ลูกา 7:21-50

ลูกา 7:21-50 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

ใน​เวลา​นั้น​พระเยซู​ได้​รักษา​คน​ที่​เจ็บป่วย​ด้วย​โรค​ต่างๆ​ให้​หาย ขับไล่​ผีชั่ว และ​ช่วย​ให้​คน​ตาบอด​หลาย​คน​มองเห็น พระเยซู​บอก​กับ​สอง​คน​นั้น​ว่า “ไป​บอก​ยอห์น​ถึง​สิ่ง​ที่​คุณ​ได้​เห็น​และ​ได้ยิน ว่า​คน​ตาบอด​มอง​เห็น คน​ง่อย​เดิน​ได้ คน​เป็น​โรค​ผิวหนัง​ร้ายแรง​ก็​หาย คน​หูหนวก​ก็​ได้ยิน คน​ตาย​กลับ​ฟื้นคืนชีพ และ​คน​จน​ก็​ได้ยิน​เรื่อง​ข่าว​ดี คน​ที่​ไม่​ทิ้ง​เรา เพราะ​สิ่ง​ที่​เรา​ทำ ก็​เป็น​คน​ที่​มี​เกียรติ​จริงๆ” พอ​ศิษย์​ทั้ง​สอง​ของ​ยอห์น​กลับ​ไป​แล้ว พระเยซู​ก็​พูด​ถึง​ยอห์น​ให้​ชาวบ้าน​ฟัง​ว่า “พวก​คุณ​ออก​ไป​ดู​อะไร​ใน​ที่​เปล่า​เปลี่ยว​แห้งแล้ง ไป​ดู​ต้นอ้อ ลู่​ตาม​ลม​หรือ ไม่​ใช่​แน่ แล้ว​คุณ​ออก​ไป​ดู​อะไร​ล่ะ ไป​ดู​คน​ใส่​เสื้อผ้า​สวย​หรู​ราคา​แพง​หรือ ไม่​ใช่​หรอก เพราะ​คน​ที่​ใส่​เสื้อผ้า​สวย​หรู​ราคา​แพง​นั้น​อยู่​ใน​วัง ถ้า​อย่าง​นั้น​แล้ว​คุณ​ออก​ไป​ดู​อะไร​ล่ะ ออก​ไป​ดู​ผู้พูดแทนพระเจ้า​หรือ ใช่​แล้ว เรา​ขอ​บอก​ให้​รู้​ว่า​เขา​เป็น​ยิ่ง​กว่า​ผู้พูดแทนพระเจ้า​เสีย​อีก เพราะ​เขา​เป็น​คน​ที่​พระคัมภีร์​เขียน​ถึง​ว่า ‘ดูสิ เรา​จะ​ส่ง​ผู้​ส่งข่าว​ของ​เรา​นำ​หน้า​ท่าน​ไป​ก่อน เขา​จะ​ไป​เตรียม​หนทาง​ให้​กับ​ท่าน’ เรา​จะ​บอก​ให้​รู้​ว่า ยอห์น​นั้น​ยิ่งใหญ่​กว่า​ทุกๆ​คน​ที่​เกิด​มา​จาก​ผู้หญิง แต่​คน​ที่​สำคัญ​น้อย​ที่สุด​ใน​อาณาจักร​ของ​พระเจ้า ก็​ยัง​ยิ่งใหญ่​กว่า​ยอห์น​อีก” ทุก​คน​ที่​ได้ยิน​พระเยซู​พูด รวมทั้ง​คน​เก็บ​ภาษี​ก็​เชื่อ​ว่า​ทาง​ของ​พระเจ้า​นั้น​ถูกต้อง เพราะ​พวก​เขา​เคย​ให้​ยอห์น​ทำ​พิธีจุ่มน้ำ​ให้ แต่​พวก​ฟาริสี​และ​พวก​ครู​สอน​กฎปฏิบัติ​ไม่​ยอมรับ​ทาง​ที่​พระเจ้า​มี​สำหรับ​พวก​เขา เพราะ​พวกนี้​ไม่​ได้​ให้​ยอห์น​ทำ​พิธีจุ่มน้ำ​ให้ พระเยซู​พูด​ต่อ ว่า “เรา​จะ​เปรียบเทียบ​คน​ใน​สมัยนี้​กับ​อะไร​ดี พวก​เขา​เป็น​เหมือน​เด็กๆ​ที่​นั่ง​อยู่​ที่​ตลาด​ร้อง​ตะโกน​ใส่​กัน​ว่า ‘พวก​เรา​เป่า​ปี่​ให้​ฟัง แต่​พวก​เธอ​ก็​ไม่​ยอม​เต้น​ตาม พวก​เรา​ร้องเพลง​เศร้า แต่​พวก​เธอ​ก็​ไม่​ยอม​ร้องไห้’ เมื่อ​ยอห์น​คน​ทำ​พิธีจุ่มน้ำ​มา เขา​ไม่​ได้​กิน​ขนมปัง​หรือ​ดื่ม​เหล้า​องุ่น พวก​คุณ​ก็​ว่า ‘เขา​มี​ผี​ชั่ว​สิง​อยู่’ แต่​พอ​บุตร​มนุษย์​มา ทั้ง​กิน​และ​ดื่ม พวก​คุณ​ก็​หา​ว่า ‘ดู​ไอ้​หมอ​นั่น​สิ ทั้ง​ตะกละ​และ​ขี้เมา แถม​ยัง​เป็น​เพื่อน​กับ​คน​เก็บ​ภาษี​และ​คน​บาป​อีก​ด้วย’ แต่​อย่างไรก็ตาม​สติปัญญา​นั้น​ถูก​หรือ​ผิด ก็​ดู​ได้​จาก​ผล​ทั้งหลาย​ของ​มัน” มี​ฟาริสี​คน​หนึ่ง​เชิญ​พระเยซู​มา​กิน​อาหาร​กับ​เขา พระองค์​ก็​เลย​มา​ที่​บ้าน​ของ​เขา​และ​นั่ง​เอน​กาย​อยู่​ที่​โต๊ะ​อาหาร มี​ผู้หญิง​คน​หนึ่ง​ที่​เป็น​ที่​รู้​กัน​ไป​ทั่ว​ใน​เมือง​นั้น​ว่า​เป็น​คน​บาป นาง​ได้ยิน​ว่า​พระเยซู​กำลัง​กิน​อาหาร​อยู่​ที่​บ้าน​ของ​ฟาริสี​คน​นั้น นาง​ก็​ถือ​น้ำหอม​ใน​ขวด​สวยหรู​มา​ด้วย นาง​เข้า​ไป​ยืน​อยู่​ข้างหลัง​ใกล้​เท้า​ของ​พระเยซู แล้ว​ร้องไห้​จน​เท้า​ของ​พระองค์​เปียก​ชุ่ม​ไป​ด้วย​น้ำตา แล้ว​เอา​ผม​ของ​นาง​เช็ด และ​ก้ม​ลง​จูบ​เท้า​ของ​พระองค์ พร้อม​ทั้ง​เท​น้ำหอม​ลง​บน​เท้า​ทั้ง​สอง​ข้าง​ของ​พระองค์ เมื่อ​ฟาริสี​คน​ที่​เชิญ​พระเยซู​เห็น​ก็​คิด​ใน​ใจ​ว่า “ถ้า​ชาย​คนนี้​เป็น​ผู้พูดแทนพระเจ้า​จริง เขา​จะ​ต้อง​รู้​ว่า หญิง​ที่​แตะ​ต้อง​ตัว​เขา​นี้​เป็น​ใคร และ​เป็น​หญิง​ประเภท​ไหน เขา​จะ​ต้อง​รู้​ว่า​นาง​เป็น​คน​บาป” พระเยซู​พูด​ว่า “ซีโมน เรา​จะ​บอก​อะไร​ให้​นะ” และ​ซีโมน​ก็​ตอบ​ว่า “ว่า​มา​เลย​ครับ อาจารย์” พระเยซู​พูด​ว่า “มี​คน​ปล่อย​เงิน​กู้​คน​หนึ่ง มี​ลูกหนี้​อยู่​สอง​คน คน​หนึ่ง​เป็น​หนี้​อยู่​ห้าร้อย​เหรียญ​เงิน และ​อีก​คน​หนึ่ง​เป็น​หนี้​อยู่​ห้าสิบ​เหรียญ​เงิน แต่​ทั้ง​สอง​ไม่​มี​เงิน​ใช้​หนี้ เจ้าหนี้​ก็​เลย​ยก​หนี้​ให้​ทั้ง​สอง​คน คุณ​คิด​ว่า​คน​ไหน​จะ​รัก​เจ้าหนี้​คนนี้​มาก​กว่า​กัน” ซีโมน​ตอบ​ว่า “คน​แรก​ที่​มี​หนี้​มาก​กว่า​ครับ” พระองค์​ก็​ตอบ​ว่า “ถูกต้อง” แล้ว​พระเยซู​หัน​ไป​มอง​หญิง​คน​นั้น และ​พูด​กับ​ซีโมน​ว่า “เห็น​หญิง​คนนี้​ไหม เรา​มา​บ้าน​คุณ คุณ​ก็​ไม่​ได้​เอา​น้ำ​มา​ล้าง​เท้า​เรา แต่​เธอ​กลับ​ใช้​น้ำตา​ล้าง​เท้า​เรา และ​เอา​ผม​ของ​เธอ​เช็ด​จน​แห้ง คุณ​ไม่​ได้​จูบ​ต้อนรับ​เรา แต่​เธอ​ไม่​ได้​หยุด​จูบ​เท้า​เรา​เลย​ตั้งแต่​เข้า​มา คุณ​ไม่​ได้​เอา​น้ำมัน​ใส่​หัว​ของ​เรา แต่​เธอ​เอา​น้ำหอม​เท​ใส่​เท้า​ของ​เรา เรา​จะ​บอก​ให้​รู้​ว่า ที่​เธอ​แสดง​ความ​รัก​มาก​ขนาดนี้ ก็​เพราะ​เธอ​ได้รับ​การ​ยกโทษ​จาก​บาป​มากมาย​นั่น​เอง ส่วน​คน​อื่น​ที่​ได้รับ​การยกโทษ​น้อย ก็​มี​ความรัก​น้อย” พระเยซู​พูด​กับ​นาง​ว่า “บาป​ของ​คุณ​ได้รับ​การยกโทษ​แล้ว” คน​ที่​นั่ง​ดื่ม​กิน​กับ​พระองค์​ก็​พูด​กัน​ว่า “คนนี้​คิด​ว่า​เขา​เป็น​ใคร​กัน ถึง​ได้​เที่ยว​ยกโทษ​บาป​ให้​ใคร​ต่อ​ใคร” พระเยซู​พูด​กับ​หญิง​คนนี้​ว่า “ความเชื่อ​ของ​คุณ​ทำ​ให้​คุณ​รอด​แล้ว ไป​เป็น​สุข​เถิด”

แบ่งปัน
อ่าน ลูกา 7

ลูกา 7:21-50 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

ใน​เวลา​นั้น​พระเยซู​ได้​รักษา​คน​ที่​เจ็บป่วย​ด้วย​โรค​ต่างๆ​ให้​หาย ขับไล่​ผีชั่ว และ​ช่วย​ให้​คน​ตาบอด​หลาย​คน​มองเห็น พระเยซู​บอก​กับ​สอง​คน​นั้น​ว่า “ไป​บอก​ยอห์น​ถึง​สิ่ง​ที่​คุณ​ได้​เห็น​และ​ได้ยิน ว่า​คน​ตาบอด​มอง​เห็น คน​ง่อย​เดิน​ได้ คน​เป็น​โรค​ผิวหนัง​ร้ายแรง​ก็​หาย คน​หูหนวก​ก็​ได้ยิน คน​ตาย​กลับ​ฟื้นคืนชีพ และ​คน​จน​ก็​ได้ยิน​เรื่อง​ข่าว​ดี คน​ที่​ไม่​ทิ้ง​เรา เพราะ​สิ่ง​ที่​เรา​ทำ ก็​เป็น​คน​ที่​มี​เกียรติ​จริงๆ” พอ​ศิษย์​ทั้ง​สอง​ของ​ยอห์น​กลับ​ไป​แล้ว พระเยซู​ก็​พูด​ถึง​ยอห์น​ให้​ชาวบ้าน​ฟัง​ว่า “พวก​คุณ​ออก​ไป​ดู​อะไร​ใน​ที่​เปล่า​เปลี่ยว​แห้งแล้ง ไป​ดู​ต้นอ้อ ลู่​ตาม​ลม​หรือ ไม่​ใช่​แน่ แล้ว​คุณ​ออก​ไป​ดู​อะไร​ล่ะ ไป​ดู​คน​ใส่​เสื้อผ้า​สวย​หรู​ราคา​แพง​หรือ ไม่​ใช่​หรอก เพราะ​คน​ที่​ใส่​เสื้อผ้า​สวย​หรู​ราคา​แพง​นั้น​อยู่​ใน​วัง ถ้า​อย่าง​นั้น​แล้ว​คุณ​ออก​ไป​ดู​อะไร​ล่ะ ออก​ไป​ดู​ผู้พูดแทนพระเจ้า​หรือ ใช่​แล้ว เรา​ขอ​บอก​ให้​รู้​ว่า​เขา​เป็น​ยิ่ง​กว่า​ผู้พูดแทนพระเจ้า​เสีย​อีก เพราะ​เขา​เป็น​คน​ที่​พระคัมภีร์​เขียน​ถึง​ว่า ‘ดูสิ เรา​จะ​ส่ง​ผู้​ส่งข่าว​ของ​เรา​นำ​หน้า​ท่าน​ไป​ก่อน เขา​จะ​ไป​เตรียม​หนทาง​ให้​กับ​ท่าน’ เรา​จะ​บอก​ให้​รู้​ว่า ยอห์น​นั้น​ยิ่งใหญ่​กว่า​ทุกๆ​คน​ที่​เกิด​มา​จาก​ผู้หญิง แต่​คน​ที่​สำคัญ​น้อย​ที่สุด​ใน​อาณาจักร​ของ​พระเจ้า ก็​ยัง​ยิ่งใหญ่​กว่า​ยอห์น​อีก” ทุก​คน​ที่​ได้ยิน​พระเยซู​พูด รวมทั้ง​คน​เก็บ​ภาษี​ก็​เชื่อ​ว่า​ทาง​ของ​พระเจ้า​นั้น​ถูกต้อง เพราะ​พวก​เขา​เคย​ให้​ยอห์น​ทำ​พิธีจุ่มน้ำ​ให้ แต่​พวก​ฟาริสี​และ​พวก​ครู​สอน​กฎปฏิบัติ​ไม่​ยอมรับ​ทาง​ที่​พระเจ้า​มี​สำหรับ​พวก​เขา เพราะ​พวกนี้​ไม่​ได้​ให้​ยอห์น​ทำ​พิธีจุ่มน้ำ​ให้ พระเยซู​พูด​ต่อ ว่า “เรา​จะ​เปรียบเทียบ​คน​ใน​สมัยนี้​กับ​อะไร​ดี พวก​เขา​เป็น​เหมือน​เด็กๆ​ที่​นั่ง​อยู่​ที่​ตลาด​ร้อง​ตะโกน​ใส่​กัน​ว่า ‘พวก​เรา​เป่า​ปี่​ให้​ฟัง แต่​พวก​เธอ​ก็​ไม่​ยอม​เต้น​ตาม พวก​เรา​ร้องเพลง​เศร้า แต่​พวก​เธอ​ก็​ไม่​ยอม​ร้องไห้’ เมื่อ​ยอห์น​คน​ทำ​พิธีจุ่มน้ำ​มา เขา​ไม่​ได้​กิน​ขนมปัง​หรือ​ดื่ม​เหล้า​องุ่น พวก​คุณ​ก็​ว่า ‘เขา​มี​ผี​ชั่ว​สิง​อยู่’ แต่​พอ​บุตร​มนุษย์​มา ทั้ง​กิน​และ​ดื่ม พวก​คุณ​ก็​หา​ว่า ‘ดู​ไอ้​หมอ​นั่น​สิ ทั้ง​ตะกละ​และ​ขี้เมา แถม​ยัง​เป็น​เพื่อน​กับ​คน​เก็บ​ภาษี​และ​คน​บาป​อีก​ด้วย’ แต่​อย่างไรก็ตาม​สติปัญญา​นั้น​ถูก​หรือ​ผิด ก็​ดู​ได้​จาก​ผล​ทั้งหลาย​ของ​มัน” มี​ฟาริสี​คน​หนึ่ง​เชิญ​พระเยซู​มา​กิน​อาหาร​กับ​เขา พระองค์​ก็​เลย​มา​ที่​บ้าน​ของ​เขา​และ​นั่ง​เอน​กาย​อยู่​ที่​โต๊ะ​อาหาร มี​ผู้หญิง​คน​หนึ่ง​ที่​เป็น​ที่​รู้​กัน​ไป​ทั่ว​ใน​เมือง​นั้น​ว่า​เป็น​คน​บาป นาง​ได้ยิน​ว่า​พระเยซู​กำลัง​กิน​อาหาร​อยู่​ที่​บ้าน​ของ​ฟาริสี​คน​นั้น นาง​ก็​ถือ​น้ำหอม​ใน​ขวด​สวยหรู​มา​ด้วย นาง​เข้า​ไป​ยืน​อยู่​ข้างหลัง​ใกล้​เท้า​ของ​พระเยซู แล้ว​ร้องไห้​จน​เท้า​ของ​พระองค์​เปียก​ชุ่ม​ไป​ด้วย​น้ำตา แล้ว​เอา​ผม​ของ​นาง​เช็ด และ​ก้ม​ลง​จูบ​เท้า​ของ​พระองค์ พร้อม​ทั้ง​เท​น้ำหอม​ลง​บน​เท้า​ทั้ง​สอง​ข้าง​ของ​พระองค์ เมื่อ​ฟาริสี​คน​ที่​เชิญ​พระเยซู​เห็น​ก็​คิด​ใน​ใจ​ว่า “ถ้า​ชาย​คนนี้​เป็น​ผู้พูดแทนพระเจ้า​จริง เขา​จะ​ต้อง​รู้​ว่า หญิง​ที่​แตะ​ต้อง​ตัว​เขา​นี้​เป็น​ใคร และ​เป็น​หญิง​ประเภท​ไหน เขา​จะ​ต้อง​รู้​ว่า​นาง​เป็น​คน​บาป” พระเยซู​พูด​ว่า “ซีโมน เรา​จะ​บอก​อะไร​ให้​นะ” และ​ซีโมน​ก็​ตอบ​ว่า “ว่า​มา​เลย​ครับ อาจารย์” พระเยซู​พูด​ว่า “มี​คน​ปล่อย​เงิน​กู้​คน​หนึ่ง มี​ลูกหนี้​อยู่​สอง​คน คน​หนึ่ง​เป็น​หนี้​อยู่​ห้าร้อย​เหรียญ​เงิน และ​อีก​คน​หนึ่ง​เป็น​หนี้​อยู่​ห้าสิบ​เหรียญ​เงิน แต่​ทั้ง​สอง​ไม่​มี​เงิน​ใช้​หนี้ เจ้าหนี้​ก็​เลย​ยก​หนี้​ให้​ทั้ง​สอง​คน คุณ​คิด​ว่า​คน​ไหน​จะ​รัก​เจ้าหนี้​คนนี้​มาก​กว่า​กัน” ซีโมน​ตอบ​ว่า “คน​แรก​ที่​มี​หนี้​มาก​กว่า​ครับ” พระองค์​ก็​ตอบ​ว่า “ถูกต้อง” แล้ว​พระเยซู​หัน​ไป​มอง​หญิง​คน​นั้น และ​พูด​กับ​ซีโมน​ว่า “เห็น​หญิง​คนนี้​ไหม เรา​มา​บ้าน​คุณ คุณ​ก็​ไม่​ได้​เอา​น้ำ​มา​ล้าง​เท้า​เรา แต่​เธอ​กลับ​ใช้​น้ำตา​ล้าง​เท้า​เรา และ​เอา​ผม​ของ​เธอ​เช็ด​จน​แห้ง คุณ​ไม่​ได้​จูบ​ต้อนรับ​เรา แต่​เธอ​ไม่​ได้​หยุด​จูบ​เท้า​เรา​เลย​ตั้งแต่​เข้า​มา คุณ​ไม่​ได้​เอา​น้ำมัน​ใส่​หัว​ของ​เรา แต่​เธอ​เอา​น้ำหอม​เท​ใส่​เท้า​ของ​เรา เรา​จะ​บอก​ให้​รู้​ว่า ที่​เธอ​แสดง​ความ​รัก​มาก​ขนาดนี้ ก็​เพราะ​เธอ​ได้รับ​การ​ยกโทษ​จาก​บาป​มากมาย​นั่น​เอง ส่วน​คน​อื่น​ที่​ได้รับ​การยกโทษ​น้อย ก็​มี​ความรัก​น้อย” พระเยซู​พูด​กับ​นาง​ว่า “บาป​ของ​คุณ​ได้รับ​การยกโทษ​แล้ว” คน​ที่​นั่ง​ดื่ม​กิน​กับ​พระองค์​ก็​พูด​กัน​ว่า “คนนี้​คิด​ว่า​เขา​เป็น​ใคร​กัน ถึง​ได้​เที่ยว​ยกโทษ​บาป​ให้​ใคร​ต่อ​ใคร” พระเยซู​พูด​กับ​หญิง​คนนี้​ว่า “ความเชื่อ​ของ​คุณ​ทำ​ให้​คุณ​รอด​แล้ว ไป​เป็น​สุข​เถิด”

แบ่งปัน
อ่าน ลูกา 7

ลูกา 7:21-50 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

ในเวลานั้น พระเยซูทรงรักษาคนจำนวนมากให้หายจากโรคภัยต่างๆ และพ้นจากพวกวิญญาณชั่ว และทรงรักษาคนตาบอดหลายคนให้เห็นได้ แล้วพระองค์ตรัสตอบสองคนนั้นว่า “ไปบอกยอห์นในสิ่งที่ท่านได้เห็นและได้ยิน คือว่าคนตาบอดเห็นได้ คนง่อยเดินได้ คนโรคเรื้อนหายสะอาด คนหูหนวกได้ยิน คนตายเป็นขึ้นมา และพวกคนยากจนก็ได้รับฟังข่าวดี ใครไม่มีเหตุสะดุดในตัวเรา คนนั้นก็เป็นสุข” เมื่อผู้ส่งข่าวของยอห์นไปแล้ว พระองค์จึงตรัสกับฝูงชนถึงยอห์นว่า “ท่านทั้งหลายออกไปยังถิ่นทุรกันดารเพื่อดูอะไร? คงไม่ใช่ดูต้นอ้อไหวเมื่อถูกลมพัดหรอกนะ ถ้าไม่ใช่แล้วพวกท่านไปดูอะไร? ไปดูคนที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าเนื้อดีหรือ? นี่แน่ะ คนที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้างดงามและอยู่อย่างฟุ่มเฟือยย่อมอยู่ในพระราชวัง แล้วพวกท่านออกไปดูอะไร? ดูผู้เผยพระวจนะหรือ? แน่ทีเดียว เราบอกว่ายอห์นเป็นยิ่งกว่าผู้เผยพระวจนะ คือท่านผู้นี้ที่พระคัมภีร์เขียนไว้ว่า ‘เราจะใช้ทูตของเรานำหน้าท่าน ผู้นั้นจะเตรียมมรรคา ไว้ข้างหน้า ท่าน’ เราบอกพวกท่านว่า ในบรรดาคนที่เกิดจากผู้หญิงนั้น ไม่มีใครยิ่งใหญ่กว่ายอห์น แต่คนที่ต่ำต้อยที่สุดในแผ่นดินของพระเจ้าก็ยังใหญ่กว่ายอห์น” (ทุกคนรวมทั้งบรรดาคนเก็บภาษี เมื่อได้ยินก็ยอมรับว่าพระเจ้าทรงยุติธรรม โดยเขาได้รับบัพติศมาจากยอห์นแล้ว แต่พวกฟาริสีและพวกผู้เชี่ยวชาญบัญญัติไม่ยอมรับพระประสงค์ของพระเจ้าที่มีต่อพวกเขา โดยเขาไม่รับบัพติศมาจากยอห์น) “เพราะฉะนั้นเราจะเปรียบคนในยุคนี้กับอะไรดี? ก็เปรียบเหมือนเด็กๆ ที่นั่งอยู่กลางตลาดร้องบอกแก่กันว่า ‘พวกฉันเป่าปี่ให้พวกเธอแต่พวกเธอไม่เต้น พวกฉันคร่ำครวญแต่พวกเธอไม่ร้องไห้’ เพราะว่ายอห์นผู้ให้บัพติศมา ไม่ได้กินขนมปังหรือดื่มเหล้าองุ่น พวกท่านก็ว่า ‘เขามีผีเข้าสิง’ ส่วนบุตรมนุษย์มาทั้งกินและดื่ม และพวกท่านก็ว่า ‘นี่ไง คนตะกละ คนขี้เมา เพื่อนของพวกคนเก็บภาษีและคนบาป’ แต่พระปัญญาก็ได้รับการพิสูจน์ว่าถูกต้องแล้วโดยบรรดาคนที่ทำตามพระปัญญานั้น” มีคนหนึ่งในพวกฟาริสีเชิญพระองค์ไปรับประทานอาหารกับเขา พระองค์ก็เสด็จเข้าไปในบ้านของฟาริสีคนนั้น แล้วเอนพระกายที่โต๊ะอาหาร นี่แน่ะ มีหญิงคนหนึ่งในเมืองนั้นซึ่งเป็นคนบาป เมื่อรู้ว่าพระองค์กำลังเสวยอาหารอยู่ในบ้านของฟาริสีคนนั้น นางจึงนำผอบน้ำมันหอมมา ยืนอยู่ข้างหลังใกล้พระบาทของพระองค์ แล้วร้องไห้น้ำตานองเปียกพระบาท นางจึงใช้ผมเช็ด จูบพระบาทของพระองค์แล้วเอาน้ำมันชโลม ฟาริสีคนที่เชิญพระองค์มาเมื่อเห็นแล้วก็นึกในใจว่า “ถ้าท่านผู้นี้เป็นผู้เผยพระวจนะ ก็น่าจะรู้ว่าผู้หญิงที่แตะต้องตัวของท่านเป็นใครและเป็นคนอย่างไร เพราะนางเป็นคนบาป” พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า “ซีโมน เรามีอะไรจะบอกท่าน” เขาทูลว่า “ท่านอาจารย์ เชิญพูดไปเถิด” พระองค์จึงตรัสว่า “เจ้าหนี้คนหนึ่งมีลูกหนี้สองคน คนหนึ่งเป็นหนี้เงินห้าร้อยเดนาริอัน อีกคนหนึ่งเป็นหนี้ห้าสิบ เมื่อเขาไม่สามารถใช้หนี้ได้ ท่านจึงยกหนี้ให้เขาทั้งสองคน ในสองคนนั้น คนไหนจะรักนายมากกว่า?” ซีโมนจึงทูลว่า “ข้าพเจ้าคิดว่าน่าจะเป็นคนที่นายยกหนี้ให้มาก” พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า “ท่านตัดสินได้ถูกต้อง” พระองค์จึงทรงเหลียวหลังดูหญิงคนนั้น แล้วตรัสกับซีโมนว่า “ท่านเห็นหญิงคนนี้ใช่ไหม? เมื่อเราเข้ามาในบ้านของท่าน ท่านไม่ได้เอาน้ำมาล้างเท้าให้เรา แต่นางเอาน้ำตาล้างเท้าของเรา และเอาผมของนางเช็ด ท่านไม่ได้จูบเรา แต่หญิงคนนี้ไม่ได้หยุดจูบเท้าของเราเลยนับตั้งแต่เราเข้ามา ท่านไม่ได้เอาน้ำมันมาชโลมศีรษะของเรา แต่นางเอาน้ำมันหอมมาชโลมเท้าของเรา เพราะฉะนั้นเราบอกท่านว่าบาปต่างๆ ของนางซึ่งมีมากมายนั้นได้รับการยกโทษแล้วเพราะนางรักมาก แต่คนที่ได้รับการยกโทษน้อยก็รักน้อย” พระองค์จึงตรัสกับนางว่า “บาปของเธอได้รับการยกโทษแล้ว” บรรดาคนที่ร่วมเอนกายที่โต๊ะอาหารด้วยก็พูดกันว่า “คนนี้เป็นใครกันถึงยกโทษบาปได้?” พระองค์จึงตรัสกับหญิงคนนั้นว่า “ความเชื่อของเธอทำให้เธอรอด จงไปเป็นสุขเถิด”

แบ่งปัน
อ่าน ลูกา 7

ลูกา 7:21-50 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)

ในเวลานั้น พระองค์​ได้​ทรงรักษาคนเป็​นอ​ันมากให้หายจากความเจ็บป่วยและโรคต่างๆและให้พ้นจากวิญญาณชั่ว และคนตาบอดหลายคนพระองค์​ได้​ทรงรักษาให้​เห​็นได้ แล​้วพระเยซูตรัสตอบศิษย์สองคนนั้​นว​่า “จงไปแจ้งแก่ยอห์นตามซึ่งท่านได้​เห​็นและได้ยินคือว่า คนตาบอดก็หายบอด คนง่อยเดินได้ คนโรคเรื้อนหายสะอาด คนหูหนวกได้​ยิน คนตายแล้วเป็นขึ้นมา และข่าวประเสริฐก็ประกาศแก่คนอนาถา บุ​คคลผู้ใดไม่​เห​็​นว​่าเราเป็​นอ​ุปสรรค ผู้​นั้นเป็นสุข” เมื่อผู้ส่งข่าวทั้งสองของยอห์นไปแล้ว พระองค์​จึงตั้งต้นตรัสกับประชาชนถึงยอห์​นว​่า “ท่านทั้งหลายได้ออกไปในถิ่นทุ​รก​ันดารเพื่​อด​ู​อะไร ดู​ต้​นอ​้อไหวโดยถูกลมพัดหรือ แต่​ท่านทั้งหลายได้​ไปดู​อะไร ดู​คนนุ่งห่มผ้าเนื้​ออ​่อนนิ่มหรือ ดู​เถิด คนนุ่งห่มผ้างดงามและอยู่​อย่างดี​วิเศษย่อมอยู่ในราชสำนัก แต่​ท่านทั้งหลายออกไปดู​อะไร ดู​ศาสดาพยากรณ์​หรือ แน่​ทีเดียว เราบอกท่านว่า ยิ่งกว่าศาสดาพยากรณ์​อีก คือผู้นั้นเองที่พระคัมภีร์​ได้​เข​ียนถึงว่า ‘​ดู​เถิด เราใช้ทูตของเราไปข้างหน้าท่าน ผู้​นั้นจะเตรียมมรรคาของท่านไว้ข้างหน้าท่าน’ เราบอกท่านทั้งหลายว่า ในบรรดาคนที่บังเกิดจากผู้หญิงมานั้น ไม่มี​ศาสดาพยากรณ์​ผู้​ใดใหญ่กว่ายอห์นผู้​ให้​รับบัพติศมา แต่​ว่าผู้ต่ำต้อยที่สุดในอาณาจักรของพระเจ้าก็​ใหญ่​กว่ายอห์นเสี​ยอ​ีก” ฝ่ายคนทั้งปวงเมื่อได้​ยิน รวมทั้งพวกเก็บภาษี​ด้วย ก็ได้​รับว่าพระเจ้ายุ​ติ​ธรรมโดยที่เขาได้รับบัพติศมาของยอห์นแล้ว แต่​พวกฟาริ​สี​และพวกนักกฎหมายปฏิเสธพระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับเขา โดยที่​มิได้​รับบัพติศมาจากยอห์น และองค์พระผู้เป็นเจ้าตรั​สว​่า “​เหตุ​ฉะนั้นเราจะเปรียบคนยุ​คน​ี้เหมือนกับอะไรดี และเขาเหมือนอะไร เปรียบเหมือนเด็กนั่งที่กลางตลาดร้องแก่เพื่อนว่า ‘พวกฉันได้​เป่าปี่​ให้​พวกเธอ และเธอมิ​ได้​เต้นรำ พวกฉันได้พิลาปร่ำไห้​ให้​แก่​พวกเธอ และพวกเธอมิ​ได้​ร้องไห้​’ ด้วยว่ายอห์นผู้​ให้​รับบัพติศมาก็​ไม่ได้​รับประทานขนมปังหรื​อด​ื่​มน​้ำองุ่น และท่านทั้งหลายว่า ‘เขามี​ผี​เข​้าสิงอยู่’ ฝ่ายบุตรมนุษย์มาทั้​งก​ินและดื่ม และท่านทั้งหลายว่า ‘​ดู​เถิด นี่​เป็นคนกินเติบและดื่​มน​้ำองุ่นมาก เป็​นม​ิตรสหายกับพวกคนเก็บภาษีและพวกคนบาป’ แต่​พระปัญญาก็ปรากฏว่าชอบธรรมแล้วโดยบรรดาผลแห่งพระปัญญานั้น” มี​คนหนึ่งในพวกฟาริ​สี​เชิญพระองค์ไปเสวยพระกระยาหารกับเขา พระองค์​ก็​เสด็จเข้าไปในเรือนของคนฟาริ​สี​คนนั้น แล​้วเอนพระกายลง และดู​เถิด มี​ผู้​หญิงคนหนึ่งในเมืองนั้นซึ่งเป็นหญิงชั่ว เมื่อรู้ว่าพระเยซูทรงเอนพระกายลงเสวยอยู่ในบ้านของคนฟาริ​สี​นั้น นางจึงถือผอบน้ำมันหอม มาย​ืนอยู่ข้างหลังใกล้พระบาทของพระองค์ เริ่มร้องไห้น้ำตาไหลชำระพระบาทและเอาผมเช็ด จุ​บพระบาทของพระองค์ และชโลมพระบาทด้วยน้ำมันหอมนั้น ฝ่ายคนฟาริ​สี​ที่​ได้​เชิญพระองค์เมื่อเห็นแล้​วก​็นึกในใจว่า “ถ้าท่านนี้เป็นศาสดาพยากรณ์​ก็​จะรู้​ว่า หญิงผู้​นี้​ที่​ถู​กต้องกายของท่านเป็นผู้ใดและเป็นคนอย่างไร เพราะนางเป็นคนชั่ว” ฝ่ายพระเยซูตรัสตอบเขาว่า “​ซี​โมนเอ๋ย เรามีอะไรจะพู​ดก​ั​บท​่านบ้าง” เขาทูลว่า “ท่านอาจารย์​เจ้าข้า เชิญพูดไปเถิด” พระองค์​จึงตรั​สว​่า “​เจ้าหนี้​คนหนึ่​งม​ี​ลูกหนี้​สองคน คนหนึ่งเป็นหนี้เงินห้าร้อยเหรียญเดนาริ​อัน อี​กคนหนึ่งเป็นหนี้เงินห้าสิบเหรียญ เมื่อเขาไม่​มี​อะไรจะใช้​หนี้​แล้ว ท่านจึงโปรดยกหนี้​ให้​เขาทั้งสองคน เพราะฉะนั้นจงบอกเราว่า ในสองคนนั้น คนไหนจะรักเจ้าหนี้​มากกว่า​” ซี​โมนจึงทูลตอบว่า “ข้าพเจ้าเห็​นว​่า คนที​่​เจ้าหนี้​ได้​โปรดยกหนี้​ให้​มากกว่า​” พระองค์​จึงตรัสกับเขาว่า “ท่านคิดเห็นถูกแล้ว” พระองค์​จึงทรงเหลียวหลั​งด​ู​ผู้​หญิงนั้น และตรัสแก่​ซี​โมนว่า “ท่านเห็นผู้หญิงนี้​หรือ เราได้​เข​้ามาในบ้านของท่าน ท่านมิ​ได้​ให้​น้ำล้างเท้าของเรา แต่​นางได้เอาน้ำตาชำระเท้าของเรา และได้เอาผมของตนเช็ด ท่านมิ​ได้​จุ​บเรา แต่​ผู้​หญิงนี้​ตั้งแต่​เราเข้ามามิ​ได้​หยุดจุบเท้าของเรา ท่านมิ​ได้​เอาน้ำมันชโลมศีรษะของเรา แต่​นางได้เอาน้ำมันหอมชโลมเท้าของเรา เหตุ​ฉะนั้น เราบอกท่านว่า ความผิดบาปของนางซึ่​งม​ีมากได้โปรดยกเสียแล้วเพราะนางรักมาก แต่​ผู้​ที่​ได้​รับการยกโทษน้อย ผู้​นั้​นก​็รักน้อย” พระองค์​จึงตรัสแก่นางว่า “ความผิดบาปของเจ้าโปรดยกเสียแล้ว” ฝ่ายคนทั้งหลายที่เอนกายอยู่ด้วยกั​นก​ับพระองค์ เริ่​มน​ึกในใจว่า “คนนี้เป็นใครแม้ความผิดบาปก็ยกให้​ได้​” พระองค์​จึงตรัสแก่​ผู้​หญิงนั้​นว​่า “ความเชื่อของเจ้าได้​ทำให้​เจ้​ารอด จงไปเป็นสุขเถิด”

แบ่งปัน
อ่าน ลูกา 7

ลูกา 7:21-50 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

ในเวลานั้น พระองค์ได้ทรงรักษาคนเจ็บเป็นอันมากให้หายจากความเจ็บและโรคต่างๆ และให้พ้นจากผีร้าย และคนตาบอดหลายคนพระองค์ได้ทรงรักษาให้เห็นได้ แล้วพระองค์ตรัสตอบศิษย์สองคนนั้นว่า <<จงไปแจ้งแก่ยอห์นตามซึ่งท่านได้เห็นและได้ยิน คือว่าคนตาบอดก็หายบอด คนง่อยเดินได้ คนโรคเรื้อนหายสะอาด คนหูหนวกได้ยิน คนตายแล้วเป็นขึ้นมา และข่าวประเสริฐก็ประกาศแก่คนอนาถา บุคคลผู้ใดไม่เห็นว่าเราเป็นอุปสรรคผู้นั้นเป็นสุข>> เมื่อผู้สื่อข่าวทั้งสองของยอห์นไปแล้ว พระองค์จึงตรัสกับประชาชนถึงยอห์นว่า <<ท่านทั้งหลายได้ออกไปในถิ่นทุรกันดารเพื่อดูอะไร มิใช่ดูต้นอ้อไหวโดยถูกลมพัดนะ ถ้าอย่างนั้นท่านทั้งหลายได้ไปดูอะไร ดูคนนุ่งห่มผ้าเนื้ออ่อนนิ่มหรือ ดูเถิด คนนุ่งห่มผ้างดงามและอยู่อย่างฟุ่มเฟือยย่อมอยู่ในราชสำนัก แต่ท่านทั้งหลายออกไปดูอะไร ดูผู้เผยพระวจนะหรือ แน่ทีเดียว และเราบอกท่านว่า ท่านนั้นเป็นผู้ประเสริฐยิ่งกว่าผู้เผยพระวจนะเสียอีก คือยอห์นนี้แหละที่พระคัมภีร์กล่าวถึงว่า เราใช้ทูตของเราไปข้างหน้าท่าน ผู้นั้นจะเตรียมมรรคาของท่านไว้ข้างหน้าท่าน เราบอกท่านทั้งหลายว่า ในบรรดาคนที่บังเกิดจากผู้หญิงมานั้น ไม่มีผู้ใดใหญ่กว่ายอห์น แต่ว่าผู้ที่ต่ำต้อยที่สุดในแผ่นดินของพระเจ้าก็ใหญ่กว่ายอห์นเสียอีก>> (ฝ่ายคนทั้งปวงเมื่อได้ยินรวมทั้งพวกเก็บภาษีด้วยก็ได้รับว่าพระเจ้ายุติธรรม โดยที่เขาได้รับบัพติศมาของยอห์นแล้ว แต่พวกฟาริสีและพวกบาเรียนไม่ยอมรับพระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับเขา โดยที่มิได้รับบัพติศมาจากยอห์น) <<เหตุฉะนั้นเราจะเปรียบคนยุคนี้เหมือนกับอะไรดี เปรียบเหมือนเด็กนั่งที่กลางตลาด ร้องแก่เพื่อนว่า <พวกฉันได้เป่าปี่ให้พวกเธอ และเธอมิได้เต้นรำ พวกฉันได้พิลาปร่ำไห้ และพวกเธอมิได้ตีอกชกหัว> ด้วยว่ายอห์นผู้ให้รับบัพติศมาก็ไม่ได้รับประทานขนมปังหรือดื่มเหล้าองุ่น และท่านทั้งหลายว่า <มีผีเข้าสิงอยู่> ฝ่ายบุตรมนุษย์มาทั้งกินและดื่ม และท่านทั้งหลายว่า <ดูเถิด นี่เป็นคนกินเติบและขี้เมา เป็นมิตรสหายกับคนเก็บภาษีและคนนอกรีต> แต่พระปัญญาก็ปรากฏว่าชอบแล้ว โดยบรรดาผลแห่งพระปัญญานั้น>> มีคนหนึ่งในพวกฟาริสีเชิญพระองค์ไปเสวยพระกระยาหารกับเขา พระองค์ก็เสด็จเข้าไปในเรือนของคนฟาริสีคนนั้น แล้วเอนพระกายลง และดูเถิด มีผู้หญิงคนหนึ่งของเมืองนั้นเคยเป็นหญิงชั่ว เมื่อรู้ว่าพระองค์ทรงเอนพระกายเสวยอยู่ในบ้านของคนฟาริสีนั้น นางจึงถือผอบน้ำมันหอม มายืนอยู่ข้างหลังใกล้พระบาทของพระองค์ ร้องไห้น้ำตาไหลเปียกพระบาท เอาผมเช็ด จุบพระบาทของพระองค์มาก และเอาน้ำมันนั้นชโลม ฝ่ายคนฟาริสีที่ได้เชิญพระองค์ เมื่อเห็นแล้วก็นึกในใจว่า <<ถ้าท่านนี้เป็นผู้เผยพระวจนะก็คงจะรู้ว่า หญิงผู้นี้ที่ถูกต้องกายของท่านเป็นผู้ใดและเป็นคนอย่างไร เพราะนางเป็นคนชั่ว>> ฝ่ายพระเยซูตรัสตอบเขาว่า <<ซีโมนเอ๋ย เรามีอะไรจะพูดกับท่านบ้าง>> เขาทูลว่า <<ท่านอาจารย์เจ้าข้า เชิญพูดไปเถิด>> พระองค์จึงตรัสว่า <<เจ้าหนี้คนหนึ่งมีลูกหนี้สองคน คนหนึ่งเป็นหนี้เงินห้าร้อยเหรียญเดนาริอัน อีกคนหนึ่งเป็นหนี้เงินห้าสิบเหรียญ เมื่อเขาไม่มีอะไรจะใช้หนี้แล้ว ท่านจึงโปรดยกหนี้ให้เขาทั้งสองคน ในสองคนนั้น คนไหนจะรักนายมากกว่า>> ซีโมนจึงทูลว่า <<ข้าพเจ้าเห็นว่าคนที่นายได้โปรดยกหนี้ให้มาก ก็เป็นคนที่รักนายมาก>> พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า <<ท่านคิดเห็นถูกแล้ว>> พระองค์จึงทรงเหลียวหลังดูผู้หญิงนั้น และตรัสแก่ซีโมนว่า <<ท่านเห็นผู้หญิงนี้หรือ เราได้เข้ามาในบ้านของท่าน ท่านมิได้ให้น้ำล้างเท้าของเรา แต่นางได้เอาน้ำตาชำระเท้าของเราและได้เอาผมของตนเช็ด ท่านมิได้จุบเรา แต่ผู้หญิงนี้ตั้งแต่เราเข้ามา มิได้หยุดจุบเท้าของเรา ท่านมิได้เอาน้ำมันชโลมศีรษะของเรา แต่นางได้เอาน้ำมันหอมชโลมเท้าของเรา เหตุฉะนั้นเราบอกท่านว่า ความผิดบาปของนางซึ่งมีมากได้โปรดยกเสียแล้ว เพราะนางรักมาก แต่ผู้ที่ได้รับการยกโทษน้อย ผู้นั้นก็รักน้อย>> พระองค์จึงตรัสแก่นางว่า <<ความผิดบาปของเจ้าโปรดยกเสียแล้ว>> ฝ่ายคนทั้งหลายที่เอนกายอยู่ด้วยพูดกันว่า <<คนนี้เป็นใคร แม้ความผิดบาปก็ยกให้ได้>> พระองค์จึงตรัสแก่ผู้หญิงนั้นว่า <<ความเชื่อของเจ้าได้ทำให้เจ้ารอด จงไปเป็นสุขเถิด>>

แบ่งปัน
อ่าน ลูกา 7

ลูกา 7:21-50 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

ในขณะนั้นพระเยซูทรงรักษาคนเจ็บคนป่วยหลายคนให้หายจากโรคและจากวิญญาณชั่ว และทรงทำให้คนตาบอดหลายคนมองเห็นได้ ดังนั้นพระองค์จึงตรัสกับสองคนนั้นว่า “จงกลับไปรายงานสิ่งที่ท่านได้เห็นได้ยินแก่ยอห์น คือคนตาบอดมองเห็นได้ คนง่อยเดินได้ คนโรคเรื้อนหายจากโรค คนหูหนวกกลับได้ยิน คนตายแล้วเป็นขึ้นมา และข่าวประเสริฐได้ประกาศแก่คนยากไร้ คนที่ไม่สูญเสียความเชื่อไปเพราะเราก็เป็นสุข” เมื่อศิษย์ของยอห์นไปแล้ว พระเยซูจึงเริ่มตรัสกับประชาชนเกี่ยวกับยอห์นว่า “พวกท่านออกไปดูอะไรในถิ่นกันดาร? ดูต้นอ้อลู่ตามลมหรือ? หากไม่ใช่ ท่านออกไปดูอะไร? ดูคนนุ่งห่มผ้าเนื้อดีหรือ? ไม่ใช่เลย เพราะบรรดาผู้ที่สวมเสื้อผ้าราคาแพงและชอบฟุ้งเฟ้อย่อมอยู่ในวัง แต่ท่านออกไปดูอะไร? ผู้เผยพระวจนะหรือ? ใช่แล้ว เราบอกพวกท่านว่าชายผู้นี้เป็นยิ่งกว่าผู้เผยพระวจนะเสียอีก ยอห์นนี่แหละคือผู้ที่มีเขียนถึงไว้ว่า “ ‘ดูเถิด เราจะส่งทูตของเรามาก่อนท่าน เพื่อเตรียมทางไว้ให้ท่านล่วงหน้า’ เราบอกท่านว่าในบรรดาคนที่เกิดจากผู้หญิงไม่มีคนไหนยิ่งใหญ่กว่ายอห์น กระนั้นผู้เล็กน้อยที่สุดในอาณาจักรของพระเจ้าก็ยังยิ่งใหญ่กว่ายอห์น” (คนทั้งปวงแม้แต่คนเก็บภาษีเมื่อได้ยินคำตรัสของพระเยซูก็รับว่าทางของพระเจ้าถูกต้อง เพราะพวกเขาได้รับบัพติศมาจากยอห์นแล้ว แต่พวกฟาริสีและผู้เชี่ยวชาญในบทบัญญัติไม่ยอมรับพระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับพวกเขา เพราะพวกเขาไม่ได้รับบัพติศมาจากยอห์น) “แล้วเราจะเปรียบคนในยุคนี้กับอะไรดี? พวกเขาเป็นเช่นไร? เขาเป็นเหมือนเด็กๆ ที่นั่งอยู่กลางตลาดและร้องบอกกันและกันว่า “ ‘เราเป่าปี่ให้ พวกเธอก็ไม่เต้นรำ เราร้องเพลงไว้อาลัย พวกเธอก็ไม่ร้องไห้’ เพราะยอห์นผู้ให้บัพติศมาไม่กินขนมปังและไม่ดื่มเหล้าองุ่น พวกท่านก็กล่าวว่า ‘เขามีผีสิง’ ส่วนบุตรมนุษย์มาทั้งกินและดื่มและพวกท่านก็กล่าวว่า ‘นี่คือคนตะกละและขี้เมา เป็นมิตรของคนเก็บภาษีและ “คนบาป” ’ แต่พระปัญญาก็ผ่านการพิสูจน์แล้วว่าถูกต้องโดยคนทั้งปวงที่ปฏิบัติตามพระปัญญานั้น” ฟาริสีคนหนึ่งเชิญพระเยซูไปรับประทานอาหารมื้อค่ำ พระองค์จึงเสด็จไปที่บ้านของเขาและทรงนั่งรับประทานอาหารอยู่ที่โต๊ะ หญิงคนหนึ่งในเมืองนั้นเคยเป็นหญิงชั่วเมื่อรู้ว่าพระเยซูกำลังเสวยพระกระยาหารที่บ้านฟาริสีคนนั้น ก็นำขวดน้ำมันหอมเข้ามา และมายืนอยู่ข้างหลังพระองค์ที่พระบาท นางร่ำไห้หลั่งน้ำตารดพระบาทแล้วเอาผมเช็ด จูบพระบาท และรินน้ำมันหอมชโลมพระบาทของพระองค์ เมื่อฟาริสีที่เชิญพระเยซูเห็นเช่นนั้นก็นึกในใจว่า “หากคนนี้เป็นผู้เผยพระวจนะ เขาก็น่าจะรู้ว่าผู้ที่มาแตะต้องเขาเป็นใครและเป็นผู้หญิงประเภทไหนเพราะนางเป็นคนบาป” พระเยซูตรัสกับเขาว่า “ซีโมน เรามีอะไรจะบอกท่าน” เขาทูลว่า “ท่านอาจารย์ ว่าไปเถิด” พระองค์ตรัสว่า “คนปล่อยเงินกู้คนหนึ่งมีลูกหนี้สองราย รายหนึ่งเป็นหนี้ห้าร้อยเหรียญเดนาริอัน อีกรายหนึ่งเป็นหนี้ห้าสิบเหรียญ ทั้งสองคนไม่มีเงินใช้หนี้ เขาจึงยกหนี้ให้ทั้งคู่ ในสองคนนี้คนไหนจะรักเจ้าหนี้มากกว่ากัน?” ซีโมนทูลตอบว่า “ข้าพเจ้าคิดว่าคนที่ได้รับการยกหนี้มากกว่า” พระเยซูตรัสว่า “ท่านตัดสินถูกแล้ว” แล้วพระองค์ทรงหันไปทางหญิงนั้นและตรัสกับซีโมนว่า “ท่านเห็นหญิงคนนี้หรือไม่ เราเข้ามาในบ้านของท่าน ท่านไม่ได้เอาน้ำมาให้เราล้างเท้า ส่วนนางเอาน้ำตาล้างเท้าของเราและเช็ดด้วยผมของนาง ท่านไม่ได้จูบเรา แต่หญิงนี้จูบเท้าเราไม่หยุดตั้งแต่เราเข้ามาในบ้าน ท่านไม่ได้รินน้ำมันรดศีรษะของเรา แต่นางรินน้ำมันหอมรดเท้าของเรา เหตุฉะนั้นเราบอกท่านว่าบาปมากมายของนางได้รับการอภัยแล้วตามที่ได้เห็นจากความรักมากมายของนาง แต่ผู้ที่ได้รับการอภัยน้อยก็รักน้อย” แล้วพระเยซูตรัสกับนางว่า “บาปของเจ้าได้รับการอภัยแล้ว” แขกรับเชิญคนอื่นๆ เริ่มพูดกันว่า “ผู้นี้เป็นใครหนอจึงให้อภัยบาปได้?” พระเยซูตรัสกับหญิงนั้นว่า “ความเชื่อของเจ้าได้ทำให้เจ้ารอด จงไปเป็นสุขเถิด”

แบ่งปัน
อ่าน ลูกา 7

ลูกา 7:21-50 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)

ขณะ​นั้น​พระ​เยซู​กำลัง​รักษา​ผู้​คน​จำนวน​มาก​ให้​หาย​จาก​โรคภัย​ไข้เจ็บ จาก​วิญญาณ​ร้าย​ต่างๆ และ​ให้​คน​ตา​บอด​มองเห็น พระ​องค์​ตอบ​ผู้​ส่ง​ข่าว​ทั้ง​สอง​ว่า “จง​กลับ​ไป​รายงาน​ยอห์น​ถึง​สิ่ง​ที่​เจ้า​เห็น​และ​ได้ยิน คน​ตาบอด​มองเห็น คน​ง่อย​เดิน​ได้ คน​โรค​เรื้อน​หายขาด คน​หูหนวก​ได้ยิน คน​ตาย​ฟื้น​คืน​ชีวิต และ​ข่าว​ประเสริฐ​ถูก​ประกาศ​ให้​กับ​คน​ยากไร้ ผู้​ใด​ที่​ยังคง​ความ​เชื่อ​ใน​เรา ผู้​นั้น​ย่อม​เป็นสุข” หลัง​จาก​ผู้​สื่อ​ข่าว​ของ​ยอห์น​จาก​ไป​แล้ว พระ​เยซู​เริ่ม​กล่าว​กับ​ฝูง​ชน​ถึง​ยอห์น​ว่า “พวก​ท่าน​ออก​ไป​ใน​ถิ่น​ทุรกันดาร​เพื่อ​ดู​อะไร ต้นอ้อ​ที่​ถูก​ลม​พัด​หรือ ถ้า​ไม่​ใช่ แล้ว​ท่าน​ออก​ไป​เพื่อ​ดู​อะไร ไป​ดู​ชาย​ที่​สวม​เสื้อ​ผ้า​เนื้อนุ่ม​หรือ เปล่า​เลย ผู้​สวมใส่​เสื้อผ้า​ราคา​แพง​และ​เพลิดเพลิน​ใน​สิ่ง​หรูหรา​ย่อม​อยู่​ใน​วัง แต่​ท่าน​ออก​ไป​เพื่อ​ดู​อะไร​เล่า ไป​ดู​ผู้เผย​คำกล่าว​ของ​พระ​เจ้า​หรือ ใช่​แล้ว เรา​ขอบอก​ท่าน​ว่า เขา​เหนือ​กว่า​ผู้เผย​คำกล่าว​ของ​พระ​เจ้า​เสียอีก มี​คำ​ที่​กล่าว​ถึง​ผู้นี้​ไว้​ว่า ‘ดู​เถิด เรา​จะ​ใช้​ผู้​ส่ง​ข่าว​ของ​เรา​ล่วงหน้า​เจ้า​ไป เพื่อ​เตรียม​ทาง​ของ​เจ้า​ล่วงหน้า’ เรา​ขอบอก​ท่าน​ว่า ใน​บรรดา​ผู้​เกิด​จาก​ครรภ์​มารดา ไม่​มี​ผู้​ใด​ที่​จะ​ยิ่ง​ใหญ่​เหนือ​ยอห์น แต่​ว่า​ผู้​ที่​ต่ำต้อย​ที่สุด​ใน​อาณาจักร​ของ​พระ​เจ้า​กลับ​ยิ่ง​ใหญ่​กว่า​ยอห์น​เสียอีก” เมื่อ​ฝูง​ชน​ทั้ง​ปวง​หรือ​แม้​แต่​พวก​คน​เก็บ​ภาษี​ได้ยิน​คำกล่าว​ของ​พระ​เยซู ต่าง​ก็​รับ​ว่า​วิถี​ทาง​ของ​พระ​เจ้า​เป็น​ทาง​ที่​ถูกต้อง เพราะ​ว่า​เขา​เหล่า​นั้น​ได้​รับ​บัพติศมา​ของ​ยอห์น​แล้ว แต่​พวก​ฟาริสี​และ​ผู้​เชี่ยวชาญ​ฝ่าย​กฎ​บัญญัติ​ปฏิเสธ​ความ​ประสงค์​ของ​พระ​เจ้า​สำหรับ​พวก​เขา​เอง เพราะ​ว่า​พวก​เขา​ไม่​ได้​รับ​บัพติศมา​จาก​ยอห์น “เรา​เปรียบเทียบ​คน​ใน​ช่วง​กาล​เวลา​นี้​กับ​อะไร​ดี พวก​เขา​เป็น​อย่างไร พวก​เขา​เหมือน​กับ​เด็กๆ ที่​นั่ง​ใน​ย่าน​ตลาด​และ​ร้อง​ต่อ​กัน​และ​กัน​ว่า ‘พวก​เรา​เป่า​ขลุ่ย​ให้​เธอ แต่​เธอ​กลับ​ไม่​เต้นรำ เมื่อ​พวก​เรา​ได้​ร้องเพลง​เศร้า เธอ​ก็​ไม่​ร้อง​ร่ำไห้’ เมื่อ​ยอห์น​ผู้​ให้​บัพติศมา​ไม่​กิน​ขนมปัง​และ​ไม่​ดื่ม​เหล้า​องุ่น พวก​ท่าน​ก็​พูด​ว่า ‘เขา​มี​มาร​สิงอยู่’ บุตรมนุษย์​ได้​มา​แล้ว ทั้ง​กิน​และ​ดื่ม พวก​ท่าน​ก็​พูด​ว่า ‘ดู​เขา​ซิ เป็น​ทั้ง​คน​ตะกละ​และ​ขี้เมา เพื่อน​ของ​คน​เก็บ​ภาษี​และ​คน​บาป’ แต่​ทุก​คน​ที่​เชื่อ​ใน​พระ​เจ้า​รับ​ว่า​พระ​ปัญญา​เป็น​ทาง​ที่​ถูกต้อง” ฟาริสี​คน​หนึ่ง​ได้​เชิญ​พระ​เยซู​ไป​รับประทาน​อาหาร​กับ​เขา เมื่อ​พระ​องค์​ไป​ถึง​บ้าน​เขา​แล้ว​ก็​เอนกาย​ลง​รับประทาน หญิง​คน​บาป​คน​หนึ่ง​ใน​เมือง​นั้น​รู้​ว่า​พระ​เยซู​กำลัง​รับประทาน​อาหาร​อยู่​ที่​บ้าน​ของ​ฟาริสี นาง​จึง​เอา​ผอบ​หิน​ซึ่ง​บรรจุ​ด้วย​น้ำมัน​หอม​มา ขณะ​ที่​นาง​ยืน​อยู่​เบื้อง​หลัง​พระ​องค์ พลาง​ร้องไห้​อยู่​ที่​แทบ​เท้า น้ำตา​ก็​ไหล​ลง​เปียก​เท้า​ของ​พระ​องค์ แล้ว​นาง​ใช้​ผม​ของ​ตน​เช็ด​เท้า ครั้น​แล้ว​ก็​จูบ​และ​เท​น้ำมัน​หอม​ชโลม​บน​เท้า​ของ​พระ​เยซู เมื่อ​ฟาริสี​ผู้​เป็น​เจ้าบ้าน​เห็น​ดังนั้น​ก็​รำพึง​กับ​ตน​เอง​ว่า “ถ้า​ชาย​คน​นี้​เป็น​ผู้เผย​คำกล่าว​ของ​พระ​เจ้า​แล้ว เขา​จะ​รู้​ว่า​หญิง​ผู้​กำลัง​จับต้อง​ตัว​เขา​เป็น​คน​บาป” พระ​เยซู​ตอบ​เขา​ว่า “ซีโมน เรา​มี​อะไร​บาง​สิ่ง​จะ​บอก​ท่าน” ซีโมน​พูด​ว่า “เชิญ​บอก​ข้าพเจ้า​เถิด​อาจารย์” “มี​ชาย​ลูกหนี้ 2 คน คน​หนึ่ง​เป็น​หนี้ 500 เหรียญ​เดนาริอัน และ​อีก​คน​เป็น​หนี้ 50 ทั้ง​สอง​ไม่​มี​เงิน​จ่าย​คืน​เจ้าหนี้ เจ้าหนี้​ก็​ยก​หนี้​ให้​แก่​เขา​ทั้ง​สอง แล้ว​คนใด​จะ​รัก​เจ้าหนี้​มาก​กว่า​กัน” ซีโมน​ตอบ​ว่า “คง​จะ​เป็น​คน​ที่​ได้​รับ​การ​ยก​หนี้​จำนวน​มาก​กว่า” พระ​เยซู​กล่าว​ว่า “ท่าน​ได้​ตัดสิน​ถูกต้อง​แล้ว” แล้ว​พระ​องค์​หัน​ไป​ทาง​หญิง​คน​นั้น​พลาง​กล่าว​กับ​ซีโมน​ว่า “ท่าน​เห็น​หญิง​คน​นี้​ไหม เรา​เข้า​มา​ใน​บ้าน​ของ​ท่าน และ​ท่าน​ไม่​ได้​ให้​น้ำ​ล้าง​เท้า​เรา แต่​นาง​ล้าง​เท้า​เรา​ด้วย​น้ำตา เช็ด​ด้วย​ผม​ของ​นาง ท่าน​ไม่​ได้​จูบ​แก้ม​เรา หญิง​คน​นี้​ยัง​ไม่​ได้​หยุด​จูบ​เท้า​เรา​นับ​ตั้งแต่​เวลา​ที่​เรา​ได้​เข้า​มา ท่าน​ไม่​ได้​ใส่​น้ำมัน​บน​ผม​เรา แต่​นาง​เท​น้ำมัน​หอม​ลง​บน​เท้า​เรา ฉะนั้น​เรา​ขอ​ประกาศ​ว่า​บาป​ต่างๆ ของ​นาง​ได้​รับ​การ​ยกโทษ​แล้ว เพราะ​ว่า​นาง​มี​ความ​รัก​มาก​มาย และ​คน​ที่​ได้​รับ​การ​ยกโทษ​เพียง​เล็กน้อย​ก็​มี​ความ​รัก​น้อย” แล้ว​พระ​เยซู​กล่าว​กับ​นาง​ว่า “บาป​ของ​เจ้า​ได้​รับ​การ​ยกโทษ​แล้ว” แขก​ผู้​ร่วม​งาน​อื่นๆ ก็​เริ่ม​คุย​กัน​ว่า “คน​นี้​เป็น​ใคร แม้​แต่​บาป​ก็​ยกโทษ​ให้​ได้” พระ​เยซู​กล่าว​กับ​หญิง​คน​นั้น​ว่า “ความ​เชื่อ​ของ​เจ้า​ได้​ทำ​ให้​เจ้า​รอด​พ้น​แล้ว จง​ไป​อย่าง​สันติสุข​เถิด”

แบ่งปัน
อ่าน ลูกา 7