การเดินทางของฮาบากุกตัวอย่าง

"เชื่อวางใจพระเจ้า"
บทใคร่ครวญ:
ในฐานะที่เป็นคริสเตียน เรามักพักพิงอยู่ในความรักของพระเจ้าและเฝ้ามองพระเมตตาของพระองค์ เรามักจะลืมไปว่าในความรักของพระองค์ก็มีพระพิโรธด้วย แต่คำถามคือทำไมเราจึงลืมสิ่งนี้? การเสียสละที่พระองค์ทรงทำเพื่อเราเป็นของขวัญแห่งความรักอันยิ่งใหญ่ ที่อาจบดบังภาพแห่งพระพิโรธของพระองค์ได้อย่างง่ายดาย มีความจริงง่าย ๆ ข้อหนึ่งที่เด่นชัด คือพระเจ้าทรงเป็นพระเจ้า และพระองค์จะไม่ทรงเทพระพิโรธลงสู่โลกอย่างไม่สมควร และพระเจ้าไม่ทรงถูกเผาผลาญด้วยความเคียดแค้น ความรักที่พระองค์มีต่อมนุษยชาตินั้นยิ่งใหญ่มาก จนบ่อยครั้งความรักชักนำพระองค์ให้ต่อต้านสิ่งที่พระองค์ต้องการด้วยซ้ำ
ผมเคยได้ยินผู้ที่ต่อต้านถามว่า “ถ้าพระเจ้าทรงมีความรักมากมายขนาดนั้น ทำไมพระองค์จึงส่งคนลงนรก?” คำตอบของพระองค์ทำให้ผมเปลี่ยนความคิด หากจะขยายความก็คือ “การอยู่ในนรกคือการต้องพรากจากพระเจ้า และแท้จริงแล้วพระเจ้าทรงรักโดยเคารพเสรีภาพในการเลือก ถ้าหากใครเลือกที่จะอยู่ห่างจากพระองค์ในขณะที่มีชีวิต พระองค์ก็จะไม่ทรงบังคับพวกเขาให้อยู่กับพระองค์ในความตาย” คำอุปมาอันน่าพรั่นพรึงนี้บอกกับเราใน 2 เปโตร 3:9 ว่า:
องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ทรงเฉื่อยช้าในเรื่องพระสัญญาของพระองค์ ตามที่บางคนคิดนั้น แต่ทรงอดทนกับพวกท่าน พระองค์ไม่ทรงประสงค์ให้ใครพินาศเลย แต่ประสงค์ให้ทุกคนกลับใจใหม่
คำถามเพื่อตรึกตรองส่วนตัว:
ใช้เวลาไตร่ตรองคำถามเหล่านี้ก่อนที่จะอ่านต่อไป ตอบคำถามเหล่านี้อย่างตรงไปตรงมาและใส่ละเอียดให้มากที่สุด และเตรียมพร้อมสำหรับความคิดของผู้เขียนในวันพรุ่งนี้
1. สาระสำคัญของบทนี้คืออะไร?
2. คำว่า “เส-ลาห์” มีความสำคัญอย่างไร และเราควรตอบสนองอย่างไร?
3. คิดย้อนกลับไปที่สาระสำคัญของบทนี้: ฮาบากุกกำลังพยายามสื่ออะไรกับผู้อ่าน?
4. เราจะนำสิ่งนี้มาสู่โลกปัจจุบันของเราและนำไปใช้กับชีวิตประจำวันของเราได้อย่างไร?
บทใคร่ครวญ:
ในฐานะที่เป็นคริสเตียน เรามักพักพิงอยู่ในความรักของพระเจ้าและเฝ้ามองพระเมตตาของพระองค์ เรามักจะลืมไปว่าในความรักของพระองค์ก็มีพระพิโรธด้วย แต่คำถามคือทำไมเราจึงลืมสิ่งนี้? การเสียสละที่พระองค์ทรงทำเพื่อเราเป็นของขวัญแห่งความรักอันยิ่งใหญ่ ที่อาจบดบังภาพแห่งพระพิโรธของพระองค์ได้อย่างง่ายดาย มีความจริงง่าย ๆ ข้อหนึ่งที่เด่นชัด คือพระเจ้าทรงเป็นพระเจ้า และพระองค์จะไม่ทรงเทพระพิโรธลงสู่โลกอย่างไม่สมควร และพระเจ้าไม่ทรงถูกเผาผลาญด้วยความเคียดแค้น ความรักที่พระองค์มีต่อมนุษยชาตินั้นยิ่งใหญ่มาก จนบ่อยครั้งความรักชักนำพระองค์ให้ต่อต้านสิ่งที่พระองค์ต้องการด้วยซ้ำ
ผมเคยได้ยินผู้ที่ต่อต้านถามว่า “ถ้าพระเจ้าทรงมีความรักมากมายขนาดนั้น ทำไมพระองค์จึงส่งคนลงนรก?” คำตอบของพระองค์ทำให้ผมเปลี่ยนความคิด หากจะขยายความก็คือ “การอยู่ในนรกคือการต้องพรากจากพระเจ้า และแท้จริงแล้วพระเจ้าทรงรักโดยเคารพเสรีภาพในการเลือก ถ้าหากใครเลือกที่จะอยู่ห่างจากพระองค์ในขณะที่มีชีวิต พระองค์ก็จะไม่ทรงบังคับพวกเขาให้อยู่กับพระองค์ในความตาย” คำอุปมาอันน่าพรั่นพรึงนี้บอกกับเราใน 2 เปโตร 3:9 ว่า:
องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ทรงเฉื่อยช้าในเรื่องพระสัญญาของพระองค์ ตามที่บางคนคิดนั้น แต่ทรงอดทนกับพวกท่าน พระองค์ไม่ทรงประสงค์ให้ใครพินาศเลย แต่ประสงค์ให้ทุกคนกลับใจใหม่
คำถามเพื่อตรึกตรองส่วนตัว:
ใช้เวลาไตร่ตรองคำถามเหล่านี้ก่อนที่จะอ่านต่อไป ตอบคำถามเหล่านี้อย่างตรงไปตรงมาและใส่ละเอียดให้มากที่สุด และเตรียมพร้อมสำหรับความคิดของผู้เขียนในวันพรุ่งนี้
1. สาระสำคัญของบทนี้คืออะไร?
2. คำว่า “เส-ลาห์” มีความสำคัญอย่างไร และเราควรตอบสนองอย่างไร?
3. คิดย้อนกลับไปที่สาระสำคัญของบทนี้: ฮาบากุกกำลังพยายามสื่ออะไรกับผู้อ่าน?
4. เราจะนำสิ่งนี้มาสู่โลกปัจจุบันของเราและนำไปใช้กับชีวิตประจำวันของเราได้อย่างไร?
ข้อพระคัมภีร์
เกี่ยวกับแผนฯ

แผนการอ่านนี้เป็นการเดินทางผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากด้วยกันกับผู้เผยวจนะฮาบากุก
More
เราขอขอบคุณ Tommy L. Camden II สำหรับการจัดเตรียมแผนการอ่านนี้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชม: http://portcitychurch.org/