนี้น้องสุดท้องยังอยู่กับบิดา แต่น้องอีกคนหนึ่งเสียชีวิตแล้ว” โยเซฟตอบพวกเขาว่า “ที่ข้าว่าพวกเจ้าเป็นสายลับนั้นจริงแน่ๆ ข้าจะทดลองพวกเจ้าดังนี้ โดยพระชนม์ฟาโรห์ พวกเจ้าจะไปจากที่นี่ไม่ได้ เว้นแต่น้องสุดท้องมาที่นี่ พวกเจ้าต้องอยู่ในคุกก่อน ให้คนหนึ่งในพวกเจ้าไปพาน้องมา เพื่อพิสูจน์ถ้อยคำของเจ้าว่า เจ้าพูดจริงหรือไม่ มิฉะนั้นโดยพระชนม์ฟาโรห์ พวกเจ้าเป็นสายลับแน่” แล้วโยเซฟก็ขังพวกพี่ชายไว้ด้วยกันในคุกสามวัน ในวันที่สามโยเซฟบอกพวกเขาว่า “ทำดังนี้แล้วจะรอดชีวิต เพราะข้ายำเกรงพระเจ้า ถ้าพวกเจ้าเป็นคนซื่อสัตย์ จงให้คนหนึ่งในพวกเจ้าถูกขังอยู่ในคุก คนอื่นนำข้าวไปเพื่อบรรเทาการกันดารอาหารที่บ้านของพวกเจ้า แล้วพาน้องสุดท้องมาหาเรา ดังนั้นจึงจะเห็นได้ว่าพวกเจ้าพูดจริง แล้วพวกเจ้าจะไม่ตาย” พวกพี่ชายก็ทำตาม พวกพี่ชายจึงพูดกันว่า “สมควรแล้วที่เรามีความผิดเรื่องน้องของเรา เพราะเราได้เห็นความทุกข์ใจของน้องเมื่อเขาอ้อนวอนเรา แต่เราไม่ฟัง เพราะฉะนั้นความทุกข์ใจครั้งนี้จึงเกิดแก่เรา” ฝ่ายรูเบนพูดกับน้องทั้งหลายว่า “ข้าบอกพวกเจ้าไม่ใช่หรือ ว่าอย่าทำบาปต่อเด็กนั้น? แต่พวกเจ้าไม่ฟัง เพราะฉะนั้นการตอบแทนเรื่องโลหิตของน้องจึงมาถึง” พวกพี่ชายไม่รู้ว่าโยเซฟฟังออก เพราะว่าเมื่อพูดกันมีคนเป็นล่าม โยเซฟก็ออกไปร้องไห้ แล้วกลับมาพูดกับเขาอีก ท่านเอาสิเมโอนออกมามัดไว้ต่อหน้าพวกเขา โยเซฟบัญชาให้ใส่ข้าวในถุงของพี่ชายให้เต็ม และคืนเงินของแต่ละคนใส่ไว้ในกระสอบของทุกคนด้วย และให้อาหารไปกินกลางทาง คนใช้ก็ทำตาม เมื่อพวกเขาบรรทุกข้าวใส่หลังลาเสร็จแล้ว ก็ออกเดินทางไป เมื่อคนหนึ่งเปิดกระสอบออกจะเอาข้าวให้ลากิน ณ ที่หยุดพัก ก็เห็นเงินของเขาอยู่ที่ปากกระสอบนั้น เขาจึงบอกกับพี่น้องของเขาว่า “นี่แน่ะ เงินของฉันกลับคืนมาอยู่ที่ปากกระสอบของฉัน” พี่น้องตกใจ ตัวสั่น หันหน้าเข้าหากันพูดกันว่า “พระเจ้าทรงทำอะไรอย่างนี้แก่เรา?” เมื่อพวกเขากลับไปพบยาโคบบิดาของเขาในดินแดนคานาอัน พวกเขาเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นแก่พวกเขาให้บิดาฟังว่า “ท่านผู้เป็นเจ้านายของดินแดนนั้นพูดจาดุดันกับพวกเรา เหมาเอาว่าพวกเราเป็นสายลับดูดินแดนนั้น พวกเราเรียนว่า ‘ข้าพเจ้าทั้งหลายเป็นคนซื่อสัตย์ ไม่ได้เป็นสายลับ ข้าพเจ้าทั้งหลายเป็นบุตรร่วมบิดาเดียวกัน มีพี่น้องสิบสองคนแต่น้องคนหนึ่งเสียชีวิตแล้ว ตอนนี้น้องสุดท้องอยู่กับบิดาในดินแดนคานาอัน’ แล้วท่านผู้เป็นเจ้านายของดินแดนนั้นตอบว่า ‘นี่เป็นสิ่งที่ข้าจะรู้ได้ว่าพวกเจ้าเป็นคนซื่อสัตย์ คือให้คนหนึ่งในพวกพี่น้องอยู่กับข้า จงเอาข้าวไปเพื่อบรรเทาการกันดารอาหารที่บ้านของเจ้า แล้วออกไปได้ จงพาน้องสุดท้องมาหาข้า ข้าจึงจะรู้ว่าพวกเจ้าไม่ได้เป็นสายลับ แต่เป็นคนซื่อสัตย์ แล้วข้าจะปล่อยพี่ชายไป พวกเจ้ายังจะได้ค้าขายในดินแดนนี้’ ” เมื่อพวกเขาแก้กระสอบข้าวออก ก็เห็นห่อเงินของแต่ละคนอยู่ในกระสอบของเขา เมื่อเวลาพวกเขากับบิดาเห็นห่อเงินดังนั้น ก็ทุกข์ใจ ยาโคบบิดาจึงพูดว่า “พวกเจ้าทำให้พ่อพลัดพรากจากลูกของพ่อ โยเซฟก็เสียไปแล้ว สิเมโอนก็เสียไปแล้ว แล้วยังจะเอาเบนยามินไปอีกคน ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความทุกข์สำหรับพ่อ”

วิดีโอสำหรับ ปฐมกาล 42:1-36