เด็ดเดี่ยวไปกับ ลิซ่า บีเวียร์ตัวอย่าง

ผู้คนจากหลายศตวรรษแสวงหาสิ่งสำคัญที่พวกเขาเรียกว่า เพชร ศิลาที่ซ่อนเร้นอยู่นี้นั้นอาจทรงพลัง ดึงดูด เรืองรองและไม่สามารถทำลายได้ ผู้ปกครองทั้งหลายคิดว่าถ้าพวกเขาได้พบมัน พวกเขาสามารถใช้มันเป็นอาวุธและเกราะป้องกันเพื่อที่จะกลายเป็นผู้ที่ไม่มีวันปราชัย หลายร้อยปีมานี้วีรบุรุษมากมายได้เข้าสู่การสำรวจเพื่อเสาะหาหินวิเศษ 

ฉันชอบความคิดของทั้งหมดนี้ มีบางสิ่งที่ดึงดูดในเรื่องของการสำรวจและหินแห่งพลัง แต่ไม่มีใครออกไปเสาะหาศิลาวิเศษอีกต่อไป บัดนี้การค้นหาได้เปลี่ยนไปแล้ว ไม่มีสินแร่ซึ่งไม่ได้รับอนุญาตที่โลกกำลังเสาะหา พวกเขาเสาะหาความจริงที่เข้าไม่ถึงและไม่แปรเปลี่ยนไป

ในแก่นแท้ของเรา เราอยากได้บางสิ่งที่หนักแน่น บางสิ่งที่มั่นคง แม้แต่ปอนติอัส ปีลาตยังถามพระเยซูว่า “ความจริงคืออะไร?” นี่เป็นคำถามที่ยากสำหรับหลายคน—และนานเกินกว่าที่คาดไว้ เราจึงเต็มใจที่จะทิ้งมันไว้อย่างไม่มีคำตอบ

เราอาศัยอยู่ในยุคที่เมื่อเราต้องการการพูดคุยแบบถึงแก่น ความสัมพันธ์แบบมีแก่นสาร และสายสัมพันธ์แบบถึงรากกับพระวจนะของพระเจ้าซึ่งคือความจริง เราเป็นชนรุ่นที่ถูกปลดออกจากความกลัวของเรา และบ่อยครั้งเราก็ถูกทิ้งไว้ให้วิ่งไล่ความว่างเปล่า ถูกโยนลงไปในสายน้ำที่เรียกกันว่าเป็นความจริง 

แต่ความจริงไม่ใช่สายน้ำ หากเป็นศิลา 

ท่ามกลางความสับสนและการเปรียบเทียบทั้งหลายแหล่I เราต้องหันไปหาพระเยซู พระองค์ทรงเป็นศิลาของเรา เป็นความแข็งแกร่งของเรา: ไม่โอนเอนและไม่หวั่นไหว เราถูกเชื้อเชิญให้สร้างชีวิตของเราในพระองค์—ไม่ใช่แค่บนพระองค์ แต่ในพระองค์—เป็นดั่งรากฐานที่มั่นคงของเรา พระองค์เป็นผู้เดียวที่เป็นศิลามั่นคงในโลกที่มีแต่กรวดเกลื่อนกลาด 

เมื่อเราทำสิ่งนี้ พระองค์ทรงเป็นเหตุให้เรากลายเป็นคนที่มั่นคงเหมือนกับพระองค์ พระองค์ทรงเป็นศิลามุมเอก แต่เรานั้นเป็นศิลาที่มีชีวิต ก่อร่างสร้างขึ้นกับพระองค์เป็นนิเวศฝ่ายวิญญาณซึ่งทำหน้าที่เหมือนกับด่านหน้าและป้อมปราการสำหรับผู้ที่หวั่นไหวในโลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา 

นี่เป็นส่วนหนึ่งในการทรงเรียกของเราในฐานะคริสเตียน—ที่จะยืนหยัดอยู่ในความจริง ไม่ใช่เพื่อตัวเราเท่านั้น แต่ยังเพื่อคนอื่น ๆ ที่แสวงหาบางสิ่งที่พวกเขาสามารถสร้างชีวิตของพวกเขาขึ้นบนนั้นได้ 

คำว่า พระเยซูทรงเป็นศิลา มีความหมายอะไรกับคุณ? ด้านใดที่ความจริงนี้ได้ไหลเลื่อนไปในโลกของคุณ?