มาระโก 8:1-30

มาระโก 8:1-30 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

คราวนั้น เมื่อมหาชนพากันมามากมายอีกครั้งและไม่มีอาหารจะรับประทาน พระเยซูจึงทรงเรียกพวกสาวก ตรัสกับพวกเขาว่า “เราสงสารฝูงชนนี้ เพราะพวกเขาค้างอยู่กับเราได้สามวันแล้ว และไม่มีอาหารจะกิน ถ้าเราจะให้พวกเขากลับบ้านขณะที่ยังอดอาหารอยู่ พวกเขาจะเป็นลมหมดแรงลงกลางทาง เพราะว่าบางคนมาไกล” พวกสาวกจึงทูลตอบพระองค์ว่า “ในถิ่นทุรกันดารแบบนี้จะหาอาหารให้พวกเขากินอิ่มได้ที่ไหน?” พระองค์ตรัสถามพวกเขาว่า “พวกท่านมีขนมปังกี่ก้อน?” พวกเขาทูลว่า “มีเจ็ดก้อนเจ้าข้า” พระองค์จึงตรัสสั่งให้ฝูงชนนั่งลงที่พื้น แล้วทรงรับขนมปังเจ็ดก้อนนั้นมา ขอบพระคุณ แล้วทรงหักส่งให้พวกสาวกเอาไปแจก พวกสาวกจึงแจกให้ฝูงชน พวกเขามีปลาเล็กๆ อยู่บ้างด้วย พระองค์จึงขอพระพร แล้วตรัสสั่งเหล่าสาวกให้เอาปลานั้นแจกด้วย คนทั้งหลายก็ได้รับประทานจนอิ่ม และเศษอาหารที่เหลือนั้นเก็บได้เจ็ดกระบุง คนที่อยู่ที่นั่นมีประมาณสี่พันคน เมื่อพระองค์ทรงให้พวกเขากลับไปแล้ว พระองค์ก็เสด็จลงเรือกับพวกสาวกของพระองค์ทันทีและไปยังเขตเมืองดาลมานูธา พวกฟาริสีมาเฝ้าและเริ่มโต้เถียงกับพระองค์ พวกเขาทูลขอให้พระองค์ทรงแสดงหมายสำคัญจากฟ้าสวรรค์ เพื่อจะทดสอบพระองค์ พระองค์ถอนพระทัยแล้วตรัสว่า “ทำไมคนยุคนี้ถึงแสวงหาหมายสำคัญ? เราบอกความจริงกับพวกท่านว่า จะไม่ประทานหมายสำคัญแก่คนยุคนี้” แล้วพระองค์เสด็จไปจากพวกเขาและเสด็จลงเรือข้ามฟากไปอีก พวกสาวกลืมเอาขนมปังไปและในเรือมีขนมปังอยู่ก้อนเดียวเท่านั้น พระองค์ทรงเตือนพวกสาวกว่า “จงสังเกตและระวังเชื้อของพวกฟาริสี และเชื้อของเฮโรดให้ดี” พวกสาวกจึงพูดกันว่า “เพราะพวกเราไม่มีขนมปังนี่เอง” เมื่อพระเยซูทรงทราบจึงตรัสกับพวกเขาว่า “ทำไมพวกท่านถึงพูดกันเรื่องไม่มีขนมปัง? พวกท่านยังไม่รู้และยังไม่เข้าใจหรือ? ใจของพวกท่านแข็งกระด้างหรือ? มีตาแล้วยังไม่เห็นหรือ? มีหูแล้วยังไม่ได้ยินหรือ? พวกท่านจำไม่ได้หรือ? เมื่อเราหักขนมปังห้าก้อนให้แก่คนห้าพันคนนั้น พวกท่านเก็บเศษที่เหลือนั้นได้กี่ตะกร้า?” พวกเขาทูลตอบว่า “สิบสอง” “เมื่อเราแจกขนมปังเจ็ดก้อนให้แก่คนสี่พันคนนั้น พวกท่านเก็บเศษที่เหลือได้กี่กระบุง?” พวกเขาทูลตอบว่า “เจ็ด” พระองค์จึงตรัสกับพวกเขาว่า “พวกท่านยังไม่เข้าใจอีกหรือ?” พระองค์กับพวกสาวกจึงไปยังเมืองเบธไซดา มีบางคนพาคนตาบอดคนหนึ่งมาหาพระองค์ และทูลอ้อนวอนขอให้พระองค์ทรงสัมผัสคนนั้น พระองค์จึงทรงจูงมือคนตาบอดออกไปนอกหมู่บ้าน เมื่อทรงบ้วนน้ำลายลงที่ตาของคนนั้นและวางพระหัตถ์บนตัวเขาแล้ว พระองค์ตรัสถามว่า “ท่านเห็นอะไรบ้างหรือไม่?” คนนั้นเงยหน้าดูแล้วทูลว่า “ข้าพระองค์มองเห็นคนเหมือนต้นไม้เดินไปเดินมา” พระองค์จึงวางพระหัตถ์บนตาของเขาอีก แล้วเขาก็เพ่งดู และตาก็หายเป็นปกติ มองเห็นสิ่งต่างๆ ชัดเจน พระองค์จึงตรัสสั่งให้คนนั้นกลับไปที่บ้านของตนเองและทรงกำชับว่า “อย่าเข้าไปในหมู่บ้านนั้น” พระเยซูกับพวกสาวกเดินทางต่อไปยังหมู่บ้านต่างๆ ในแขวงซีซารียาฟีลิปปี เมื่ออยู่ระหว่างทางนั้นพระองค์ตรัสถามพวกสาวกว่า “คนทั้งหลายพูดกันว่าเราเป็นใคร?” พวกเขาทูลตอบพระองค์ว่า “เป็นยอห์นผู้ให้บัพติศมา แต่บางคนว่าเป็นเอลียาห์ บางคนก็ว่าเป็นคนหนึ่งในพวกผู้เผยพระวจนะ” พระองค์จึงตรัสถามเขาว่า “แล้วพวกท่านล่ะคิดว่าเราเป็นใคร?” เปโตรทูลตอบว่า “พระองค์เป็นพระคริสต์” แล้วพระองค์ตรัสสั่งพวกสาวกไม่ให้บอกใครถึงเรื่องของพระองค์

มาระโก 8:1-30 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

มี​อีก​ครั้ง​หนึ่ง​ที่​ชาวบ้าน​มากมาย​มา​อยู่​กับ​พระเยซู พวก​เขา​ไม่​มี​อาหาร​กิน พระเยซู​จึง​เรียก​พวก​ศิษย์​มา​บอก​ว่า “สงสาร​คน​พวกนี้​จริงๆ​เพราะ​เขา​อยู่​ที่​นี่​กับ​เรา​มา​สาม​วัน​แล้ว และ​ไม่​มี​อะไร​กิน​ด้วย ถ้า​เรา​ส่ง​พวก​เขา​กลับ​บ้าน​ไป​ทั้งๆ​ที่​ยัง​หิว​อยู่ พวก​เขา​จะ​ต้อง​เป็น​ลม​กลางทาง​แน่ๆ​และ​บางคน​ก็​มา​ไกล​มาก​ด้วย” พวก​ศิษย์​บอก​ว่า “ใน​ที่​เปล่า​เปลี่ยว​แห้งแล้ง​อย่างนี้ จะ​ไป​หา​อาหาร​ที่​ไหน​มา​เลี้ยง​คน​ตั้ง​เยอะแยะ​ขนาดนี้​ล่ะ​ครับ” พระองค์​เลย​ถาม​ว่า “พวก​คุณ​มี​ขนมปัง​กี่​ก้อน” พวก​เขา​ตอบ​ว่า “เจ็ด​ก้อน​ครับ” พระองค์​จึง​สั่ง​ให้​ฝูงชน​นั่ง​ลง​กับ​พื้น แล้ว​พระองค์​เอา​ขนมปัง​เจ็ด​ก้อน​มา ขอบคุณ​พระเจ้า แล้ว​หัก​ขนมปัง​ส่ง​ให้​กับ​พวก​ศิษย์​เอา​ไป​แบ่ง​ให้​กับ​ฝูงชน​กิน​กัน พวก​เขา​มี​ปลา​ตัว​เล็กๆ​อยู่​ไม่​กี่​ตัว พระองค์​ก็​ขอบคุณ​พระเจ้า​สำหรับ​ปลา​เหล่า​นั้น และ​บอก​ให้​พวก​ศิษย์​เอา​ไป​แจก พวก​เขา​กิน​กัน​จน​อิ่ม และ​พวก​ศิษย์​เก็บ​เศษ​อาหาร​ที่​เหลือ​ได้​ถึง​เจ็ด​เข่ง​เต็มๆ มี​ประมาณ​สี่พัน​คน​ที่​อยู่​ที่​นั่น หลังจาก​กิน​เสร็จ พระองค์​ส่ง​พวก​เขา​กลับ​บ้าน แล้ว​พระองค์​กับ​พวก​ศิษย์​พา​กัน​ลง​เรือ​ไป​แคว้น​ดาลมานูธา พวก​ฟาริสี​ได้​มา​โต้เถียง​พระองค์​และ​ท้า​ให้​พระองค์​ทำ​เรื่อง​อัศจรรย์​ให้​ดู​เพื่อ​พิสูจน์​ว่า​พระองค์​มา​จาก​พระเจ้า​จริง พระเยซู​ถอนใจ​ยาว​และ​พูด​ว่า “ทำไม​คน​สมัยนี้​ชอบ​เรียก​ให้​ทำ​สิ่ง​อัศจรรย์​กัน​นัก เรา​ขอ​บอก​ให้​รู้​ว่า​จะ​ไม่​ทำ​สิ่ง​อัศจรรย์​อะไร​ให้​ดู​ทั้งนั้น” แล้ว​พระองค์​ก็​ลง​เรือ​ข้าม​ทะเลสาบ​ไป​อีก​ฝั่ง พวก​ศิษย์​ลืม​เอา​ขนมปัง​มา​ด้วย เลย​มี​ขนมปัง​อยู่​แค่​ก้อน​เดียว​ใน​เรือ พระเยซู​เตือน​พวก​เขา​ว่า “ระวัง​เชื้อ ของ​พวก​ฟาริสี​และ​ของ​เฮโรด​ไว้​ให้​ดี” พวก​เขา​พูด​กัน​ว่า “ที่​อาจารย์​พูด​อย่างนี้​ก็​เพราะ​พวก​เรา​ไม่​มี​ขนมปัง​ไง” พระองค์​รู้​ว่า​พวก​เขา​กำลัง​พูด​เรื่อง​อะไร​กัน จึง​พูด​ว่า “ทำไม​พวก​คุณ​ถึง​พูด​กัน​แต่​เรื่อง​ไม่​มี​ขนมปัง ยัง​ไม่​เห็น​หรือ​เข้าใจ​กัน​อีก​เหรอ ใจ​แข็งกระด้าง​มาก​ขนาดนั้น​เชียว​หรือ มี​ตา​ก็​มอง​ไม่​เห็น มี​หู​ก็​ไม่​ได้ยิน จำ​ไม่​ได้​แล้ว​หรือ ตอน​ที่​เรา​เลี้ยง​คน​ห้าพัน​คน​ด้วย​ขนมปัง​ห้า​ก้อน พวก​คุณ​เก็บ​เศษ​ที่​เหลือ​ได้​กี่​เข่ง” พวก​เขา​ตอบ​ว่า “สิบสอง​เข่ง​ครับ” “แล้ว​ตอน​ที่​เรา​เลี้ยง​คน​สี่พัน​คน​ด้วย​ขนมปัง​เจ็ด​ก้อน​ล่ะ พวก​คุณ​เก็บ​เศษ​ที่​เหลือ​ได้​กี่​เข่ง” พวก​เขา​ก็​ตอบ​ว่า “เจ็ด​เข่ง​ครับ” แล้ว​พระองค์​จึง​พูด​ว่า “ขนาด​ทำ​ให้​ดู​อย่างนี้​แล้ว​ยัง​ไม่​เข้าใจ​อีก​หรือ” เมื่อ​พวก​เขา​มา​ถึง​เมือง​เบธไซดา มี​คน​พา​คน​ตาบอด​มาหา​พระองค์ อ้อนวอน​ให้​พระองค์​แตะต้อง​เขา พระองค์​ก็​จูง​มือ​คน​ตาบอด​ออก​มา​นอก​หมู่บ้าน พระองค์​ถ่ม​น้ำลาย​ใส่​ตา​ทั้ง​สอง​ข้าง​ของ​คน​ตาบอด​นั้น และ​วางมือ​บน​ตัว​เขา​แล้ว​ถาม​ว่า “มอง​เห็น​หรือ​ยัง” คน​ตาบอด​เงย​หน้า​ขึ้น​มา​ดู​และ​บอก​ว่า “เห็น​คน​ครับ แต่​เหมือน​ต้นไม้​เดิน​ไป​เดิน​มา” พระองค์​ก็​เลย​วางมือ​บน​ตา​ของ​เขา​อีก​ครั้ง​หนึ่ง คน​ตาบอด​ก็​ได้​เพ่งดู ตา​ของ​เขา​ก็​หายสนิท มองเห็น​ทุก​สิ่ง​ทุก​อย่าง​ชัดเจน พระองค์​บอก​ให้​เขา​กลับ​บ้าน​โดย​บอก​ว่า “อย่า​เข้า​ไป​ใน​หมู่บ้าน​นั้น” พระเยซู​และ​พวก​ศิษย์​เดิน​ทาง​ไป​ที่​หมู่บ้าน​ใกล้ๆ​เมือง​ซีซารียา​แคว้น​ฟีลิปปี ใน​ระหว่าง​ทาง​นั้น​พระองค์​ถาม​พวก​ศิษย์​ว่า “คน​อื่นๆ​เขา​ว่า​เรา​เป็น​ใคร​กัน” พวก​เขา​ก็​ตอบ​ว่า “บางคน​ว่า เป็น​ยอห์น​คน​ทำ​พิธีจุ่มน้ำ บางคน​ว่า เป็น​เอลียาห์ และ​มี​บางคน​ว่า เป็น​ผู้พูดแทนพระเจ้า​คน​หนึ่ง” แล้ว​พระองค์​ถาม​ว่า “แล้ว​พวก​คุณ​ล่ะ คิด​ว่า​เรา​เป็น​ใคร” เปโตร​ตอบ​ว่า “เป็น​กษัตริย์​ผู้ยิ่งใหญ่คนนั้น” พระองค์​จึง​เตือน​พวก​ศิษย์​ไม่​ให้​บอก​คน​อื่น​ว่า​พระองค์​เป็น​ใคร

มาระโก 8:1-30 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)

คราวนั้นเมื่อฝูงชนพากันมามากมายและไม่​มี​อาหารกิน พระเยซู​จึงทรงเรียกเหล่าสาวกของพระองค์มาตรัสแก่เขาว่า “เราสงสารคนเหล่านี้ เพราะเขาค้างอยู่กับเราได้สามวันแล้วและไม่​มี​อาหารจะกิน ถ้าเราจะให้เขากลับไปบ้านเมื่อยังอดอาหารอยู่ เขาจะหิวโหยสิ้นแรงตามทาง เพราะว่าบางคนมาไกล” เหล่​าสาวกของพระองค์จึงทูลตอบพระองค์​ว่า “ในถิ่นทุ​รก​ันดารนี้จะหาอาหารให้เขากิ​นอ​ิ่มได้​ที่ไหน​” พระองค์​ตรัสถามเขาว่า “พวกท่านมีขนมปั​งก​ี่​ก้อน​” เขาทูลว่า “​มี​เจ​็​ดก​้อน” พระองค์​จึงตรั​สส​ั่งประชาชนให้นั่งลงที่​พื้นดิน แล​้วทรงรับขนมปังเจ็​ดก​้อนนั้น ทรงขอบพระคุ​ณ แล​้วจึงทรงหักส่งให้​เหล่​าสาวกให้เขาแจก เหล่​าสาวกจึงแจกให้​ประชาชน และเขามีปลาเล็กๆอยู่​บ้าง พระองค์​จึงขอบพระคุ​ณ แล​้วสั่งให้เอาปลานั้นแจกด้วย คนทั้งปวงได้รับประทานจนอิ่มและเศษอาหารที่เหลือนั้นเขาเก็บได้​เจ​็ดกระบุง คนที​่รับประทานนั้​นม​ีประมาณสี่​พัน แล​้วพระองค์ตรั​สส​ั่งให้เขาไป ในทันใดนั้น พระองค์​ก็​เสด็จลงเรื​อก​ับเหล่าสาวกของพระองค์ มาถึงเขตเมืองดาลมานูธา พวกฟาริ​สี​ออกมาและเริ่มโต้เถียงกับพระองค์ ขอพระองค์แสดงหมายสำคัญจากฟ้าสวรรค์ หมายจะทดลองพระองค์ พระองค์​ทรงถอนพระทัยแล้วตรั​สว​่า “คนยุ​คน​ี้แสวงหาหมายสำคัญทำไม เราบอกความจริงแก่​เจ้​าทั้งหลายว่า จะไม่โปรดให้หมายสำคัญแก่คนยุ​คน​ี้” แล​้วพระองค์เสด็จไปจากเขา และลงเรือข้ามฟากไปอีก ฝ่ายเหล่าสาวกลืมเอาขนมปังไป และในเรือเขามีขนมปังอยู่ก้อนเดียวเท่านั้น พระองค์​ทรงกำชับเหล่าสาวกว่า “จงสังเกตและระวังเชื้อแห่งพวกฟาริ​สี​และเชื้อแห่งเฮโรดให้​ดี​” เหล่​าสาวกจึงปรึกษากั​นว​่า “เพราะเหตุ​ที่​เราไม่​มี​ขนมปัง​” เมื่อพระเยซูทรงทราบจึงตรัสแก่เขาว่า “​เหตุ​ไฉนพวกท่านจึงปรึกษากันและกันถึงเรื่องไม่​มี​ขนมปัง ท่านยังไม่​รู้​และไม่​เข​้าใจหรือ ใจของท่านยังแข็งกระด้างหรือ มี​ตาแล้วยังไม่​เห​็นหรือ มี​หู​แล​้วยังไม่​ได้​ยินหรือ ท่านทั้งหลายจำไม่​ได้​หรือ เมื่อเราหักขนมปังห้าก้อนให้​แก่​คนห้าพันคนนั้น ท่านทั้งหลายเก็บเศษที่เหลือนั้นได้​กี่​กระบุง​” เขาทูลตอบพระองค์​ว่า “​ได้​สิ​บสองกระบุง” “เมื่อแจกขนมปังเจ็​ดก​้อนให้​แก่​คนสี่พันคนนั้น ท่านทั้งหลายเก็บเศษที่เหลือได้​กี่​กระบุง​” เขาทูลตอบว่า “​ได้​เจ​็ดกระบุง” พระองค์​จึงตรัสแก่เขาว่า “เป็นไฉนพวกท่านยังไม่​เข้าใจ​” พระองค์​จึงไปยังเมืองเบธไซดา เขาพาชายตาบอดคนหนึ่งมาหาพระองค์ ทูลอ้อนวอนขอพระองค์​ให้​โปรดถูกต้องคนนั้น พระองค์​ได้​ทรงจู​งม​ือคนตาบอดออกไปนอกเมือง เมื่อได้ทรงบ้วนน้ำลายลงที่ตาคนนั้น และวางพระหัตถ์บนเขาแล้ว พระองค์​จึงตรัสถามเขาว่า เขาเห็นสิ่งใดบ้างหรือไม่ คนนั้นเงยหน้าดู​แล​้​วท​ูลว่า “ข้าพระองค์แลเห็นคนเหมือนต้นไม้​เดินไปเดินมา​” พระองค์​จึงวางพระหัตถ์บนตาเขาอีก แล​้วให้เขาเงยหน้าดู และตาของเขาก็หายเป็นปกติ แลเห็นคนทั้งหลายได้​ชัดเจน พระองค์​จึงตรั​สส​ั่งคนนั้นให้​กล​ับตรงไปยั​งบ​้านของตน แล​้วกำชับว่า “อย่าเข้าไปในเมือง หรือเล่าให้ใครในเมืองนั้นฟังเลย” พระเยซู​ได้​เสด็จกับเหล่าสาวกของพระองค์ ออกไปยังเมืองต่างๆในแขวงซีซารี​ยา ฟี​ลิปปี เมื่ออยู่ตามทางนั้น พระองค์​ตรัสถามเหล่าสาวกว่า “คนทั้งหลายพู​ดก​ั​นว​่าเราเป็นผู้​ใด​” เขาทูลตอบว่า “เขาว่าเป็นยอห์นผู้​ให้​รับบัพติศมา แต่​บางคนว่าเป็นเอลียาห์ และคนอื่​นว​่าเป็นคนหนึ่งในพวกศาสดาพยากรณ์” พระองค์​จึงตรัสถามเขาว่า “ฝ่ายพวกท่านเล่าว่าเราเป็นผู้​ใด​” เปโตรทูลตอบพระองค์​ว่า “​พระองค์​ทรงเป็นพระคริสต์” แล​้วพระองค์ทรงกำชับห้ามเหล่าสาวกไม่​ให้​บอกผู้ใดถึงพระองค์

มาระโก 8:1-30 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

คราวนั้น เมื่อประชาชนพากันมามากมายอีก ก็ไม่มีอาหารกิน พระเยซูจึงทรงเรียกเหล่าสาวกตรัสแก่เขาว่า <<เราสงสารคนเหล่านี้ เพราะเขาค้างอยู่กับเราได้สามวันแล้ว และไม่มีอาหารจะกิน ถ้าเราจะให้เขากลับไปบ้านเมื่อยังอดอาหารอยู่ เขาจะหิวโหยสิ้นแรงลงตามทาง เพราะว่าบางคนมาไกล>> เหล่าสาวกจึงทูลตอบพระองค์ว่า <<ในถิ่นทุรกันดารนี้จะหาอาหารให้เขากินอิ่มได้ที่ไหน>> พระองค์ตรัสถามเขาว่า <<พวกท่านมีขนมปังกี่ก้อน>> เขาทูลว่า <<มีเจ็ดก้อนเจ้าข้า>> พระองค์จึงตรัสสั่งประชาชนให้นั่งลงที่พื้นดิน แล้วทรงรับขนมปังเจ็ดก้อนนั้นมา โมทนาพระคุณ แล้วจึงทรงหักส่งให้เหล่าสาวกให้เขาแจก เหล่าสาวกจึงแจกให้ประชาชน และเขามีปลาเล็กๆอยู่บ้าง พระองค์จึงถวายคำสาธุการ แล้วสั่งเหล่าสาวกให้เอาปลานั้นแจกด้วย คนทั้งปวงได้รับประทานจนอิ่ม และเศษอาหารที่เหลือนั้นเขาเก็บได้เจ็ดตะกร้า คนที่รับประทานนั้นประมาณสี่พัน แล้วพระองค์ตรัสสั่งให้เขาไป ในทันใดนั้นพระองค์ก็เสด็จลงเรือกับเหล่าสาวกของพระองค์มาถึงเขตเมืองดาลมานูธา พวกฟาริสีออกมาและเริ่มโต้เถียงกับพระองค์ ขอพระองค์สำแดงหมายสำคัญจากฟ้าสวรรค์ หมายจะทดลองพระองค์ พระองค์ทรงถอนพระทัยแล้วตรัสว่า <<คนยุคนี้แสวงหาหมายสำคัญทำไม เราว่าแก่เจ้าทั้งหลายจริงๆว่า จะไม่โปรดให้หมายสำคัญแก่คนยุคนี้>> แล้วพระองค์เสด็จไปจากเขาและลงเรือข้ามฟากไปอีก ฝ่ายเหล่าสาวก ลืมเอาขนมปังไปและในเรือเขามีขนมปังอยู่ก้อนเดียวเท่านั้น พระองค์ทรงกำชับเหล่าสาวกว่า <<จงสังเกตและระวังเชื้อแห่งพวกฟาริสี และเชื้อแห่งเฮโรดให้ดี>> เหล่าสาวกจึงพูดกันว่า <<เพราะเหตุที่เราไม่มีขนมปัง>> เมื่อพระเยซูทรงทราบจึงตรัสแก่เขาว่า <<เหตุไฉนพวกท่าน จึงพูดกันและกัน ถึงเรื่องไม่มีขนมปัง ท่านยังไม่รู้และไม่เข้าใจหรือ ใจของท่านมืดมัวหรือ มีตาแล้วยังไม่เห็นหรือ มีหูแล้วยังไม่ได้ยินหรือ ท่านทั้งหลายจำไม่ได้หรือ เมื่อเราหักขนมปังห้าก้อน ให้แก่คนห้าพันคนนั้น ท่านทั้งหลายเก็บเศษที่เหลือนั้นได้กี่กระบุง>> เขาทูลตอบว่า <<ได้สิบสองกระบุง>> <<เมื่อเราแจกขนมปังเจ็ดก้อนให้แก่คนสี่พันคนนั้น ท่านทั้งหลายเก็บเศษที่เหลือได้กี่ตะกร้า>> เขาทูลตอบว่า <<ได้เจ็ดตะกร้า>> พระองค์จึงตรัสแก่เขาว่า <<พวกท่านยังไม่เข้าใจหรือ>> พระองค์กับสาวกจึงไปยังเมืองเบธไซดา เขาพาคนตาบอดคนหนึ่งมาหาพระองค์ ทูลอ้อนวอนขอพระองค์ให้โปรดถูกต้องคนนั้น พระองค์ได้ทรงจูงมือคนตาบอดออกไปนอกหมู่บ้าน เมื่อได้ทรงบ้วนน้ำลายลงที่ตาคนนั้น และวางพระหัตถ์บนเขาแล้ว พระองค์จึงตรัสถามว่า <<เจ้าเห็นสิ่งใดบ้างหรือไม่>> คนนั้นเงยหน้าดูแล้วทูลว่า <<ข้าพระองค์แลเห็นคนเหมือนต้นไม้เดินไปเดินมา>> พระองค์จึงวางพระหัตถ์บนตาเขาอีก แล้วเขาก็เพ่งดู และตาก็หายเป็นปกติ แลเห็นสิ่งทั้งหลายได้ชัด พระองค์จึงตรัสสั่งคนนั้นให้กลับตรงไปยังบ้านของตน แล้วกำชับว่า <<อย่าเข้าไปในหมู่บ้านนั้น>> พระเยซูได้เสด็จกับเหล่าสาวกออกไปยังหมู่บ้านแขวงซีซารียา ฟีลิปปี เมื่ออยู่ตามทางนั้นพระองค์ตรัสถามเหล่าสาวกว่า <<คนทั้งหลายพูดกันว่าเราเป็นผู้ใด>> เขาทูลตอบพระองค์ว่า <<เขาว่าเป็นยอห์น ผู้ให้รับบัพติศมา แต่บางคนว่าเป็นเอลียาห์ และบางคนว่าเป็นคนหนึ่งในพวกผู้เผยพระวจนะ>> พระองค์จึงตรัสถามเขาว่า <<ฝ่ายพวกท่านเล่าว่าเราเป็นใคร>> เปโตรทูลตอบว่า <<พระองค์ทรงเป็นพระคริสต์>> แล้วพระองค์ทรงกำชับห้ามเหล่าสาวก ไม่ให้เขาบอกผู้ใดให้รู้

มาระโก 8:1-30 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

ครั้งนั้นมีฝูงชนกลุ่มใหญ่อีกกลุ่มหนึ่งมาชุมนุมกัน เนื่องจากพวกเขาไม่มีอาหารรับประทาน พระเยซูจึงทรงเรียกเหล่าสาวกมาและตรัสว่า “เราสงสารคนเหล่านี้ พวกเขามาอยู่กับเราสามวันแล้วและไม่มีอะไรกิน ถ้าให้เขากลับไปทั้งที่ยังหิวอยู่กลัวว่าจะหมดแรงกลางทางเพราะบางคนก็มาไกล” เหล่าสาวกทูลว่า “แต่ในที่ห่างไกลแบบนี้จะหาขนมปังที่ไหนมาพอเลี้ยงพวกเขา?” พระเยซูตรัสถามว่า “พวกท่านมีขนมปังกี่ก้อน?” เขาทูลว่า “เจ็ดก้อน” พระองค์ทรงบอกฝูงชนให้นั่งลงที่พื้น เมื่อทรงรับขนมปังเจ็ดก้อนและขอบพระคุณพระเจ้าแล้ว พระองค์ก็ทรงหักขนมปังส่งให้เหล่าสาวกแจกประชาชน พวกเขามีปลาเล็กๆ สองสามตัวด้วย พระองค์ก็ทรงขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับปลาเหล่านี้และทรงให้เหล่าสาวกนำไปแจกเช่นกัน ประชาชนได้รับประทานจนอิ่มหนำ หลังจากนั้นเหล่าสาวกเก็บเศษที่เหลือได้เจ็ดตะกร้าเต็ม มีผู้ชายราวสี่พันคนที่นั่น และเมื่อทรงให้พวกเขากลับไปแล้ว พระองค์ก็เสด็จลงเรือกับเหล่าสาวกไปยังเขตเมืองดาลมานูธา พวกฟาริสีมาหาพระเยซูและเริ่มซักถามพระองค์ พวกเขาขอให้ทรงแสดงหมายสำคัญจากสวรรค์เพื่อทดสอบพระองค์ พระองค์ทรงถอนพระทัยยาวและตรัสว่า “ทำไมคนในยุคนี้ถามหาหมายสำคัญ? เราบอกความจริงแก่ท่านว่าคนในยุคนี้จะไม่ได้รับหมายสำคัญใดๆ เลย” แล้วพระองค์ก็ทรงละจากพวกเขา เสด็จลงเรือ และข้ามฟากไป เหล่าสาวกลืมเอาขนมปังมาด้วยและในเรือก็มีขนมปังอยู่เพียงก้อนเดียว พระเยซูได้ตรัสเตือนพวกเขาว่า “จงระวังเชื้อของพวกฟาริสีและเฮโรด” พวกเขาจึงหารือกันและพูดว่า “ที่พระองค์ตรัสเช่นนี้เพราะเราไม่มีขนมปัง” พระเยซูทรงทราบจึงตรัสว่า “ทำไมพวกท่านจึงพูดกันเรื่องไม่มีขนมปัง? พวกท่านยังไม่เห็นไม่เข้าใจหรือ? ใจท่านแข็งกระด้างใช่ไหม? หรือท่านมีตาแต่มองไม่เห็น มีหูแต่ไม่ได้ยินหรือ? และท่านจำไม่ได้หรือ? เมื่อเราหักขนมปังห้าก้อนให้คนห้าพันคน พวกท่านเก็บที่เหลือได้กี่ตะกร้า?” พวกเขาทูลว่า “สิบสองตะกร้า” พระองค์ทรงถามว่า “และเมื่อเราหักขนมปังเจ็ดก้อนให้คนสี่พันคน พวกท่านเก็บได้กี่ตะกร้า?” พวกเขาทูลว่า “เจ็ดตะกร้า” พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “พวกท่านยังไม่เข้าใจอีกหรือ?” เมื่อมาถึงเมืองเบธไซดามีคนพาชายตาบอดมาทูลอ้อนวอนให้พระเยซูทรงแตะต้อง พระองค์ทรงจูงมือคนตาบอดออกไปนอกหมู่บ้าน ทรงบ้วนน้ำลายลงที่ตาของคนนั้น และวางพระหัตถ์เหนือเขาและตรัสถามว่า “ท่านเห็นอะไรบ้างไหม?” เขาเงยหน้าขึ้นมองและทูลว่า “ข้าพเจ้าเห็นคนเหมือนต้นไม้เดินไปเดินมา” พระเยซูทรงวางพระหัตถ์ที่ตาของเขาอีกครั้งหนึ่ง แล้วตาของเขาก็เปิด สายตากลับเป็นปกติ และมองเห็นทุกอย่างชัดเจน พระเยซูจึงทรงให้เขากลับบ้านโดยกำชับว่า “อย่าเข้าไปในหมู่บ้าน” พระเยซูกับเหล่าสาวกไปยังหมู่บ้านต่างๆ แถบซีซารียาฟีลิปปี ระหว่างทางพระองค์ทรงถามสาวกว่า “ผู้คนเขาพูดกันว่าเราเป็นใคร?” สาวกทูลว่า “บางคนก็ว่าเป็นยอห์นผู้ให้บัพติศมา บางคนก็ว่าเป็นเอลียาห์ และบางคนก็ว่าเป็นผู้เผยพระวจนะคนหนึ่ง” พระองค์ตรัสถามว่า “แล้วพวกท่านเล่า? พวกท่านว่าเราเป็นใคร?” เปโตรทูลว่า “พระองค์ทรงเป็นพระคริสต์” พระเยซูทรงเตือนพวกเขาไม่ให้บอกใคร

มาระโก 8:1-30 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)

ใน​ครั้ง​นั้น มี​มหาชน​ที่​ชุมนุม​กัน​อีก และ​ไม่​มี​สิ่ง​ใด​รับประทาน พระ​องค์​เรียก​บรรดา​สาวก​มาหา​และ​กล่าว​กับ​พวก​เขา​ว่า “เรา​สงสาร​บรรดา​ฝูง​ชน​เพราะ​พวก​เขา​อยู่​กับ​เรา​มา​ได้ 3 วัน​แล้ว​โดย​ไม่​มี​อะไร​รับประทาน ถ้า​เรา​ส่ง​เขา​กลับ​บ้าน​ทั้งๆ ที่​หิวโหย เขา​ก็​จะ​เป็น​ลม​ระหว่าง​ทาง บาง​คน​ก็​มา​จาก​ที่​ไกล” บรรดา​สาวก​ตอบ​พระ​องค์​ว่า “ทำ​อย่างไร​จึง​จะ​หา​ขนมปัง​พอ​ที่​จะ​เลี้ยง​คน​เหล่า​นี้​ใน​ที่​กันดาร​อย่างนี้” พระ​องค์​ถาม​พวก​เขา​ว่า “พวก​เจ้า​มี​ขนมปัง​กี่​ก้อน” เขา​พูด​ว่า “7 ก้อน” ครั้น​แล้ว​พระ​เยซู​จึง​สั่ง​ฝูงชน​ให้​นั่ง​ลง​บน​พื้น​ดิน เมื่อ​พระ​องค์​หยิบ​ขนมปัง 7 ก้อน​แล้ว​ก็​กล่าว​ขอบคุณ​พระ​เจ้า บิ​ส่ง​ให้​เหล่า​สาวก​ของ​พระ​องค์​เพื่อ​แจก พวก​เขา​จึง​แจก​ให้​แก่​ฝูง​ชน พวก​เขา​ยังมี​ปลา​เล็กๆ สองสาม​ตัว พระ​องค์​กล่าว​ขอบคุณ​พระ​เจ้า​และ​ให้​แจก​ปลา​นั้น​ด้วย ผู้​คน​ก็​รับประทาน​กัน​จน​อิ่มหนำ และ​เก็บ​อาหาร​ที่​เหลือ​ได้​เต็ม 7 ตะกร้า​ใหญ่ มี​คน​ประมาณ 4,000 คน​ที่นั่น แล้ว​พระ​องค์​ก็​ให้​พวก​เขา​กลับ​บ้าน​ไป จากนั้น​พระ​องค์​ก็​ลงเรือ​กับ​สาวก​มา​จนถึง​เขต​เมือง​ดาลมานูธา พวก​ฟาริสี​มา​หา​พระ​เยซู​และ​เริ่ม​โต้เถียง​กับ​พระ​องค์ อยาก​จะ​ให้​แสดง​ปรากฏการณ์​อัศจรรย์​จาก​สวรรค์​เพื่อ​ทดสอบ​พระ​องค์ พระ​องค์​ถอนใจ​ลึก​และ​กล่าว​ว่า “ทำไม​คน​ใน​ช่วง​กาลเวลา​นี้​แสวง​หา​ปรากฏการณ์​อัศจรรย์ เรา​ขอบอก​ความ​จริง​กับ​ท่าน​ว่า คน​เหล่า​นี้​จะ​ไม่​ได้​รับ​ปรากฏการณ์​อัศจรรย์” พระ​องค์​จาก​พวก​เขา​ไป​และ​ลงเรือ​ข้าม​ฟาก​ไป​อีก เหล่า​สาวก​ลืม​เอา​ขนมปัง​ไป​ด้วย​จึง​มี​ติดตัว​ใน​เรือ​เพียง​ก้อน​เดียว พระ​องค์​ให้​คำ​สั่ง​พวก​เขา​ว่า “จง​ระวัง​เชื้อ​ยีสต์​ของ​พวก​ฟาริสี​และ​ของ​เฮโรด​ให้ดี” พวก​เขา​เริ่ม​พูด​กัน​ว่า “เป็น​เพราะ​เรา​ไม่​มี​ขนมปัง” พระ​เยซู​ทราบ​ดี​จึง​กล่าว​กับ​พวก​เขา​ว่า “ทำไม​พวก​เจ้า​จึง​พูด​กัน​ใน​เรื่อง​ที่​ไม่​มี​ขนมปัง เจ้า​ยัง​ไม่​เห็น​และ​เข้าใจ​อีก​หรือ ใจ​ของ​เจ้า​แข็ง​กระด้าง​ใช่ไหม เจ้า​มี​ตา แต่​มอง​ไม่​เห็น​หรือ และ​เจ้า​มี​หู แต่​ไม่​ได้ยิน​หรือ พวก​เจ้า​จำ​ไม่​ได้​หรือ​ว่า เมื่อ​เรา​บิ​ขนมปัง 5 ก้อน​ให้​คน 5,000 คน เจ้า​เก็บ​อาหาร​ที่​เหลือ​ได้​เต็ม​กี่​ตะกร้า” พวก​เขา​พูด​กับ​พระ​องค์​ว่า “12 ตะกร้า” “เมื่อ​เรา​บิ 7 ก้อน​ให้​คน 4,000 คน เจ้า​เก็บ​อาหาร​ที่​เหลือ​ได้​เต็ม​กี่​ตะกร้า” พวก​เขา​พูด​กับ​พระ​องค์​ว่า “7 ตะกร้า” พระ​องค์​กล่าว​กับ​พวก​เขา​ว่า “แล้ว​พวก​เจ้า​ยัง​ไม่​เข้าใจ​อีก​หรือ” แล้ว​พระ​เยซู​กับ​พวก​สาวก​ก็​มา​ยัง​เมือง​เบธไซดา มี​คน​พา​คน​ตาบอด​ผู้หนึ่ง​มา​หา​พระ​องค์ และ​ขอร้อง​ให้​สัมผัส​ตัว​เขา พระ​องค์​จับ​มือ​คน​ตาบอด​เดิน​ออก​มา​จาก​หมู่บ้าน และ​บ้วน​น้ำลาย​ใส่​ตา​ทั้ง​สอง​ของ​เขา วาง​มือ​ทั้ง​สอง​บน​ตัว​เขา แล้ว​พระ​องค์​ถาม​ว่า “เจ้า​มอง​เห็น​อะไร​ไหม” เขา​เงย​หน้า​ขึ้น​ดู​แล้ว​พูด​ว่า “ข้าพเจ้า​เห็น​คน เป็น​เหมือน​ต้นไม้​เดิน​อยู่” แล้ว​พระ​เยซู​แตะ​มือ​ทั้ง​สอง​ของ​พระ​องค์​ที่​ตา​ของ​เขา เขา​เพ่ง​ดู แล้ว​ตา​ก็​หาย​เป็น​ปกติ และ​ก็​เริ่ม​เห็น​ทุก​สิ่ง​อย่าง​ชัดเจน พระ​องค์​ให้​เขา​กลับ​บ้าน​ไป และ​กล่าว​ว่า “อย่า​เข้า​ไป​ใน​หมู่บ้าน​เลย” พระ​เยซู​กับ​สาวก​ของ​พระ​องค์​เดิน​ออก​ไป​ยัง​หมู่บ้าน​แขวง​ซีซารียา​ฟีลิปปี และ​ระหว่าง​ทาง​ที่​ไป​พระ​องค์​ถาม​สาวก​ว่า “ผู้​คน​พูดกัน​ว่า​เรา​เป็น​ใคร” พวก​เขา​ตอบ​ว่า “เป็น​ยอห์น​ผู้​ให้​บัพติศมา บ้าง​พูด​ว่า​เป็น​เอลียาห์ แต่​บาง​คน​ก็​ว่า​เป็น​ผู้หนึ่ง​ใน​บรรดา​ผู้เผย​คำกล่าว​ของ​พระ​เจ้า” พระ​องค์​ถาม​เขา​ต่อ​ไป​ว่า “แต่​พวก​เจ้า​พูด​ว่า​เรา​เป็น​ใคร” เปโตร​ตอบ​ว่า “พระ​องค์​เป็น​พระ​คริสต์” แล้ว​พระ​องค์​กำชับ​พวก​เขา​ไม่​ให้​บอก​ใครๆ ใน​เรื่อง​ที่​เกี่ยว​กับ​พระ​องค์