9 คำโกหกที่คริสเตียนเชื่อ: ส่วนที่ 3 จาก 3 ตัวอย่าง

โดยธรรมชาติเรามักต้องการที่จะ “เชื่อตัวเอง”.

ความจริงแล้วตั้งแต่เด็กเราถูกสอนมาว่าการเชื่อมั่นในตัวเองเป็นสิ่งที่ดี แต่อย่างไรก็ตามเราถูกสร้างมาให้เชื่อในผู้ที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเราเอง

แก่นของการเชื่อตัวเองคือความต้องการให้ทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของเรา แต่อย่างไรก็ตามหากคุณพยายามใช้ชีวิตโดยเชื่อในตัวเอง คุณจะติดกับในความท้อใจ ความกลัว ความวิตกกังวล และความกลุ้มใจ ความกดดันจากการพยายามให้ทุกสถานการณ์อยู่ในการควบคุมจะทำให้สุดท้ายคุณถึงกับล้มลงด้วยความยากลำบากของชีวิต การใช้ชีวิตในโลกนี้มีอิทธิพลมากพอจะล้มคุณได้ แต่มันไม่สามารถที่จะเคลื่อนพระเจ้าออกจากพระบัลลังก์ของพระองค์ได้

คุณไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาให้เชื่อในตัวเอง เพราะคุณไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาให้ควบคุมได้ทุกสิ่ง คุณถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้เชื่อผู้อื่น คุณถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้วางใจผู้อื่นเพื่อจะอยู่ในการควบคุม สุดท้ายความเชื่อก็คือ—การวางใจในผู้หนึ่งซึ่งประทับบนบัลลังก์อย่างกษัตริย์

การมีชีวิตเช่นนี้นั้นมีอิสระอย่างน่าอัศจรรย์ มันนำเอาแรงกดดันออกไปจากคุณและนำไปมอบให้กับผู้ที่สามารถรับมือได้ ความยิ่งใหญ่ของการเชื่อและวางใจในพระเจ้าด้วยชีวิตของคุณคือ พระองค์ไม่ได้กระเสือกกระสนกับเรื่องเหล่านั้นเหมือนกับคุณและฉัน พระองค์ไม่ทรงเครียด วิตกกังวล หรือกลัดกลุ้ม ทุกสิ่งอยู่ในการควบคุมของพระองค์ พระองค์ทรงมีแผนการและพระประสงค์ และทรงแข็งแกร่งพอจะจัดการได้ เราอาจล้มเหลว แต่พระองค์ไม่ทรงล้มเหลว เราอาจพลาดพลั้ง แต่พระองค์ไม่ทรงพลาดพลั้ง เราอาจสร้างปัญหา แต่พระองค์ไม่เป็นเช่นนั้น เราอาจพลาดพลั้ง แต่พระองค์ไม่ทรงพลาดพลั้ง เราวางใจพระองค์ได้ พระองค์ทรงพิสูจน์พระองค์เองซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่การจะเชื่อในพระองค์เราต้องปล่อยวาง การปล่อยวางหมายความว่าเราไม่สามารถยึดมันไว้ได้อีกแล้ว ไม่ว่าสำหรับคุณ "มัน" จะเป็นอะไรก็ตาม ถึงเวลาแล้วที่คุณต้องมอบมันไว้ในพระหัตถ์ของพระเจ้าและปล่อยวางเสีย

ความเชื่อเข้ามาเมื่อคุณปล่อยวาง

คำถามตอบสนอง:

มีส่วนไหนในชีวิตที่คุณพยายามจะควบคุม?

มีสักสิ่งในชีวิตไหม-แค่สิ่งเดียว-ที่คุณจะสามารถมอบไว้กับพระเจ้าได้ในสัปดาห์นี้?

ความจริง:

คุณไม่ได้ถูกสร้างมาให้ “เชื่อตัวเอง” คุณถูกสร้างมาเพื่อให้เชื่อบางคนที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวคุณ