การปลดปล่อยสู่ความเป็นไทตัวอย่าง
"ผลประโยชน์ของการปลดปล่อยสู่ความเป็นไท"
วิทยานิพนธ์ที่น่ายกย่องของผู้เผยพระวจนะอิสยาห์ เกี่ยวกับการปลดปล่อยเชลยศึก บรรยายถึงคุณประโยชน์จากพระเจ้าดังนี้: "ตั้งแต่โบราณกาลมาไม่มีใครได้ยิน หรือได้รับทราบด้วยหู หรือได้เห็นพระเจ้าสักองค์ด้วยตา นอกเหนือพระองค์ ผู้ทรงทำการเพื่อผู้รอคอยพระองค์" (อิสยาห์ 64:4)
พระเจ้าทรงประสงค์ที่จะทำในสิ่งซึ่งคุณยังไม่เคยได้เห็น หูของคุณไม่เคยได้ยินให้คุณ คุณไม่เคยคิดได้มาก่อน แต่เป็นอย่างชาวบาบิโลนที่ได้จับคนของพระเจ้าไปเป็นเชลย ซึ่งการเป็นทาสนั้นอาจชัดขวางเราในการดำเนินชีวิตตามความเป็นจริงในอิสยาห์ 64:4 นี่เป็นนิยามของเราในการเป็นเชลย: “คริสเตียนซึ่งถูกกักขังโดยสิ่งหนึ่งสิ่งใดก็ตาม ที่เข้ามาขวางกั้นความครบบริบูรณ์ กับการเกิดผลฝ่ายวิญญาณตามแผนการพระเจ้า"
วิถีที่ดีที่สุดในการวัดว่าเรากำลังตกเป็นเชลยอยู่หรือไม่คือการวัดจากว่าเราชื่นชมยินดีแค่ไหนในพระพรที่พระเจ้าทรงตั้งพระทัยมอบไว้ให้กับลูกของพระองค์ทุกคน ลองถามตัวเองดู: ฉันกำลังมีประสบการณ์ที่เป็นดีกับความสัมพันธ์กับพระเจ้าผ่านทางพระคริสต์ หรือได้รับประโยชน์จากการอ่านพระคัมภีร์ที่ดูเหมือนจะให้ความอบอุ่นกับความคิดของฉันหรือไม่?
ตามพระธรรมอิสยาห์ พระเจ้าได้ทรงพระเมตตาหยิบยื่นผลประโยชน์ให้กับลูก ๆ ของพระองค์ดังนี้
1. การรู้จัก และเชื่อวางใจในพระเจ้า
2. การถวายเกียรติพระเจ้า
3. การพบความพึงพอใจในพระเจ้า
4. การมีสันติสุขในพระเจ้า
5. ความชื่นชอบในการทรงสถิตของพระเจ้า
ผลประโยชน์เหล่านี้กับพระธรรมที่บันทึกไว้นั้นจะเป็นแผนที่นำเรากลับมาสู่บ้านเมื่อคุณถูกจับไปเป็นเชลย ผลประโยชน์แรกคือ "การรู้จัก และวางใจในพระเจ้า"
เป้าหมายหลักอันหนึ่งของคุณคือ การรู้จักพระเจ้าอย่างใกล้ชิด และด้วยความยำเกรงอย่างคุ้นเคย
พระเจ้าไม่ได้ทรงประสงค์ให้เรารู้จักพระองค์เท่านั้น พระองค์ทรงประสงค์ให้เราเชื่อ พึ่งในพระองค์! มีอะไรหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตเราที่ส่งผลต่อความยินยอมของเราในการเชื่อวางใจพระเจ้า การสูญเสีย และการทรยศ สามารถประทับตราอย่างเหนียวแน่นในระดับความเชื่อของเรา
การเชื่อวางใจพระเจ้าที่มองไม่เห็นไม่อาจเกิดขึ้นกับผู้เชื่อคนหนึ่งคนใดได้ตามธรรมชาติ สัมพันธภาพที่น่าเชื่อถือจะเติบโตขึ้นได้ต่อเมื่อมีการก้าวออกไปในความเชื่อ และเลือกที่จะไว้วางใจ ความสามารถในการไว้วางใจมักเกิดขึ้นผ่านทางประสบการณ์ล้วน ๆ "ฉันได้พบแล้วเมื่อวานนี้ว่าพระองค์ทรงสัตย์ซื่อ วันนี้พระองค์ก็จะไม่ทรงสัตย์ซื่อไม่ได้"
จงชื่นชมยินดีที่พระคริสต์ทรงมีพระประสงค์ที่จะปลดปล่อยเราอย่างสิ้นเชิงให้รู้จัก และเชื่อวางในในพระ องค์ บางส่วนของกระบวนการนี้จะนำเราไปสู่การรับรู้ถึงบางสิ่งที่ฉุดรั้งเราไว้ และเรียนรู้ที่สังเกตเห็นว่ามีอะไรกันบ้าง
ฉันขอขอบคุณอย่างเหลือล้นที่คุณยินยอมมาร่วมในวิถีทางแห่งอิสรภาพ ฉันขออธิษฐานเผื่อคุณทุก ๆ วัน
วิทยานิพนธ์ที่น่ายกย่องของผู้เผยพระวจนะอิสยาห์ เกี่ยวกับการปลดปล่อยเชลยศึก บรรยายถึงคุณประโยชน์จากพระเจ้าดังนี้: "ตั้งแต่โบราณกาลมาไม่มีใครได้ยิน หรือได้รับทราบด้วยหู หรือได้เห็นพระเจ้าสักองค์ด้วยตา นอกเหนือพระองค์ ผู้ทรงทำการเพื่อผู้รอคอยพระองค์" (อิสยาห์ 64:4)
พระเจ้าทรงประสงค์ที่จะทำในสิ่งซึ่งคุณยังไม่เคยได้เห็น หูของคุณไม่เคยได้ยินให้คุณ คุณไม่เคยคิดได้มาก่อน แต่เป็นอย่างชาวบาบิโลนที่ได้จับคนของพระเจ้าไปเป็นเชลย ซึ่งการเป็นทาสนั้นอาจชัดขวางเราในการดำเนินชีวิตตามความเป็นจริงในอิสยาห์ 64:4 นี่เป็นนิยามของเราในการเป็นเชลย: “คริสเตียนซึ่งถูกกักขังโดยสิ่งหนึ่งสิ่งใดก็ตาม ที่เข้ามาขวางกั้นความครบบริบูรณ์ กับการเกิดผลฝ่ายวิญญาณตามแผนการพระเจ้า"
วิถีที่ดีที่สุดในการวัดว่าเรากำลังตกเป็นเชลยอยู่หรือไม่คือการวัดจากว่าเราชื่นชมยินดีแค่ไหนในพระพรที่พระเจ้าทรงตั้งพระทัยมอบไว้ให้กับลูกของพระองค์ทุกคน ลองถามตัวเองดู: ฉันกำลังมีประสบการณ์ที่เป็นดีกับความสัมพันธ์กับพระเจ้าผ่านทางพระคริสต์ หรือได้รับประโยชน์จากการอ่านพระคัมภีร์ที่ดูเหมือนจะให้ความอบอุ่นกับความคิดของฉันหรือไม่?
ตามพระธรรมอิสยาห์ พระเจ้าได้ทรงพระเมตตาหยิบยื่นผลประโยชน์ให้กับลูก ๆ ของพระองค์ดังนี้
1. การรู้จัก และเชื่อวางใจในพระเจ้า
2. การถวายเกียรติพระเจ้า
3. การพบความพึงพอใจในพระเจ้า
4. การมีสันติสุขในพระเจ้า
5. ความชื่นชอบในการทรงสถิตของพระเจ้า
ผลประโยชน์เหล่านี้กับพระธรรมที่บันทึกไว้นั้นจะเป็นแผนที่นำเรากลับมาสู่บ้านเมื่อคุณถูกจับไปเป็นเชลย ผลประโยชน์แรกคือ "การรู้จัก และวางใจในพระเจ้า"
เป้าหมายหลักอันหนึ่งของคุณคือ การรู้จักพระเจ้าอย่างใกล้ชิด และด้วยความยำเกรงอย่างคุ้นเคย
พระเจ้าไม่ได้ทรงประสงค์ให้เรารู้จักพระองค์เท่านั้น พระองค์ทรงประสงค์ให้เราเชื่อ พึ่งในพระองค์! มีอะไรหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตเราที่ส่งผลต่อความยินยอมของเราในการเชื่อวางใจพระเจ้า การสูญเสีย และการทรยศ สามารถประทับตราอย่างเหนียวแน่นในระดับความเชื่อของเรา
การเชื่อวางใจพระเจ้าที่มองไม่เห็นไม่อาจเกิดขึ้นกับผู้เชื่อคนหนึ่งคนใดได้ตามธรรมชาติ สัมพันธภาพที่น่าเชื่อถือจะเติบโตขึ้นได้ต่อเมื่อมีการก้าวออกไปในความเชื่อ และเลือกที่จะไว้วางใจ ความสามารถในการไว้วางใจมักเกิดขึ้นผ่านทางประสบการณ์ล้วน ๆ "ฉันได้พบแล้วเมื่อวานนี้ว่าพระองค์ทรงสัตย์ซื่อ วันนี้พระองค์ก็จะไม่ทรงสัตย์ซื่อไม่ได้"
จงชื่นชมยินดีที่พระคริสต์ทรงมีพระประสงค์ที่จะปลดปล่อยเราอย่างสิ้นเชิงให้รู้จัก และเชื่อวางในในพระ องค์ บางส่วนของกระบวนการนี้จะนำเราไปสู่การรับรู้ถึงบางสิ่งที่ฉุดรั้งเราไว้ และเรียนรู้ที่สังเกตเห็นว่ามีอะไรกันบ้าง
ฉันขอขอบคุณอย่างเหลือล้นที่คุณยินยอมมาร่วมในวิถีทางแห่งอิสรภาพ ฉันขออธิษฐานเผื่อคุณทุก ๆ วัน
ข้อพระคัมภีร์
เกี่ยวกับแผนฯ
การปลดปล่อยสู่อิสรภาพ จะนำคุณผ่านบทเรียนพระคัมภีร์ ค้นพบพลังอำนาจการเปลี่ยนแปลงในพระเยซูไปสู่ดความเป็นไท หัวข้อหลักของบทเรียนนี้มาจากอิสยาห์ พระธรรมเกี่ยวกับคนของพระเจ้าที่ตกไปเป็นเชลย ความสัตย์ซื่อของพระเจ้ากับหนทางสุู่ความเป็นไท
More
เราขอขอบคุณ Beth Moore และ Lifeway Christian Resources ที่จัดเตรียมแผนนี้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชม: http://www.lifeway.com/