สดุดี 30:3-12
สดุดี 30:3-12 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)
ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์ทรงนำข้าพระองค์ขึ้นมาจากแดนคนตาย ทรงให้ข้าพระองค์มีชีวิต จึงไม่ต้องลงไปยังหลุมมรณา ท่านผู้จงรักภักดีต่อพระยาห์เวห์เอ๋ย จงร้องเพลงสดุดีพระองค์ ยกย่องพระนามบริสุทธิ์ของพระองค์ เพราะความกริ้วของพระองค์นั้นเป็นแต่ชั่วขณะหนึ่ง แต่ความโปรดปรานของพระองค์นั้นตลอดชีวิต การร้องไห้อาจจะคงอยู่สักคืนหนึ่ง แต่ความยินดีจะมาเวลาเช้า ส่วนข้าพระองค์ ข้าพระองค์พูดในความเจริญรุ่งเรืองของข้าพระองค์ว่า “ข้าพเจ้าจะไม่หวั่นไหวเลย” ข้าแต่พระยาห์เวห์ โดยความโปรดปรานของพระองค์ พระองค์ทรงสถาปนาข้าพระองค์ไว้อย่างภูเขาแข็งแกร่ง พอพระองค์ซ่อนพระพักตร์ ข้าพระองค์ก็ใจเสีย ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพระองค์ได้ร้องทูลพระองค์ และข้าพระองค์ได้วิงวอนองค์เจ้านายว่า “จะมีประโยชน์อะไร ถ้าข้าพระองค์ตาย? ผงคลีจะยกย่องพระองค์หรือ? มันจะบอกเล่าเรื่องความซื่อสัตย์ของพระองค์หรือ? ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงฟังและทรงพระกรุณาข้าพระองค์ ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงเป็นผู้อุปถัมภ์ข้าพระองค์” พระองค์ได้ทรงเปลี่ยนการไว้ทุกข์ของข้าพระองค์เป็นการเต้นรำ พระองค์ทรงถอดเสื้อผ้ากระสอบของข้าพระองค์ออก และทรงคาดเอวข้าพระองค์ด้วยความยินดี เพื่อข้าพระองค์จะร้องเพลงสดุดีพระองค์และไม่นิ่งเงียบ ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะขอบพระคุณพระองค์เป็นนิตย์
สดุดี 30:3-12 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)
ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์ยกข้าพเจ้าออกมาจากหลุมศพ พระองค์รักษาชีวิตของข้าพเจ้าไว้และไม่ให้ข้าพเจ้าตกลงไปในหลุมแห่งความตาย ท่านทั้งหลายที่ซื่อสัตย์ต่อพระยาห์เวห์ ให้ร้องเพลงสรรเสริญต่อพระยาห์เวห์ ให้ขอบพระคุณแด่ชื่ออันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ ความโกรธเกรี้ยวของพระองค์อยู่เพียงชั่วคราว แต่ความปรานีของพระองค์นำชีวิตมาให้ เราอาจจะร้องไห้ในยามค่ำคืน แต่ในวันรุ่งขึ้น เราจะชื่นบาน ในยามที่ข้าพเจ้ามั่นคงปลอดภัย ข้าพเจ้าคิดว่า ไม่มีอะไรสั่นคลอนข้าพเจ้าได้ ข้าแต่พระยาห์เวห์ ตอนที่พระองค์ปรานีต่อข้าพเจ้า พระองค์ทำให้ข้าพเจ้ามั่นคงเหมือนภูเขา แต่ตอนที่พระองค์ซ่อนหน้าไปจากข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็กลัวจนตัวสั่น ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์ ข้าพเจ้าร้องขอความเมตตากรุณาจากพระองค์ ข้าพเจ้าพูดว่า ถ้าข้าพเจ้าตายไป มันจะมีประโยชน์อะไรหรือ พวกที่อยู่ในหลุมศพจะสรรเสริญพระองค์ได้หรือ พวกเขาจะพูดกันถึงความซื่อสัตย์ของพระองค์ได้หรือ ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดฟังคำร้องขอของข้าพเจ้าและแสดงความเมตตากรุณาต่อข้าพเจ้า ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดเป็นผู้ช่วยของข้าพเจ้าด้วยเถิด แล้วพระองค์ก็เปลี่ยนการคร่ำครวญของข้าพเจ้าให้กลายเป็นการโลดเต้น พระองค์ถอดเสื้อผ้าไว้ทุกข์ของข้าพเจ้าออกและเอาความสุขมาสวมใส่ข้าพเจ้าแทน เพื่อข้าพเจ้าจะได้ร้องเพลงสรรเสริญพระองค์ไม่นิ่งเงียบอีกต่อไป ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์ตลอดไป
สดุดี 30:3-12 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)
โอ ข้าแต่พระเยโฮวาห์ พระองค์ทรงนำจิตวิญญาณของข้าพระองค์ขึ้นมาจากแดนผู้ตาย ทรงให้ข้าพระองค์มีชีวิต เพื่อข้าพระองค์ไม่ต้องลงไปสู่ปากแดนผู้ตาย โอ ท่านวิสุทธิชนของพระองค์เอ๋ย จงร้องสรรเสริญพระเยโฮวาห์ และถวายโมทนาเมื่อระลึกถึงความบริสุทธิ์ของพระองค์ เพราะพระพิโรธของพระองค์นั้นเป็นแต่ชั่วขณะหนึ่ง และความโปรดปรานของพระองค์นั้นตลอดชีวิต การร้องไห้อาจจะอ้อยอิ่งอยู่สักคืนหนึ่ง แต่ความชื่นบานจะมาเวลาเช้า ข้าพระองค์พูดในความเจริญรุ่งเรืองของข้าพระองค์ว่า “ข้าพเจ้าจะไม่หวั่นไหวเลย” ข้าแต่พระเยโฮวาห์ โดยความโปรดปรานของพระองค์ พระองค์ทรงสถาปนาข้าพระองค์ไว้อย่างภูเขาเข้มแข็ง พอพระองค์ทรงซ่อนพระพักตร์ของพระองค์ ข้าพระองค์ก็ลำบากใจ โอ ข้าแต่พระเยโฮวาห์ ข้าพระองค์ร้องทูลต่อพระองค์ และข้าพระองค์ได้วิงวอนพระเยโฮวาห์ว่า “จะได้กำไรอะไรจากโลหิตของข้าพระองค์เมื่อข้าพระองค์ลงไปยังปากแดนผู้ตาย ผงคลีจะสรรเสริญพระองค์หรือ มันจะบอกเล่าเรื่องความจริงของพระองค์หรือ โอ ข้าแต่พระเยโฮวาห์ ขอทรงสดับและทรงพระกรุณาต่อข้าพระองค์ ข้าแต่พระเยโฮวาห์ ขอทรงเป็นผู้อุปถัมภ์ของข้าพระองค์” สำหรับข้าพระองค์ พระองค์ทรงเปลี่ยนการไว้ทุกข์เป็นการเต้นรำ พระองค์ทรงแก้เสื้อผ้ากระสอบของข้าพระองค์ออก และทรงคาดเอวข้าพระองค์ด้วยความยินดี เพื่อจิตวิญญาณของข้าพระองค์จะร้องเพลงสรรเสริญพระองค์และไม่นิ่งเงียบ โอ ข้าแต่พระเยโฮวาห์พระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะถวายโมทนาแด่พระองค์เป็นนิตย์
สดุดี 30:3-12 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)
ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงนำจิตวิญญาณของข้าพระองค์ขึ้นมาจากแดนผู้ตาย ทรงให้ข้าพระองค์มีชีวิต จึงไม่ต้องลงไปสู่ปากแดน ท่านธรรมิกชนของพระองค์เอ๋ย จงร้องสรรเสริญพระเจ้า และถวายโมทนาแก่พระนามบริสุทธิ์ของพระองค์ เพราะพระพิโรธของพระองค์นั้นเป็นแต่ชั่วขณะหนึ่ง และความโปรดปรานของพระองค์นั้นตลอดชีวิต การร้องไห้อาจจะอ้อยอิ่งอยู่สักคืนหนึ่ง แต่ความชื่นบานจะมาเวลาเช้า ส่วนข้าพระองค์ ข้าพระองค์พูด ในความเจริญรุ่งเรืองของข้าพระองค์ว่า <<ข้าพเจ้าจะไม่หวั่นไหวเลย>> ข้าแต่พระเจ้า โดยความโปรดปรานของพระองค์ พระองค์ทรงสถาปนาข้าพระองค์ไว้อย่างภูเขาเข้มแข็ง พอพระองค์ทรงซ่อนพระพักตร์ของพระองค์ ข้าพระองค์ก็ลำบากใจ ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ร้องทูลต่อพระองค์ และข้าพระองค์ได้วิงวอนพระเจ้าว่า <<ถ้าข้าพระองค์ตาย พระองค์จะได้กำไรอะไร คือเมื่อข้าพระองค์ลงไปยังปากแดนผู้ตาย ผงคลีจะสรรเสริญพระองค์หรือ มันจะบอกเล่าเรื่องความสัตย์จริงของพระองค์หรือ ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงสดับและทรงพระกรุณาต่อข้าพระองค์ ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงเป็นผู้อุปถัมภ์ของข้าพระองค์>> สำหรับข้าพระองค์ พระองค์ทรงเปลี่ยนการไว้ทุกข์ เป็นการเต้นรำ พระองค์ทรงแก้เสื้อผ้ากระสอบของข้าพระองค์ออก และทรงคาดเอวข้าพระองค์ด้วยความยินดี เพื่อจิตวิญญาณของข้าพระองค์จะสรรเสริญพระองค์และไม่นิ่งเงียบ ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะถวายโมทนาแด่พระองค์เป็นนิตย์
สดุดี 30:3-12 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงนำข้าพระองค์ ขึ้นมาจากหลุมฝังศพ พระองค์ทรงปกป้องข้าพระองค์ไว้ไม่ให้ลงไปยังแดนผู้ตาย ท่านทั้งหลายผู้เป็นประชากรขององค์พระผู้เป็นเจ้า จงร้องเพลงถวายแด่พระองค์เถิด จงสรรเสริญพระนามอันบริสุทธิ์ของพระองค์ เพราะพระพิโรธของพระองค์คงอยู่เพียงชั่วครู่ แต่ความโปรดปรานของพระองค์คงอยู่ชั่วชีวิต การร่ำไห้อาจคงอยู่ชั่วข้ามคืน แต่ความชื่นชมยินดีจะมาในเวลาเช้า เมื่อข้าพเจ้ารู้สึกมั่นคงปลอดภัย ข้าพเจ้ากล่าวว่า “เราจะไม่มีวันคลอนแคลนเลย” ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า เมื่อพระองค์ทรงโปรดปรานข้าพระองค์ ก็ทรงกระทำให้ข้าพระองค์มั่นคงดั่งภูผา แต่เมื่อพระองค์ทรงซ่อนพระพักตร์ ข้าพระองค์ก็ท้อแท้ ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์ร้องทูลต่อพระองค์ ร้องทูลขอความเมตตากรุณาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า “จะมีประโยชน์อะไรหากข้าพระองค์ถูกทำให้นิ่งเงียบ? จะมีประโยชน์อะไรหากข้าพระองค์ลงหลุมไป? ธุลีดินจะสรรเสริญพระองค์หรือ? มันจะป่าวประกาศความซื่อสัตย์ของพระองค์หรือ? ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงสดับฟังและเมตตาข้าพระองค์ด้วยเถิด ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าขอทรงช่วยข้าพระองค์” พระองค์ทรงเปลี่ยนการคร่ำครวญของข้าพเจ้าให้กลับกลายเป็นการเต้นรำ พระองค์ทรงถอดชุดผ้ากระสอบสำหรับไว้ทุกข์ของข้าพเจ้าออก และสวมความชื่นบานให้แทน เพื่อจิตใจของข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญพระองค์และจะไม่นิ่งเงียบ ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะขอบพระคุณพระองค์เป็นนิตย์
สดุดี 30:3-12 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)
โอ พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ได้นำชีวิตข้าพเจ้าให้พ้นจากแดนคนตาย และให้ข้าพเจ้ามีชีวิตขึ้นใหม่จากหลุมลึกแห่งแดนคนตาย ร้องเพลงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าเถิด ผู้บริสุทธิ์ของพระองค์เอ๋ย และขอบคุณพระนามอันบริสุทธิ์ของพระองค์ เพราะความกริ้วของพระองค์เป็นไปเพียงขณะเดียว แต่ความโปรดปรานย่อมเป็นไปชั่วชีวิต การร่ำไห้อาจยาวนานถึงหนึ่งคืน แต่ความยินดีย่อมเกิดขึ้นในยามเช้า และสำหรับข้าพเจ้า ในยามปลอดภัยข้าพเจ้าพูดได้ว่า “ข้าพเจ้าจะไม่มีวันหวั่นไหว” เนื่องจากพระองค์โปรดปราน โอ พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ได้ทำให้ข้าพเจ้าเป็นดั่งภูเขาแข็งแกร่ง หากพระองค์ซ่อนหน้าไปเสีย ข้าพเจ้าก็หวั่นกลัว โอ พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าร้องขอต่อพระองค์ และข้าพเจ้าวิงวอนขอต่อพระผู้เป็นเจ้า หากว่าข้าพเจ้าลงไปสู่หลุมแห่งแดนคนตาย ความตายของข้าพเจ้าทำให้เกิดประโยชน์อะไรได้ ผงธุลีจะสรรเสริญพระองค์หรือ มันจะป่าวประกาศความสัตย์จริงของพระองค์หรือ โปรดฟังเถิด พระผู้เป็นเจ้า และเมตตาข้าพเจ้า โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดเป็นผู้ช่วยเหลือข้าพเจ้าเถิด พระองค์เปลี่ยนความเศร้าโศกของข้าพเจ้าให้เป็นการเริงรื่น พระองค์ปลดผ้ากระสอบของข้าพเจ้าออก แล้วสวมความยินดีให้ เพื่อว่าจิตวิญญาณข้าพเจ้าจะได้สรรเสริญพระองค์ และไม่เงียบงัน โอ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะขอบคุณพระองค์ชั่วกาลนาน