จะเริ่มอ่านพระคัมภีร์อย่างไรดีตัวอย่าง
เรียนรู้ที่จะวางใจพระเจ้าผ่านพระวจนะของพระองค์
การเชื่อวางใจพระเจ้าในความสว่างนั้นไม่มีความหมายอะไรเลย แต่การเชื่อวางใจพระองค์ในความมืดมิด นั่นแหละคือความเชื่อ — ชาร์ลส สเปอร์เจียน
การทำให้การอ่านพระคัมภีร์เป็นนิสัยประจำวันและการเรียนรู้ที่จะประยุกต์ใช้ความจริงจะช่วยเพิ่มความสนิทสนมของเรากับพระเจ้าอย่างไม่สิ้นสุด แต่บางครั้ง หรือบางทีหลายครั้ง พระคัมภีร์อาจดูเหมือน ไกลตัว มันอาจให้ความรู้สึกห่างไกลจากสิ่งที่เรากำลังมุ่งหน้าไปในชีวิตของเรา และถ้าเราจะพูดตรง ๆ กันจริง ๆ มันดูเหมือนว่าพระเจ้าไม่ได้แสนดีเสมอไปเพราะพระองค์ไม่ได้ประทานให้ในสิ่งที่เราต้องการหรือทูลขอ
โดยการเค้นเข้าไปในพระคำของพระเจ้า เราจะเห็นว่าแผนการของพระองค์นั้นดีและพระองค์ทรงมีประโยชน์สูงสุดของเราอยู่ในแถวหน้าของความคิดอันสมบูรณ์แบบของพระองค์ แต่มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ของพระองค์ ไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดของเรา พระองค์ทรงมองเห็นภาพรวมที่ใหญ่กว่าและรู้ว่าเราต้องการอะไรและเมื่อไหร่ที่เราจะต้องการ การวางใจพระเจ้าจะเกิดขึ้นเมื่อเรารู้จักพระลักษณะของพระองค์
การอ่านและการประยุกต์ใช้พระคำของพระเจ้ากับชีวิตของเราจะช่วยให้เราเชื่อวางใจในพระองค์มากขึ้นในแต่ละวันเพราะพระเจ้าทรงแน่วแน่ต่อพระสัญญาของพระองค์ พระองค์ทรงให้คำสัญญามากมายกับเราในพระคัมภีร์ซึ่งปลูกฝังความหวังไว้ในตัวเราเมื่อเรายอมรับมัน แต่ให้เรามาลองดูพระสัญญาสักจำนวนหนึ่ง พระเจ้าทรงสัญญาว่า…
...ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์จะทรงโปรดยกบาปของเรา และจะทรงชำระเรา (1 ยอห์น 1:9)
...ถ้าเรามาหาพระองค์ด้วยความเหน็ดเหนื่อยด้วยแบกภาระหนัก พระองค์จะทรงให้เราได้หยุดพัก (มัทธิว 11:28-29)
...ถ้าเราติดตามพระองค์ เราจะไม่ต้องเดินในความมืดมิด (ยอห์น 8:12)
...ถ้าเราติดสนิทอยู่กับพระองค์ เราจะเกิดผลมากมาย (ยอห์น 15:5)
...ถ้าเราขาดสติปัญญา พระองค์จะทรงประทานให้ด้วยพระทัยกว้างขวาง (ยากอบ 1:5)
...ถ้าเราเชื่อและยอมรับด้วยปากว่าพระเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า เราจะรอด (โรม 10:9)
จะมีบางสิ่งที่เราอ่านแล้วดูไม่สมเหตุสมผลหรืออาจทำให้เราขัดข้องใจ แต่อย่างที่ศิษยาภิบาล แอนดี สแตนลีย์ กล่าวว่า “คุณไม่จำเป็นต้องเข้าใจทุกอย่างเพื่อที่จะเชื่อในบางอย่าง” ยิ่งเราแสวงหาพระองค์มากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งรู้จักพระองค์มากขึ้นเท่านั้น และยิ่งเรารู้จักพระองค์มากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งเชื่อวางใจในพระองค์มากขึ้นเท่านั้น เมื่อเราทำให้มันกลายเป็นส่วนหนึ่งของวัน เราจะรู้จักพระองค์ในฐานะผู้กำกับเส้นทาง ผู้ให้สติปัญญา ผู้นำความอบอุ่นใจ ผู้ให้ความหวัง และผู้นำสันติสุขมาให้
ใคร่ครวญ
- คุณเชื่อวางใจพระเจ้าและพระวจนะของพระองค์หรือไม่? อะไรบ้างที่ทำให้คุณไม่เชื่อวางใจ?
- ใช้เวลาในการบอกเล่าความกังวลและความกลัวของคุณต่อพระเจ้า พระองค์ทรงรู้อยู่แล้ว ดังนั้นอย่าได้เก็บซ่อนไว้ จากนั้น ทูลขอให้พระองค์ช่วยให้คุณเชื่อวางใจพระองค์ด้วยทุกสิ่งที่กำลังทิ้งน้ำหนักลงบนคุณ
ข้อพระคัมภีร์
เกี่ยวกับแผนฯ
พูดตามตรง: เรารู้ว่าการอ่านพระคัมภีร์เป็นความคิดที่ดี แต่มันก็ค่อนข้างยากที่จะรู้ว่าควรเริ่มจากตรงไหน ตลอดสี่วันข้างหน้า เราจะมาเรียนรู้ว่าเหตุใดพระคัมภีร์จึงมีความสำคัญ วิธีการเริ่มนิสัยการอ่านหนังสือทุกวัน และวิธีการนำไปใช้กับชีวิตของเราในปัจจุบัน
More