มาระโก 6:33-56

มาระโก 6:33-56 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

คนเป็นอันมากเห็นพระองค์กับสาวกกำลังไป และจำได้ จึงพากันวิ่งออกจากบ้านเมืองทั้งปวงไปถึงก่อน ครั้นพระเยซูเสด็จขึ้นจากเรือแล้ว ก็ทรงเห็นประชาชนหมู่ใหญ่ และพระองค์ทรงสงสารเขา เพราะว่าเขาเป็นเหมือนฝูงแกะไม่มีผู้เลี้ยง พระองค์จึงทรงสั่งสอนเขาเป็นหลายข้อหลายประการ เมื่อเวลาล่วงไปเกือบจะค่ำแล้ว พวกสาวกมาทูลพระองค์ว่า <<ที่นี่กันดารอาหารนัก และบัดนี้เวลาก็เย็นลงมากแล้ว ขอพระองค์ทรงให้ประชาชนไปเสียเถิด เพื่อเขาจะได้ไปซื้ออาหารรับประทานตามบ้านไร่ บ้านนาที่อยู่แถบนี้>> แต่พระองค์ตรัสตอบแก่เหล่าสาวกว่า <<พวกท่านจงเลี้ยงเขาเถิด>> เขาทูลพระองค์ว่า <<จะให้พวกข้าพระองค์ไปซื้ออาหารสักสองร้อยเหรียญเดนาริอัน ให้เขารับประทานหรือ>> พระองค์ตรัสตอบเขาว่า <<พวกท่านมีขนมปังอยู่กี่ก้อน ไปดูซิ>> เมื่อรู้แล้วเขาจึงทูลว่า <<มีขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัว>> พระองค์จึงตรัสสั่งคนทั้งปวง ให้นั่งรวมกันที่หญ้าสดเป็นหมู่ๆ ประชาชนก็ได้นั่งรวมกันเป็นหมู่ๆ หมู่ละร้อยคนบ้าง ห้าสิบบ้าง เมื่อพระองค์ทรงรับขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัวนั้นแล้ว ก็แหงนพระพักตร์ดูฟ้าสวรรค์ ถวายคำสาธุการแล้วหักขนมปังนั้นให้เหล่าสาวก ให้เขาแจกแก่คนทั้งปวง และปลาสองตัวนั้น พระองค์ทรงแบ่งให้ทั่วกันด้วย เขาได้กินอิ่มทุกคน ส่วนเศษขนมปังและปลาที่เหลือนั้น เขาเก็บไว้ได้ถึงสิบสองกระบุงเต็ม และในจำนวนคนที่ได้รับประทานขนมปังนั้นมีผู้ชายห้าพันคน ครั้นแล้วพระองค์ได้ตรัสให้เหล่าสาวกของพระองค์ ลงเรือข้ามไปยังเมืองเบธไซดาก่อน ส่วนพระองค์ทรงรอส่งประชาชนกลับบ้าน เมื่อพระองค์ทรงลาเขาทั้งหลายแล้ว ก็เสด็จขึ้นภูเขาเพื่ออธิษฐานที่นั่น เมื่อค่ำลงแล้ว เรือของเหล่าสาวกอยู่กลางทะเล ส่วนพระองค์อยู่บนฝั่งแต่ผู้เดียว แล้วพระองค์ทอดพระเนตรเห็นเหล่าสาวกตีกรรเชียงลำบากเพราะทวนลมอยู่ ครั้นเวลาสามยามเศษ พระองค์จึงทรงดำเนินบนน้ำทะเลไปยังเหล่าสาวก และพระองค์ทรงดำเนินดังจะเลยเขาไป เมื่อเหล่าสาวกเห็นพระองค์ทรงดำเนินบนทะเล เขาสำคัญว่าผี แล้วพากันร้องอึงไป เพราะว่าทุกคนเห็นแล้วก็กลัว แต่ในทันใดนั้นพระองค์ทรงออกพระโอษฐ์ตรัสแก่เขาว่า <<ทำใจให้ดีไว้เถิด เราเอง อย่ากลัวเลย>> พระองค์จึงเสด็จขึ้นไปหาเขาบนเรือแล้วลมก็เงียบลง เหล่าสาวกก็ประหลาดอัศจรรย์ใจเหลือประมาณ เพราะว่าเรื่องขนมปังนั้นเขายังไม่เข้าใจ แต่ใจเขายังมืดมัวอยู่ ครั้นข้ามฟากไปแล้ว เขาจอดเรือที่แขวงเยนเนซาเรท เมื่อขึ้นจากเรือแล้วคนทั้งปวงก็จำพระองค์ได้ทันที และเขารีบไปทั่วตลอดแว่นแคว้นล้อมรอบ เอาคนเจ็บป่วยใส่แคร่หามมายังตำบลที่เขาได้ยินข่าวว่าพระองค์อยู่นั้น แล้วพระองค์เสด็จไปที่ไหนๆ ไม่ว่าในหมู่บ้าน ในตำบล หรือในเมือง เขาก็เอาคนเจ็บป่วยมาวางตามตลาด ทูลขอพระองค์โปรดให้คนเจ็บป่วยแตะต้องแต่ชายฉลองพระองค์ และผู้ใดได้แตะต้องแล้วก็หายป่วยทุกคน

มาระโก 6:33-56 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

แต่​ก็​มี​คน​จำนวน​มาก​เห็น​พวก​เขา​จาก​ไป​และ​จำ​เขา​ได้ จึง​มี​คน​มากมาย​จาก​หมู่บ้าน​ต่างๆ​รีบ​เดิน​ตาม​ไป​ที่​นั่น และ​ไป​ถึง​ก่อน​พวก​เขา เมื่อ​พระองค์​มา​ถึง​ฝั่ง​ก็​เห็น​ฝูงชน​เป็น​จำนวน​มาก​รอ​อยู่​ก่อน​แล้ว พระองค์​รู้สึก​สงสาร เพราะ​พวก​เขา​เหมือน​ฝูงแกะ​ที่​ไม่​มี​ผู้เลี้ยง พระองค์​จึง​เริ่ม​สั่งสอน​พวก​เขา​หลาย​เรื่อง เมื่อ​มัน​เริ่ม​เย็น​มาก พวก​ศิษย์​มา​บอก​พระองค์​ว่า “ที่​นี่​เปลี่ยว​มาก และ​นี่​ก็​เย็น​มาก​แล้ว ส่ง​พวกนี้​กลับ​ไป​เถอะ พวก​เขา​จะ​ได้​เข้า​ไป​ตาม​ชนบท ตาม​หมู่บ้าน​แถวๆ​นี้ และ​ไป​หา​ซื้อ​อะไร​กิน​กัน” แต่​พระองค์​กลับ​ตอบ​ว่า “พวก​คุณ​หา​อะไร​ให้​พวก​เขา​กิน​สิ” พวก​เขา​ก็​ตอบ​ว่า “พวก​เรา​ต้อง​ใช้​ถึง​สองร้อย​เหรียญ​เงิน​ที​เดียว​นะ​ครับ ถึง​จะ​พอ​ซื้อ​อาหาร​มา​เลี้ยง​คน​พวกนี้” พระเยซู​พูด​กับ​พวก​เขา​ว่า “ไป​ดู​สิ​ว่า​คุณ​มี​ขนมปัง​อยู่​กี่​ก้อน” เมื่อ​พวก​เขา​รู้​ก็​กลับ​มา​บอก​ว่า “มี​ขนมปัง​ห้า​ก้อน​กับ​ปลา​สอง​ตัว​ครับ” พระองค์​จึง​สั่ง​ให้​พวก​เขา​ไป​จัดการ​ให้​ชาวบ้าน​นั่ง​กัน​เป็น​กลุ่มๆ​บน​พื้นที่​มี​หญ้า​ขึ้น​เขียว​ชอุ่ม​แถว​นั้น พวก​ชาว​บ้าน​นั่ง​กัน​เป็น​กลุ่มๆ กลุ่ม​ละ​หนึ่งร้อย​บ้าง ห้าสิบ​บ้าง แล้ว​พระองค์​หยิบ​ขนมปัง​ห้า​ก้อน​และ​ปลา​สอง​ตัว​ขึ้น​มา มอง​ขึ้น​ไป​บน​สวรรค์​ขอบคุณ​พระเจ้า แล้ว​หัก​ขนมปัง​ส่ง​ให้​กับ​พวก​ศิษย์​ไป​แจก​ชาว​บ้าน และ​พระองค์​แบ่ง​ปลา​สอง​ตัว​นั้น​แจก​พวก​เขา​ทุก​คน​ด้วย ทุก​คน​กิน​กัน​จน​อิ่ม แล้ว​พวก​ศิษย์​เก็บ​เศษ​ขนมปัง​และ​ปลา​ที่​เหลือ​ได้​สิบสอง​เข่ง​เต็มๆ นับ​เฉพาะ​ผู้ชาย​ที่​มา​กิน​ได้​ถึง​ห้า​พัน​คน ทันที​หลัง​จาก​ที่​กิน​เสร็จ พระองค์​ให้​พวก​ศิษย์​ลง​เรือ​ข้าม​ฟาก​ไป​ก่อน​ล่วงหน้า ไป​ยัง​เมือง​เบธไซดา ส่วน​พระองค์​ยัง​รอ​ส่ง​ชาว​บ้าน​อยู่ หลัง​จาก​ชาว​บ้าน​กลับ​หมด​แล้ว​พระองค์​ขึ้น​ไป​อธิษฐาน​ที่​บน​ภูเขา ใน​คืน​นั้น​เรือ​ของ​พวก​ศิษย์​ยัง​ลอย​อยู่​กลาง​ทะเลสาบ ส่วน​พระองค์​อยู่​บน​ฝั่ง​เพียง​คน​เดียว พระองค์​เห็น​พวก​ศิษย์​กำลัง​พาย​เรือ​อยู่​ด้วย​ความยาก​ลำบาก​เพราะ​มี​ลม​แรง​มาก​ต้าน​เรือ​ไว้ ระหว่าง​ตี​สาม​ถึง​หก​โมง​เช้า​นั้น​พระองค์​เดิน​บน​น้ำ​มา​หา​พวก​เขา และ​ทำ​ท่า​เหมือน​จะ​เดิน​ผ่าน​ไป เมื่อ​พวก​ศิษย์​เห็น​พระองค์​เดิน​อยู่​บน​น้ำ ก็​คิด​ว่า​เป็น​ผี เลย​ร้อง​ตะโกน​กัน​ลั่น เพราะ​ตกใจ​กลัว​มาก แต่​ใน​ทันใดนั้น พระองค์​ก็​พูด​กับ​พวก​เขา​ว่า “ไม่​ต้อง​ตกใจ เรา​เอง ไม่​ต้อง​กลัว” จาก​นั้น​พระองค์​ก็​ขึ้น​ไป​อยู่​บน​เรือ​กับ​พวก​เขา แล้ว​ลม​ก็​สงบลง พวก​เขา​ประหลาดใจ​มาก เพราะ​พวก​เขา​ยัง​มี​ใจ​ที่​แข็งกระด้าง​อยู่ จึง​ยัง​ไม่​เข้าใจ​ถึง​การอัศจรรย์​ที่​พระองค์​เพิ่ง​ทำ​ไป​กับ​ขนมปัง​ห้า​ก้อน​นั้น เมื่อ​ข้าม​ฟาก​มา​ก็​มา​ถึง​ฝั่ง​เมือง​เยนเนซาเรท พวก​ศิษย์​ก็​ผูก​เรือ​ไว้ พอ​ลง​จาก​เรือ ชาว​บ้าน​ก็​จำ​พระองค์​ได้ พวก​เขา​วิ่ง​ไป​บอก​คน​อื่นๆ​ทั่ว​บริเวณ​นั้น และ​หาม​คน​ป่วย​ใส่​แคร่​มา​หา​พระองค์ ไม่​ว่า​พระองค์​จะ​อยู่​ที่​ไหน​ก็​ตาม ไม่ว่า​พระองค์​จะ​เข้า​ไป​ใน​หมู่บ้าน หรือ​ใน​เมือง หรือ​ใน​ชนบท ชาว​บ้าน​ก็​จะ​นำ​คน​ป่วย​มา​วาง​ไว้​ที่​ตลาด และ​พวก​คน​ป่วย​ต่าง​อ้อนวอน​ขอ​แค่​แตะ​พู่​ที่​ชาย​เสื้อคลุม​ของ​พระองค์ และ​ทุก​คน​ที่​ได้​แตะ​ก็​หาย​กัน​หมด

มาระโก 6:33-56 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

ขณะที่ไปนั้นมีคนจำนวนมากเห็นและจำได้ จึงพากันออกจากเมืองต่างๆ วิ่งไปถึงที่หมายล่วงหน้าก่อนพวกของพระองค์ เมื่อพระเยซูเสด็จขึ้นจากเรือแล้วก็ทอดพระเนตรเห็นมหาชน และพระองค์ทรงสงสารพวกเขา เพราะว่าพวกเขาเป็นเหมือนฝูงแกะไม่มีผู้เลี้ยง พระองค์จึงทรงเริ่มสั่งสอนพวกเขาหลายประการ เมื่อเวลาผ่านไปเกือบจะค่ำแล้ว พวกสาวกมาทูลพระองค์ว่า “ที่นี่เป็นถิ่นทุรกันดาร และตอนนี้เวลาก็เย็นมากแล้ว ขอพระองค์ทรงให้ประชาชนไปเถิด พวกเขาจะได้ไปหาซื้ออาหารรับประทานตามชนบทและหมู่บ้านที่อยู่แถบนี้” แต่พระองค์ตรัสตอบพวกสาวกว่า “พวกท่านจงเลี้ยงพวกเขาเถิด” พวกเขาทูลพระองค์ว่า “จะให้พวกข้าพระองค์ใช้เงินสองร้อยเดนาริอันไปซื้ออาหารให้พวกเขารับประทานหรือ?” พระองค์ตรัสตอบพวกเขาว่า “พวกท่านมีขนมปังอยู่กี่ก้อน? ไปดูซิ” เมื่อทราบแล้วพวกเขาจึงทูลว่า “มีขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัว” พระองค์จึงตรัสสั่งพวกเขาให้จัดคนทั้งหลายนั่งรวมกันที่หญ้าสดเป็นหมู่ๆ ประชาชนก็นั่งรวมกันเป็นหมู่ๆ หมู่ละร้อยคนบ้าง ห้าสิบคนบ้าง เมื่อพระองค์ทรงรับขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัวนั้นแล้ว ก็แหงนพระพักตร์ดูฟ้าสวรรค์ เมื่อขอพระพรแล้วก็ทรงหักขนมปังเหล่านั้นให้พวกสาวกเอาไปแจกให้กับคนทั้งหลาย ส่วนปลาสองตัวนั้นพระองค์ก็ทรงแบ่งให้โดยทั่วกัน ทุกคนจึงได้กินจนอิ่ม ส่วนเศษขนมปังและปลาที่เหลือนั้น พวกเขาเก็บไว้ได้ถึงสิบสองตะกร้าเต็ม จำนวนคนที่รับประทานขนมปังเหล่านั้นมีผู้ชายห้าพันคน แล้วพระองค์ตรัสสั่งให้พวกสาวกลงเรือทันทีและข้ามไปยังเมืองเบธไซดาก่อน ระหว่างที่พระองค์ทรงรอส่งฝูงชนกลับบ้าน หลังจากพระองค์ทรงลาพวกเขาแล้ว ก็เสด็จขึ้นภูเขาเพื่อทรงอธิษฐานที่นั่น เมื่อค่ำลง เรือของพวกสาวกอยู่กลางทะเล ส่วนพระองค์ประทับบนฝั่งแต่ผู้เดียว แล้วพระองค์ทอดพระเนตรเห็นพวกสาวกกำลังตีกรรเชียงด้วยความลำบากเพราะทวนลมอยู่ พอถึงเวลายามที่สี่พระองค์ทรงดำเนินบนน้ำทะเลไปหาพวกเขา และพระองค์ทรงดำเนินเหมือนจะผ่านพวกเขาไป เมื่อพวกสาวกเห็นพระองค์ทรงดำเนินบนทะเล พวกเขาคิดว่าเป็นผี แล้วพากันร้องเสียงดัง เพราะว่าทุกคนเห็นแล้วก็กลัว แต่ในทันใดนั้น พระองค์แย้มพระโอษฐ์ตรัสกับพวกเขาว่า “ทำใจดีๆ เถิด นี่เราเอง อย่ากลัวเลย” พระองค์จึงเสด็จขึ้นไปหาพวกเขาบนเรือแล้วลมก็สงบลง พวกสาวกก็ประหลาดใจเหลือที่จะกล่าว เพราะว่าพวกเขาเองยังไม่เข้าใจเรื่องขนมปังนั้น เนื่องจากใจของพวกเขายังแข็งกระด้างอยู่ หลังจากข้ามฟากไป ก็จอดเรือที่แขวงเยนเนซาเรท เมื่อขึ้นจากเรือแล้วคนทั้งหลายก็จำพระองค์ได้ทันที พวกเขารีบไปทั่วแว่นแคว้นและเอาคนเจ็บป่วยใส่แคร่หามมายังที่ซึ่งพวกเขาได้ยินว่าพระองค์ประทับอยู่ ไม่ว่าพระองค์จะเสด็จไปที่ไหน ในหมู่บ้าน ในเมือง หรือในชนบท ผู้คนก็เอาคนเจ็บป่วยมาวางกลางตลาด และทูลขออนุญาตจากพระองค์ที่จะได้แตะต้องแม้เพียงชายฉลองพระองค์ และทุกคนที่แตะต้องก็หายป่วย

มาระโก 6:33-56 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)

คนเป็​นอ​ันมากเห็นพระองค์กับสาวกกำลังไป และมีหลายคนจำพระองค์​ได้ จึงพากั​นว​ิ่งออกจากบ้านเมืองทั้งปวงไปถึ​งก​่อน และพากันเฝ้าพระองค์ ครั้นพระเยซูเสด็จขึ้นจากเรือแล้ว ก็​ทอดพระเนตรเห็นประชาชนหมู่​ใหญ่ และพระองค์ทรงสงสารเขา เพราะว่าเขาเป็นเหมือนฝูงแกะไม่​มี​ผู้​เลี้ยง พระองค์​จึงเริ่มสั่งสอนเขาเป็นหลายข้อหลายประการ เมื่อเวลาล่วงไปมากแล้ว พวกสาวกของพระองค์มาทูลพระองค์​ว่า “​ที่นี่​กันดารอาหารนัก และบัดนี้เวลาก็เย็นลงมากแล้ว ขอให้​ประชาชนไปเสียเถิด เพื่อเขาจะได้ไปซื้ออาหารรับประทานตามบ้านไร่บ้านนาที่​อยู่​แถบนี้ เพราะเขาไม่​มี​อะไรที่จะรับประทานเลย” แต่​พระองค์​ตรัสตอบแก่​เหล่​าสาวกว่า “พวกท่านจงเลี้ยงเขาเถิด” เขาทูลพระองค์​ว่า “จะให้พวกข้าพระองค์ไปซื้ออาหารสักสองร้อยเหรียญเดนาริอันให้เขารับประทานหรือ” พระองค์​ตรัสตอบเขาว่า “พวกท่านมีขนมปังอยู่​กี่​ก้อน ไปดู​ซิ​” เมื่อรู้​แล​้วเขาจึงทูลว่า “​มี​ขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัว” พระองค์​จึงตรั​สส​ั่งพวกสาวกให้จัดคนทั้งปวงให้นั่งรวมกั​นที​่หญ้าสดเป็นหมู่​ๆ ประชาชนก็​ได้​นั่งรวมกันเป็นหมู่​ๆ หมู่​ละร้อยคนบ้าง ห้าสิบบ้าง เมื่อพระองค์ทรงรับขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตั​วน​ั้นแล้ว ก็​แหงนพระพักตร์​ดู​ฟ้าสวรรค์​ขอบพระคุณ แล​้วหักขนมปังนั้นให้​เหล่​าสาวกให้เขาแจกแก่คนทั้งปวง และปลาสองตั​วน​ั้นพระองค์ทรงแบ่งให้ทั่​วก​ันด้วย เขาได้กิ​นอ​ิ่​มท​ุกคน ส่วนเศษขนมปังและปลาที่เหลือนั้นเขาเก็บไว้​ได้​ถึงสิบสองกระบุงเต็ม และในจำนวนคนที่​ได้​รับประทานขนมปังนั้น มี​ผู้​ชายประมาณห้าพันคน และทันใดนั้นพระองค์​ได้​ตรัสให้​เหล่​าสาวกของพระองค์ลงในเรือข้ามไปยั​งอ​ีกฟากหนึ่งถึงเมืองเบธไซดาก่อน ส่วนพระองค์ทรงรอส่งประชาชนกลับบ้าน เมื่อพระองค์ทรงลาเขาทั้งหลายแล้​วก​็เสด็จขึ้นภูเขาเพื่ออธิษฐานที่​นั่น เมื่อค่ำลงแล้ว เรือของเหล่าสาวกอยู่กลางทะเล ส่วนพระองค์​อยู่​บนฝั่งแต่​ผู้เดียว แล​้วพระองค์ทอดพระเนตรเห็นเหล่าสาวกตีกรรเชียงลำบากเพราะทวนลมอยู่ ครั้นเวลาสามยามเศษ พระองค์​จึงทรงดำเนินบนน้ำทะเลไปยังเหล่าสาวก และทรงดำเนินดังจะเลยเขาไป เมื่อเหล่าสาวกเห็นพระองค์ทรงดำเนินบนทะเล เขาสำคัญว่าผี แล​้วพากั​นร​้องอึงไป เพราะว่าทุกคนเห็นพระองค์​แล้วก็​กลัว แต่​ในทันใดนั้นพระองค์ตรัสแก่เขาว่า “จงชื่นใจเถิด คือเราเอง อย่ากลัวเลย” พระองค์​จึงเสด็จขึ้นไปหาเขาบนเรือ แล​้วลมก็เงียบลง เหล่​าสาวกก็ประหลาดอัศจรรย์ใจเหลือประมาณ ด้วยว่าการอัศจรรย์เรื่องขนมปังนั้นเขายังไม่​เข้าใจ เพราะใจเขายังแข็งกระด้าง ครั้นข้ามฟากไปแล้ว เขาจอดเรือที่​แคว​้นเยนเนซาเรท เมื่อขึ้นจากเรือแล้ว คนทั้งปวงก็จำพระองค์​ได้​ทันที และเขารีบไปทั่วตลอดแว่นแคว้นล้อมรอบ เริ่มเอาคนเจ็บป่วยใส่​แคร่​หามมายังที่เขาได้ยินข่าวว่าพระองค์​อยู่​นั้น แล​้วพระองค์เสด็จไปที่ไหนๆ ไม่​ว่าในหมู่​บ้าน ในตำบล หรือในเมือง เขาก็เอาคนเจ็บป่วยมาวางตามถนน ทูลอ้อนวอนขอพระองค์โปรดให้คนเจ็บป่วยแตะต้องแต่ชายฉลองพระองค์ และผู้ใดได้แตะต้องพระองค์​แล้วก็​หายป่วยทุกคน

มาระโก 6:33-56 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

แต่หลายคนเห็นพวกเขาก็จำได้และพากันวิ่งจากเมืองต่างๆ ไปถึงที่นั่นก่อน เมื่อพระเยซูทรงขึ้นจากเรือและเห็นคนหมู่ใหญ่ก็ทรงสงสารเพราะพวกเขาเป็นเหมือนแกะที่ไม่มีคนเลี้ยง ดังนั้นพระองค์จึงทรงเริ่มสั่งสอนเขาหลายเรื่อง พอตกเย็นเหล่าสาวกจึงมาทูลว่า “ที่นี่ห่างไกลนักและตกเย็นแล้ว ขอทรงให้ประชาชนเหล่านี้ไปเสียเถิดเพื่อเขาจะได้ซื้อหาอาหารกินกันเองตามหมู่บ้านรอบๆ” แต่พระองค์ตรัสตอบว่า “พวกท่านจงเลี้ยงพวกเขาเถิด” เหล่าสาวกทูลว่า “นี่ต้องใช้เงินเท่ากับค่าจ้างคนงานคนหนึ่งถึงแปดเดือนทีเดียว! เราต้องใช้เงินมากขนาดนั้นไปซื้อหาอาหารมาให้เขากินหรือ?” พระองค์ตรัสถามว่า “พวกท่านมีขนมปังกี่ก้อน? ไปดูซิ” เมื่อรู้แล้วพวกเขาจึงกลับมาทูลว่า “มีขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัว” แล้วพระเยซูตรัสสั่งสาวกให้ไปบอกประชาชนให้นั่งกันเป็นกลุ่มบนพื้นหญ้าเขียวขจี พวกเขาก็นั่งเป็นกลุ่มๆ กลุ่มละร้อยคนบ้าง ห้าสิบคนบ้าง พระเยซูทรงรับขนมปังห้าก้อนและปลาสองตัวนั้นมา ทรงเงยพระพักตร์ขึ้นมองฟ้าสวรรค์แล้วขอบพระคุณพระเจ้าและหักขนมปังส่งให้เหล่าสาวก พวกเขาก็แจกจ่ายให้ประชาชน พระองค์ยังทรงแบ่งปลาสองตัวให้คนทั้งปวงโดยทั่วกันด้วย พวกเขาทุกคนได้กินอิ่มหนำ เหล่าสาวกเก็บเศษขนมปังและปลาที่เหลือได้สิบสองตะกร้าเต็ม จำนวนผู้ชายที่รับประทานอาหารนั้นมีห้าพันคน แล้วพระเยซูทรงให้เหล่าสาวกลงเรือข้ามฟากล่วงหน้าไปยังเมืองเบธไซดาทันทีขณะที่พระองค์ทรงรอส่งฝูงชน หลังจากแยกจากพวกเขาแล้วพระองค์เสด็จขึ้นภูเขาเพื่ออธิษฐาน เมื่อค่ำลง เรือของเหล่าสาวกอยู่กลางทะเลสาบและพระองค์ประทับอยู่ที่ริมฝั่งแต่ผู้เดียว ทรงเห็นเหล่าสาวกตีกรรเชียงทวนลมที่ปะทะอยู่ ในช่วงใกล้รุ่งพระเยซูก็ทรงดำเนินบนน้ำไปหาพวกเขา พระองค์กำลังจะเสด็จเลยพวกเขาไป แต่เมื่อเหล่าสาวกเห็นพระองค์ดำเนินมาบนทะเลสาบก็คิดว่าเป็นผีจึงร้องลั่น เพราะทุกคนเห็นพระองค์และตกใจกลัว ทันใดนั้นพระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า “เข้มแข็งไว้! นี่เราเอง อย่ากลัวเลย” แล้วเสด็จขึ้นเรือของพวกเขา ลมก็สงบ พวกเขาประหลาดใจยิ่งนัก เพราะพวกเขายังไม่เข้าใจเรื่องขนมปัง จิตใจของพวกเขาแข็งกระด้าง เมื่อข้ามฟากมาแล้วพวกเขาก็จอดเรือขึ้นฝั่งที่เมืองเยนเนซาเรท ทันทีที่พวกเขาขึ้นจากเรือประชาชนก็จำพระเยซูได้ คนเหล่านั้นจึงวิ่งไปทั่วแคว้นนำบรรดาคนเจ็บป่วยวางบนที่นอนและหามไปยังทุกที่ที่ได้ยินว่าพระองค์เสด็จไป ไม่ว่าพระองค์เสด็จไปที่ไหน ทั้งในหมู่บ้าน ในเมือง หรือในชนบท พวกเขาจะหามคนป่วยมาที่ย่านชุมชน แล้วทูลขอให้คนป่วยนั้นได้แตะต้องแม้แต่เพียงชายฉลองพระองค์ก็พอและทุกคนที่ได้แตะต้องพระองค์ก็หายป่วย

มาระโก 6:33-56 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)

คน​จำนวน​มาก​ได้​เห็น​พระ​เยซู​และ​อัครทูต​ออกเรือ​กัน​ไป​ก็​จำได้ จึง​พา​กัน​วิ่ง​ออก​จาก​เมือง​ต่างๆ และ​ไป​ถึง​ที่​หมาย​ก่อน เมื่อ​พระ​องค์​ขึ้น​ฝั่ง​ก็​เห็น​มหา​ชน และ​เกิด​ความ​สงสาร​เพราะ​ว่า​พวก​เขา​เป็น​เสมือน​ฝูง​แกะ​ที่​ปราศจาก​ผู้​เลี้ยงดู ครั้น​แล้ว​พระ​องค์​ก็​เริ่ม​สั่งสอน​พวก​เขา​หลาย​สิ่ง​หลาย​อย่าง ขณะ​นั้น​เป็น​เวลา​บ่าย เหล่า​สาวก​จึง​มา​บอก​พระ​องค์​ว่า “ที่นี่​เป็น​ที่​กันดาร​และ​ก็​เป็น​เวลา​บ่าย​มาก​แล้ว ปล่อย​ให้​พวก​เขา​ไป​เถิด จะ​ได้​เข้า​ไป​กัน​ตาม​ชนบท​และ​หมู่บ้าน​ใกล้เคียง​หา​ซื้อ​อาหาร​รับประทาน” แต่​พระ​องค์​กล่าว​ตอบ​พวก​เขา​ว่า “พวก​เจ้า​เอา​อาหาร​มา​ให้​เขา​เถิด” พวก​เขา​พูด​กับ​พระ​องค์​ว่า “ให้​พวก​เรา​ใช้ 200 เหรียญ​เดนาริอัน​ไป​ซื้อ​อาหาร​ให้​เขา​รับประทาน​กัน​หรือ” พระ​องค์​กล่าว​ว่า “ดูสิ​ว่า​เจ้า​มี​ขนมปัง​อยู่​กี่​ก้อน” เมื่อ​พวก​เขา​ทราบ​แล้ว​ก็​พูด​ว่า “5 ก้อน​กับ​ปลา 2 ตัว” พระ​องค์​สั่ง​ทุก​คน​ให้​นั่ง​รวม​กัน​เป็น​กลุ่ม​บน​พื้น​หญ้า​อัน​เขียว​ชอุ่ม พวก​เขา​จึง​นั่ง​รวม​กัน​เป็น​กลุ่มๆ ละ 100 คน​บ้าง 50 บ้าง พระ​องค์​หยิบ​ขนมปัง 5 ก้อน​กับ​ปลา 2 ตัว แล้ว​แหงนหน้า​ขึ้น​สู่​สวรรค์ กล่าว​ขอบคุณ​พระ​เจ้า​และ​บิ​ขนมปัง​ยื่น​ให้​แก่​เหล่า​สาวก​เพื่อ​แจก​แก่​ผู้​คน และ​พระ​องค์​แบ่ง​ปลา 2 ตัว​ให้ได้​ทั่ว​กัน​ทุก​คน พวก​เขา​ทุก​คน​ได้​รับประทาน​กัน​จน​อิ่มหนำ มี​คน​เก็บ​ขนมปัง​และ​ปลา​ที่​เหลือ​ได้ 12 ตะกร้า​เต็มๆ จำนวน​ผู้​ชาย​ที่​รับประทาน​ขนมปัง​มี 5,000 คน ใน​ทันใด​นั้น พระ​องค์​ก็​สั่ง​เหล่า​สาวก​ให้​ลงเรือ​ออกไป​ก่อน ข้าม​ฟาก​ไป​ยัง​เมือง​เบธไซดา ขณะ​ที่​พระ​องค์​บอก​ฝูง​ชน​ให้​กลับ​ไป หลัง​จาก​ที่​ได้​ร่ำลา​กับ​พวก​เขา​แล้ว พระ​องค์​จึง​ขึ้น​ไป​บน​ภูเขา​เพื่อ​อธิษฐาน ครั้น​เย็น​ลง เรือ​ยัง​ล่อง​อยู่​ใน​ทะเลสาบ และ​พระ​องค์​อยู่​บน​ฝั่ง​แต่​ผู้เดียว พระ​องค์​เห็น​พวก​เขา​ตี​กรรเชียง​กัน​อย่าง​ขะมัก​เขม้น​เพราะ​ทวนลม​อยู่ ระหว่าง​ตี​สาม​ถึง​หก​โมง​เช้า พระ​องค์​เดิน​บน​ผิวน้ำ​ใน​ทะเลสาบ​ไป​หา​พวก​เขา และ​พระ​องค์​ตั้งใจ​ที่​จะ​เดิน​ผ่าน​พวก​เขา​ไป แต่​เมื่อ​พวก​เขา​เห็น​พระ​องค์​เดิน​บน​ผิวน้ำ​ก็​สำคัญ​ว่า​เป็น​ผี จึง​ส่งเสียง​ร้อง เพราะ​ทุก​คน​เห็น​พระ​องค์​และ​ตกใจ แต่​พระ​องค์​กล่าว​กับ​พวก​เขา​ทันที​ว่า “ทำใจ​ให้​ดี​ไว้ นี่​เราเอง อย่า​กลัว​เลย” แล้ว​พระ​องค์​ก็​ลงเรือ​ไป​กับ​พวก​เขา ลม​หยุด​พัด​และ​พวก​เขา​ก็​อัศจรรย์ใจ​ยิ่งนัก เพราะ​ว่า​เขา​เหล่า​นั้น​ยัง​ไม่​เข้าใจ​เรื่อง​ขนมปัง และ​ใจ​ของ​พวก​เขา​ยัง​คง​แข็ง​กระด้าง ครั้น​ข้าม​ฟาก​ไป​แล้ว​ก็​ขึ้น​ฝั่ง​ที่​แขวง​เยนเนซาเรท​แล้ว​ผูก​เรือ​ไว้ เมื่อ​ขึ้น​จาก​เรือ​แล้ว​ผู้​คน​ก็​จำ​พระ​องค์​ได้ พวก​เขา​วิ่ง​กัน​ไป​ทั่ว​แว่นแคว้น และ​เมื่อ​ทราบ​ว่า​พระ​องค์​อยู่​ที่​ไหน ก็​พา​กัน​หาม​พวก​คนป่วย​บน​เปลหาม​ไป​หา​พระ​องค์ พระ​องค์​เดิน​ไป​ตาม​หมู่บ้าน ใน​เมือง หรือ​ตาม​ชานเมือง​ที่​ใด​ก็​ตาม พวก​เขา​จะ​วาง​คนป่วย​ไว้​ที่​ย่าน​ตลาด และ​ขอ​ให้​พวก​เขา​เพียงแต่​แตะ​ชาย​เสื้อ​ตัว​นอก​ของ​พระ​องค์ ทุก​คน​ที่​กระทำ​อย่าง​นั้น​แล้ว​ก็​หายขาด​จาก​โรค