เนหะมีย์ 4:1-23

เนหะมีย์ 4:1-23 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

เมื่อ​สันบาลลัท ได้ยิน​ว่า​เรา​กำลัง​สร้าง​กำแพง เขา​โกรธ​และ​เดือดดาล​มาก เขา​หัวเราะ​เยาะ​พวก​ชาวยิว ต่อหน้า​เพื่อน​ร่วมงาน​และ​ต่อหน้า​กองทัพ​สะมาเรีย เขา​พูด​ว่า “ไอ้​พวก​ยิว​ที่​อ่อนแอ​เหล่านี้​กำลัง​ทำ​อะไร​กันหรือ พวกมัน​จะ​จัดการ​เรื่องนี้​เอง​หรือ พวกมัน​จะ​ถวาย​เครื่อง​บูชา​หรือ พวกมัน​คิด​ว่า​จะ​ทำ​เสร็จ​ภายใน​วันเดียว​หรือ พวกมัน​จะ​เอา​หิน​ที่​ถูก​เผา​อยู่​ใน​กองขยะ​พวกนั้น มา​ใช้​ใหม่​หรือ​ยังไง” โทบีอาห์​ที่​เป็น​ชาว​อัมโมน ที่​ยืน​อยู่​ข้างๆ​สันบาลลัท พูด​ว่า “สิ่ง​ที่​พวกเขา​กำลัง​สร้าง​อยู่นั้น แค่​สุนัข​จิ้งจอก​ตัวหนึ่ง​ปีน​ขึ้นไป กำแพง​หิน​พวกนั้น​ก็​พัง​ลงมา​แล้ว” ผม เนหะมียาห์​จึง​พูด​ว่า “ข้าแต่​พระเจ้า​ของ​พวกเรา โปรด​ฟัง​เรา​ด้วย​เถิด พวกเขา​ได้​ดูถูก​เหยียด​หยาม​พวกเรา ขอ​พระองค์​ช่วย​ให้​คำ​ดูถูก​เหยียด​หยาม​ของ​พวกเขา กลับ​ไป​ตกลง​บน​หัว​ของ​พวกเขา​เอง ขอให้​พวกเขา​โดน​จับไป​เหมือน​ของ​ที่​ถูก​ปล้นมา​และ​ถูก​แบก​เอาไป​ต่างแดน ขอ​พระองค์​อย่า​ได้​ปกปิด​ความ​ผิด​ของ​พวกเขา ขอ​พระองค์​อย่า​ได้​ลบล้าง​ความบาป​ของ​พวกเขา​ไป​จาก​สายตา​ของ​พระองค์ เพราะ​พวกเขา​ได้​ทำ​ให้​พระองค์​โกรธ​ต่อหน้า​พวก​คน​ก่อสร้าง​เหล่านี้” ดังนั้น เรา​จึง​สร้าง​กำแพง​ขึ้นมา​ใหม่ และ​กำแพง​ทั้งหมด​ได้​ถูก​ก่อ​สูง​ขึ้นไป​ครึ่งหนึ่ง​แล้ว เพราะ​ประชาชน​ตื่นเต้น​ที่​จะ​สร้าง​มัน​ขึ้นมา แต่​เมื่อ​สันบาลลัท​และ​โทบีอาห์ รวมทั้ง​ชาว​อาหรับ ชาว​อัมโมน และ​ชาว​อัชโดด​ได้ยิน​ว่า การ​ซ่อมแซม​กำแพง​เมือง​เยรูซาเล็ม​กำลัง​คืบหน้า​ไป​ด้วยดี และ​กำลัง​ปิด​ช่องโหว่​ต่างๆ​ของ​กำแพง พวกเขา​โกรธ​มาก ดังนั้น พวกเขา​จึง​ร่วมกัน​วางแผน​ที่​จะ​มา​ต่อสู้​กับ​เมือง​เยรูซาเล็ม และ​สร้าง​ความสับสน​วุ่นวาย​ให้​กับ​เมืองนี้ แต่​พวกเรา​ได้​อธิษฐาน​ต่อ​พระเจ้า​ของเรา และ​จัด​เวรยาม​บริเวณ​กำแพง​ทั้งวัน​ทั้งคืน เพื่อ​ป้องกัน​จาก​คน​พวกนั้น แต่​คน​ยูดาห์​พูด​ว่า “พวก​คนงาน​นั้น​กำลัง​หมด​เรี่ยวแรง และ​มี​เศษ​ซาก​ปรัก​หักพัง​มาก​เหลือเกิน พวกเรา​ไม่​สามารถ​สร้าง​กำแพง​นี้​ขึ้น​มา​ใหม่​ได้​หรอก” แล้ว​พวก​ศัตรู​ของเรา​ก็​พูด​ว่า “เรา​จะ​บุก​เข้าไป​ก่อน​ที่​พวกยิว​นี้​จะ​ทัน​ตั้งตัว และ​ฆ่า​พวกมัน​ทิ้ง และ​หยุด​งาน​ก่อสร้าง​ของ​พวกมัน” เมื่อ​พวก​ชาวยิว​ที่​อาศัย​อยู่​ใกล้​ศัตรู​ของเรา ได้​มาหา​เรา​จาก​รอบ​ทิศ พวกเขา​ได้​เตือน​เรา​เป็น​สิบๆ​ครั้ง​ว่า “พวกท่าน​กลับไป​บ้าน​เสีย​เถอะ” ผม​ยืน​อยู่​ใน​บริเวณ​ที่​ต่ำ​ที่สุด​หลัง​กำแพง​ที่​เป็น​ที่โล่ง ผม​ได้​จัด​ให้​พวกเขา​อยู่​กัน​เป็น​หมวด​หมู่​ตาม​ครอบครัว ให้​พวกเขา​ถือ​ดาบ หอก และ​คันธนู​ไว้ เมื่อ​ผม​ตรวจดู​พวกเขา​แล้ว ผม​ได้​พูด​กับ​พวก​ผู้นำ พวก​เจ้าหน้าที่ และ​คน​ที่เหลือ​ว่า “ไม่ต้อง​กลัว​พวกมัน ให้​ระลึก​ถึง​องค์​เจ้า​ชีวิต​ที่​ยิ่งใหญ่​และ​น่าเกรง​ขาม ต่อสู้​เพื่อ​พี่น้อง​ของ​ท่าน เพื่อ​ลูกชาย​ลูกสาว​ของ​ท่าน เพื่อ​เมีย​และ​บ้าน​ของ​ท่าน” เมื่อ​ศัตรู​ของเรา​รู้​ว่า เรา​ล่วงรู้​แผนการ​ของ​พวกมัน​แล้ว และ​พวกมัน​รู้​ว่า​พระเจ้า​ได้​ทำลาย​แผนการ​ของ​พวกมัน​แล้ว พวกเรา​จึง​กลับ​ไป​ที่​กำแพง และ​ทำงาน​ของ​พวกเรา​แต่ละคน​ต่อ หลังจาก​วันนั้น คนรับใช้​ของผม​ครึ่งหนึ่ง​ไป​ทำงาน​ก่อสร้าง​กำแพง ส่วน​อีก​ครึ่งหนึ่ง​ก็​ถือ​โล่ ถือ​หอก คันธนู และ​สวม​เสื้อ​เกราะ และ​มี​พวกผู้นำ​ทาง​ทหาร​ยืน​อยู่​ตาม​ตำแหน่ง​ต่างๆ​ด้าน​หลัง​ของ​คน​ยูดาห์ ผู้ที่​กำลัง​สร้าง​กำแพง​อยู่นั้น ส่วน​พวก​คน​ขนของ มือหนึ่ง​ยก​ของ อีก​มือหนึ่ง​ก็​ถือ​อาวุธ​อยู่ คน​ก่อสร้าง​แต่ละคน ใน​ขณะ​ทำการ​ก่อสร้าง ก็​มี​ดาบ​เหน็บ​อยู่​ที่​เอว ชาย​ที่​เป่า​แตร​ยืน​อยู่​ข้างๆ​ผม ผม​พูด​กับ​พวก​ผู้นำ เจ้าหน้าที่​ทั้งหลาย พร้อม​กับ​คนอื่นๆ​ที่เหลือ​ว่า “งาน​ก็​ใหญ่ และ​คนทำงาน​ก็​กระจายกันไป​ทั่ว พวกเรา​เริ่ม​อยู่​ห่าง​จากกัน​มากขึ้น​บน​กำแพง ถ้า​ได้ยิน​เสียง​แตร​เมื่อไหร่ ให้​มา​รวมตัว​กัน​ที่นี่ พระเจ้า​ของเรา​จะ​ต่อสู้​เพื่อ​พวกเรา” ดังนั้น​พวกเรา​จึง​ทำงาน​กัน​ต่อไป คน​ครึ่งหนึ่ง​ถือ​หอก ตั้งแต่​เช้ามืด​จน​ดาว​โผล่​บน​ท้องฟ้า ใน​ตอนนั้น ผม​พูด​กับ​ประชาชน​อีก​ว่า “ขอให้​ชาย​แต่ละคน​และ​คนใช้​ของเขา นอน​ค้าง​อยู่​ใน​เมือง​เยรูซาเล็ม เพื่อ​เขา​จะได้​เป็น​ทั้ง​คนงาน​ใน​ตอน​กลางวัน และ​เป็น​ยาม​ใน​ตอน​กลางคืน​ให้​กับ​พวกเรา​ด้วย” ดังนั้น ผม​และ​พวก​ญาติ​สนิท รวมทั้ง​พวก​คนรับใช้​ของผม และ​พวกยาม​ทั้งหลาย​ที่​ติดตาม​ผม ไม่มี​ใคร​ถอด​เสื้อผ้า​ออก​เลย​แม้แต่​ตอน​นอน มือขวา​ของ​แต่ละคน​ก็​ถือ​อาวุธ​ไว้​ตลอด

เนหะมีย์ 4:1-23 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

ต่อมาเมื่อสันบาลลัทได้ยินว่า เรากำลังก่อสร้างกำแพง เขาโกรธและเดือดดาลมาก และเขาเยาะเย้ยพวกยิว และเขาพูดต่อหน้าพวกพ้องของเขาและต่อหน้ากองทัพของสะมาเรียว่า “พวกยิวที่อ่อนแอเหล่านี้ทำอะไรกัน? พวกเขาจะซ่อมแซมเพื่อตัวเองหรือ? เขาจะถวายสัตวบูชาหรือ? เขาจะทำงานให้เสร็จในวันเดียวหรือ? เขาจะกู้เอาหินที่ถูกเผาจากกองขยะมาใช้อีกหรือ?” โทบีอาห์คนอัมโมนอยู่ข้างๆ เขา และพูดว่า “เออ สิ่งที่พวกเขากำลังสร้างอยู่นั้น ถ้าสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งวิ่งขึ้นไป มันจะพังกำแพงหินของเขาลงมา” ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย ขอทรงฟัง เพราะข้าพระองค์ทั้งหลายถูกดูหมิ่น ขอทรงหันการเยาะเย้ยของพวกเขาให้ตกบนศีรษะของเขาเอง และขอทรงมอบเขาไว้ให้ถูกปล้นบนแผ่นดินที่เขาจะไปเป็นเชลยนั้น ขออย่าทรงปกปิดกรรมชั่วของพวกเขาไว้ และขออย่าทรงลบล้างบาปของเขาจากเบื้องพระพักตร์พระองค์ เพราะพวกเขาได้ยั่วเย้าให้กริ้วต่อหน้าบรรดาผู้ก่อสร้าง เราจึงสร้างกำแพงขึ้น และกำแพงทั้งสิ้นก็ต่อกันสูงครึ่งหนึ่งแล้ว เพราะประชาชนมีใจที่จะทำงาน แต่เมื่อสันบาลลัทและโทบีอาห์กับคนอาหรับ คนอัมโมนและคนอัชโดด ได้ยินว่าการซ่อมแซมกำแพงเยรูซาเล็มนั้นกำลังก้าวหน้าต่อไป และมีการอุดรอยแตกต่างๆ เขาทั้งหลายก็โกรธมาก และพวกเขาทั้งหมดจึงวางแผนกันจะมาสู้รบกับเยรูซาเล็ม และก่อการโกลาหลขึ้นในนั้น แต่พวกเราได้อ้อนวอนต่อพระเจ้าของเรา และวางยามป้องกันพวกเขาทั้งกลางวันและกลางคืน แต่คนยูดาห์กล่าวว่า “เรี่ยวแรงของคนที่ขนของก็กำลังทรุดลง และมีสิ่งปรักหักพังมาก เราไม่สามารถซ่อมกำแพงได้” และศัตรูของเราก็กล่าวว่า “เขาจะไม่ทันรู้ไม่ทันเห็นจนกระทั่งเราจะเข้ามาท่ามกลางเขา และฆ่าเขากับยับยั้งงานของเขา” เมื่อพวกยิวที่อยู่ใกล้เขาทั้งหลายมา ก็ได้บอกเราตั้งสิบครั้งว่า “พวกเขาจะลุกขึ้นมาต่อสู้เราจากทุกแห่งที่พวกเขาอยู่” ข้าพเจ้าจึงตั้งประชาชนไว้ในส่วนที่ต่ำที่สุดข้างหลังกำแพง ในส่วนที่ยังเปิดอยู่ ตามตระกูลของเขา โดยให้ถือดาบ หอก และคันธนู ข้าพเจ้ามองดู แล้วลุกขึ้นพูดกับขุนนางและเจ้าหน้าที่ทั้งหลาย กับคนนอกนั้นว่า “อย่ากลัวเขาเลย จงระลึกถึงองค์เจ้านายผู้ยิ่งใหญ่และน่ายำเกรง และต่อสู้เพื่อพี่น้องของท่าน ลูกชายลูกสาวของท่าน ภรรยาและบ้านของท่าน” ต่อมาเมื่อศัตรูของเราได้ยินว่าเราทราบเรื่องแล้ว และพระเจ้าได้ทรงทำลายแผนงานของพวกเขา พวกเราต่างก็มายังกำแพงที่งานของตนทุกคน ตั้งแต่วันนั้นมา ผู้รับใช้ของข้าพเจ้าครึ่งหนึ่งทำการก่อสร้าง อีกครึ่งหนึ่งถือหอก โล่ คันธนู และเสื้อเกราะ บรรดาประมุขหนุนหลังพวกยูดาห์ ผู้ที่ก่อสร้างกำแพง และบรรดาผู้ที่ขนของก็ยกของขึ้น ทุกคนมือหนึ่งทำงาน อีกมือหนึ่งถืออาวุธไว้ ผู้ก่อสร้างทุกคนมีดาบคาดอยู่ที่สีข้างขณะที่เขาสร้าง ชายที่เป่าเขาสัตว์อยู่ข้างข้าพเจ้า ข้าพเจ้าพูดกับขุนนางและเจ้าหน้าที่ทั้งปวงกับคนนอกนั้นว่า “การงานก็ใหญ่โตและกระจายกันไปมาก เพราะเราแยกกันอยู่บนกำแพงห่างจากกัน เมื่อพวกท่านได้ยินเสียงเป่าเขาสัตว์อยู่ตรงไหน จงวิ่งกรูกันไปหาพวกเราที่นั่น พระเจ้าของเราทั้งหลายจะทรงต่อสู้เพื่อพวกเรา” เราจึงทำงานกัน พวกเราครึ่งหนึ่งถือหอกตั้งแต่เช้ามืดจนดาวขึ้น ครั้งนั้นข้าพเจ้าพูดกับประชาชนอีกว่า “ขอให้ผู้ชายทุกคนกับคนใช้ของเขาด้วย ค้างคืนเสียภายในเยรูซาเล็มเพื่อเขาจะเป็นยามให้เราในกลางคืนและทำงานกลางวัน” ข้าพเจ้า พี่น้องของข้าพเจ้า หรือคนใช้ของข้าพเจ้า หรือคนยามผู้ติดตามข้าพเจ้าก็ดี ไม่มีใครถอดเครื่องแต่งกายออก ต่างก็ถืออาวุธไว้

เนหะมีย์ 4:1-23 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)

ต่อมาเมื่อสันบาลลัทได้ยิ​นว​่าเรากำลั​งก​่อสร้างกำแพง เขาโกรธและเดือดดาลมาก และเขาเยาะเย้ยพวกยิว และเขาพูดต่อหน้าพี่น้องของเขาและต่อหน้ากองทัพของสะมาเรียว่า “พวกยิ​วท​ี่อ่อนแอเหล่านี้ทำอะไรกัน เขาจะซ่อมกันหรือ เขาจะทำสัตวบูชาหรือ เขาจะทำให้เสร็จในวันเดียวหรือ เขาจะเอาหิ​นที​่​ถู​กเผาจากกองขยะมาใช้​อี​กหรือ” โทบีอาห์คนอัมโมนอยู่ข้างๆท่าน และเขาพูดว่า “​เออ สิ​่งที่เขากำลังสร้างอยู่​นั้น ถ้าสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งวิ่งขึ้นไป มันจะพังกำแพงหินของเขาลงมา” “​โอ ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์​ทั้งหลาย ขอทรงสดับ เพราะข้าพระองค์ทั้งหลายเป็​นที​่​ดู​ถู​กด​ู​หมิ่น ขอทรงหันการเยาะเย้ยของเขาให้ตกบนศีรษะของเขาเอง และขอทรงมอบเขาไว้​ให้​ถู​กปล้นบนแผ่นดิ​นที​่เขาจะไปเป็นเชลยนั้น ขออย่าทรงปกปิดความชั่วช้าของเขาไว้ และขออย่าลบล้างบาปของเขาทั้งหลายต่อเบื้องพระพักตร์​พระองค์ เพราะเขาทั้งหลายได้ยั่วเย้าให้ทรงกริ้วต่อหน้าบรรดาผู้​ก่อสร้าง​” เราจึงสร้างกำแพงขึ้น และกำแพงทั้งสิ้​นก​็ต่​อก​ันสูงครึ่งหนึ่งแล้ว เพราะประชาชนมีน้ำใจที่จะทำงาน แต่​ต่อมาเมื่อสันบาลลัทและโทบีอาห์ กับชาวอาระเบีย และคนอัมโมน และชาวอัศโดดได้ยิ​นว​่า การซ่อมแซมกำแพงเยรูซาเล็​มน​ั้นกำลังคืบหน้าต่อไป และกำลังปิดช่องโหว่​ต่างๆ เขาทั้งหลายก็โกรธมาก และเขาก็ปองร้ายกันจะมาสู้รบกับเยรูซาเล็ม และก่อการโกลาหลขึ้นในนั้น แต่​เราทั้งหลายได้อ้อนวอนต่อพระเจ้าของเรา และวางยามป้องกันเขาทั้งหลายทั้งกลางวันและกลางคืน แต่​ยู​ดาห์​กล่าวว่า “เรี่ยวแรงของคนที่ขนของก็กำลังทรุดลง และมี​สิ​่งปรั​กห​ักพังมาก เราไม่สามารถสร้างกำแพงได้” และศั​ตรู​ของเรากล่าวว่า “เขาจะไม่​รู้​ไม่​เห​็นจนกว่าเราจะเข้ามาท่ามกลางเขาและฆ่าเขา กับยับยั้งงานของเขา” ต่อมาเมื่อพวกยิ​วท​ี่​อยู่​ใกล้​เขาทั้งหลายมาก็​ได้​บอกเราตั้งสิบครั้งว่า “เขาจะลุกขึ้นมาต่อสู้เราจากที่​อยู่​ของเขาทุกแห่ง” ข้าพเจ้าจึงตั้งประชาชนไว้ในส่วนที่ต่ำที่สุดข้างหลังกำแพง และในที่​สูง ตามครอบครัวของเขา โดยมี​ดาบ หอก และคันธนู ข้าพเจ้ามองดู แล​้วลุกขึ้นพู​ดก​ับขุนนางและเจ้าหน้าที่​ทั้งหลาย กับคนนอกนั้​นว​่า “อย่ากลัวเขาเลย จงระลึกถึงองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้​ใหญ่​ยิ่งและน่าเกรงกลัว และต่อสู้เพื่อพี่น้องของท่าน บุ​ตรชายบุตรสาวของท่าน ภรรยาและเรือนของท่าน” อยู่​มาเมื่อศั​ตรู​ของเราได้ยิ​นว​่าเราได้ยินเรื่องแล้ว และพระเจ้าได้ทรงทำลายแผนงานของเขา เราต่างก็​กล​ับมายังกำแพงที่งานของตนทุกคน ตั้งแต่​วันนั้นมา ผู้รับใช้​ของข้าพเจ้าครึ่งหนึ่งทำการก่อสร้าง อี​กครึ่งหนึ่งถือหอก โล่ คันธนู และเสื้อเกราะ บรรดาประมุขทั้งหลายหนุนหลังบรรดาวงศ์วานยูดาห์ ผู้​ที่​ก่อสร้างกำแพง และบรรดาผู้​ที่​ขนของกับผู้​ที่​ยกของขึ้น ทุ​กคนมือหนึ่งทำงาน อี​กมือหนึ่งถืออาวุธไว้ ผู้​ก่อสร้างทุกคนมีดาบคาดอยู่​ที่​สี​ข้างขณะที่เขาสร้าง ชายที่เป่าแตรอยู่ข้างข้าพเจ้า ข้าพเจ้าพู​ดก​ับขุนนางและเจ้าหน้าที่ทั้งปวงกับคนนอกนั้​นว​่า “การงานก็​ใหญ่​โตและกระจายกันไปมาก เพราะเราแยกกันอยู่บนกำแพงห่างจากกัน เมื่อท่านทั้งหลายได้ยินเสียงแตรอยู่​ตรงไหน จงวิ่งกรูกันไปที่​พวกเรา พระเจ้าของเราทั้งหลายจะทรงต่อสู้เพื่อพวกเรา” เราจึงทำงานกัน พวกเราครึ่งหนึ่งถือหอกตั้งแต่เช้ามืดจนดาวขึ้น ครั้งนั้น ข้าพเจ้าพู​ดก​ับประชาชนอี​กว่า “​ขอให้​ผู้​ชายทุกคนกับคนใช้ของเขาด้วยค้างคืนเสียภายในเยรูซาเล็ม เพื่อเขาจะเป็นยามให้เราในกลางคืนและทำงานกลางวัน” ข้าพเจ้า พี่​น้องของข้าพเจ้า หรือคนใช้ของข้าพเจ้า หรือคนยามผู้​ติ​ดตามข้าพเจ้าก็​ดี ไม่มี​ใครถอดเครื่องแต่งกายออก เว้นแต่​เหล่​าคนที่ถอดออกเพื่อซัก

เนหะมีย์ 4:1-23 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

ต่อมาเมื่อสันบาลลัททราบว่า เรากำลังก่อสร้างกำแพง เขาโกรธและเดือดดาลมาก และเขาเยาะเย้ยพวกยิว และเขาพูดต่อหน้าพี่น้องของเขาและต่อหน้า กองทัพของสะมาเรียว่า <<พวกยิวที่อ่อนแอเหล่านี้ทำอะไรกัน เขาจะซ่อมกันหรือ เขาจะทำสัตวบูชาหรือ เขาจะทำให้เสร็จในวันเดียวหรือ เขาจะกู้เอาหินที่ถูกเผาจากกองขยะมาใช้อีกหรือ>> โทบีอาห์คนอัมโมนอยู่ข้างๆท่าน และเขาพูดว่า <<เออ สิ่งที่เขากำลังสร้างอยู่นั้น ถ้าสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งวิ่งขึ้นไป มันจะพังกำแพงหินของเขาลงมา>> ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลายขอทรงฟัง เพราะข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นที่ดูถูกดูหมิ่น ขอทรงหันการเยาะเย้ยของเขาให้ตกบนศีรษะของเขาเอง และขอทรงมอบเขาไว้ให้ถูกปล้นบนแผ่นดินที่เขาจะไปเป็น เชลยนั้น ขออย่าทรงปกปิดกรรมชั่วของเขาไว้ และขออย่าลบล้างบาปของเขาทั้งหลายจาก สายพระเนตรของพระองค์ เพราะเขาทั้งหลายได้ยั่วเย้าให้ทรงกริ้วต่อหน้า บรรดาผู้ก่อสร้าง เราจึงสร้างกำแพงขึ้น และกำแพงทั้งสิ้นก็ต่อกันสูงครึ่งหนึ่งแล้ว เพราะประชาชนมีน้ำใจที่จะทำงาน แต่เมื่อสันบาลลัทและโทบีอาห์กับชาวอาหรับ และคนอัมโมนและชาวอัศโดด ได้ยินว่าการซ่อมแซมกำแพงเยรูซาเล็มนั้น กำลังคืบหน้าต่อไป และกำลังปิดช่องโหว่ต่างๆ เขาทั้งหลายก็โกรธมาก และเขาก็ปองร้ายกันจะมาสู้รบกับเยรูซาเล็ม และก่อการโกลาหลขึ้นในนั้น แต่เราทั้งหลายได้อ้อนวอนต่อพระเจ้าของเรา และวางยามป้องกันเขาทั้งหลายทั้งกลางวันและกลางคืน แต่ยูดาห์กล่าวว่า <<เรี่ยวแรงของคนที่ขนของก็กำลังทรุดลง และมีสิ่งปรักหักพังมาก เราไม่สามารถซ่อมกำแพงได้>> และศัตรูของเรากล่าวว่า <<เขาจะไม่รู้ไม่เห็นจนกว่าเราจะเข้ามาท่ามกลางเขา และฆ่าเขากับยับยั้งงานของเขา>> เมื่อพวกยิวที่อยู่ใกล้เขาทั้งหลายมาก็ได้ บอกเราตั้งสิบครั้งว่า <<เขาจะลุกขึ้นมาต่อสู้เราจากที่อยู่ของเขาทุกแห่ง>> ข้าพเจ้าจึงตั้งประชาชนไว้ในส่วนที่ต่ำที่สุดข้างหลังกำแพง ในที่ช่องโหว่ ตามตระกูลของเขา โดยมีดาบ หอก และคันธนู ข้าพเจ้ามองดู แล้วลุกขึ้นพูดกับขุนนางและเจ้าหน้าที่ทั้งหลาย กับคนนอกนั้นว่า <<อย่ากลัวเขาเลย จงระลึกถึงพระเจ้าผู้ใหญ่ยิ่งและน่าเกรงกลัว และต่อสู้เพื่อพี่น้องของท่าน บุตรชายบุตรหญิงของท่าน ภรรยาและเรือนของท่าน>> อยู่มาเมื่อศัตรูของเราได้ยินว่าเราทราบเรื่องแล้ว และพระเจ้าได้ทรงทำลายแผนงานของเขา เราต่างก็มายังกำแพงที่งานของตนทุกคน ตั้งแต่วันนั้นมา ผู้รับใช้ของข้าพเจ้าครึ่งหนึ่งทำการก่อสร้าง อีกครึ่งหนึ่งถือหอก โล่ คันธนู และเสื้อเกราะ บรรดาประมุขทั้งหลายหนุนหลังพวกยูดาห์ ผู้ที่ก่อสร้างกำแพง และบรรดาผู้ที่ขนของก็ยกของขึ้น ทุกคนมือหนึ่งทำงาน อีกมือหนึ่งถืออาวุธไว้ ผู้ก่อสร้างทุกคนมีดาบคาดอยู่ที่สีข้างขณะที่เขาสร้าง ชายที่เป่าเขาสัตว์อยู่ข้างข้าพเจ้า ข้าพเจ้าพูดกับขุนนางและเจ้าหน้าที่ทั้งปวงกับคนนอกนั้นว่า <<การงานก็ใหญ่โตและกระจายกันไปมาก เพราะเราแยกกันอยู่บนกำแพงห่างจากกัน เมื่อท่านทั้งหลายได้ยินเสียงเป่าเขาสัตว์อยู่ตรงไหน จงวิ่งกรูกันไปที่พวกเราพระเจ้าของ เราทั้งหลายจะทรงต่อสู้เพื่อพวกเรา>> เราจึงทำงานกัน พวกเราครึ่งหนึ่งถือหอกตั้งแต่ เช้ามืดจนดาวขึ้น ครั้งนั้นข้าพเจ้าพูดกับประชาชนอีกว่า <<ขอให้ผู้ชายทุกคนกับคนใช้ของเขาด้วย ค้างคืนเสียภายในเยรูซาเล็มเพื่อเขาจะ เป็นยามให้เราในกลางคืนและทำงานกลางวัน>> ข้าพเจ้า พี่น้องของข้าพเจ้า หรือคนใช้ของข้าพเจ้า หรือคนยามผู้ติดตามข้าพเจ้าก็ดี ไม่มีใครถอดเครื่องแต่งกายออก ต่างก็ถืออาวุธไว้

เนหะมีย์ 4:1-23 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

สันบาลลัทโกรธจัดเมื่อได้ยินว่าพวกเรากำลังสร้างกำแพงขึ้นใหม่ เขาสบประมาทชาวยิว เขาถากถางพวกเราต่อหน้าเพื่อนพ้องและกองทัพสะมาเรียว่า “เจ้ายิวกระจอกงอกง่อยพวกนี้กำลังทำอะไรอยู่? จะซ่อมกำแพงหรือ? จะถวายเครื่องบูชาหรือ? จะสร้างเสร็จในวันเดียวหรือ? จะเอาหินไหม้ดำจากกองขยะกลับมาใช้อีกหรือ?” โทบียาห์ชาวอัมโมนซึ่งอยู่ข้างๆ เขาเอ่ยขึ้นว่า “ให้สุนัขจิ้งจอกแค่ตัวเดียวปีนขึ้นไปบนกำแพงที่พวกเขากำลังสร้าง มันก็จะพังครืนลงมา!” ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลายโปรดสดับฟัง เพราะข้าพระองค์ทั้งหลายถูกเย้ยหยัน ขอให้คำสบประมาทของพวกเขาย้อนตกใส่ศีรษะของพวกเขาเอง ขอให้พวกเขาเป็นเหยื่อของการปล้นและตกไปเป็นเชลย ขออย่าทรงเพิกเฉยต่อความผิดของพวกเขาหรือลบล้างบาปของพวกเขาให้พ้นจากสายพระเนตรของพระองค์ เพราะพวกเขาหยามน้ำหน้าบรรดาผู้สร้างกำแพง ในที่สุดกำแพงก็เสร็จถึงครึ่งหนึ่งของความสูงเดิม เพราะประชาชนทำงานอย่างสุดใจ แต่เมื่อสันบาลลัท โทบียาห์ ชาวอาหรับ ชาวอัมโมน และชาวอัชโดดได้ยินว่างานซ่อมแซมกำแพงเมืองเยรูซาเล็มคืบหน้าไป และช่องโหว่ในกำแพงก็ถูกอุดหมดแล้ว พวกเขาก็โกรธจัด พวกเขาคบคิดกันจะยกพวกมาสู้กับเยรูซาเล็มเพื่อก่อความวุ่นวาย แต่เราอธิษฐานต่อพระเจ้าของเรา และตั้งยามดูแลทั้งวันทั้งคืนเพื่อรับมือกับการคุกคาม ขณะเดียวกันประชาชนในยูดาห์กล่าวว่า “คนงานหมดแรงแล้ว และมีซากปรักหักพังมากมายจนเราไม่อาจสร้างกำแพงขึ้นใหม่ได้” ศัตรูของเราก็กล่าวว่า “เราจะไปอยู่ในหมู่พวกเขาโดยที่พวกเขาไม่ทันรู้ตัวหรือเห็นเรา เราจะฆ่าพวกเขาและงานจะได้หยุดลง” และชาวยิวที่อาศัยอยู่ใกล้ๆ มาบอกเราสิบกว่าครั้งว่า “ไม่ว่าพวกท่านจะหันไปทางไหน พวกเขาก็จะโจมตีเรา” เหตุฉะนั้นข้าพเจ้าจึงวางทหารยามจากแต่ละครอบครัวไว้หลังกำแพงตรงจุดต่างๆ ที่ต่ำที่สุด ที่เป็นช่องโหว่ และให้ถือดาบ หอก และธนูไว้ หลังจากดูแลตรวจตราแล้ว ข้าพเจ้ายืนขึ้นกล่าวกับพวกขุนนาง ข้าราชการ และประชาชนอื่นๆ ว่า “อย่ากลัวพวกนั้น จงระลึกถึงองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงยิ่งใหญ่และน่าเกรงขาม จงต่อสู้เพื่อพี่น้อง บุตรชาย บุตรสาว ภรรยา และบ้านของท่านเถิด” เมื่อศัตรูของเราได้ข่าวว่าเราล่วงรู้แผนการของเขาและรู้ว่าพระเจ้าทรงขัดขวางเขา เราทั้งหมดก็กลับมาทำงานของตนที่กำแพงต่อ นับตั้งแต่วันนั้นคนของข้าพเจ้าครึ่งหนึ่งทำงาน อีกครึ่งหนึ่งถือหอก โล่ ธนู และสวมเสื้อเกราะ พวกนายทหารยืนคุ้มกันอยู่หลังชาวยูดาห์ทั้งปวง ซึ่งก่อกำแพงอยู่ คนงานขนวัสดุทำงานด้วยมือข้างหนึ่ง มืออีกข้างหนึ่งถืออาวุธ ช่างก่อแต่ละคนสะพายดาบอยู่ข้างตัวขณะทำงาน ส่วนคนเป่าเขาสัตว์อยู่ข้างข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงกล่าวกับพวกขุนนาง ข้าราชการ และประชาชนอื่นๆ ว่า “งานขยายออกไปมาก และพวกเราก็อยู่ห่างกันไปตลอดแนวกำแพง เมื่อใดที่ท่านได้ยินเสียงเป่าแตร ให้รีบมารวมตัวกับพวกเราที่นั่น พระเจ้าของพวกเราจะทรงต่อสู้เพื่อพวกเรา!” ดังนั้นพวกเราจึงทำงานต่อไปตั้งแต่รุ่งสางจนค่ำมืด โดยมีคนครึ่งหนึ่งถือหอกเป็นยามคอยระวังภัย ครั้งนั้นข้าพเจ้าบอกกับประชาชนด้วยว่า “ให้ทุกคนกับผู้ช่วยของเขามาค้างคืนในเยรูซาเล็ม เพื่อจะได้เฝ้ายามในเวลากลางคืน และทำงานในเวลากลางวัน” ไม่ว่าข้าพเจ้าหรือพี่น้อง คนของข้าพเจ้าหรือยามที่อยู่กับข้าพเจ้า ไม่มีใครถอดเสื้อผ้าเลย และทุกคนมีอาวุธติดตัวอยู่ตลอดเวลา ไม่เว้นแม้เวลาไปเอาน้ำ

เนหะมีย์ 4:1-23 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)

เมื่อ​สันบาลลัท​ทราบ​ว่า พวก​เรา​กำลัง​สร้าง​กำแพง เขา​ก็​โกรธ​และ​เดือดดาล​ยิ่ง​นัก และ​เขา​เย้ย​หยัน​ชาว​ยิว เขา​พูด​ต่อ​หน้า​พวก​พ้อง​และ​กอง​ทัพ​สะมาเรีย​ว่า “พวก​ยิว​ที่​อ่อนแอ​เหล่า​นี้​ทำ​อะไร​กัน พวก​เขา​จะ​ฟื้นฟู​สิ่ง​ต่างๆ ให้​ตัว​เอง​หรือ เขา​จะ​ถวาย​เครื่อง​สักการะ​หรือ เขา​จะ​สร้าง​เสร็จ​ใน​วัน​เดียว​หรือ พวก​เขา​จะ​รื้อ​หิน​ไหม้​ดำ​จาก​กอง​ขยะ​ออก​มา​ใช้​ใหม่​อย่าง​นั้น​หรือ” โทบียาห์​ชาว​อัมโมน​อยู่​ข้างๆ เขา จึง​พูด​ว่า “แค่​มี​สุนัข​จิ้งจอก​สัก​ตัว​กระโดด​ขึ้น​ไป​บน​สิ่ง​ที่​พวก​เขา​กำลัง​สร้าง​อยู่ กำแพง​หิน​ก็​จะ​พัง​ลง​มา” โอ พระ​เจ้า​ของ​เรา โปรด​ฟัง เพราะ​พวก​เรา​ถูก​ดู​แคลน ขอ​ให้​การ​สบ​ประมาท​ของ​พวก​เขา​ย้อน​กลับ​ไป​หา​ตัว​เขา​เอง และ​ให้​พวก​เขา​ถูก​จับ​ไป​เป็น​เชลย ขอ​พระ​องค์​อย่า​ปกป้อง​ความ​ผิด​ของ​พวก​เขา และ​อย่า​กำจัด​บาป​ของ​พวก​เขา​ให้​พ้น​ไป​จาก​สายตา​ของ​พระ​องค์ เพราะ​พวก​เขา​ยั่ว​โทสะ​พระ​องค์​ต่อ​หน้า​ต่อ​ตา​บรรดา​ผู้​ก่อ​สร้าง พวก​เรา​จึง​สร้าง​กำแพง และ​กำแพง​เชื่อม​ต่อ​กัน​จน​สูง​ได้​ครึ่ง​หนึ่ง​แล้ว เพราะ​ประชาชน​ล้วน​มี​กำลัง​ใจ​ที่​จะ​ทำงาน แต่​เมื่อ​สันบาลลัท​และ​โทบียาห์​กับ​ชาว​อาหรับ ชาว​อัมโมน และ​ชาว​อัชโดด ทราบ​ว่า​การ​ซ่อมแซม​กำแพง​เยรูซาเล็ม​ดำเนิน​ต่อ​ไป และ​ส่วน​ที่​พัง​ทลาย​ลง​ก็​ได้​รับ​การ​ซ่อมแซม​ขึ้น​ใหม่ พวก​เขา​จึง​โกรธ​มาก พวก​เขา​ทุก​คน​จึง​ร่วม​กัน​วาง​แผน​ที่​จะ​มา​โจมตี​เยรูซาเล็ม เพื่อ​ทำ​ให้​เกิด​ความ​วุ่นวาย พวก​เรา​จึง​อธิษฐาน​ต่อ​พระ​เจ้า​ของ​เรา และ​วาง​ยาม​คุ้มกัน​ทั้ง​วัน​ทั้ง​คืน มี​คน​พูด​กัน​ใน​ยูดาห์​ว่า “พวก​ขน​ของ​กำลัง​อ่อน​แรง​ลง มี​ซาก​ปรัก​หัก​พัง​อยู่​มาก​มาย ลำพัง​พวก​เรา​ก็​ไม่​สามารถ​สร้าง​กำแพง​ขึ้น​ใหม่​ได้” ศัตรู​ของ​พวก​เรา​พูด​ว่า “พวก​เขา​จะ​ไม่​ทัน​รู้​ตัว​จน​เรา​เข้า​มา​ประชิด​ตัว ฆ่า​พวก​เขา งาน​ก็​จะ​ต้อง​หยุด​ลง” ใน​เวลา​นั้น พวก​ชาว​ยิว​ที่​อาศัย​อยู่​ใน​หมู่​พวก​เขา​มา​จาก​รอบ​ด้าน พูด​กับ​เรา​นับ​เป็น​สิบ​ครั้ง​ได้​ว่า “ไม่​ว่า​ท่าน​หัน​ไป​ทาง​ไหน พวก​เขา​จะ​โจมตี​พวก​เรา” ดังนั้น ข้าพเจ้า​จึง​วาง​ยาม​จาก​ประชาชน​ตาม​ตระกูล พร้อม​ดาบ หอก และ​คัน​ธนู ใน​บริเวณ​หลัง​กำแพง​ส่วน​ที่​ต่ำ​สุด​และ​ที่ๆ ยัง​เปิด​อยู่ ข้าพเจ้า​มอง​ดู​และ​ลุก​ขึ้น และ​พูด​กับ​บรรดา​ขุนนาง เจ้าหน้าที่ และ​กับ​ประชาชน​ทั้ง​ปวง​ว่า “อย่า​กลัว​พวก​เขา จง​ระลึก​ถึง​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ผู้​ยิ่ง​ใหญ่​และ​น่า​เกรงขาม และ​ต่อสู้​เพื่อ​พี่​น้อง ลูก​ชาย​ลูก​สาว ภรรยา และ​บ้าน​เมือง​ของ​ท่าน” เมื่อ​ศัตรู​ของ​พวก​เรา​ทราบ​ว่า พวก​เรา​รู้​ถึง​แผน​การ และ​พระ​เจ้า​ทำ​ให้​แผน​การ​ของ​พวก​เขา​ล้มเหลว พวก​เรา​กลับ​ไป​ที่​กำแพง ต่าง​ก็​ทำงาน​ของ​ตน​ต่อ​ไป จาก​นั้น​ต่อ​มา ครึ่ง​หนึ่ง​ของ​ผู้​รับใช้​ของ​ข้าพเจ้า​ปฏิบัติ​งาน​ก่อ​สร้าง และ​อีก​ครึ่ง​หนึ่ง​ถือ​หอก โล่ คัน​ธนู และ​เสื้อ​เกราะ และ​บรรดา​ผู้​นำ​คอย​ยืน​คุ้มกัน​ข้าง​หลัง​พงศ์​พันธุ์​ยูดาห์​ทั้ง​หมด ซึ่ง​กำลัง​สร้าง​กำแพง​อยู่ บรรดา​ผู้​ที่​แบก​ของ​ก็​ใช้​มือ​เดียว​ทำงาน และ​อีก​มือ​ถือ​อาวุธ ช่าง​ก่อ​สร้าง​แต่​ละ​คน​มี​ดาบ​คาด​ข้าง​ตัว​ขณะ​ทำงาน ชาย​ที่​เป่า​แตรงอน​อยู่​เคียง​ข้าง​ข้าพเจ้า และ​ข้าพเจ้า​พูด​กับ​บรรดา​ขุนนาง เจ้าหน้าที่ และ​กับ​ประชาชน​ทั้ง​ปวง​ว่า “เรา​มี​งาน​ล้น​มือ​และ​ยัง​ขยาย​กว้าง​ออก​ไป​อีก พวก​เรา​แยก​กัน​ทำงาน​บน​กำแพง และ​อยู่​ห่าง​กัน​มาก ไม่​ว่า​ท่าน​จะ​อยู่​ที่​ไหน​ก็​ตาม เมื่อ​ได้ยิน​เสียง​แตรงอน ก็​จง​เข้า​มา​รวม​ตัว​กัน​กับ​พวก​เรา​ที่​นั่น พระ​เจ้า​จะ​ต่อสู้​เพื่อ​พวก​เรา” ดังนั้น พวก​เรา​จึง​ทำงาน​ต่อ​ไป ครึ่ง​หนึ่ง​ของ​คน​งาน​ถือ​หอก ตั้งแต่​ฟ้าสาง​จน​ถึง​เวลา​ดาว​ปรากฏ เวลา​นั้น ข้าพเจ้า​สั่ง​ประชาชน​ว่า “ให้​ทุก​คน​กับ​ผู้​รับใช้​ของ​เขา​อยู่​ใน​เมือง​เยรูซาเล็ม​ตอน​กลาง​คืน เพื่อ​พวก​เขา​จะ​เป็น​ยาม​ให้​เรา​ใน​ตอน​กลาง​คืน และ​ทำงาน​ตอน​กลาง​วัน” ดังนั้น ข้าพเจ้า​และ​พี่​น้อง บรรดา​ผู้​รับใช้​และ​คน​เฝ้า​ยาม ที่​คอย​ติดตาม​ข้าพเจ้า ไม่​มี​ใคร​ถอด​เครื่อง​แต่ง​กาย​ออก มือ​ขวา​ก็​ถือ​อาวุธ​ไว้​ตลอด​เวลา