ลูกา 7:1-30

ลูกา 7:1-30 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

พอ​พระเยซู​สอน​ชาวบ้าน​ที่​มา​ฟัง​เสร็จ​แล้ว พระองค์​ก็​เข้า​ไป​ยัง​เมือง​คาเปอรนาอุม มี​ทาส​ของ​นายร้อย​ทหาร​โรมัน​คน​หนึ่ง​ป่วย​หนัก​ใกล้​จะ​ตาย นายร้อย​คนนี้​รัก​ทาส​ของ​เขา​มาก เมื่อ​เขา​ได้ยิน​เรื่อง​ของ​พระเยซู เขา​ก็​ส่ง​พวก​ผู้นำ​อาวุโส​ชาวยิว​ไป​ขอร้อง​พระองค์ ให้​มา​ช่วย​รักษา​ทาส​ของ​เขา เมื่อ​พวก​ผู้นำ​อาวุโส​มา​พบ​พระเยซู​แล้ว ก็​ขอร้อง​อ้อนวอน​พระองค์​ว่า “อาจารย์ ช่วย​นายร้อย​คนนี้​ด้วย​เถิด เขา​เป็น​คนดี​มาก เขา​รัก​คน​ของ​เรา​และ​สร้าง​ที่ประชุม​ให้​กับ​พวก​เรา​ด้วย” พระเยซู​จึง​ไป​กับ​พวก​เขา และ​เมื่อ​ใกล้​จะ​ถึง​บ้าน​เขา นายร้อย​ก็​ส่ง​พวก​เพื่อน​ให้​มา​บอก​กับ​พระเยซู​ว่า “อาจารย์​ครับ อย่า​ต้อง​ลำบาก​เลย​ครับ เพราะ​ผม​ไม่​ดี​พอ​ที่​จะ​ให้​ท่าน​เข้า​ไป​ใน​บ้าน​ของ​ผม ตัว​ผม​เอง​จึง​ไม่​กล้า​ที่​จะ​มา​พบ​อาจารย์ ขอ​แค่​อาจารย์​สั่ง​เท่านั้น ทาส​ของ​ผม​ก็​จะ​หาย​ดี ที่​ผม​รู้​ก็​เพราะ​ผม​เป็น​ทหาร มี​ทั้ง​หัวหน้า​ที่​สั่ง​ผม และ​มี​ลูกน้อง​ที่​ต้อง​เชื่อฟัง​คำสั่ง​ผม​ด้วย เมื่อ​ผม​สั่ง​ให้ ‘ไป’ เขา​ก็​ไป สั่ง​ให้ ‘มา’ เขา​ก็​มา แล้ว​ถ้า​สั่ง​ให้​ทาส​ของ​ผม ‘ทำ​สิ่ง​นั้น​สิ่งนี้’ เขา​ก็​ทำ” เมื่อ​พระเยซู​ได้ยิน​แบบ​นั้น พระองค์​ก็​แปลกใจ​มาก จึง​หัน​ไป​พูด​กับ​ชาว​บ้าน​ที่​ติดตาม​พระองค์​มา​ว่า “เรา​จะ​บอก​ให้​รู้​ว่า ยัง​ไม่​เคย​พบ​ใคร​ที่​มี​ความ​เชื่อ​ยิ่งใหญ่​ขนาดนี้​มา​ก่อน​แม้​แต่​ใน​อิสราเอล​เอง​ก็​ตาม” เมื่อ​พวก​เพื่อน​ของ​นายร้อย​กลับ​ไป​ถึง​บ้าน ก็​พบ​ว่า​ทาส​คน​นั้น​หาย​ดี​แล้ว ต่อมา​พระเยซู​กับ​พวก​ศิษย์​ไป​เมือง​นาอิน และ​มี​ชาวบ้าน​มากมาย​ติดตาม​ไป เมื่อ​พระองค์​เดิน​มา​ใกล้​ประตู​เมือง ก็​สวน​กับ​ขบวน​แห่​ศพ​ของ​คนๆ​หนึ่ง เขา​เป็น​ลูกชาย​เพียง​คน​เดียว​ของ​หญิงม่าย​คน​หนึ่ง มี​ชาวบ้าน​เป็น​จำนวน​มาก​เดิน​มา​กับ​ขบวน​พร้อม​กับ​หญิงม่าย​คน​นั้น เมื่อ​พระเยซู​เห็น​นาง ก็​รู้สึก​สงสาร และ​พูด​ว่า “อย่า​ร้องไห้​เลย” แล้ว​พระองค์​เดิน​เข้า​ไป​แตะ​โลง​ศพ พวก​คน​ที่​หาม​โลง​ก็​หยุด แล้ว​พระองค์​พูด​ว่า “พ่อ​หนุ่ม เรา​สั่ง​ให้​ลุก​ขึ้น​มา” คน​ตาย​ก็​ลุก​ขึ้น​มา​นั่ง​และ​เริ่ม​พูด พระเยซู​จึง​มอบ​ชาย​คน​นั้น​ให้​กับ​แม่​ของ​เขา ชาวบ้าน​ต่าง​เกิด​ความเกรง​กลัว​และ​สรรเสริญ​พระเจ้า​ว่า “ผู้พูดแทนพระเจ้า​ผู้ยิ่งใหญ่​ได้​เกิด​ใน​หมู่​พวก​เรา​แล้ว” และ​พูด​ว่า “พระเจ้า​มา​ช่วยเหลือ​คน​ของ​พระองค์​แล้ว” แล้ว​ชื่อเสียง​ของ​พระเยซู ก็​ร่ำลือ​ไป​ทั่ว​แคว้น​ยูเดีย​และ​บริเวณ​รอบๆ​นั้น มี​ศิษย์​คน​หนึ่ง​ของ​ยอห์น​คน​ทำ​พิธีจุ่มน้ำ​เล่า​เรื่องนี้​ให้​ยอห์น​ฟัง ยอห์น​จึง​สั่ง​ศิษย์​สอง​คน​ของ​เขา ให้​ไป​ถาม​องค์​เจ้า​ชีวิต​ว่า “ท่าน​คือ​คนๆ​นั้น​ที่​จะ​มา หรือ​พวก​เรา​จะ​ต้อง​รอ​อีก​คน​หนึ่ง” ศิษย์​สอง​คน​นั้น​ไป​พบ​พระเยซู และ​พูด​ว่า “ยอห์น​ผู้​ทำ​พิธีจุ่มน้ำ​ส่ง​พวก​เรา​มา​ถาม​ท่าน​ว่า ‘ท่าน​คือ​คนๆ​นั้น​ที่​จะ​มา หรือ​พวก​เรา​ยัง​ต้อง​รอ​อีก​คน​หนึ่ง’” ใน​เวลา​นั้น​พระเยซู​ได้​รักษา​คน​ที่​เจ็บป่วย​ด้วย​โรค​ต่างๆ​ให้​หาย ขับไล่​ผีชั่ว และ​ช่วย​ให้​คน​ตาบอด​หลาย​คน​มองเห็น พระเยซู​บอก​กับ​สอง​คน​นั้น​ว่า “ไป​บอก​ยอห์น​ถึง​สิ่ง​ที่​คุณ​ได้​เห็น​และ​ได้ยิน ว่า​คน​ตาบอด​มอง​เห็น คน​ง่อย​เดิน​ได้ คน​เป็น​โรค​ผิวหนัง​ร้ายแรง​ก็​หาย คน​หูหนวก​ก็​ได้ยิน คน​ตาย​กลับ​ฟื้นคืนชีพ และ​คน​จน​ก็​ได้ยิน​เรื่อง​ข่าว​ดี คน​ที่​ไม่​ทิ้ง​เรา เพราะ​สิ่ง​ที่​เรา​ทำ ก็​เป็น​คน​ที่​มี​เกียรติ​จริงๆ” พอ​ศิษย์​ทั้ง​สอง​ของ​ยอห์น​กลับ​ไป​แล้ว พระเยซู​ก็​พูด​ถึง​ยอห์น​ให้​ชาวบ้าน​ฟัง​ว่า “พวก​คุณ​ออก​ไป​ดู​อะไร​ใน​ที่​เปล่า​เปลี่ยว​แห้งแล้ง ไป​ดู​ต้นอ้อ ลู่​ตาม​ลม​หรือ ไม่​ใช่​แน่ แล้ว​คุณ​ออก​ไป​ดู​อะไร​ล่ะ ไป​ดู​คน​ใส่​เสื้อผ้า​สวย​หรู​ราคา​แพง​หรือ ไม่​ใช่​หรอก เพราะ​คน​ที่​ใส่​เสื้อผ้า​สวย​หรู​ราคา​แพง​นั้น​อยู่​ใน​วัง ถ้า​อย่าง​นั้น​แล้ว​คุณ​ออก​ไป​ดู​อะไร​ล่ะ ออก​ไป​ดู​ผู้พูดแทนพระเจ้า​หรือ ใช่​แล้ว เรา​ขอ​บอก​ให้​รู้​ว่า​เขา​เป็น​ยิ่ง​กว่า​ผู้พูดแทนพระเจ้า​เสีย​อีก เพราะ​เขา​เป็น​คน​ที่​พระคัมภีร์​เขียน​ถึง​ว่า ‘ดูสิ เรา​จะ​ส่ง​ผู้​ส่งข่าว​ของ​เรา​นำ​หน้า​ท่าน​ไป​ก่อน เขา​จะ​ไป​เตรียม​หนทาง​ให้​กับ​ท่าน’ เรา​จะ​บอก​ให้​รู้​ว่า ยอห์น​นั้น​ยิ่งใหญ่​กว่า​ทุกๆ​คน​ที่​เกิด​มา​จาก​ผู้หญิง แต่​คน​ที่​สำคัญ​น้อย​ที่สุด​ใน​อาณาจักร​ของ​พระเจ้า ก็​ยัง​ยิ่งใหญ่​กว่า​ยอห์น​อีก” ทุก​คน​ที่​ได้ยิน​พระเยซู​พูด รวมทั้ง​คน​เก็บ​ภาษี​ก็​เชื่อ​ว่า​ทาง​ของ​พระเจ้า​นั้น​ถูกต้อง เพราะ​พวก​เขา​เคย​ให้​ยอห์น​ทำ​พิธีจุ่มน้ำ​ให้ แต่​พวก​ฟาริสี​และ​พวก​ครู​สอน​กฎปฏิบัติ​ไม่​ยอมรับ​ทาง​ที่​พระเจ้า​มี​สำหรับ​พวก​เขา เพราะ​พวกนี้​ไม่​ได้​ให้​ยอห์น​ทำ​พิธีจุ่มน้ำ​ให้

แบ่งปัน
อ่าน ลูกา 7

ลูกา 7:1-30 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

เมื่อพระองค์ตรัสคำเหล่านั้นให้คนทั้งหลายฟังเสร็จแล้ว พระองค์จึงเสด็จเข้าไปในเมืองคาเปอรนาอุม มีทาสของนายร้อยคนหนึ่งที่นายรักมากป่วยเกือบจะตายแล้ว เมื่อนายร้อยได้ยินถึงพระเยซู จึงใช้ผู้ใหญ่บางคนของพวกยิวให้ไปอ้อนวอน เชิญพระองค์เสด็จมารักษาทาสของตน เมื่อเขาเหล่านั้นมาถึงพระเยซูแล้ว เขาก็อ้อนวอนพระองค์ด้วยใจร้อนรนว่า <<นายร้อยนั้นเป็นคนสมควรที่พระองค์จะกระทำการนั้นให้ท่าน เพราะว่าท่านรักชนชาติของเรา และท่านเองได้สร้างธรรมศาลาให้เรา>> และพระเยซูจึงเสด็จไปกับเขา เมื่อไปเกือบจะถึงตึกแล้ว นายร้อยจึงใช้เพื่อนฝูงไปหาพระองค์ทูลว่า <<พระองค์เจ้าข้า อย่าลำบากเลย เพราะว่าข้าพระองค์เป็นคนไม่สมควรที่จะรับเสด็จพระองค์เข้าใต้ชายคาของข้าพระองค์ เพราะเหตุนั้นข้าพระองค์จึงคิดเห็นว่า ไม่สมควรที่ข้าพระองค์จะไปหาพระองค์ด้วย แต่ขอพระองค์ตรัสสั่ง และบ่าวของข้าพระองค์จะหายโรค ข้าพระองค์ทราบดี เพราะเหตุว่าข้าพระองค์อยู่ใต้วินัยทหาร แต่ก็ยังมีทหารอยู่ใต้บังคับบัญชาของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะบอกแก่คนนี้ว่า <ไป> เขาก็ไป บอกแก่คนนั้นว่า <มา> เขาก็มา บอกบ่าวของข้าพระองค์ว่า <จงทำสิ่งนี้> เขาก็ทำ>> เมื่อพระเยซูทรงได้ยินคำเหล่านั้นแล้วก็ประหลาดพระทัยด้วยคนนั้น จึงทรงเหลียวหลังตรัสกับประชาชนที่ตามพระองค์มาว่า <<เราบอกท่านทั้งหลายว่า แม้ในพวกอิสราเอล เราไม่เคยพบศรัทธามากเท่านี้>> ฝ่ายคนที่รับใช้มานั้น เมื่อกลับไปถึงตึกก็ได้เห็นทาสนั้นหายเป็นปกติแล้ว ต่อมาพระองค์เสด็จไปยังเมืองหนึ่งชื่อนาอิน เหล่าสาวกของพระองค์กับคนเป็นอันมากก็ตามพระองค์ไป เมื่อมาใกล้ประตูเมืองนั้น ดูเถิด มีคนหามศพชายหนุ่มคนหนึ่งมา เป็นลูกคนเดียวของแม่ และนางก็เป็นหญิงม่าย ชาวเมืองเป็นอันมากมากับหญิงนั้น เมื่อพระองค์ได้ทรงเห็นมารดานั้น พระองค์ทรงเมตตากรุณาเขาและตรัสว่า <<อย่าร้องไห้>> แล้วพระองค์เสด็จเข้าไปใกล้ถูกต้องโลง คนหามศพนั้นก็หยุดยืนอยู่ พระองค์จึงตรัสว่า <<ชายหนุ่มเอ๋ย เราสั่งเจ้าว่า ลุกขึ้นเถิด>> คนที่ตายนั้นก็ลุกนั่งเริ่มพูด พระองค์จึงทรงมอบชายหนุ่มให้แก่มารดาของเขา ฝ่ายคนทั้งปวงมีความกลัวและสรรเสริญพระเจ้าว่า <<ท่านผู้เผยพระวจนะใหญ่ได้เกิดขึ้นท่ามกลางเรา และพระเจ้าได้เสด็จมาเยี่ยมเยียนชนชาติของพระองค์แล้ว>> และกิตติศัพท์ของพระองค์ได้เลื่องลือไปตลอดทั่วยูเดีย และทั่วแว่นแคว้นล้อมรอบ ฝ่ายพวกศิษย์ของยอห์นก็ได้เล่าเหตุการณ์ทั้งปวงนั้นให้ท่านฟัง ยอห์นจึงเรียกศิษย์ของท่านสองคนใช้เขาไปหาพระเป็นเจ้า ทูลถามว่า <<ท่านเป็นผู้ที่จะมานั้นหรือ หรือจะคอยผู้อื่น>> เมื่อคนทั้งสองมาถึงพระองค์แล้ว เขาทูลว่า <<ยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาใช้ข้าพเจ้ามาหาท่านให้ถามว่า <ท่านเป็นผู้ที่จะมานั้นหรือ หรือจะต้องคอยผู้อื่น> >> ในเวลานั้น พระองค์ได้ทรงรักษาคนเจ็บเป็นอันมากให้หายจากความเจ็บและโรคต่างๆ และให้พ้นจากผีร้าย และคนตาบอดหลายคนพระองค์ได้ทรงรักษาให้เห็นได้ แล้วพระองค์ตรัสตอบศิษย์สองคนนั้นว่า <<จงไปแจ้งแก่ยอห์นตามซึ่งท่านได้เห็นและได้ยิน คือว่าคนตาบอดก็หายบอด คนง่อยเดินได้ คนโรคเรื้อนหายสะอาด คนหูหนวกได้ยิน คนตายแล้วเป็นขึ้นมา และข่าวประเสริฐก็ประกาศแก่คนอนาถา บุคคลผู้ใดไม่เห็นว่าเราเป็นอุปสรรคผู้นั้นเป็นสุข>> เมื่อผู้สื่อข่าวทั้งสองของยอห์นไปแล้ว พระองค์จึงตรัสกับประชาชนถึงยอห์นว่า <<ท่านทั้งหลายได้ออกไปในถิ่นทุรกันดารเพื่อดูอะไร มิใช่ดูต้นอ้อไหวโดยถูกลมพัดนะ ถ้าอย่างนั้นท่านทั้งหลายได้ไปดูอะไร ดูคนนุ่งห่มผ้าเนื้ออ่อนนิ่มหรือ ดูเถิด คนนุ่งห่มผ้างดงามและอยู่อย่างฟุ่มเฟือยย่อมอยู่ในราชสำนัก แต่ท่านทั้งหลายออกไปดูอะไร ดูผู้เผยพระวจนะหรือ แน่ทีเดียว และเราบอกท่านว่า ท่านนั้นเป็นผู้ประเสริฐยิ่งกว่าผู้เผยพระวจนะเสียอีก คือยอห์นนี้แหละที่พระคัมภีร์กล่าวถึงว่า เราใช้ทูตของเราไปข้างหน้าท่าน ผู้นั้นจะเตรียมมรรคาของท่านไว้ข้างหน้าท่าน เราบอกท่านทั้งหลายว่า ในบรรดาคนที่บังเกิดจากผู้หญิงมานั้น ไม่มีผู้ใดใหญ่กว่ายอห์น แต่ว่าผู้ที่ต่ำต้อยที่สุดในแผ่นดินของพระเจ้าก็ใหญ่กว่ายอห์นเสียอีก>> (ฝ่ายคนทั้งปวงเมื่อได้ยินรวมทั้งพวกเก็บภาษีด้วยก็ได้รับว่าพระเจ้ายุติธรรม โดยที่เขาได้รับบัพติศมาของยอห์นแล้ว แต่พวกฟาริสีและพวกบาเรียนไม่ยอมรับพระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับเขา โดยที่มิได้รับบัพติศมาจากยอห์น)

แบ่งปัน
อ่าน ลูกา 7

ลูกา 7:1-30 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

เมื่อพระองค์ตรัสคำเหล่านั้นให้ประชาชนฟังเสร็จแล้ว พระองค์จึงเสด็จเข้าไปในเมืองคาเปอรนาอุม มีทาสของนายร้อยคนหนึ่งที่นายรักมากป่วยเกือบจะตายแล้ว เมื่อนายร้อยได้ยินเรื่องพระเยซู จึงส่งผู้ใหญ่บางคนของพวกยิวไปอ้อนวอน เชิญพระองค์เสด็จมารักษาทาสของเขา พวกเขาจึงไปหาพระเยซูแล้วก็อ้อนวอนพระองค์ด้วยใจกระตือรือร้นว่า “นายร้อยคนนั้นเป็นคนที่พระองค์สมควรจะทำสิ่งนี้ให้ เพราะว่าท่านรักชนชาติของเราและสร้างธรรมศาลาให้เรา” พระเยซูจึงเสด็จไปกับพวกเขา เมื่อไปเกือบจะถึงบ้านอยู่แล้ว นายร้อยก็ให้เพื่อนๆ ไปหาพระองค์ทูลว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า ขออย่าได้ลำบากเลย เพราะว่าข้าพระองค์เป็นคนที่ไม่สมควรจะรับพระองค์เข้าใต้ชายคาบ้านของข้าพระองค์ เพราะฉะนั้นข้าพระองค์จึงเห็นว่าเป็นการไม่สมควรด้วยที่จะไปหาพระองค์ ขอเพียงแต่รับสั่ง ทาสของข้าพระองค์ก็จะหายโรค เพราะว่าข้าพระองค์เองก็อยู่ใต้อำนาจทหารและมีทหารที่อยู่ใต้อำนาจ ถ้าข้าพระองค์บอกคนนี้ว่า ‘ไป’ เขาก็จะไป ถ้าบอกคนนั้นว่า ‘มา’ เขาก็จะมา ถ้าบอกทาสของข้าพระองค์ว่า ‘ทำสิ่งนี้’ เขาก็จะทำ” เมื่อพระเยซูทรงได้ยินคำเหล่านั้นแล้วก็ประหลาดพระทัย จึงทรงเหลียวหลังตรัสกับฝูงชนที่ตามพระองค์มาว่า “เราบอกพวกท่านว่าเราไม่เคยพบความเชื่อมากเท่านี้แม้แต่ในอิสราเอล” เมื่อพวกที่นายร้อยส่งมานั้นกลับถึงบ้าน ก็เห็นทาสคนนั้นหายเป็นปกติแล้ว หลังจากนั้นไม่นาน พระองค์เสด็จไปยังเมืองหนึ่งชื่อนาอิน พวกสาวกของพระองค์พร้อมกับมหาชนก็ตามพระองค์ไป ขณะที่มาใกล้ประตูเมืองนั้น นี่แน่ะ มีคนหามศพชายหนุ่มคนหนึ่งมา เขาเป็นบุตรชายคนเดียวของมารดาซึ่งเป็นหญิงม่าย ชาวเมืองจำนวนมากเดินมาพร้อมกับนาง เมื่อพระองค์ทอดพระเนตรเห็นมารดาคนนั้น พระองค์ทรงสงสารนางและตรัสว่า “อย่าร้องไห้” แล้วพระองค์เสด็จเข้าไปใกล้แตะต้องโลง พวกคนหามศพก็หยุดยืนอยู่ พระองค์จึงตรัสว่า “ชายหนุ่มเอ๋ย เราสั่งท่านให้ลุกขึ้น” คนที่ตายนั้นก็ลุกขึ้นนั่งแล้วเริ่มพูด พระองค์จึงทรงมอบชายหนุ่มให้แก่มารดาของเขา ทุกคนก็เกิดความเกรงกลัวและสรรเสริญพระเจ้าว่า “ผู้เผยพระวจนะยิ่งใหญ่มาเกิดท่ามกลางเราแล้ว พระเจ้าเสด็จมาเยี่ยมเยียนชนชาติของพระองค์” แล้วกิตติศัพท์ของพระองค์ก็เลื่องลือไปตลอดทั่วยูเดียและทั่วแว่นแคว้นโดยรอบ พวกศิษย์ของยอห์นก็เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ยอห์นฟัง ท่านจึงเรียกศิษย์ของท่านสองคนมา แล้วใช้เขาไปหาองค์พระผู้เป็นเจ้าเพื่อถามว่า “ท่านเป็นคนที่จะมานั้นหรือ? หรือว่าเราจะต้องรอคอยอีกคนหนึ่ง?” เมื่อสองคนนั้นไปหาพระองค์แล้ว เขาก็ทูลว่า “ยอห์นผู้ให้บัพติศมาใช้ข้าพเจ้ามาหาท่านเพื่อถามว่า ‘ท่านเป็นคนที่จะมานั้นหรือ? หรือว่าเราจะต้องคอยอีกคนหนึ่ง?’ ” ในเวลานั้น พระเยซูทรงรักษาคนจำนวนมากให้หายจากโรคภัยต่างๆ และพ้นจากพวกวิญญาณชั่ว และทรงรักษาคนตาบอดหลายคนให้เห็นได้ แล้วพระองค์ตรัสตอบสองคนนั้นว่า “ไปบอกยอห์นในสิ่งที่ท่านได้เห็นและได้ยิน คือว่าคนตาบอดเห็นได้ คนง่อยเดินได้ คนโรคเรื้อนหายสะอาด คนหูหนวกได้ยิน คนตายเป็นขึ้นมา และพวกคนยากจนก็ได้รับฟังข่าวดี ใครไม่มีเหตุสะดุดในตัวเรา คนนั้นก็เป็นสุข” เมื่อผู้ส่งข่าวของยอห์นไปแล้ว พระองค์จึงตรัสกับฝูงชนถึงยอห์นว่า “ท่านทั้งหลายออกไปยังถิ่นทุรกันดารเพื่อดูอะไร? คงไม่ใช่ดูต้นอ้อไหวเมื่อถูกลมพัดหรอกนะ ถ้าไม่ใช่แล้วพวกท่านไปดูอะไร? ไปดูคนที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าเนื้อดีหรือ? นี่แน่ะ คนที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้างดงามและอยู่อย่างฟุ่มเฟือยย่อมอยู่ในพระราชวัง แล้วพวกท่านออกไปดูอะไร? ดูผู้เผยพระวจนะหรือ? แน่ทีเดียว เราบอกว่ายอห์นเป็นยิ่งกว่าผู้เผยพระวจนะ คือท่านผู้นี้ที่พระคัมภีร์เขียนไว้ว่า ‘เราจะใช้ทูตของเรานำหน้าท่าน ผู้นั้นจะเตรียมมรรคา ไว้ข้างหน้า ท่าน’ เราบอกพวกท่านว่า ในบรรดาคนที่เกิดจากผู้หญิงนั้น ไม่มีใครยิ่งใหญ่กว่ายอห์น แต่คนที่ต่ำต้อยที่สุดในแผ่นดินของพระเจ้าก็ยังใหญ่กว่ายอห์น” (ทุกคนรวมทั้งบรรดาคนเก็บภาษี เมื่อได้ยินก็ยอมรับว่าพระเจ้าทรงยุติธรรม โดยเขาได้รับบัพติศมาจากยอห์นแล้ว แต่พวกฟาริสีและพวกผู้เชี่ยวชาญบัญญัติไม่ยอมรับพระประสงค์ของพระเจ้าที่มีต่อพวกเขา โดยเขาไม่รับบัพติศมาจากยอห์น)

แบ่งปัน
อ่าน ลูกา 7

ลูกา 7:1-30 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)

เมื่อพระองค์ตรัสคำเหล่านั้นให้คนทั้งหลายฟังเสร็จแล้ว พระองค์​จึงเสด็จเข้าไปในเมืองคาเปอรนาอุม มี​ผู้รับใช้​ของนายร้อยคนหนึ่งที่นายรักมากป่วยเกือบจะตายแล้ว เมื่อนายร้อยได้ยินถึงพระเยซู จึงใช้​ผู้ใหญ่​บางคนของพวกยิวให้ไปอ้อนวอนเชิญพระองค์เสด็จมารักษาผู้​รับใช้​ของตน เมื่อเขาเหล่านั้นมาถึงพระเยซู​แล้ว เขาก็อ้อนวอนพระองค์ด้วยใจร้อนรนว่า “นายร้อยนั้นเป็นคนสมควรที่​พระองค์​จะกระทำการนั้นให้​ท่าน เพราะว่าท่านรักชนชาติของเราและท่านได้สร้างธรรมศาลาให้​เรา​” พระเยซู​จึงเสด็จไปกับเขา เมื่อพระองค์ไปเกือบจะถึ​งบ​้านแล้ว นายร้อยจึงใช้เพื่อนฝูงไปหาพระองค์ทูลว่า “​พระองค์​เจ้าข้า อย่าลำบากเลย เพราะว่าข้าพระองค์เป็นคนไม่สมควรที่จะรับเสด็จพระองค์​เข​้าใต้ชายคาของข้าพระองค์ เพราะเหตุ​นั้น ข้าพระองค์จึงคิดเห็​นว​่าไม่สมควรที่ข้าพระองค์จะไปหาพระองค์​ด้วย แต่​ขอพระองค์ทรงตรั​สส​ั่ง และผู้​รับใช้​ของข้าพระองค์​ก็​จะหายโรค ด้วยว่าข้าพระองค์​อยู่​ใต้​วิน​ัยทหาร แต่​ก็​ยั​งม​ีทหารอยู่​ใต้​บังคับบัญชาของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะบอกแก่คนนี้​ว่า ‘​ไป​’ เขาก็​ไป บอกแก่คนนั้​นว​่า ‘​มา​’ เขาก็​มา บอกผู้​รับใช้​ของข้าพระองค์​ว่า ‘จงทำสิ่งนี้’ เขาก็​ทำ​” เมื่อพระเยซูทรงได้ยินคำเหล่านั้นแล้ว ก็​ประหลาดพระทัยด้วยคนนั้น จึงทรงเหลียวหลังตรัสกับประชาชนที่ตามพระองค์มาว่า “เราบอกท่านทั้งหลายว่า แม้​ในพวกอิสราเอล เราไม่เคยพบความเชื่อมากเท่านี้” ฝ่ายคนที่​รับใช้​มาน​ั้นเมื่อกลับไปถึ​งบ​้านก็​ได้​เห​็นผู้​รับใช้​นั้นหายเป็นปกติ​แล้ว ต่อมาในวั​นร​ุ่งขึ้นพระองค์เสด็จไปยังเมืองหนึ่งชื่อนาอิน เหล่​าสาวกของพระองค์กับคนเป็​นอ​ันมากก็ไปด้วยกั​นก​ับพระองค์ เมื่อพระองค์มาใกล้​ประตู​เมืองนั้น ดู​เถิด มี​คนหามศพชายหนุ่มคนหนึ่งมา เป็นบุตรชายคนเดียวของแม่ และนางก็เป็นหญิ​งม​่าย ชาวเมืองเป็​นอ​ันมากมากับหญิงนั้น เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทอดพระเนตรเห็นมารดานั้น พระองค์​ทรงเมตตากรุณาเขาและตรัสแก่เขาว่า “อย่าร้องไห้” แล​้วพระองค์เสด็จเข้าไปใกล้​ถู​กต้องโลง คนหามศพนั้​นก​็หยุดยืนอยู่ พระองค์​จึงตรั​สว​่า “ชายหนุ่มเอ๋ย เราสั่งเจ้าว่า ลุ​กขึ้นเถิด” คนที​่ตายนั้​นก​็​ลุ​กขึ้นนั่งเริ่มพูด พระองค์​จึงทรงมอบชายหนุ่มให้​แก่​มารดาของเขา ฝ่ายคนทั้งปวงมีความกลัวและเขาสรรเสริญพระเจ้าว่า “ท่านศาสดาพยากรณ์​ผู้ยิ่งใหญ่​ได้​เก​ิดขึ้นท่ามกลางเรา” และ “พระเจ้าได้เสด็จมาเยี่ยมเยียนชนชาติของพระองค์​แล้ว​” และกิตติ​ศัพท์​ของพระองค์​ได้​เลื่องลือไปตลอดทั่วแคว้นยูเดีย และทั่วแว่นแคว้นล้อมรอบ ฝ่ายพวกศิษย์ของยอห์​นก​็​ได้​เล่าเหตุ​การณ์​ทั้งปวงนั้นให้ท่านฟัง ยอห์นจึงเรียกศิษย์ของท่านสองคน ใช้​เขาไปหาพระเยซูทูลถามว่า “ท่านเป็นผู้​ที่​จะมานั้นหรือ หรือเราจะต้องคอยผู้​อื่น​” เมื่อคนทั้งสองนั้นมาถึงพระองค์​แล​้วเขาทูลว่า “ยอห์นผู้​ให้​รับบัพติศมาใช้ข้าพเจ้ามาหาท่านให้ถามว่า ‘ท่านเป็นผู้​ที่​จะมานั้นหรือ หรือเราจะต้องคอยผู้​อื่น​’” ในเวลานั้น พระองค์​ได้​ทรงรักษาคนเป็​นอ​ันมากให้หายจากความเจ็บป่วยและโรคต่างๆและให้พ้นจากวิญญาณชั่ว และคนตาบอดหลายคนพระองค์​ได้​ทรงรักษาให้​เห​็นได้ แล​้วพระเยซูตรัสตอบศิษย์สองคนนั้​นว​่า “จงไปแจ้งแก่ยอห์นตามซึ่งท่านได้​เห​็นและได้ยินคือว่า คนตาบอดก็หายบอด คนง่อยเดินได้ คนโรคเรื้อนหายสะอาด คนหูหนวกได้​ยิน คนตายแล้วเป็นขึ้นมา และข่าวประเสริฐก็ประกาศแก่คนอนาถา บุ​คคลผู้ใดไม่​เห​็​นว​่าเราเป็​นอ​ุปสรรค ผู้​นั้นเป็นสุข” เมื่อผู้ส่งข่าวทั้งสองของยอห์นไปแล้ว พระองค์​จึงตั้งต้นตรัสกับประชาชนถึงยอห์​นว​่า “ท่านทั้งหลายได้ออกไปในถิ่นทุ​รก​ันดารเพื่​อด​ู​อะไร ดู​ต้​นอ​้อไหวโดยถูกลมพัดหรือ แต่​ท่านทั้งหลายได้​ไปดู​อะไร ดู​คนนุ่งห่มผ้าเนื้​ออ​่อนนิ่มหรือ ดู​เถิด คนนุ่งห่มผ้างดงามและอยู่​อย่างดี​วิเศษย่อมอยู่ในราชสำนัก แต่​ท่านทั้งหลายออกไปดู​อะไร ดู​ศาสดาพยากรณ์​หรือ แน่​ทีเดียว เราบอกท่านว่า ยิ่งกว่าศาสดาพยากรณ์​อีก คือผู้นั้นเองที่พระคัมภีร์​ได้​เข​ียนถึงว่า ‘​ดู​เถิด เราใช้ทูตของเราไปข้างหน้าท่าน ผู้​นั้นจะเตรียมมรรคาของท่านไว้ข้างหน้าท่าน’ เราบอกท่านทั้งหลายว่า ในบรรดาคนที่บังเกิดจากผู้หญิงมานั้น ไม่มี​ศาสดาพยากรณ์​ผู้​ใดใหญ่กว่ายอห์นผู้​ให้​รับบัพติศมา แต่​ว่าผู้ต่ำต้อยที่สุดในอาณาจักรของพระเจ้าก็​ใหญ่​กว่ายอห์นเสี​ยอ​ีก” ฝ่ายคนทั้งปวงเมื่อได้​ยิน รวมทั้งพวกเก็บภาษี​ด้วย ก็ได้​รับว่าพระเจ้ายุ​ติ​ธรรมโดยที่เขาได้รับบัพติศมาของยอห์นแล้ว แต่​พวกฟาริ​สี​และพวกนักกฎหมายปฏิเสธพระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับเขา โดยที่​มิได้​รับบัพติศมาจากยอห์น

แบ่งปัน
อ่าน ลูกา 7

ลูกา 7:1-30 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

เมื่อพระเยซูตรัสทั้งหมดนี้ให้ประชาชนฟังจนจบแล้ว พระองค์ก็เสด็จเข้าเมืองคาเปอรนาอุม ที่นั่นมีคนรับใช้ของนายร้อยคนหนึ่งป่วยหนักใกล้จะตาย นายร้อยรักคนรับใช้ผู้นั้นมาก เมื่อได้ยินเรื่องของพระเยซูแล้ว เขาก็ส่งผู้อาวุโสชาวยิวบางคนมาทูลเชิญพระเยซูไปรักษาคนรับใช้ของเขา เมื่อคนเหล่านั้นมาถึงก็ทูลอ้อนวอนพระเยซูด้วยความร้อนใจว่า “นายร้อยผู้นี้เป็นคนที่พระองค์ทรงสมควรจะไปช่วยอย่างยิ่ง เพราะเขารักชนชาติของเราและสร้างธรรมศาลาให้เรา” ดังนั้นพระเยซูจึงเสด็จไปกับพวกเขา เมื่อพระองค์เสด็จมาใกล้จะถึงบ้านนั้น นายร้อยก็ให้เพื่อนๆ มาทูลพระเยซูว่า “พระองค์เจ้าข้า อย่าลำบากพระองค์เลยเพราะข้าพระองค์ไม่คู่ควรที่จะให้พระองค์เสด็จมาใต้ชายคาบ้านของข้าพระองค์ เพราะเหตุนี้ข้าพระองค์จึงคิดว่าตนเองไม่คู่ควรแม้แต่จะมาเข้าเฝ้าพระองค์ เพียงแต่พระองค์ตรัสสั่งเท่านั้นคนรับใช้ของข้าพระองค์ก็จะหายป่วย เพราะข้าพระองค์เองมีทั้งผู้บังคับบัญชาและมีทหารใต้บังคับบัญชา ข้าพระองค์สั่งคนนี้ว่า ‘ไป’ เขาก็ไป สั่งคนนั้นว่า ‘มา’ เขาก็มา ข้าพระองค์สั่งคนรับใช้ว่า ‘จงทำสิ่งนี้’ เขาก็ทำ” เมื่อพระเยซูทรงได้ยินเช่นนี้ก็ทรงประหลาดใจในตัวเขา แล้วหันมาตรัสกับฝูงชนที่ติดตามพระองค์ว่า “เราบอกท่านว่าเราไม่เคยพบความเชื่อที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้แม้แต่ในอิสราเอล” แล้วคนเหล่านั้นที่นายร้อยส่งมาก็กลับไปบ้านและพบว่าคนรับใช้นั้นหายดีแล้ว หลังจากนั้นไม่นานพระเยซูเสด็จเข้าไปในเมืองนาอิน เหล่าสาวกและประชาชนกลุ่มใหญ่ติดตามพระองค์ไป เมื่อพระองค์เสด็จมาเกือบถึงประตูเมือง มีคนหามศพชายหนุ่มคนหนึ่งมา เขาเป็นลูกชายคนเดียวของหญิงม่าย ชาวเมืองมากมายมากับหญิงนั้น เมื่อพระองค์ทรงเห็นนางก็ทรงสงสารนางยิ่งนักและตรัสว่า “อย่าร้องไห้เลย” แล้วพระองค์เสด็จเข้าไปแตะโลงศพ คนหามก็ยืนนิ่ง พระองค์ตรัสว่า “พ่อหนุ่ม เราสั่งเจ้าว่าจงลุกขึ้นเถิด!” ผู้ตายก็ลุกขึ้นนั่งและเริ่มพูดจา พระเยซูจึงทรงมอบเขาคืนให้มารดา คนทั้งปวงเต็มไปด้วยความเกรงกลัวและสรรเสริญพระเจ้าว่า “ผู้เผยพระวจนะยิ่งใหญ่มาปรากฏในหมู่เรา พระเจ้าเสด็จมาช่วยประชากรของพระองค์แล้ว” กิตติศัพท์เรื่องนี้ของพระเยซูก็เลื่องลือไปทั่วแคว้นยูเดียและดินแดนโดยรอบ พวกสาวกของยอห์นมาเล่าให้เขาฟังเกี่ยวกับเหตุการณ์ทั้งปวงเหล่านั้น ยอห์นจึงเรียกศิษย์สองคนมา และส่งเขาไปทูลถามองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “ท่านคือผู้ที่จะมานั้นหรือเราจะต้องคอยผู้อื่น?” เมื่อคนทั้งสองมาถึงก็ทูลพระองค์ว่า “ยอห์นผู้ให้บัพติศมาส่งพวกข้าพเจ้ามาทูลถามท่านว่า ‘ท่านคือผู้ที่จะมานั้นหรือเราจะต้องคอยผู้อื่น?’ ” ในขณะนั้นพระเยซูทรงรักษาคนเจ็บคนป่วยหลายคนให้หายจากโรคและจากวิญญาณชั่ว และทรงทำให้คนตาบอดหลายคนมองเห็นได้ ดังนั้นพระองค์จึงตรัสกับสองคนนั้นว่า “จงกลับไปรายงานสิ่งที่ท่านได้เห็นได้ยินแก่ยอห์น คือคนตาบอดมองเห็นได้ คนง่อยเดินได้ คนโรคเรื้อนหายจากโรค คนหูหนวกกลับได้ยิน คนตายแล้วเป็นขึ้นมา และข่าวประเสริฐได้ประกาศแก่คนยากไร้ คนที่ไม่สูญเสียความเชื่อไปเพราะเราก็เป็นสุข” เมื่อศิษย์ของยอห์นไปแล้ว พระเยซูจึงเริ่มตรัสกับประชาชนเกี่ยวกับยอห์นว่า “พวกท่านออกไปดูอะไรในถิ่นกันดาร? ดูต้นอ้อลู่ตามลมหรือ? หากไม่ใช่ ท่านออกไปดูอะไร? ดูคนนุ่งห่มผ้าเนื้อดีหรือ? ไม่ใช่เลย เพราะบรรดาผู้ที่สวมเสื้อผ้าราคาแพงและชอบฟุ้งเฟ้อย่อมอยู่ในวัง แต่ท่านออกไปดูอะไร? ผู้เผยพระวจนะหรือ? ใช่แล้ว เราบอกพวกท่านว่าชายผู้นี้เป็นยิ่งกว่าผู้เผยพระวจนะเสียอีก ยอห์นนี่แหละคือผู้ที่มีเขียนถึงไว้ว่า “ ‘ดูเถิด เราจะส่งทูตของเรามาก่อนท่าน เพื่อเตรียมทางไว้ให้ท่านล่วงหน้า’ เราบอกท่านว่าในบรรดาคนที่เกิดจากผู้หญิงไม่มีคนไหนยิ่งใหญ่กว่ายอห์น กระนั้นผู้เล็กน้อยที่สุดในอาณาจักรของพระเจ้าก็ยังยิ่งใหญ่กว่ายอห์น” (คนทั้งปวงแม้แต่คนเก็บภาษีเมื่อได้ยินคำตรัสของพระเยซูก็รับว่าทางของพระเจ้าถูกต้อง เพราะพวกเขาได้รับบัพติศมาจากยอห์นแล้ว แต่พวกฟาริสีและผู้เชี่ยวชาญในบทบัญญัติไม่ยอมรับพระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับพวกเขา เพราะพวกเขาไม่ได้รับบัพติศมาจากยอห์น)

แบ่งปัน
อ่าน ลูกา 7

ลูกา 7:1-30 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)

เมื่อ​พระ​เยซู​ได้​กล่าว​ให้​ฝูง​ชน​ฟัง​จบ​แล้ว ก็​เข้า​ไป​ยัง​เมือง​คาเปอร์นาอุม มี​ผู้​รับใช้​ของ​นาย​ร้อย​โรมัน​คน​หนึ่ง​กำลัง​ป่วย​ใกล้​สิ้น​ลม นาย​เห็น​คุณค่า​ใน​ตัว​เขา​มาก นาย​ร้อย​ผู้​นี้​เคย​ได้ยิน​เรื่องราว​ของ​พระ​เยซู จึง​ให้​ผู้ใหญ่​บาง​คน​ของ​ชาว​ยิว​ไป​หา​พระ​องค์​เพื่อ​ขอ​ให้​มา​รักษา​ผู้​รับใช้​คน​นั้น เมื่อ​คน​เหล่า​นั้น​มา​พบ​พระ​เยซู ก็​อ้อนวอน​พระ​องค์​ว่า “นาย​ร้อย​ผู้​นี้​สมควร​จะ​ได้​รับ​ความ​ช่วยเหลือ​จาก​พระ​องค์ เพราะ​ว่า​เขา​รัก​ชาติ​ของ​เรา และ​ได้​สร้าง​ศาลา​ที่​ประชุม​ให้​พวก​เรา” พระ​เยซู​จึง​ไป​กับ​พวก​เขา เมื่อ​ใกล้​จะ​ถึง​บ้าน​แล้ว นาย​ร้อย​ก็​ได้​ขอ​ให้​เพื่อนๆ มา​บอก​พระ​เยซู​ว่า “พระ​องค์​ท่าน อย่า​ลำบาก​เลย เพราะ​ว่า​ไม่​สมควร​ให้​พระ​องค์​เข้า​มา​ใต้​หลังคา​บ้าน​ของ​ข้าพเจ้า ฉะนั้น​ข้าพเจ้า​มิ​บังควร​ที่​จะ​มา​พบ​พระ​องค์​เช่น​กัน เพียง​แต่​พระ​องค์​พูด ผู้​รับใช้​ก็​จะ​หาย​จาก​โรค สำหรับ​ตัว​ข้าพเจ้า​เอง​ก็​เป็น​คน​อยู่​ใต้​บังคับ​บัญชา มี​ทหาร​ใน​บังคับ​ด้วย ข้าพเจ้า​บอก​คน​นี้​ว่า ‘ไป’ เขา​ก็​ไป และ​คน​นั้น​ว่า ‘มา’ เขา​ก็​มา ข้าพเจ้า​บอก​ทาส​รับใช้​ว่า ‘จง​ทำ​สิ่ง​นี้’ เขา​ก็​ทำ” เมื่อ​พระ​เยซู​ได้ยิน​คำ​พูด​เช่น​นั้น​ก็​ประหลาด​ใจ และ​หัน​ไป​กล่าว​กับ​หมู่​คน​ที่​เดิน​ตาม​มา​ว่า “เรา​ขอบอก​ท่าน​ว่า เรา​ไม่​เคย​เห็น​ความ​เชื่อ​มาก​เท่า​นี้​แม้​แต่​ใน​ประเทศ​อิสราเอล” เมื่อ​คน​เหล่า​นั้น​กลับ​ไป​ก็​พบ​ว่า​ผู้​รับใช้​คน​นั้น​ได้​หาย​เป็น​ปกติ​แล้ว ไม่​นาน​หลัง​จาก​นั้น​พระ​เยซู​ก็​ไป​ยัง​เมือง​นาอิน พวก​สาวก​ของ​พระ​องค์​และ​ผู้​คน​จำนวน​มาก​ติดตาม​ไป​ด้วย ขณะ​ที่​พระ​องค์​เข้า​ไป​ใกล้​ประตู​เมือง ก็​สวนทาง​กับ​ขบวน​แห่​ศพ​ซึ่ง​มี​คน​แห่​ร่วม​มา ผู้​ตาย​เป็น​ลูก​ชาย​คน​เดียว​ของ​หญิง​ม่าย เมื่อ​พระ​เยซู​เจ้า​เห็น​หญิง​ม่าย ก็​เกิด​ความ​สงสาร​จึง​กล่าว​ว่า “อย่า​ร้องไห้​เลย” พระ​องค์​เดิน​เข้า​ไป​ใกล้​แล้ว​เอื้อม​ไป​แตะ​ศพ พวก​หาม​ศพ​ก็​ยืน​นิ่ง​อยู่ พระ​องค์​กล่าว​ว่า “ชาย​หนุ่ม​เอ๋ย เรา​ขอบอก​เจ้า​ว่า จง​ลุก​ขึ้น​เถิด” คนตาย​ก็​ลุก​ขึ้น​นั่ง​และ​พูด​ได้ พระ​เยซู​จึง​มอบ​ชาย​หนุ่ม​คืน​ให้​แม่​ของ​เขา เขา​ทั้ง​หลาย​รู้สึก​กลัว​และ​สรรเสริญ​พระ​เจ้า พูด​กัน​ว่า “ผู้เผย​คำกล่าว​ของ​พระ​เจ้า​ผู้​ยิ่ง​ใหญ่​ได้​ปรากฏ​ท่าม​กลาง​เรา พระ​เจ้า​ได้​มา​ช่วย​ชน​ชาติ​ของ​พระ​องค์​แล้ว” เรื่องราว​ของ​พระ​เยซู​ได้​เลื่องลือ​ไป​ทั่ว​แคว้น​ยูเดีย​และ​เขต​ใกล้เคียง สาวก​ของ​ยอห์น​ได้​เล่า​เรื่อง​เหล่า​นี้​ให้​ยอห์น​ฟัง ท่าน​จึง​เรียก​สาวก 2 คน​มา และ​ส่ง​เขา​ทั้ง​สอง​ไป​ถาม​พระ​เยซู​เจ้า​ว่า “ท่าน​คือ​ผู้​ที่​จะ​มา​นั้น หรือ​ว่า​พวก​เรา​ควร​จะ​รอคอย​ผู้​อื่น​ต่อ​ไป” เมื่อ​สาวก​ทั้ง​สอง​มา​พบ​พระ​เยซู​ก็​พูด​ว่า “ยอห์น​ผู้​ให้​บัพติศมา​ให้​พวก​เรา​มา​ถาม​ท่าน​ว่า ‘ท่าน​คือ​ผู้​ที่​จะ​มา​นั้น หรือว่า​พวก​เรา​ควร​จะ​รอคอย​ผู้อื่น​ต่อ​ไป’” ขณะ​นั้น​พระ​เยซู​กำลัง​รักษา​ผู้​คน​จำนวน​มาก​ให้​หาย​จาก​โรคภัย​ไข้เจ็บ จาก​วิญญาณ​ร้าย​ต่างๆ และ​ให้​คน​ตา​บอด​มองเห็น พระ​องค์​ตอบ​ผู้​ส่ง​ข่าว​ทั้ง​สอง​ว่า “จง​กลับ​ไป​รายงาน​ยอห์น​ถึง​สิ่ง​ที่​เจ้า​เห็น​และ​ได้ยิน คน​ตาบอด​มองเห็น คน​ง่อย​เดิน​ได้ คน​โรค​เรื้อน​หายขาด คน​หูหนวก​ได้ยิน คน​ตาย​ฟื้น​คืน​ชีวิต และ​ข่าว​ประเสริฐ​ถูก​ประกาศ​ให้​กับ​คน​ยากไร้ ผู้​ใด​ที่​ยังคง​ความ​เชื่อ​ใน​เรา ผู้​นั้น​ย่อม​เป็นสุข” หลัง​จาก​ผู้​สื่อ​ข่าว​ของ​ยอห์น​จาก​ไป​แล้ว พระ​เยซู​เริ่ม​กล่าว​กับ​ฝูง​ชน​ถึง​ยอห์น​ว่า “พวก​ท่าน​ออก​ไป​ใน​ถิ่น​ทุรกันดาร​เพื่อ​ดู​อะไร ต้นอ้อ​ที่​ถูก​ลม​พัด​หรือ ถ้า​ไม่​ใช่ แล้ว​ท่าน​ออก​ไป​เพื่อ​ดู​อะไร ไป​ดู​ชาย​ที่​สวม​เสื้อ​ผ้า​เนื้อนุ่ม​หรือ เปล่า​เลย ผู้​สวมใส่​เสื้อผ้า​ราคา​แพง​และ​เพลิดเพลิน​ใน​สิ่ง​หรูหรา​ย่อม​อยู่​ใน​วัง แต่​ท่าน​ออก​ไป​เพื่อ​ดู​อะไร​เล่า ไป​ดู​ผู้เผย​คำกล่าว​ของ​พระ​เจ้า​หรือ ใช่​แล้ว เรา​ขอบอก​ท่าน​ว่า เขา​เหนือ​กว่า​ผู้เผย​คำกล่าว​ของ​พระ​เจ้า​เสียอีก มี​คำ​ที่​กล่าว​ถึง​ผู้นี้​ไว้​ว่า ‘ดู​เถิด เรา​จะ​ใช้​ผู้​ส่ง​ข่าว​ของ​เรา​ล่วงหน้า​เจ้า​ไป เพื่อ​เตรียม​ทาง​ของ​เจ้า​ล่วงหน้า’ เรา​ขอบอก​ท่าน​ว่า ใน​บรรดา​ผู้​เกิด​จาก​ครรภ์​มารดา ไม่​มี​ผู้​ใด​ที่​จะ​ยิ่ง​ใหญ่​เหนือ​ยอห์น แต่​ว่า​ผู้​ที่​ต่ำต้อย​ที่สุด​ใน​อาณาจักร​ของ​พระ​เจ้า​กลับ​ยิ่ง​ใหญ่​กว่า​ยอห์น​เสียอีก” เมื่อ​ฝูง​ชน​ทั้ง​ปวง​หรือ​แม้​แต่​พวก​คน​เก็บ​ภาษี​ได้ยิน​คำกล่าว​ของ​พระ​เยซู ต่าง​ก็​รับ​ว่า​วิถี​ทาง​ของ​พระ​เจ้า​เป็น​ทาง​ที่​ถูกต้อง เพราะ​ว่า​เขา​เหล่า​นั้น​ได้​รับ​บัพติศมา​ของ​ยอห์น​แล้ว แต่​พวก​ฟาริสี​และ​ผู้​เชี่ยวชาญ​ฝ่าย​กฎ​บัญญัติ​ปฏิเสธ​ความ​ประสงค์​ของ​พระ​เจ้า​สำหรับ​พวก​เขา​เอง เพราะ​ว่า​พวก​เขา​ไม่​ได้​รับ​บัพติศมา​จาก​ยอห์น

แบ่งปัน
อ่าน ลูกา 7