ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงนำจิตวิญญาณของข้าพระองค์ขึ้นมาจากแดนผู้ตาย ทรงให้ข้าพระองค์มีชีวิต จึงไม่ต้องลงไปสู่ปากแดน ท่านธรรมิกชนของพระองค์เอ๋ย จงร้องสรรเสริญพระเจ้า และถวายโมทนาแก่พระนามบริสุทธิ์ของพระองค์ เพราะพระพิโรธของพระองค์นั้นเป็นแต่ชั่วขณะหนึ่ง และความโปรดปรานของพระองค์นั้นตลอดชีวิต การร้องไห้อาจจะอ้อยอิ่งอยู่สักคืนหนึ่ง แต่ความชื่นบานจะมาเวลาเช้า ส่วนข้าพระองค์ ข้าพระองค์พูด ในความเจริญรุ่งเรืองของข้าพระองค์ว่า <<ข้าพเจ้าจะไม่หวั่นไหวเลย>> ข้าแต่พระเจ้า โดยความโปรดปรานของพระองค์ พระองค์ทรงสถาปนาข้าพระองค์ไว้อย่างภูเขาเข้มแข็ง พอพระองค์ทรงซ่อนพระพักตร์ของพระองค์ ข้าพระองค์ก็ลำบากใจ ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ร้องทูลต่อพระองค์ และข้าพระองค์ได้วิงวอนพระเจ้าว่า <<ถ้าข้าพระองค์ตาย พระองค์จะได้กำไรอะไร คือเมื่อข้าพระองค์ลงไปยังปากแดนผู้ตาย ผงคลีจะสรรเสริญพระองค์หรือ มันจะบอกเล่าเรื่องความสัตย์จริงของพระองค์หรือ ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงสดับและทรงพระกรุณาต่อข้าพระองค์ ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงเป็นผู้อุปถัมภ์ของข้าพระองค์>> สำหรับข้าพระองค์ พระองค์ทรงเปลี่ยนการไว้ทุกข์ เป็นการเต้นรำ พระองค์ทรงแก้เสื้อผ้ากระสอบของข้าพระองค์ออก และทรงคาดเอวข้าพระองค์ด้วยความยินดี เพื่อจิตวิญญาณของข้าพระองค์จะสรรเสริญพระองค์และไม่นิ่งเงียบ ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะถวายโมทนาแด่พระองค์เป็นนิตย์
อ่าน สดุดี 30
แบ่งปัน
เปรียบเทียบฉบับแปลทั้งหมด: สดุดี 30:3-12
บันทึกข้อพระคำ อ่านแบบออฟไลน์ ดูคลิปการสอน และอื่น ๆ อีกมากมาย!
หน้าหลัก
พระคัมภีร์
แผนการอ่าน
วิดีโอ