ปฐมกาล 42:1-36

ปฐมกาล 42:1-36 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

เมื่อยาโคบรู้ว่ามีข้าวในอียิปต์ จึงพูดกับพวกลูกของตนว่า <<มานั่งมองดูกันอยู่ทำไมเล่า>> ยาโคบพูดต่อไปว่า <<เราได้ยินว่ามีข้าวในอียิปต์ไปซื้อข้าวจากที่นั่นมาให้เรา เพื่อเราจะได้มีกินไม่อดตาย>> พี่ชายของโยเซฟสิบคนก็ไปซื้อข้าวที่อียิปต์ แต่เบนยามินน้องชายของโยเซฟนั้นยาโคบไม่ให้ไปกับพี่ชาย ด้วยกลัวว่าจะเกิดอันตรายแก่เขา ดังนี้บรรดาบุตรชายของอิสราเอลก็ไปซื้อข้าว พร้อมกับคนทั้งหลายที่ไป เพราะการกันดารอาหารก็เกิดในแคว้นคานาอัน ฝ่ายโยเซฟเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน ท่านเป็นผู้ที่ขายข้าวให้แก่บรรดาราษฎร พวกพี่ชายของโยเซฟก็มากราบไหว้ท่าน ก้มหน้าลงถึงดิน เมื่อโยเซฟเห็นพวกพี่ของตนก็รู้จัก แต่ทำเป็นไม่รู้จัก และพูดจาดุดันกับเขา ท่านถามเขาว่า <<พวกเจ้ามาจากไหน>> เขาตอบว่า <<มาจากแคว้นคานาอันเพื่อซื้ออาหาร>> โยเซฟรู้จักพวกพี่ แต่พวกพี่หารู้จักท่านไม่ โยเซฟระลึกถึงความฝันที่เห็นแต่ก่อนถึงเรื่อง เขา ท่านกล่าวแก่พวกพี่ว่า <<พวกเจ้าเป็นคนสอดแนม แอบมาดูความอ่อนแอของบ้านเมือง>> พวกเขาจึงตอบว่า <<นาย มิใช่เช่นนั้น ข้าพเจ้าผู้รับใช้ของท่านมาซื้ออาหาร ข้าพเจ้าทั้งหลายเป็นบุตรร่วมบิดาเดียวกัน เป็นคนซื่อสัตย์ ผู้รับใช้ของท่านมิใช่คนสอดแนม>> โยเซฟบอกเขาอีกว่า <<ไม่จริง พวกเจ้ามาดูความอ่อนแอของบ้านเมือง>> พวกพี่จึงตอบว่า <<ข้าพเจ้าทั้งหลายผู้รับใช้ของท่านเป็นพี่น้องสิบสองคน เป็นบุตรร่วมบิดาเดียวกัน อยู่ในแคว้นคานาอัน น้องสุดท้องยังอยู่กับบิดา แต่น้องอีกคนหนึ่งเสียๆแล้ว>> โยเซฟตอบเขาว่า <<ที่เราว่าพวกเจ้าเป็นคนสอดแนมนั้นจริงแน่ๆ เราจะทดลองพวกเจ้าดังนี้ โดยพระชนม์ฟาโรห์ พวกเจ้าจะไปจากที่นี่ไม่ได้ เว้นแต่น้องสุดท้องมาที่นี่ พวกเจ้าต้องอยู่ในคุกก่อน ให้คนหนึ่งในพวกเจ้าไปพาน้องมา เพื่อพิสูจน์ถ้อยคำของเจ้า ว่าเจ้าพูดจริงหรือไม่ มิฉะนั้นโดยพระชนม์ฟาโรห์ พวกเจ้าเป็นคนสอดแนมแน่>> แล้วโยเซฟก็ขังพวกพี่ชายไว้ด้วยกันในคุกสามวัน ในวันที่สามโยเซฟบอกเขาว่า <<ทำดังนี้แล้วจะรอดชีวิต เพราะเรายำเกรงพระเจ้า ถ้าพวกเจ้าเป็นคนซื่อสัตย์ จงให้คนหนึ่งในพวกเจ้าถูกจำอยู่ในคุก คนอื่นนำข้าวไปเพื่อบรรเทาการกันดารอาหารที่บ้านของเจ้า แล้วพาน้องสุดท้องมาหาเรา ดังนั้นจึงจะเห็นได้ว่าพวกเจ้าพูดจริง แล้วพวกเจ้าจะไม่ตาย>> พวกพี่ชายก็ยอม พวกพี่ชายจึงพูดกันว่า <<ที่จริงเรามีความผิดเรื่องน้องเรา เพราะเราได้เห็นความทุกข์ใจของน้องเมื่อเขาอ้อนวอนเรา แต่แล้วมิได้ฟัง เพราะฉะนั้นความทุกข์ใจทั้งนี้จึงบังเกิดแก่เรา>> ฝ่ายรูเบนพูดกับน้องทั้งหลายว่า <<ข้าห้ามเจ้าแล้วมิใช่หรือ ว่าอย่าทำบาปผิดต่อเด็กนั้น แต่พวกเจ้าไม่ฟัง เหตุฉะนั้นการพิพากษาเรื่องโลหิตของน้องจึงมาถึง>> พี่ชายไม่รู้ว่าโยเซฟฟังออก เพราะว่าเมื่อพูดกันมีคนเป็นล่าม โยเซฟก็ออกไปร้องไห้ แล้วกลับมาพูดกับเขาอีก ท่านเอาสิเมโอนออกมามัดไว้ต่อหน้าพวกเขา โยเซฟบัญชาให้ใส่ข้าวในถุงของพี่ชายให้เต็ม และใส่เงินของแต่ละคนไว้ในกระสอบของทุกคนด้วย และให้เสบียงไปกินกลางทาง คนใช้ก็ทำตาม เมื่อพวกเขาบรรทุกข้าวใส่หลังลาเสร็จแล้ว ก็ออกเดินทางไป ครั้นคนหนึ่งเปิดกระสอบออกจะเอาข้าวให้ลากิน ณ ที่หยุดพัก ก็เห็นเงินอยู่ที่ปากกระสอบนั้น ผู้นั้นจึงบอกแก่พี่น้องว่า <<แน่ะ เงินของฉันกลับคืนมาอยู่ที่ปากกระสอบของฉัน>> พี่น้องตกใจ ตัวสั่น หันหน้าเข้าหากันพูดกันว่า <<ที่พระเจ้าทรงกระทำดังนี้แก่เราจะเป็นอย่างไรหนอ>> เมื่อเขากลับไปพบยาโคบบิดาของเขาในแคว้นคานาอัน เขาเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นแก่ตนให้บิดาฟัง <<ท่านผู้นั้นเป็นเจ้านายของประเทศพูดจาดุดันกับพวกฉัน เหมาเอาว่าพวกฉันเป็นผู้สอดแนมดูบ้านเมือง พวกฉันเรียนว่า <ข้าพเจ้าทั้งหลายเป็นคนซื่อสัตย์ หาได้เป็นคนสอดแนมไม่ ข้าพเจ้าทั้งหลายเป็นบุตรร่วมบิดาเดียวกัน มีพี่น้องสิบสองคนแต่น้องคนหนึ่งเสียๆแล้ว น้องสุดท้องยังอยู่กับบิดาในแคว้นคานาอัน> แล้วท่านผู้เป็นเจ้านายของประเทศนั้นตอบว่า <เพื่อจะรู้ว่าพวกเจ้าเป็นคนซื่อสัตย์ ให้ทำดังนี้ คือให้คนหนึ่งในพวกพี่น้องอยู่กับเรา พวกเจ้าเอาข้าวไปเพื่อบรรเทาการกันดารอาหาร ที่บ้านของเจ้า แล้วออกเดินทางไปเถิด จงพาน้องสุดท้องมาหาเรา เราจึงจะรู้แน่ว่าพวกเจ้ามิได้เป็นคนสอดแนม แต่เป็นคนซื่อสัตย์ แล้วเราจะปล่อยพี่ชายไป พวกเจ้ายังจะได้ค้าขายในประเทศนี้> >> ครั้นพวกเขาแก้กระสอบข้าวออก ก็เห็นห่อเงินของแต่ละคนอยู่ในกระสอบของตน เมื่อเวลาพวกเขากับบิดาเห็นห่อเงินดังนั้น ก็ตกใจ ฝ่ายยาโคบบิดาจึงพูดว่า <<พวกเจ้าทำให้เราพลัดพรากจากลูกของเรา โยเซฟก็เสียไปแล้ว สิเมโอนก็เสียไปแล้ว แล้วยังจะเอาเบนยามินไปอีกคน เราต้องทนความทุกข์เหล่านี้ทั้งหมด>>

ปฐมกาล 42:1-36 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

เมื่อ​ยาโคบ​เห็นว่า​มี​ข้าว​อยู่​ใน​อียิปต์ เขา​จึง​พูด​กับ​พวกลูกๆ​ของเขา​ว่า “พวกเจ้า​จะ​มา​นั่ง​มองหน้า​กัน​อยู่​ทำไม ทำ​อะไร​สักอย่างสิ” แล้ว​ยาโคบ​ก็​พูด​ว่า “ฟังนะ พ่อ​ได้ยิน​มา​ว่า​มี​ข้าว​ใน​อียิปต์ ให้​พวกเจ้า​ลง​ไป​ที่นั่น​และ​ไป​ซื้อ​ข้าว​มา​ให้​กับ​พวกเรา พวกเรา​จะได้​มี​ชีวิตอยู่​ต่อไป ไม่ต้อง​อดตาย” พี่ชาย​ทั้ง​สิบคน​ของ​โยเซฟ​ก็​ลง​ไป​ซื้อ​ข้าว​ที่​อียิปต์ แต่​ยาโคบ​ไม่ยอม​ให้​เบนยามิน​ไป​กับ​พวกพี่ชาย​ด้วย เพราะ​เขา​กลัว​ว่า​จะ​เกิด​อันตราย​กับ​เบนยามิน เบนยามิน​เป็น​น้องชาย​ของ​โยเซฟ พวกลูกชาย​ของ​อิสราเอล​ได้​ไป​ซื้อ​ข้าว​พร้อม​กับ​คนอื่นๆ เพราะ​ความ​อดอยาก​หิวโหย​ได้​แผ่ขยาย​มา​ถึง​แผ่นดิน​คานาอัน​แล้ว ใน​เวลานั้น โยเซฟ​เป็น​ผู้ปกครอง​เหนือ​แผ่นดิน​อียิปต์​ทั้งหมด คน​ที่​มา​ซื้อ​ข้าว​ใน​แผ่นดิน​อียิปต์ จะ​ต้อง​มา​ซื้อ​กับ​โยเซฟ เมื่อ​พวกพี่ชาย​ของ​โยเซฟ​มา​ถึง ก็​ก้ม​กราบ​ลง​กับ​พื้น​ต่อหน้า​เขา เมื่อ​โยเซฟ​เห็น​พวกพี่ชาย เขา​ก็​จำได้ แต่​แกล้ง​ทำ​เป็น​ไม่รู้จัก และ​พูดจา​ดุดัน​กับ​พวกเขา โยเซฟ​พูด​ว่า “พวกเจ้า​มา​จาก​ที่ไหน​กัน” พวกเขา​ตอบ​ว่า “มา​จาก​แผ่นดิน​คานาอัน​เพื่อ​มา​ซื้อ​อาหาร” โยเซฟ​จำ​พวกพี่ชาย​ได้ แต่​พวกพี่ชาย​จำ​โยเซฟ​ไม่ได้ โยเซฟ​ยัง​จำ​ความฝัน​ที่​เขา​ฝัน​เกี่ยวกับ​พวกพี่ชาย​ของเขา​ได้ โยเซฟ​กล่าวหา​พวกพี่ชาย​ว่า “พวกเจ้า​เป็น​พวกสอดแนม มา​ดู​ว่า​แผ่นดิน​นี้​มี​จุดอ่อน​ตรงไหน​บ้าง” แต่​พวกเขา​ตอบ​โยเซฟ​ว่า “ไม่ใช่​ครับท่าน พวกเรา​ผู้รับใช้​ของท่าน​มา​ที่​นี่​เพื่อ​ซื้อ​อาหาร​ครับ เรา​ทั้งหมด​มี​พ่อ​เดียวกัน พวกเรา​เป็น​คน​ซื่อสัตย์ พวกเรา​ผู้รับใช้​ของท่าน​ไม่ได้​เป็น​คนสอดแนม” แต่​โยเซฟ​พูด​กับ​พวกเขา​ว่า “ไม่จริง พวกเจ้า​มา​แอบดู​จุดอ่อน​ของ​แผ่นดินนี้” พวกเขา​ตอบ​ว่า “พวกเรา ผู้รับใช้​ของ​ท่าน มี​พี่น้อง​อยู่​สิบสองคน เป็น​ลูก​ของ​พ่อ​เดียวกัน​ใน​แผ่นดิน​คานาอัน ตอนนี้​น้อง​คนสุดท้อง​อยู่​กับ​พ่อ​ของ​พวกเรา และ​น้อง​อีก​คนหนึ่ง​ตาย​ไป​นาน​แล้ว” โยเซฟ​พูด​กับ​พวกเขา​ว่า “พวกเจ้า​เป็น​คนสอดแนม เหมือนกับ​ที่​เรา​พูด​แน่ๆ เรา​จะ​ให้​พวกเจ้า​พิสูจน์​ตัวเอง ใน​นาม​ของ​ฟาโรห์ เรา​สาบาน​ว่า​จะ​ไม่ปล่อย​พวกเจ้า​ไป​จาก​ที่นี่ จนกว่า​น้องชาย​คนเล็ก​ของ​พวกเจ้า​จะ​มา ส่ง​คนหนึ่ง​ใน​พวกเจ้า​กลับไป และ​ให้​ไป​เอา​น้องชาย​มา ส่วน​ที่​เหลือ​ก็​รอ​อยู่​ใน​คุก​ที่นี่ จะได้​พิสูจน์​คำพูด​ของ​พวกเจ้า ว่า​พูด​ความจริง​หรือเปล่า ถ้า​ไม่อย่างนั้น ฟาโรห์​มี​ชีวิต​อยู่​แน่​ขนาด​ไหน พวกเจ้า​ต้อง​เป็น​คนสอดแนม​แน่ๆ” แล้ว​โยเซฟ​ได้​ขัง​พวกเขา​ไว้​ใน​คุก​สาม​วัน ใน​วันที่​สาม โยเซฟ​พูด​กับ​พวกเขา​ว่า “ให้​ทำ​อย่างนี้​ก็​แล้ว​กัน พวกเจ้า​จะ​ได้​รอด เพราะ​เรา​เกรง​กลัว​พระเจ้า ถ้า​พวกเจ้า​เป็น​คน​ซื่อสัตย์ ให้​ทิ้ง​พี่น้อง​คนหนึ่ง​ของเจ้า​ไว้​ใน​คุกนี้ และ​พวกเจ้า​ก็​เอา​ข้าวสาร​ไป​ให้​กับ​ครอบครัว​ที่​หิวโหย​ของเจ้า แล้ว​ค่อย​เอา​น้องชาย​คนสุดท้อง​ของเจ้า​มา​หา​เรา จะได้​พิสูจน์​ว่า​ที่​พวกเจ้า​พูด​นั้น​เป็น​ความจริง​หรือไม่ พวกเจ้า​จะได้​ไม่ต้อง​ตาย” พวกเขา​ก็​ตกลง​ทำ​ตามนั้น พวกเขา​พูด​กันเอง​ว่า “ที่​พวกเรา​ถูก​ลงโทษ​นี้ ต้อง​เป็น​เพราะ​สิ่งที่​เรา​ทำ​กับ​น้องชาย​ของเรา​แน่ๆ เรา​เห็น​ถึง​ความทุกข์​ของเขา ตอนที่​เขา​ร้องขอ​ความ​เมตตา​จากเรา แต่​พวกเรา​ไม่สนใจ​ฟัง เพราะ​เหตุนั้น​เรา​ถึง​ต้อง​ทนทุกข์​อย่างนี้” รูเบน​ได้​พูด​กับ​พวกเขา​ว่า “ผม​บอก​กับ​พวกท่าน​แล้ว​ว่า​อย่า​ทำร้าย​เด็กนั้น แต่​พวกท่าน​ก็​ไม่ยอมฟัง และ​ตอนนี้​เรา​ก็​ต้อง​ชดใช้​ให้​กับ​เลือด​ของเขา​แล้ว” พวกเขา​ไม่รู้​ว่า​โยเซฟ​กำลัง​ฟังอยู่ เพราะ​ปกติ​แล้ว​จะ​มี​ล่าม​คอย​แปล​ให้​ระหว่าง​พวกเขา​กับ​โยเซฟ โยเซฟ​จึง​ออก​ไป​ร้องไห้ แล้ว​กลับ​เข้า​มา​หา​พวกเขา​และ​พูด​กับ​พวกเขา โยเซฟ​เอา​สิเมโอน​มา​จาก​พวกเขา และ​มัด​เขา​ต่อหน้า​พี่น้อง​ของเขา โยเซฟ​สั่ง​คนรับใช้​ให้​เอา​ข้าวสาร​มา​ใส่​ให้​เต็ม​กระสอบ​ของ​พวกพี่ชาย​ของเขา และ​ให้​เอา​เงิน​ของ​พี่ชาย​ของเขา​แต่ละ​คน​คืน​ใส่​เข้าไป​ใน​กระสอบ​ของ​พวกเขา​เอง และ​ให้​สิ่งที่​จำเป็น​สำหรับ​การเดินทาง​กับ​พวกเขา ทุกอย่าง​ก็​เรียบร้อย พวกเขา​จึง​เอา​ข้าวสาร​ทั้งหมด​บรรทุก​บน​หลังลา​ของ​พวกเขา ออก​เดินทาง​ไป ที่​จุดพักแรม​ใน​คืนนั้น เมื่อ​คนหนึ่ง​เปิด​กระสอบ​ของเขา​ออก​มา เพื่อ​เอา​ข้าวสาร​ให้​ลา​กิน เขา​ก็​เห็น​เงิน​ของเขา​อยู่​ที่​ปาก​กระสอบนั้น เขา​พูด​กับ​พี่น้อง​ของเขา​ว่า “ผม​ได้​เงิน​ของ​ผม​คืน​มา นี่ไง มัน​อยู่​ใน​กระสอบ​ของผม” พวกเขา​ก็​งง​มาก ตกใจกลัว​มาก และ​หัน​ไป​พูด​กัน​และ​กัน​ว่า “นี่​พระเจ้า​กำลัง​เล่น​ตลก​อะไร​กับ​เรา” เมื่อ​พวกเขา​กลับ​มา​หา​ยาโคบ​พ่อ​ของ​พวกเขา ที่​แผ่นดิน​คานาอัน พวกเขา​ได้​เล่า​ให้​พ่อ​ฟัง​ถึง​เรื่อง​ทั้งหมด​ที่​เกิดขึ้น​ว่า “ชาย​คนหนึ่ง​ที่​เป็น​เจ้านาย​เหนือ​แผ่นดิน​นั้น ได้​พูด​กับ​พวกเรา​อย่าง​ดุดัน และ​เขา​ได้​จับ​พวกเรา​ขัง​คุก เหมือนกับ​ว่า​พวกเรา​เข้าไป​สอดแนม​แผ่นดิน​นั้น แล้ว​พวกเรา​ได้​บอก​กับ​เขา​ว่า ‘พวกเรา​เป็น​คน​ซื่อสัตย์ พวกเรา​ไม่ใช่​คน​สอดแนม พวกเรา​มี​พี่น้อง​กัน​อยู่​สิบสอง​คน เป็น​ลูก​ของ​พ่อ​คนเดียวกัน น้อง​คนหนึ่ง​ได้​ตาย​ไป​แล้ว และ​ตอนนี้​น้อง​คนสุดท้อง​อยู่​กับ​พ่อ​ของ​พวกเรา​ที่​แคว้น​คานาอัน’ ชาย​คนที่​เป็น​เจ้านาย​เหนือ​แผ่นดิน​นั้น​จึง​พูด​กับ​พวกเรา​ว่า ‘ให้​ทำ​อย่างนี้ แล้ว​เรา​จะ​ได้รู้​ว่า​พวกเจ้า​เป็น​คนซื่อสัตย์ ทิ้ง​พี่น้อง​คนหนึ่ง​ของ​พวกเจ้า​ไว้​กับ​เรา ส่วน​ที่เหลือ ก็​ให้​เอา​อาหาร​ไป​ให้​กับ​ครอบครัว​ที่​หิวโหย​ทาง​บ้าน แล้ว​ให้​เอา​น้อง​คนสุดท้อง​ของ​พวกเจ้า​มา​หา​เรา เรา​จะ​ได้รู้​ว่า​พวกเจ้า​ไม่ใช่​คน​สอดแนม แต่​เป็น​คนซื่อสัตย์ แล้ว​เรา​จะ​คืน​พี่ชาย​ให้​กับ​เจ้า และ​พวกเจ้า​จะ​ไปไหน​มาไหน​ได้​อย่าง​อิสระ​ใน​แผ่นดินนี้’” เมื่อ​พวกเขา​เท​ข้าวสาร​ออก​มา​จาก​กระสอบ พวกเขา​ก็​เจอ​ถุงเงิน​ของ​แต่ละ​คน​ใน​กระสอบ เมื่อ​พวกเขา​และ​พ่อ​เห็น​ถุงเงิน​ของ​พวกเขา พวกเขา​ก็​กลัว ยาโคบ​พ่อ​ของ​พวกเขา​พูด​กับ​พวกเขา​ว่า “พวกเจ้า​จะ​ทำให้​พ่อ​สูญเสีย​ลูก​ไป​อีกแล้ว โยเซฟ​ก็​ตาย​ไป​แล้ว สิเมโอน​ก็​ตาย​ไป​แล้ว และ​เจ้า​จะ​ยัง​เอา​ตัว​เบนยามิน​ไป​อีกคน ทุกสิ่ง​ทุกอย่าง​ดู​สิ้นหวัง​เสีย​เหลือเกิน”

ปฐมกาล 42:1-36 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

เมื่อยาโคบรู้ว่ามีข้าวในอียิปต์ จึงพูดกับพวกลูกชายของเขาว่า “มานั่งมองดูกันอยู่ทำไมเล่า?” ยาโคบพูดต่อไปว่า “นี่แน่ะ พ่อได้ยินว่ามีข้าวในอียิปต์ พวกเจ้าจงลงไปที่นั่น ซื้อข้าวมาให้พวกเรา เพื่อพวกเราจะได้มีชีวิตต่อไปและไม่ตาย” พวกพี่ชายของโยเซฟทั้งสิบคนก็ไปซื้อข้าวที่อียิปต์ แต่เบนยามินน้องชายของโยเซฟนั้นยาโคบไม่ให้ไปกับพวกพี่ชาย เพราะเขากล่าวว่า “เกรงว่าจะเกิดอันตรายแก่เขา” ดังนั้นบรรดาบุตรชายของอิสราเอลก็ไปซื้อข้าวพร้อมกับคนอื่นๆ ที่เดินทางไป เพราะการกันดารอาหารที่เกิดในดินแดนคานาอัน โยเซฟเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน ท่านเป็นผู้ขายข้าวให้แก่ประชาชนทุกคนในแผ่นดิน พวกพี่ชายของโยเซฟก็มาโน้มตัวลงซบหน้าถึงดินคำนับท่าน เมื่อโยเซฟเห็นพวกพี่ชายของท่านก็จำได้ แต่ทำเป็นไม่รู้จัก และพูดจาดุดันกับพวกเขา ท่านถามพวกเขาว่า “พวกเจ้ามาจากไหน?” เขาตอบว่า “มาจากดินแดนคานาอันเพื่อซื้ออาหาร” โยเซฟจำพวกพี่ชายได้ แต่พวกพี่ชายจำท่านไม่ได้ โยเซฟระลึกถึงความฝันที่เคยฝันถึงพวกเขา ท่านกล่าวแก่พวกพี่ชายว่า “พวกเจ้าเป็นสายลับ แอบมาดูความอ่อนแอของแผ่นดิน” พวกเขาจึงตอบว่า “นายเจ้าข้า ไม่ใช่อย่างนั้น พวกผู้รับใช้ของท่านมาซื้ออาหาร ข้าพเจ้าทั้งหลายเป็นบุตรร่วมบิดาเดียวกัน เป็นคนซื่อสัตย์ พวกผู้รับใช้ของท่านไม่ใช่สายลับ” โยเซฟบอกเขาอีกว่า “ไม่จริง พวกเจ้ามาดูความอ่อนแอของดินแดนนี้” พวกเขาจึงตอบว่า “ข้าพเจ้าทั้งหลายผู้รับใช้ของท่านเป็นพี่น้องสิบสองคน เป็นบุตรร่วมบิดาเดียวกัน อยู่ในดินแดนคานาอัน ตอนนี้น้องสุดท้องยังอยู่กับบิดา แต่น้องอีกคนหนึ่งเสียชีวิตแล้ว” โยเซฟตอบพวกเขาว่า “ที่ข้าว่าพวกเจ้าเป็นสายลับนั้นจริงแน่ๆ ข้าจะทดลองพวกเจ้าดังนี้ โดยพระชนม์ฟาโรห์ พวกเจ้าจะไปจากที่นี่ไม่ได้ เว้นแต่น้องสุดท้องมาที่นี่ พวกเจ้าต้องอยู่ในคุกก่อน ให้คนหนึ่งในพวกเจ้าไปพาน้องมา เพื่อพิสูจน์ถ้อยคำของเจ้าว่า เจ้าพูดจริงหรือไม่ มิฉะนั้นโดยพระชนม์ฟาโรห์ พวกเจ้าเป็นสายลับแน่” แล้วโยเซฟก็ขังพวกพี่ชายไว้ด้วยกันในคุกสามวัน ในวันที่สามโยเซฟบอกพวกเขาว่า “ทำดังนี้แล้วจะรอดชีวิต เพราะข้ายำเกรงพระเจ้า ถ้าพวกเจ้าเป็นคนซื่อสัตย์ จงให้คนหนึ่งในพวกเจ้าถูกขังอยู่ในคุก คนอื่นนำข้าวไปเพื่อบรรเทาการกันดารอาหารที่บ้านของพวกเจ้า แล้วพาน้องสุดท้องมาหาเรา ดังนั้นจึงจะเห็นได้ว่าพวกเจ้าพูดจริง แล้วพวกเจ้าจะไม่ตาย” พวกพี่ชายก็ทำตาม พวกพี่ชายจึงพูดกันว่า “สมควรแล้วที่เรามีความผิดเรื่องน้องของเรา เพราะเราได้เห็นความทุกข์ใจของน้องเมื่อเขาอ้อนวอนเรา แต่เราไม่ฟัง เพราะฉะนั้นความทุกข์ใจครั้งนี้จึงเกิดแก่เรา” ฝ่ายรูเบนพูดกับน้องทั้งหลายว่า “ข้าบอกพวกเจ้าไม่ใช่หรือ ว่าอย่าทำบาปต่อเด็กนั้น? แต่พวกเจ้าไม่ฟัง เพราะฉะนั้นการตอบแทนเรื่องโลหิตของน้องจึงมาถึง” พวกพี่ชายไม่รู้ว่าโยเซฟฟังออก เพราะว่าเมื่อพูดกันมีคนเป็นล่าม โยเซฟก็ออกไปร้องไห้ แล้วกลับมาพูดกับเขาอีก ท่านเอาสิเมโอนออกมามัดไว้ต่อหน้าพวกเขา โยเซฟบัญชาให้ใส่ข้าวในถุงของพี่ชายให้เต็ม และคืนเงินของแต่ละคนใส่ไว้ในกระสอบของทุกคนด้วย และให้อาหารไปกินกลางทาง คนใช้ก็ทำตาม เมื่อพวกเขาบรรทุกข้าวใส่หลังลาเสร็จแล้ว ก็ออกเดินทางไป เมื่อคนหนึ่งเปิดกระสอบออกจะเอาข้าวให้ลากิน ณ ที่หยุดพัก ก็เห็นเงินของเขาอยู่ที่ปากกระสอบนั้น เขาจึงบอกกับพี่น้องของเขาว่า “นี่แน่ะ เงินของฉันกลับคืนมาอยู่ที่ปากกระสอบของฉัน” พี่น้องตกใจ ตัวสั่น หันหน้าเข้าหากันพูดกันว่า “พระเจ้าทรงทำอะไรอย่างนี้แก่เรา?” เมื่อพวกเขากลับไปพบยาโคบบิดาของเขาในดินแดนคานาอัน พวกเขาเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นแก่พวกเขาให้บิดาฟังว่า “ท่านผู้เป็นเจ้านายของดินแดนนั้นพูดจาดุดันกับพวกเรา เหมาเอาว่าพวกเราเป็นสายลับดูดินแดนนั้น พวกเราเรียนว่า ‘ข้าพเจ้าทั้งหลายเป็นคนซื่อสัตย์ ไม่ได้เป็นสายลับ ข้าพเจ้าทั้งหลายเป็นบุตรร่วมบิดาเดียวกัน มีพี่น้องสิบสองคนแต่น้องคนหนึ่งเสียชีวิตแล้ว ตอนนี้น้องสุดท้องอยู่กับบิดาในดินแดนคานาอัน’ แล้วท่านผู้เป็นเจ้านายของดินแดนนั้นตอบว่า ‘นี่เป็นสิ่งที่ข้าจะรู้ได้ว่าพวกเจ้าเป็นคนซื่อสัตย์ คือให้คนหนึ่งในพวกพี่น้องอยู่กับข้า จงเอาข้าวไปเพื่อบรรเทาการกันดารอาหารที่บ้านของเจ้า แล้วออกไปได้ จงพาน้องสุดท้องมาหาข้า ข้าจึงจะรู้ว่าพวกเจ้าไม่ได้เป็นสายลับ แต่เป็นคนซื่อสัตย์ แล้วข้าจะปล่อยพี่ชายไป พวกเจ้ายังจะได้ค้าขายในดินแดนนี้’ ” เมื่อพวกเขาแก้กระสอบข้าวออก ก็เห็นห่อเงินของแต่ละคนอยู่ในกระสอบของเขา เมื่อเวลาพวกเขากับบิดาเห็นห่อเงินดังนั้น ก็ทุกข์ใจ ยาโคบบิดาจึงพูดว่า “พวกเจ้าทำให้พ่อพลัดพรากจากลูกของพ่อ โยเซฟก็เสียไปแล้ว สิเมโอนก็เสียไปแล้ว แล้วยังจะเอาเบนยามินไปอีกคน ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความทุกข์สำหรับพ่อ”

ปฐมกาล 42:1-36 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)

เมื่อยาโคบรู้ว่ามีข้าวในอียิปต์ ยาโคบจึงพู​ดก​ับพวกบุตรชายของตนว่า “​มาน​ั่งมองดูกันอยู่ทำไมเล่า” ท่านพูดว่า “​ดู​เถิด เราได้ยิ​นว​่ามีข้าวในอียิปต์ ลงไปซื้อข้าวจากที่นั่นมาให้​พวกเรา เพื่อพวกเราจะได้​มี​ชี​วิตและไม่​อดตาย​” พี่​ชายของโยเซฟสิบคนก็ลงไปซื้อข้าวที่​อียิปต์ แต่​เบนยามินน้องชายของโยเซฟนั้นยาโคบไม่​ให้​ไปกับพวกพี่​ชาย ด้วยท่านกล่าวว่า “เกรงว่าอาจจะเกิดอันตรายแก่​เขา​” บรรดาบุตรชายของอิสราเอลก็ไปซื้อข้าวพร้อมกับคนทั้งหลายที่​ไป เพราะการกันดารอาหารก็​เก​ิดในแผ่นดินคานาอัน ฝ่ายโยเซฟเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน ท่านเป็นผู้​ที่​ขายข้าวให้​แก่​บรรดาประชาชนแห่งแผ่นดิน พวกพี่ชายของโยเซฟก็มากราบไหว้​ท่าน ก้มหน้าลงถึ​งด​ิน โยเซฟเห็นพวกพี่ชายของตนและรู้จักเขาแต่ทำเป็นไม่​รู้​จักเขา และพูดจาดุดั​นก​ับเขา ท่านถามเขาว่า “พวกเจ้ามาจากไหน” เขาตอบว่า “มาจากแผ่นดินคานาอันเพื่อซื้ออาหาร” โยเซฟรู้จักพวกพี่​ชาย แต่​พวกพี่​หาร​ู้จักท่านไม่ โยเซฟระลึกถึงความฝั​นที​่ท่านเคยฝันถึงพวกพี่​ๆ และกล่าวแก่พวกเขาว่า “พวกเจ้าเป็นคนสอดแนม แอบมาดู​จุ​ดอ่อนของบ้านเมือง” พวกเขาจึงตอบท่านว่า “นายเจ้าข้า มิใช่​เช่นนั้น แต่​ข้าพเจ้าผู้​รับใช้​ของท่านมาซื้ออาหาร ข้าพเจ้าทั้งหลายเป็นบุตรชายร่วมบิดาเดียวกัน เป็นคนสัตย์​จริง ผู้รับใช้​ของท่านมิ​ใช่​คนสอดแนม” โยเซฟบอกเขาอี​กว่า “​มิใช่ แต่​พวกเจ้ามาเพื่​อด​ู​จุ​ดอ่อนของบ้านเมือง” พวกพี่จึงตอบว่า “ข้าพเจ้าทั้งหลายผู้​รับใช้​ของท่านเป็นพี่น้องสิบสองคน เป็นบุตรชายร่วมบิดาเดียวกันอยู่ในแผ่นดินคานาอัน ดู​เถิด วันนี้​น้องสุดท้องยังอยู่กับบิดา แต่​น้องอีกคนหนึ่งเสียไปแล้ว” โยเซฟตอบเขาว่า “​ที่​เราว่า ‘พวกเจ้าเป็นคนสอดแนม’ นั้นจริงแน่​ๆ พวกเจ้าจะถูกทดลองดังนี้ โดยพระชนม์​ฟาโรห์​พวกเจ้าจะไปจากที่​นี่​ไม่ได้ เว้นแต่​น้องชายสุดท้องมาที่​นี่ พวกเจ้าต้องอยู่ในคุ​กก​่อน ให้​คนหนึ่งในพวกเจ้าไปพาน้องชายมา เพื่อพิสู​จน​์ถ้อยคำของเจ้าว่าเจ้าพูดจริงหรือไม่ มิ​ฉะนั้นโดยพระชนม์​ฟาโรห์ พวกเจ้าเป็นคนสอดแนมแน่” แล​้วโยเซฟก็ขังพวกพี่ชายไว้ด้วยกันในคุกสามวัน ในวั​นที​่สามโยเซฟบอกเขาว่า “ทำดังนี้​แล​้วจะรอดชีวิต เพราะเรายำเกรงพระเจ้า ถ้าพวกเจ้าเป็นคนสัตย์​จริง จงให้คนหนึ่งในพวกเจ้าถูกจำอยู่​ที่​ห้องเล็กในคุก คนอื่นนำข้าวไปเพื่อบรรเทาการกันดารอาหารที่บ้านของเจ้า แล​้วพาน้องชายสุดท้องมาหาเรา ดังนั้นจึงจะเห็นได้ว่าพวกเจ้าพูดจริง แล​้วพวกเจ้าจะไม่​ตาย​” พวกพี่ชายก็ทำดังนั้น พวกพี่ชายจึงพู​ดก​ั​นว​่า “​ที่​จร​ิงเรามีความผิดเรื่องน้องชายเรา เพราะเราได้​เห​็นความทุกข์ใจของน้องเมื่อเขาอ้อนวอนเราแต่​แล​้วมิ​ได้​ฟัง เพราะฉะนั้นความทุกข์ใจทั้งนี้จึ​งบ​ังเกิดแก่​เรา​” ฝ่ายรูเบนพู​ดก​ั​บน​้องทั้งหลายว่า “ข้าห้ามเจ้าแล้วมิ​ใช่​หรือว่า ‘อย่าทำบาปผิดต่อเด็กนั้น’ แต่​พวกเจ้าไม่​ฟัง เหตุ​ฉะนั้น ดู​เถิด การพิพากษาเรื่องโลหิตของน้องจึงมาถึง” พวกพี่ชายไม่​รู้​ว่าโยเซฟฟังออก เพราะว่าท่านพู​ดก​ับเขาโดยใช้​ล่าม โยเซฟก็หันไปจากเขาและร้องไห้ แล​้วกลับมาพู​ดก​ับเขาอีก และเอาสิเมโอนออกมามัดไว้ต่อหน้าต่อตาพวกเขา แล​้วโยเซฟบัญชาให้​ใส่​ข้าวในถุงของพี่ชายให้เต็มและใส่เงินของแต่ละคนไว้ในกระสอบของทุกคน และให้เสบียงไปกินกลางทาง ท่านก็ทำต่อเขาดังนี้ พวกเขาบรรทุกข้าวใส่หลังลาแล้​วก​็ออกเดินทางไป ครั้นคนหนึ่งเปิดกระสอบออกจะเอาข้าวให้​ลาก​ิน ณ ที่​หยุดพัก ดู​เถิด เขาก็​เห​็นเงินของเขาอยู่​ที่​ปากกระสอบนั้น ผู้​นั้นจึงบอกแก่​พี่​น้องว่า “เงินของข้าพเจ้ากลับคืนมา ดู​เถิด เงินนั้นอยู่​ที่​ปากกระสอบของข้าพเจ้า” พี่​น้องตกใจกลัวจนตัวสั่น พู​ดก​ั​นว​่า “​ที่​พระเจ้าทรงกระทำดังนี้​แก่​เราจะเป็นอย่างไรหนอ” เขาก็​กล​ับไปหายาโคบบิดาของเขาในแผ่นดินคานาอัน แล​้วเล่าเรื่องทั้งหมดที่​เก​ิดขึ้นแก่ตนให้​บิ​ดาฟังว่า “ท่านผู้นั้​นที​่เป็นเจ้านายของประเทศพูดจาดุดั​นก​ับพวกข้าพเจ้า เหมาเอาว่าพวกข้าพเจ้าเป็นผู้สอดแนมดู​บ้านเมือง พวกข้าพเจ้าเรียนท่านว่า ‘ข้าพเจ้าทั้งหลายเป็นคนสัตย์​จริง หาได้เป็นคนสอดแนมไม่ ข้าพเจ้าทั้งหลายเป็นบุตรชายร่วมบิดาเดียวกัน มี​พี่​น้องสิบสองคน น้องคนหนึ่งเสียไปแล้ว น้องสุดท้องยังอยู่กับบิดาในแผ่นดินคานาอัน’ แล​้​วท​่านผู้เป็นเจ้านายของประเทศนั้นตอบแก่เราว่า ‘เพื่อเราจะรู้ว่าพวกเจ้าเป็นคนสัตย์​จริง คือให้คนหนึ่งในพวกพี่น้องอยู่กับเรา พวกเจ้าเอาข้าวไปเพื่อบรรเทาการกันดารอาหารที่บ้านของเจ้า แล​้วออกเดินทางไปเถิด แล​้วจงพาน้องชายสุดท้องมาหาเรา เราจึงจะรู้​แน่ว​่าพวกเจ้ามิ​ได้​เป็นคนสอดแนม แต่​เป็นคนสัตย์​จริง แล​้วเราจะปล่อยพี่ชายไป พวกเจ้ายังจะได้ค้าขายในประเทศนี้’” และต่อมาครั้นพวกเขาแก้กระสอบข้าวออก ดู​เถิด เห​็นห่อเงินของแต่ละคนอยู่ในกระสอบของตน เมื่อเวลาพวกเขากับบิดาเห็นห่อเงินดังนั้​นก​็​กลัว ฝ่ายยาโคบบิดาของเขาจึงว่า “พวกเจ้าทำให้เราพลัดพรากจากลูกของเรา โยเซฟก็เสียไปแล้ว สิ​เมโอนก็เสียไปแล้ว แล​้วพวกเจ้ายังจะเอาเบนยามินไปอีกคน สิ​่งเหล่านี้ทั้งหมดทำให้เรามี​ความทุกข์​”

ปฐมกาล 42:1-36 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

ฝ่ายยาโคบทราบมาว่ามีข้าวที่อียิปต์ จึงพูดกับลูกๆ ว่า “มานั่งมองหน้ากันอยู่ทำไม? พ่อได้ยินว่าที่อียิปต์มีข้าว พวกเจ้าจงลงไปที่นั่นและซื้อมาให้พวกเรา เพื่อเราจะไม่อดตาย” ดังนั้นพี่ชายทั้งสิบคนของโยเซฟจึงเดินทางลงไปอียิปต์เพื่อซื้อข้าว แต่ยาโคบไม่ยอมให้เบนยามินน้องชายของโยเซฟไปกับคนอื่นๆ ด้วย เพราะเกรงว่าอาจจะเกิดอันตรายแก่เขา ดังนั้นบรรดาบุตรชายของอิสราเอลจึงร่วมเดินทางไปซื้อข้าวพร้อมกับคนอื่นๆ เพราะที่คานาอันก็กันดารอาหารเช่นกัน ขณะนั้นโยเซฟเป็นผู้ว่าราชการแผ่นดินมีหน้าที่ขายข้าวให้กับประชาชนทุกคน ดังนั้นเมื่อพวกพี่ชายของโยเซฟมาถึง พวกเขาจึงน้อมคำนับโยเซฟซบหน้าลงกับดิน โยเซฟเห็นพวกพี่ๆ ก็จำได้ทันที แต่เขาแสร้งทำเป็นไม่รู้จักและพูดจาหาเรื่องพวกเขา เขาถามว่า “พวกเจ้ามาจากที่ไหน?” พวกเขาตอบว่า “จากดินแดนคานาอันเพื่อซื้อข้าว” แม้โยเซฟจะจำพวกพี่ชายของเขาได้ แต่พวกเขาจำโยเซฟไม่ได้ แล้วโยเซฟก็หวนรำลึกถึงความฝันในอดีตและพูดกับพวกเขาว่า “พวกเจ้าเป็นสายลับ! พวกเจ้าเข้ามาดูว่าดินแดนของเรามีจุดอ่อนตรงไหน” พวกเขาตอบว่า “ไม่ใช่นายท่าน ผู้รับใช้ของท่านมาเพื่อซื้ออาหาร เราทุกคนเป็นพี่น้องพ่อเดียวกัน ผู้รับใช้ของท่านเป็นคนสุจริต ไม่ใช่สายลับ” โยเซฟยืนกรานว่า “ไม่จริง! พวกเจ้าเข้ามาดูว่าดินแดนของเรามีจุดอ่อนตรงไหน” แต่พวกเขาตอบว่า “ท่านขอรับ เรามีด้วยกันสิบสองคนพี่น้องพ่อเดียวกัน พ่อของเราอยู่ในดินแดนคานาอัน น้องคนสุดท้องก็อยู่กับท่าน ส่วนน้องอีกคนหนึ่งจากไปแล้ว” โยเซฟกล่าวกับพวกเขาว่า “อย่างที่เราบอกเจ้านั่นแหละ พวกเจ้าเป็นสายลับ! นี่เป็นวิธีที่จะทดสอบคำพูดของพวกเจ้าคือ ฟาโรห์ทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด พวกเจ้าจะกลับออกไปจากที่นี่ไม่ได้ฉันนั้น จนกว่าน้องชายคนสุดท้องของพวกเจ้าจะมาที่นี่ ให้คนหนึ่งในพวกเจ้ากลับไปพาน้องชายมา เราจะกักพวกที่เหลือไว้ในคุก เพื่อจะได้พิสูจน์ว่าเรื่องที่เจ้าเล่านั้นเป็นความจริงหรือไม่ ถ้าไม่จริง ฟาโรห์ทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด พวกเจ้าก็เป็นสายลับฉันนั้น!” ฉะนั้นโยเซฟจึงจับพวกเขาทั้งหมดขังคุกไว้เป็นเวลาสามวัน ในวันที่สาม โยเซฟพูดกับพวกเขาว่า “เพราะเราเป็นคนยำเกรงพระเจ้า เจ้าจงทำตามนี้เพื่อเจ้าจะมีชีวิตรอด หากพวกเจ้าเป็นคนสุจริตจริงก็จงให้พี่น้องของเจ้าคนหนึ่งจำคุกอยู่ที่นี่ ส่วนที่เหลือให้นำข้าวกลับไปให้ครอบครัวที่อดอยากของเจ้า แต่พวกเจ้าต้องพาน้องคนสุดท้องของเจ้ากลับมาหาเรา เพื่อว่าพวกเจ้าจะได้พิสูจน์คำพูดของพวกเจ้า และเพื่อพวกเจ้าจะได้ไม่ตาย” พวกเขาก็ยอมทำตามนั้น พวกเขาพูดกันเองว่า “ที่พวกเราต้องถูกลงโทษเช่นนี้ต้องเป็นเพราะน้องชายของเราแน่ๆ เราเห็นตำตาว่าเขาเป็นทุกข์แค่ไหนเมื่อเขาร้องอ้อนวอนขอชีวิตจากเรา แต่เราก็ไม่ฟังเขาเลย นี่ต้องเป็นสาเหตุที่ทำให้ความทุกข์นี้ตกอยู่กับพวกเรา” รูเบนตอบว่า “เราห้ามพวกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือว่าอย่าทำบาปกับเด็กคนนั้น? แต่พวกเจ้าก็ไม่ฟัง! บัดนี้พวกเราจึงต้องชดใช้บาปที่ฆ่าน้องแล้ว” พวกเขาไม่รู้ว่าโยเซฟฟังออก เนื่องจากโยเซฟพูดกับพวกเขาโดยมีล่ามแปล โยเซฟจึงออกไปร้องไห้แล้วกลับเข้ามาอีก และสั่งให้มัดสิเมโอนต่อหน้าพวกพี่น้อง จากนั้นโยเซฟสั่งให้บริวารเอาข้าวบรรจุลงเต็มกระสอบของพวกพี่ชาย แล้วเอาเงินค่าข้าวใส่คืนไว้ในกระสอบของแต่ละคนด้วย ทั้งยังให้เสบียงไว้กินตามทาง เมื่อบริวารของโยเซฟทำตามคำสั่งเสร็จแล้ว พวกพี่ๆ จึงเอากระสอบข้าวบรรทุกบนหลังลาออกเดินทางกลับบ้าน แต่เมื่อแวะพักแรมในคืนนั้น มีคนหนึ่งเปิดกระสอบจะเอาข้าวให้ลากิน ก็เห็นเงินของเขาอยู่ที่ปากกระสอบ เขาบอกพวกพี่น้องว่า “มีคนคืนเงินของข้าใส่ไว้ในกระสอบ” พวกเขาใจหายวาบ กลัวจนตัวสั่น หันไปพูดกันว่า “ทำไมพระเจ้าทำกับเราอย่างนี้?” เมื่อพวกเขากลับมาหายาโคบผู้เป็นบิดาในคานาอัน ก็เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ยาโคบฟังว่า “ชายผู้เป็นเจ้านายปกครองดินแดนพูดจาหาเรื่องเราและทำต่อเราราวกับว่าพวกเราไปสอดแนมในแผ่นดินนั้น แต่พวกเราบอกกับเขาว่า ‘พวกเราเป็นคนสุจริตไม่ใช่สายลับ เรามีกันสิบสองคนพี่น้องพ่อเดียวกัน คนหนึ่งจากไปแล้ว และคนสุดท้องยังอยู่กับพ่อในคานาอัน’ “แล้วชายคนนั้นที่เป็นเจ้านายเหนือแผ่นดินพูดกับเราว่า ‘วิธีนี้จะทำให้เรารู้ว่าพวกเจ้าเป็นคนซื่อสัตย์หรือไม่ คือทิ้งพี่น้องคนหนึ่งของพวกเจ้าไว้กับเราที่นี่ นอกนั้นเอาข้าวกลับไปให้ครอบครัวที่อดอยาก แล้วพาน้องชายคนสุดท้องมาหาเรา เราจะได้รู้ว่าเจ้าเป็นคนสุจริตไม่ใช่คนสอดแนม แล้วเราจะคืนพี่น้องของเจ้าที่ถูกขังไว้ให้พวกเจ้า และเจ้าสามารถติดต่อค้าขายในดินแดนนี้ด้วย’ ” ขณะที่พวกเขาต่างกำลังเทข้าวออกจากกระสอบ ก็พบถุงเงินอยู่ในกระสอบของแต่ละคน! เมื่อพวกเขาและบิดาของเขาเห็นถุงเงินเหล่านั้นก็ตกใจกลัว ยาโคบบิดาของพวกเขาพูดว่า “พวกเจ้าช่างพรากพ่อพรากลูกเสียจริงๆ โยเซฟก็จากไปแล้ว สิเมโอนก็จากไปแล้ว ตอนนี้พวกเจ้ายังจะเอาตัวเบนยามินไปอีก ข้าก็รับกรรมแต่เพียงคนเดียว!”

ปฐมกาล 42:1-36 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)

ครั้น​ยาโคบ​ทราบ​ว่า​มี​ธัญพืช​ที่​ประเทศ​อียิปต์ ท่าน​จึง​พูด​กับ​ลูกๆ ของ​ตน​ว่า “ทำไม​เจ้า​มัว​แต่​จ้อง​หน้า​กัน​อยู่​ได้” ท่าน​พูด​ต่อ​อีก​ว่า “ดูสิ พ่อ​ได้ยิน​ว่า​มี​ธัญพืช​ที่​อียิปต์ เจ้า​จง​ลง​ไป​ที่​นั่น แล้ว​ก็​ซื้อ​กลับ​มา พวก​เรา​จะ​ได้​รอด​ตาย​กัน” ดังนั้น พี่​ชาย​ทั้ง​สิบ​ของ​โยเซฟ​จึง​พา​กัน​ลง​ไป​ซื้อ​ธัญพืช​ที่​อียิปต์ แต่​ยาโคบ​ไม่​ให้​เบนยามิน​น้อง​ชาย​ของ​โยเซฟ​ไป​ด้วย เพราะ​กลัว​ว่า​อาจ​จะ​เป็น​อันตราย​กับ​เขา ดังนั้น​บรรดา​บุตร​ชาย​ของ​อิสราเอล​จึง​ไป​ซื้อ​ธัญพืช​เหมือน​กับ​คน​อื่นๆ ที่​ไป​กัน เพราะ​เกิด​ทุพภิกขภัย​ขึ้น​ใน​ดินแดน​คานาอัน​เช่น​กัน ขณะ​นั้น​โยเซฟ​เป็น​ผู้​สำเร็จ​ราชการ​แผ่นดิน เขา​เป็น​ผู้​ที่​ขาย​ข้าว​ให้​แก่​พวก​ราษฎร​ทั่ว​ไป​ใน​แผ่นดิน เมื่อ​พี่ๆ ของ​โยเซฟ​มา​ถึง​ก็​ก้ม​หน้า​จรด​ดิน กราบ​อยู่ ณ เบื้อง​หน้า​โยเซฟ โยเซฟ​เห็น​พวก​พี่ๆ ก็​จำ​ได้ แต่​เขา​ทำ​เป็น​ไม่​รู้​จัก​และ​พูดจา​แข็ง​กร้าว​ต่อ​เขา​ว่า “พวก​เจ้า​มา​จาก​ไหน” พวก​เขา​ตอบ​ว่า “มา​จาก​ดินแดน​คานาอัน เพื่อ​ซื้อ​อาหาร” แม้ว่า​โยเซฟ​จำ​พวก​พี่ๆ ของ​เขา​ได้ แต่​พวก​เขา​จำ​โยเซฟ​ไม่​ได้ เนื่องจาก​โยเซฟ​จำ​เรื่อง​ที่​เขา​เคย​ฝัน​เกี่ยว​กับ​พวก​เขา​ได้ เขา​จึง​พูด​กับ​พี่ๆ ว่า “พวก​เจ้า​เป็น​ไส้ศึก เจ้า​เข้า​มา​เพื่อ​สำรวจ​ดู​จุด​อ่อน​ของ​แผ่นดิน​นี้” พวก​เขา​ตอบ​ว่า “ไม่​ใช่ นายท่าน ผู้​รับใช้​ของ​ท่าน​มา​เพียง​เพื่อ​ซื้อ​อาหาร พวก​ข้าพเจ้า​เป็น​ลูก​ร่วม​บิดา​เดียวกัน เรา​เป็น​คน​สุจริต ผู้​รับใช้​ของ​ท่าน​ไม่​ได้​เป็น​ไส้ศึก” โยเซฟ​พูด​กับ​พวก​เขา​ว่า “ไม่​ใช่​เช่น​นั้น​แน่ แต่​เจ้า​มา​สำรวจ​หา​จุด​อ่อน​ของ​ประเทศ​นี้​ต่างหาก” พวก​เขา​ตอบ​ว่า “พวก​เรา​คือ​ผู้​รับใช้​ของ​ท่าน เป็น​พี่​น้อง 12 คน ลูก​ร่วม​บิดา​เดียวกัน​ใน​ดินแดน​คานาอัน เวลา​นี้​น้อง​คน​สุดท้อง​อยู่​กับ​บิดา​ของ​เรา ส่วน​อีก​คน​ไม่​อยู่​กับ​เรา​แล้ว” แต่​โยเซฟ​พูด​กับ​เขา​ว่า “เป็น​จริง​อย่าง​ที่​เรา​พูด​คือ พวก​เจ้า​เป็น​ไส้ศึก พวก​เจ้า​จะ​ถูก​ตรวจ​สอบ​อย่าง​นี้​คือ เรา​รับรอง​ใน​นาม​แห่ง​ฟาโรห์​ว่า พวก​เจ้า​จะ​ไม่​ได้​ไป​จาก​ที่​นี่​จน​กว่า​น้อง​คน​สุดท้อง​ของ​เจ้า​จะ​มา​ถึง จง​ส่ง​คน​ใด​คน​หนึ่ง​ใน​พวก​เจ้า​กลับ​ไป เพื่อ​พา​น้อง​ชาย​ของ​เจ้า​มา ขณะ​ที่​พวก​เจ้า​ถูก​จองจำ เพื่อ​ทดสอบ​คำ​พูด​ของ​เจ้า​ว่า​เป็น​จริง​หรือ​ไม่ มิฉะนั้น​เรา​รับรอง​ใน​นาม​ของ​ฟาโรห์​ว่า พวก​เจ้า​เป็น​ไส้ศึก​แน่นอน” แล้ว​โยเซฟ​ก็​กัก​เขา​ทุก​คน​ไว้​ด้วย​กัน​ใน​คุก​เป็น​เวลา 3 วัน ใน​วัน​ที่​สาม โยเซฟ​พูด​กับ​พวก​เขา​ว่า “จง​ทำ​ตาม​นี้ แล้ว​เจ้า​จะ​มี​ชีวิต​อยู่ เพราะ​เรา​เกรง​กลัว​พระ​เจ้า ถ้า​พวก​เจ้า​เป็น​คน​สุจริต ให้​คน​ใด​คน​หนึ่ง​ใน​พวก​เจ้า​ถูก​จองจำ​ต่อ​ไป ส่วน​คน​อื่น​ก็​ไป​ขน​ธัญพืช​สำหรับ​ครอบครัว​ของ​เจ้า​ที่​อดอยาก แล้ว​พา​น้อง​ชาย​คน​สุดท้อง​มา​หา​เรา เพื่อ​ตรวจสอบ​คำ​พูด​ของ​เจ้า แล้ว​เจ้า​จะ​ไม่​ตาย” พวก​เขา​จึง​ปฏิบัติ​ตาม​นั้น ครั้น​แล้ว​พวก​เขา​พูด​ต่อ​กัน​และ​กัน​ว่า “ความ​จริง​แล้ว เรา​ผิด​ใน​เรื่อง​น้อง​ชาย​ของ​เรา เพราะ​เรา​เห็น​แล้ว​ว่า​เขา​น่า​สังเวช เวลา​เขา​ขอร้อง เรา​ก็​ไม่​ฟัง ฉะนั้น​ความ​ทุกข์​นี้​จึง​ตก​ถึง​พวก​เรา” รูเบน​จึง​ตอบ​พวก​เขา​ว่า “ฉัน​บอก​พวก​เจ้า​แล้ว​มิ​ใช่​หรือ​ว่า อย่า​ทำ​ผิด​ต่อ​เจ้า​เด็ก​หนุ่ม แต่​เจ้า​ไม่​ยอม​ฟัง มา​บัดนี้​พวก​เรา​ก็​กำลัง​รับ​โทษ​ที่​ทำ​ให้​เขา​ตาย” เขา​ทั้ง​หลาย​ไม่​ทราบ​ว่า โยเซฟ​เข้าใจ​เรื่องราว เพราะ​ว่า​ก่อน​หน้า​นี้​เขา​พูด​โต้ตอบ​กัน​โดย​ผ่าน​ล่าม โยเซฟ​ผละ​ตัว​ออก​ไป​และ​ร้องไห้ แล้ว​กลับ​มา​พูด​กับ​พวก​เขา โดย​จับ​สิเมโอน​ไว้​และ​มัด​ตัว​ต่อ​หน้า​ต่อ​ตา​พวก​พี่ๆ แล้ว​โยเซฟ​สั่ง​ให้​คน​บรรจุ​ข้าว​ใส่​ถุง​ของ​พี่ๆ ให้​เต็ม และ​คืน​เงิน​ลง​ใน​ถุง​ของ​ทุก​คน อีก​ทั้ง​ให้​อาหาร​ไป​กิน​ระหว่าง​เดินทาง คน​รับใช้​ก็​ทำ​ตาม​ทุก​อย่าง พวก​พี่ๆ บรรทุก​ธัญพืช​ไว้​บน​ลา​ของ​ตน​และ​ออก​เดินทาง​ไป เมื่อ​มา​ถึง​ที่ๆ จะ​ค้าง​แรม คน​หนึ่ง​เปิด​ถุง​เอา​อาหาร​ให้​ลา จึง​พบ​ว่า​เงิน​ของ​ตน​อยู่​ที่​ปาก​ถุง เขา​พูด​กับ​พี่​น้อง​ว่า “มี​คน​คืน​เงิน​ให้​ฉัน นี่​ไง อยู่​ที่​ปาก​ถุง​ของ​ฉัน” พวก​เขา​ตกใจ​จน​ตัว​สั่น ต่าง​ก็​มอง​หน้า​กัน​และ​พูด​ว่า “พระ​เจ้า​ทำ​อะไร​กับ​พวก​เรา” เมื่อ​เขา​กลับ​ไป​ถึง​บ้าน​ยาโคบ​บิดา​ของ​เขา​ที่​ดินแดน​คานาอัน พวก​เขา​ก็​เล่า​เรื่อง​ที่​เกิด​ขึ้น​ให้​ฟัง​ว่า “ชาย​ที่​เป็น​ผู้​สำเร็จ​ราชการ​แผ่นดิน​พูดจา​แข็ง​กร้าว​กับ​เรา และ​กล่าวหา​ว่า​เรา​เป็น​ไส้ศึก​ของ​แผ่นดิน แต่​เรา​แจ้ง​ท่าน​ไป​ว่า ‘เรา​เป็น​คน​สุจริต เรา​ไม่​ใช่​ไส้ศึก เรา​เป็น​พี่​น้อง 12 คน ลูก​ร่วม​บิดา​เดียวกัน คน​หนึ่ง​ไม่​อยู่​กับ​เรา​แล้ว และ​เวลา​นี้​น้อง​คน​สุดท้อง​อยู่​กับ​บิดา​ของ​เรา​ใน​ดินแดน​คานาอัน’ แล้ว​ชาย​คน​ที่​เป็น​ผู้​สำเร็จ​ราชการ​แผ่นดิน​พูด​กับ​เรา​ว่า ‘เรา​จะ​รู้​ว่า​พวก​เจ้า​สุจริต​โดย​วิธี​นี้ จง​ให้​คน​ใด​คน​หนึ่ง​อยู่​กับ​เรา ขณะ​ที่​คน​อื่นๆ เอา​ธัญพืช​ไป​ให้​ครอบครัว​ของ​เจ้า​ที่​อดอยาก จง​ไป​ตาม​ทาง​ของ​เจ้า พา​น้อง​ชาย​คน​สุดท้อง​ของ​เจ้า​มา​หา​เรา เรา​จะ​ได้​รู้​ว่า​พวก​เจ้า​ไม่​ได้​เป็น​ไส้ศึก แต่​เป็น​คน​สุจริต แล้ว​เรา​จะ​คืน​น้อง​ชาย​ของ​เจ้า​กลับ​ไป และ​เจ้า​ก็​จะ​ค้า​ขาย​ได้​ใน​ประเทศ​นี้’” ขณะ​ที่​พวก​เขา​ขน​ของ​ออก​จาก​ถุง พบ​เงิน​เป็น​มัด​ของ​ทุก​คน​อยู่​ใน​ถุง​ของ​ตน เมื่อ​พ่อ​และ​ลูกๆ เห็น​เงิน​เป็น​มัด​เช่น​นั้น​แล้ว​ก็​กลัว ยาโคบ​บิดา​ของ​เขา​จึง​พูด​ว่า “พวก​เจ้า​พราก​ลูกๆ ไป​จาก​พ่อ โยเซฟ​ไม่​อยู่​แล้ว และ​สิเมโอน​ก็​ไม่​อยู่​แล้ว มา​บัดนี้​เจ้า​จะ​เอา​ตัว​เบนยามิน​ไป​อีก พ่อ​เอง​ที่​เป็น​ทุกข์”