ผู้วินิจฉัย 1:1-34

ผู้วินิจฉัย 1:1-34 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

อยู่มาเมื่อโยชูวาสิ้นชีวิตแล้ว คนอิสราเอลทูลถามพระยาห์เวห์ว่า “ใครในพวกข้าพระองค์จะขึ้นไปสู้รบกับคนคานาอันก่อน?” พระยาห์เวห์ตรัสว่า “ยูดาห์จะขึ้นไป นี่แน่ะ เราได้มอบแผ่นดินนั้นไว้ในมือเขาแล้ว” ยูดาห์จึงพูดกับสิเมโอนพี่ของตนว่า “จงขึ้นไปกับฉันในเขตแดนที่กำหนดให้ฉัน ให้เราสู้รบกับคนคานาอัน และฉันเองจะไปร่วมรบในเขตแดนที่กำหนดให้พี่ด้วย” สิเมโอนก็ไปกับเขา แล้วยูดาห์ก็ขึ้นไป และพระยาห์เวห์ทรงมอบคนคานาอันและคนเปริสซีไว้ในมือของพวกเขา และพวกเขาก็ประหารคนที่เมืองเบเซก 10,000 คน และเขาทั้งหลายพบอาโดนีเบเซกในเมืองเบเซก และสู้รบกับท่าน พวกเขาได้ประหารคนคานาอันและคนเปริสซี ส่วนอาโดนีเบเซกหนีไป แต่พวกเขาตามจับได้ เขาตัดนิ้วหัวแม่มือ และนิ้วหัวแม่เท้าของท่านออกเสีย อาโดนีเบเซกกล่าวว่า “มีกษัตริย์ 70 องค์ที่มีหัวแม่มือและหัวแม่เท้าด้วน เก็บเศษอาหารใต้โต๊ะของเรา เราทำกับเขาอย่างไร พระเจ้าก็ทรงทำกับเราอย่างนั้น” เขาทั้งหลายก็คุมตัวท่านมาที่เมืองเยรูซาเล็ม และท่านก็สิ้นชีวิตที่นั่น และคนยูดาห์ได้โจมตีเมืองเยรูซาเล็มและยึดเมืองได้ จึงฆ่าฟันชาวเมืองเสียด้วยคมดาบ และเอาไฟเผาเมืองเสีย ภายหลังคนยูดาห์ได้ลงไปสู้รบกับคนคานาอัน ผู้อยู่ในแดนเทือกเขา ในเนเกบ และในที่ราบ และยูดาห์ได้ไปสู้รบกับคนคานาอันผู้อยู่ในเฮโบรน (เมืองเฮโบรนนั้นแต่ก่อนมีชื่อว่า คีริยาทอารบา) และพวกเขาได้ประหารเชชัย อาหิมาน และทัลมัย เขายกจากที่นั่นไปสู้รบกับชาวเมืองเดบีร์ (เมืองเดบีร์นั้นแต่ก่อนมีชื่อว่า คีริยาทเสเฟอร์) และคาเลบกล่าวว่า “ผู้ที่ตีเมืองคีริยาทเสเฟอร์และยึดได้ เราจะยกอัคสาห์บุตรสาวของเราให้เป็นภรรยา” โอทนีเอลบุตรเคนัส น้องชายของคาเลบตีเมืองนั้นได้ คาเลบจึงยกอัคสาห์บุตรสาวของตนให้เป็นภรรยา อยู่มาเมื่อแต่งงานกันแล้ว นางจึงชวนสามีให้ขอที่นาจากบิดาของนาง นางก็ลงจากหลังลา คาเลบจึงถามนางว่า “ลูกมาด้วยเรื่องอะไร?” นางจึงตอบท่านว่า “ขอของขวัญให้ลูกสักอย่างหนึ่งเถิด เพราะพ่อให้ดินแดนเนเกบที่แห้งแล้งแก่ลูกแล้ว ลูกก็ขอน้ำพุด้วย” และคาเลบก็ยกน้ำพุบนและน้ำพุล่างแก่นาง คนเคไนต์ผู้เป็นเชื้อสายพ่อตาของโมเสสได้ขึ้นไปจากเมืองต้นอินทผลัม พร้อมกับคนยูดาห์มาถึงถิ่นทุรกันดารยูดาห์ซึ่งอยู่ในเนเกบใกล้เมืองอาราด และเขาก็ไปอยู่กับชนชาตินั้น และยูดาห์ก็ไปกับสิเมโอนพี่ของเขา พวกเขาประหารคนคานาอันผู้อยู่ในเมืองเศฟัท และทำลายเมืองนั้นเสียสิ้น เขาจึงเรียกชื่อเมืองนั้นว่า โฮรมาห์ ยูดาห์ได้ยึดเมืองกาซา เมืองอัชเคโลน และเมืองเอโครนพร้อมทั้งอาณาเขตของเมืองเหล่านั้นไว้ด้วย และพระยาห์เวห์สถิตกับยูดาห์ เขาจึงยึดครองแดนเทือกเขา แต่ไม่อาจขับไล่ผู้ที่อยู่ในหุบเขา เพราะพวกนั้นมีรถรบเหล็ก เมืองเฮโบรนนั้นเขายกให้คาเลบดังที่โมเสสได้กล่าวไว้ คาเลบจึงขับไล่บุตรชายทั้งสามคนของอานาคออกไปเสีย แต่คนเบนยามินไม่ได้ขับไล่คนเยบุสผู้อยู่ในเยรูซาเล็มออกไป ดังนั้นคนเยบุสจึงอาศัยอยู่กับคนเบนยามินในเมืองเยรูซาเล็มจนถึงทุกวันนี้ พงศ์พันธุ์ของโยเซฟได้ขึ้นไปโจมตีเมืองเบธเอลด้วย และพระยาห์เวห์สถิตกับพวกเขา พงศ์พันธุ์โยเซฟได้ใช้คนไปสอดแนมเมืองเบธเอล (แต่ก่อนเมืองนี้ชื่อ ลูส) และพวกผู้สอดแนมเห็นชายคนหนึ่งเดินออกมาจากเมือง จึงพูดกับเขาว่า “จงชี้ทางเข้าเมืองนี้ให้แก่เรา และเราจะปรานีเจ้า” ชายคนนั้นก็ชี้ทางเข้าเมืองให้และพวกเขาทำลายเมืองนั้นเสียด้วยคมดาบ แต่ปล่อยชายนั้นและครอบครัวทั้งสิ้นของเขาไป ชายคนนั้นก็เข้าไปในแผ่นดินของคนฮิตไทต์ และสร้างเมืองขึ้นเมืองหนึ่ง เรียกชื่อว่าเมืองลูส ซึ่งเป็นชื่ออยู่จนทุกวันนี้ มนัสเสห์ไม่ได้ขับไล่ชาวเมืองเบธชาน หรือชาวเมืองทาอานาค หรือชาวเมืองโดร์ หรือชาวเมืองอิบเลอัม หรือชาวเมืองเมกิดโด และไม่ได้ขับไล่คนในหมู่บ้านต่างๆ ของเมืองเหล่านั้นออกไป ดังนั้นคนคานาอันจึงยังอาศัยอยู่ในแผ่นดินนั้น อยู่มาเมื่อคนอิสราเอลเข้มแข็งขึ้น ก็บังคับคนคานาอันให้ทำงานหนักเยี่ยงทาส แต่ไม่ได้ขับไล่เขาออกไปอย่างสิ้นเชิง และเอฟราอิมไม่ได้ขับไล่คนคานาอัน ผู้อาศัยอยู่ในเมืองเกเซอร์ออกไป ดังนั้นคนคานาอันจึงยังอาศัยอยู่ในเมืองเกเซอร์ท่ามกลางเขา เศบูลุนไม่ได้ขับไล่ชาวเมืองคิทโรนและชาวเมืองนาหะโลล ดังนั้นคนคานาอันจึงอาศัยอยู่ท่ามกลางเขาและถูกเกณฑ์ให้ทำงานหนักเยี่ยงทาส อาเชอร์ไม่ได้ขับไล่ชาวเมืองอัคโค หรือชาวเมืองไซดอน หรือชาวเมืองอัคลาบ หรือชาวเมืองอัคซีบ หรือชาวเมืองเฮลบาห์ หรือชาวเมืองอาฟิกหรือชาวเมืองเรโหบ ฉะนั้นคนเผ่าอาเชอร์จึงอาศัยอยู่ท่ามกลางคนคานาอันชาวแผ่นดินนั้น เพราะว่าเขาไม่ได้ขับไล่คนคานาอันออกไป นัฟทาลีไม่ได้ขับไล่ชาวเมืองเบธเชเมช และชาวเมืองเบธานาท แต่ได้อาศัยอยู่ท่ามกลางคนคานาอันชาวแผ่นดินนั้น อย่างไรก็ดีชาวเมืองเบธเชเมชและชาวเมืองเบธานาทก็ถูกเกณฑ์ให้ทำงานหนักเยี่ยงทาสให้พวกเขา คนอาโมไรต์ได้บีบคนดานเข้าไปในแดนเทือกเขา และไม่ยอมให้ลงมายังหุบเขา

ผู้วินิจฉัย 1:1-34 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

หลังจาก​โยชูวา​ตาย ชาว​อิสราเอล​ได้​ถาม​พระยาห์เวห์​ว่า “ใน​พวก​เรา​เผ่า​ไหน​จะ​เป็น​เผ่า​แรก​ที่​ขึ้น​ไป​สู้รบ​กับ​ชาว​คานาอัน​หรือ” พระยาห์เวห์​ตอบ​ว่า “ให้​ยูดาห์​ขึ้น​ไป​เป็น​เผ่า​แรก ดู​สิ เรา​ได้​มอบ​แผ่นดิน​นั้น​ไว้​ใน​มือ​ของ​พวก​เขา​แล้ว” ชาว​เผ่า​ยูดาห์​จึง​ไป​พูด​กับ​ชาว​เผ่า​สิเมโอน พี่​น้อง​ของ​เขา​ว่า “ไป​ช่วย​พวก​เรา​รบ​กับ​ชาว​คานาอัน ใน​แผ่นดิน​ที่​ได้​จัดสรร​ให้​กับ​พวก​เรา​ด้วย​เถิด แล้ว​พวก​เรา​ก็​จะ​ขึ้น​ไป​ช่วย​พวก​เจ้า​รบ​ใน​แผ่นดิน​ที่​ได้​จัดสรร​ให้​กับ​พวก​เจ้า​เหมือน​กัน” แล้ว​ชาว​สิเมโอน​ก็​ไป​กับ​พวก​เขา แล้ว​ยูดาห์​ได้​บุก​ขึ้น​ไป และ​พระยาห์เวห์​ได้​มอบ​ชาว​คานาอัน​และ​ชาว​เปริสซี ไว้​ใน​มือ​ของ​คน​ยูดาห์ พวก​เขา​ได้​ฆ่า​พวก​ผู้ชาย​ไป​หนึ่ง​หมื่น​คน​ที่​เมือง​เบเซก แล้ว​ที่​นั่น​พวก​เขา​ได้​เจอ​กับ​อาโดนีเบเซก ผู้​เป็น​เจ้า​เมือง​เบเซก และ​ได้​สู้​รบ​กับ​เขา และ​ได้​ฆ่า​คน​คานาอัน​และ​คน​เปริสซี อาโดนีเบเซก​หนี​ไป แต่​พวก​เขา​ได้​ไล่​ล่า​ตาม​ไป จน​จับ​ตัว​เขา​ไว้​ได้ และ​ตัด​นิ้ว​หัวแม่มือ และ​นิ้ว​หัวแม่เท้า​ของ​เขา​ทิ้ง อาโดนีเบเซก พูด​ว่า “มี​กษัตริย์​เจ็ด​สิบ​องค์​ที่​ถูก​ตัด​นิ้ว​หัว​แม่มือ​และ​นิ้ว​หัว​แม่เท้า เก็บ​กิน​เศษ​อาหาร​อยู่​ใต้โต๊ะ​ของ​ข้า ข้า​ได้​ทำ​กับ​พวก​เขา​ยังไง พระเจ้า​ก็​ได้​ทำ​กับ​ข้า​อย่าง​นั้น​เหมือน​กัน” พวก​เขา​ได้​คุม​ตัว​อาโดนีเบเซก​ไป​ที่​เยรูซาเล็ม​และ​เขา​ก็​ตาย​ที่​นั่น ชน​เผ่า​ยูดาห์​เข้า​โจมตี​และ​ยึด​เมือง​เยรูซาเล็ม​ไว้​ได้ พวก​เขา​ใช้​ดาบ​ไล่​ฆ่า​ฟัน​ชาว​เมือง​เยรูซาเล็ม และ​เผา​เมือง​ทิ้ง ต่อมา​ชน​เผ่า​ยูดาห์​ได้​ลง​ไป​สู้รบ​กับ​คน​คานาอัน ที่​อาศัย​อยู่​ใน​แถบ​เทือก​เขา​เนเกบ และ​แถบ​ที่​ลุ่ม​เชิงเขา​ฝั่ง​ตะวันตก ชน​เผ่า​ยูดาห์​ได้​ไป​สู้​รบ​กับ​ชาว​คานาอัน​ที่​อาศัย​อยู่​ใน​เฮโบรน (เมือง​เฮโบรน​เดิม​ชื่อ คิริยาทอารบา) และ​พวก​เขา​ได้​รบ​ชนะ​ตระกูล​เชชัย อาหิมาน และ​ทัลมัย จาก​ที่​นั่น ชาว​ยูดาห์​ได้​บุก​ไป​สู้รบ​กับ​ชาว​เมือง​เดบีร์ (เมือง​เดบีร์​เดิม​ชื่อ​ว่า เมือง​คิริยาทเสเฟอร์) คาเลบ​พูด​ว่า “ใคร​ที่​โจมตี​เมือง​คิริยาทเสเฟอร์​และ​ยึด​มัน​ไว้​ได้ เรา​จะ​ยก​อัคสาห์​ลูกสาว​ของ​เรา​ให้​เป็น​เมีย​ผู้​นั้น” โอทนีเอล ลูกชาย​เคนัส ตี​เมือง​นั้น​ได้ เคนัส​เป็น​น้อง​ชาย​ของ​คาเลบ คาเลบ​จึง​ยก​อัคสาห์​ลูกสาว​ของ​เขา​ให้​เป็น​เมีย​ของ​โอทนีเอล เมื่อ​นาง​อัคสาห์​มา​หา​โอทนีเอล โอทนีเอล​ได้​บอก​ให้​นาง​ขอ​ที่​นา​กับ​พ่อ​ของ​นาง เมื่อ​นาง​ลง​จาก​หลัง​ลา คาเลบ​จึง​ถาม​นาง​ว่า “ลูก​มี​อะไร​ให้​พ่อ​ช่วย​หรือ” นาง​จึง​ตอบ​ว่า “ขอ​ของ​ขวัญ​ให้​กับ​ลูก​สัก​อย่าง​เถิด ไหนๆ​พ่อ​ก็​ให้​ดินแดน​แห้ง​แล้ง​แถบ​เนเกบ​กับ​ลูก​แล้ว ขอ​พวก​ตาน้ำ​ให้​กับ​ลูก​ด้วย​เถิด” คาเลบ​จึง​ยก​ตาน้ำ​ที่​อยู่​ตอน​บน​กับ​ตาน้ำ​ที่​อยู่​ตอน​ล่าง​ให้​กับ​นาง ลูก​หลาน​ของ​คน​เคไนต์ (คน​เคไนต์​สืบ​เชื้อสาย​มา​จาก​พ่อตา​ของ​โมเสส) ได้​ขึ้น​ไป​จาก​เมือง​ต้น​ปาล์ม​อินทผลัม พร้อม​กับ​ชน​เผ่า​ยูดาห์ พวก​เขา​เข้า​ไป​ถึง​ถิ่น​ทุรกันดาร​ยูดาห์​ที่​อยู่​ใน​เนเกบ ใกล้​กับ​อาราด แล้ว​พวก​เขา​ก็​ได้​เข้า​ไป​ตั้ง​ถิ่นฐาน​อยู่​กับ​คน​อามีลีไค​ที่​นั่น ชน​เผ่า​ยูดาห์​ได้​ไป​ร่วม​รบ​กับ​ชน​เผ่า​สิเมโอน​พี่​น้อง​ของ​เขา และ​พวก​เขา​ก็​ได้​ฆ่า​คน​คานาอัน ที่​อาศัย​อยู่​ใน​เมือง​เศฟัท และ​ทำลาย​เมือง​นั้น​อย่าง​ราบคาบ เขา​จึง​เรียก​ชื่อ​เมือง​นั้น​ว่า “โฮรมาห์” ชน​เผ่า​ยูดาห์​ได้​ยึด​เมือง​กาซา เมือง​อัชเคโลน​และ​เมือง​เอโครน พร้อม​กับ​อาณาเขต​ของ​สาม​เมือง​นั้น พระยาห์เวห์​อยู่​ด้วย​กับ​ชน​เผ่า​ยูดาห์ และ​พวก​เขา​ได้​ยึดครอง​พื้นที่​แถบ​เทือก​เขา​ไว้​ได้ แต่​ไม่​สามารถ​ขับ​ไล่​ชาว​เมือง​ที่​อยู่​ใน​หุบเขา​ออก​ไป เพราะ​พวก​นั้น​มี​รถรบ​เหล็ก คาเลบ​ได้รับ​เมือง​เฮโบรน ตาม​ที่​โมเสส​ได้​สัญญา​ไว้ และ​เขา​ได้​ขับไล่​สาม​ตระกูล​ที่​สืบ​เชื้อ​สาย​มา​จาก​อานาค​ออก​ไป แต่​ชน​เผ่า​เบนยามิน​ไม่​ได้​ขับ​ไล่​ชาว​เยบุส​ที่​อาศัย​อยู่​ใน​เยรูซาเล็ม​ออก​ไป ดังนั้น​คน​เยบุส​จึง​อยู่​ร่วม​กับ​คน​เบนยามิน​ใน​เยรูซาเล็ม​จน​ถึง​ทุก​วันนี้ ลูกหลาน​ของ​โยเซฟ​ได้​ขึ้น​ไป​ต่อสู้​กับ​เมือง​เบธเอล​ด้วย​เหมือน​กัน และ​พระยาห์เวห์​ได้​อยู่​กับ​พวก​เขา คน​ของ​โยเซฟ​ได้​ส่ง​คน​สอดแนม​เข้า​ไป​ใน​เมือง​เบธเอล (เมือง​นี้​เดิม​ชื่อ​ว่า​ลูส) เมื่อ​พวก​คน​สอดแนม​เห็น​ชาย​คน​หนึ่ง​ออก​มา​จาก​เมือง พวก​เขา​พูด​กับ​ชาย​คน​นั้น​ว่า “บอก​ทาง​เข้า​เมือง​ให้​กับ​เรา​หน่อย และ​เรา​จะ​ปรานี​เจ้า” ชาย​คน​นั้น​ก็​บอก​ทาง​เข้า​เมือง​ให้ พวก​คน​สอดแนม​ก็​เอา​ดาบ​ฆ่า​ฟัน​คน​ใน​เมือง แต่​เขา​ปล่อย​ชาย​คน​ที่​บอก​ทาง​คน​นั้น​กับ​ครอบครัว​ของ​เขา​ไป ชาย​คน​นั้น​เข้า​ไป​ใน​ดินแดน​ของ​ชาว​ฮิตไทต์ และ​สร้าง​เมือง​ขึ้น เรียกว่า เมือง​ลูส และ​เมือง​นั้น​ก็​ยัง​มี​ชื่อ​ว่า​ลูส​มา​จน​ถึง​ทุก​วันนี้ เผ่า​มนัสเสห์​ไม่​ได้​ขับ​ไล่​คน​ที่​อาศัย​อยู่​ใน​เมือง​เบธชาน เมือง​ทาอานาค เมือง​โดร์ เมือง​อิบเลอัม เมือง​เมกิดโด และ​ชนบท​รอบๆ​เมือง​เหล่า​นั้น เพราะ​คน​คานาอัน​ไม่​ยอม​ออก​ไป​จาก​แผ่นดิน​นั้น เมื่อ​ชาว​อิสราเอล​มี​กำลัง​เข้มแข็ง​ขึ้น พวก​เขา​ก็​ได้​บังคับ​ให้​คน​คานาอัน​ทำ​งาน​อย่าง​ทาส แต่​ชาว​อิสราเอล​ไม่​ได้​ไล่​คน​คานาอัน​ออก​ไป​ให้​หมด ชน​เผ่า​เอฟราอิม​ก็​ไม่​ได้​ขับ​ไล่​คน​คานาอัน​ที่​อาศัย​อยู่​ใน​เมือง​เกเซอร์​ออก​ไป แต่​คน​คานาอัน​และ​ชน​เผ่า​เอฟราอิม​ต่าง​ก็​อยู่​ร่วม​กัน​ใน​เมือง​เกเซอร์ ชน​เผ่า​เศบูลุน​ไม่​ได้​ขับ​ไล่​ชาว​คานาอัน​ที่​อาศัย​อยู่​ใน​เมือง​คิทโรน​กับ​เมือง​นาหะโลล​ออก​ไป แต่​คน​คานาอัน​กับ​คน​เศบูลุน​ก็​ยัง​อยู่​ร่วม​กัน แต่​คน​คานาอัน​ก็​ได้​ถูก​บังคับ​ให้​ทำ​งาน​อย่าง​ทาส ชน​เผ่า​อาเชอร์​ก็​ไม่​ได้​ขับ​ไล่​คน​ที่​อาศัย​อยู่​ใน​เมือง​อัคโค เมือง​ไซดอน เมือง​อัคลาบ เมือง​อัคซีบ เมือง​เฮลบาห์ เมือง​อาฟิก และ​เมือง​เรโหบ คน​เผ่า​อาเชอร์​ก็​อยู่​ร่วม​กับ​คน​คานาอัน​ใน​แผ่นดิน​นั้น เพราะ​คน​อาเชอร์​ไม่​ได้​ขับ​ไล่​คน​คานาอัน​ออก​ไป ชน​เผ่า​นัฟทาลี​ก็​ไม่​ได้​ขับ​ไล่​คน​ที่​อาศัย​อยู่​ใน​เมือง​เบธเชเมช หรือ​ใน​เมือง​เบธอานาท​ออก​ไป แต่​คน​เผ่า​นัฟทาลี​ก็​อยู่​ร่วม​กัน​กับ​คน​คานาอัน​ใน​แผ่นดิน​นั้น แต่​ชาว​เมือง​เบธเชเมช​และ​เมือง​เบธอานาท​ได้​ถูก​บังคับ​ให้​ทำ​งาน​อย่าง​ทาส​ให้​กับ​ชน​เผ่า​นัฟทาลี คน​อาโมไรต์​ขับ​ไล่​คน​เผ่า​ดาน​ให้​กลับ​ไป​ที่​แถบ​เทือก​เขา​และ​ไม่​ยอม​ให้​พวก​เขา​ลง​มา​ที่​หุบเขา

ผู้วินิจฉัย 1:1-34 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)

อยู่​มาเมื่อโยชูวาสิ้นชีพแล้ว คนอิสราเอลทูลถามพระเยโฮวาห์​ว่า “ใครในพวกข้าพระองค์ทั้งหลายจะขึ้นไปก่อนเพื่อสู้รบกับคนคานาอัน” พระเยโฮวาห์ตรั​สว​่า “​ยู​ดาห์จะขึ้นไป ดู​เถิด เราได้มอบแผ่นดินนั้นไว้ในมือเขาแล้ว” ยู​ดาห์จึงพู​ดก​ับสิเมโอนพี่ของตนว่า “จงขึ้นไปกับฉันในเขตแดนที่​กำหนดให้​แก่​ฉัน เพื่อเราจะได้รบสู้กับคนคานาอัน และฉันจะไปร่วมรบในเขตแดนที่​กำหนดให้​แก่​ท่านนั้นด้วย” สิ​เมโอนก็ไปกับเขา แล​้วยูดาห์​ก็​ขึ้นไป และพระเยโฮวาห์ทรงมอบคนคานาอันและคนเปริสซี​ไว้​ในมือของเขา และเขาก็ประหารคนที่เมืองเบเซกหนึ่งหมื่นคน และเขาทั้งหลายพบอาโดนีเบเซกในเมืองเบเซก และสู้รบกั​บท​่าน เขาได้ประหารคนคานาอันและคนเปริสซี อาโดนีเบเซกหนี​ไป แต่​พวกเขาตามจับได้และได้ตัดนิ้วหัวแม่​มือ และนิ้วหัวแม่​เท​้าของท่านออกเสีย อาโดนีเบเซกกล่าวว่า “​มี​กษัตริย์​เจ​็ดสิบองค์​ที่​หัวแม่มือและหัวแม่​เท​้าของเขาถูกตัดออก เก​็บเศษอาหารอยู่​ใต้​โต​๊ะของเรา เรากระทำแก่เขาอย่างไร พระเจ้าก็ทรงกระทำแก่เราอย่างนั้น” เขาทั้งหลายก็​คุ​มตั​วท​่านมาที่​กรุ​งเยรูซาเล็ม และท่านก็​สิ​้นชีวิตที่​นั่น และคนยูดาห์​ได้​เข​้าโจมตีเมืองเยรูซาเล็มและยึดเมืองได้ จึงฆ่าฟันชาวเมืองเสียด้วยคมดาบ และเอาไฟเผาเมืองเสีย ภายหลังคนยูดาห์​ได้​ลงไปสู้รบกับคนคานาอันผู้ซึ่งตั้งอยู่ในแดนเทือกเขา ในภาคใต้ และในหุบเขา และยูดาห์​ได้​ไปสู้รบกับคนคานาอันผู้​อยู่​ในเฮโบรน (เมืองเฮโบรนนั้นแต่ก่อนมีชื่อว่าคีริยาทอารบา) และเขาทั้งหลายได้ประหารเชชัย อาหิ​มาน และทั​ลม​ัย เขาทั้งหลายยกจากที่นั่นไปสู้รบกับชาวเมืองเดบีร์ เมืองเดบีร์นั้นแต่ก่อนมีชื่อว่าคีริยาทเสเฟอร์ และคาเลบกล่าวว่า “ใครโจมตีเมืองคีริยาทเสเฟอร์และยึดได้ เราจะยกอัคสาห์​บุ​ตรสาวของเราให้เป็นภรรยา” และโอทนีเอลบุตรชายเคนัส น้องชายของคาเลบตีเมืองนั้นได้ ท่านจึงยกอัคสาห์​บุ​ตรสาวของตนให้เป็นภรรยา อยู่​มาเมื่อแต่งงานกันแล้วนางจึงชวนสามี​ให้​ขอที​่นาต่​อบ​ิดา นางก็ลงจากหลังลา และคาเลบถามนางว่า “​เจ้​าต้องการอะไร” นางจึงตอบท่านว่า “ขอของขวัญให้ลูกสักอย่างหนึ่งเถิด เมื่อพ่อให้ลูกมาอยู่ในแผ่นดินภาคใต้​แล้ว ลูกขอน้ำพุ​ด้วย​” และคาเลบก็ยกน้ำพุบนและน้ำพุล่างให้​แก่​นาง คนเคไนต์พ่อตาของโมเสสได้ขึ้นไปจากเมืองดงอินทผลัม พร​้อมกับคนยูดาห์มาถึงถิ่นทุ​รก​ันดารยูดาห์ซึ่งอยู่ในภาคใต้​ใกล้​อาราด และเขาก็​เข​้าไปตั้งอยู่กับชนชาติ​นั้น และยูดาห์​ก็​ยกไปร่วมกับสิเมโอนพี่ของเขาประหารคนคานาอันซึ่งอยู่ในเมืองเศฟัทและทำลายเมืองนั้นเสียอย่างสิ้นเชิง ชื่อเมืองนั้นจึงเรียกว่าโฮรมาห์ ยู​ดาห์​ได้​ยึดเมืองกาซาพร้อมทั้งอาณาเขต และเมืองอัชเคโลนพร้อมทั้งอาณาเขต และเมืองเอโครนพร้อมทั้งอาณาเขตไว้​ด้วย และพระเยโฮวาห์ทรงสถิ​ตก​ับยูดาห์ เขาจึงขับไล่ชาวแดนเทือกเขาออกไป แต่​จะขับไล่ชาวเมืองที่​อยู่​ในหุบเขานั้นไม่​ได้ เพราะพวกเหล่านั้​นม​ีรถรบเหล็ก เมืองเฮโบรนนั้นเขายกให้คาเลบดังที่โมเสสได้​กล​่าวไว้ คาเลบจึงขับไล่​บุ​ตรชายทั้งสามคนของอานาคออกไปเสีย แต่​คนเบนยามิ​นม​ิ​ได้​ขับไล่​คนเยบุ​สผ​ู้​อยู่​ในเยรูซาเล็มให้ออกไป ดังนั้นคนเยบุสจึงอาศัยอยู่กับคนเบนยามินในเยรูซาเล็มจนถึงทุกวันนี้ อนึ่งวงศ์วานของโยเซฟได้ขึ้นไปสู้รบเมืองเบธเอลด้วย และพระเยโฮวาห์ทรงสถิ​ตก​ับพวกเขา วงศ์​วานโยเซฟได้​ใช้​คนไปสอดแนมเมืองเบธเอล (​แต่​ก่อนเมืองนี้​ชื่อ ลูส) และผู้สอดแนมเห็นชายคนหนึ่งเดินออกมาจากเมือง จึงพู​ดก​ับเขาว่า “ขอชี้ทางเข้าเมืองนี้​ให้​แก่​เรา และเราจะปรานี​เจ้า​” ชายคนนั้​นก​็​ชี้​ทางเข้าเมืองให้และเขาประหารเมืองนั้น ทำลายเสียด้วยคมดาบ แต่​เขาปล่อยให้ชายคนนั้นและครอบครั​วท​ั้งสิ้นของเขารอดไป ชายคนนั้​นก​็​เข​้าไปในแผ่นดินของคนฮิตไทต์และสร้างเมืองขึ้นเมืองหนึ่ง เรียกชื่อว่าเมืองลูส ซึ่งเป็นชื่ออยู่จนทุกวันนี้ มน​ัสเสห์​มิได้​ขับไล่​ชาวเมืองเบธชานและชาวชนบทของเมืองนั้นให้ออกไป หรือชาวเมืองทาอานาคกับชาวชนบทของเมืองนั้น หรือชาวเมืองโดร์กับชาวชนบทของเมืองนั้น หรือชาวเมืองอิบเลอัมกับชาวชนบทของเมืองนั้น หรือชาวเมืองเมกิดโดกับชาวชนบทของเมืองนั้น แต่​คนคานาอันยังขืนอาศัยอยู่ในแผ่นดินนั้น อยู่​มาเมื่อคนอิสราเอลมีกำลังเข้มแข็งขึ้​นก​็บังคับคนคานาอันให้ทำงานโยธา แต่​มิได้​ขับไล่​ให้​เขาออกไปเสียอย่างสิ้นเชิง และเอฟราอิมมิ​ได้​ขับไล่​คนคานาอันผู้อาศัยอยู่ในเมืองเกเซอร์​ให้​ออกไป แต่​คนคานาอันยังอาศัยอยู่ในเมืองเกเซอร์ท่ามกลางเขา เศบู​ลุ​นม​ิ​ได้​ขับไล่​ชาวเมืองคิทโรน หรือชาวเมืองนาหะโลล แต่​คนคานาอันได้อาศัยอยู่ท่ามกลางเขาและถูกเกณฑ์​ให้​ทำงานโยธา อาเชอร์​มิได้​ขับไล่​ชาวเมืองอัคโค หรือชาวเมืองไซดอน หรือชาวเมืองอัคลาบ หรือชาวเมืองอัคซิบ หรือชาวเมืองเฮลบาห์ หรือชาวเมืองอาฟิก หรือชาวเมืองเรโหบ แต่​คนอาเชอร์​ได้​อาศัยอยู่ท่ามกลางคนคานาอันชาวแผ่นดินนั้น เพราะว่าเขาทั้งหลายมิ​ได้​ขับไล่​ให้​ออกไปเสีย นัฟทาลี​มิได้​ขับไล่​ชาวเมืองเบธเชเมช หรือชาวเมืองเบธานาท แต่​อาศัยอยู่ในหมู่คนคานาอันชาวแผ่นดินนั้น แต่​อย่างไรก็ดี​ชาวเมืองเบธเชเมช และชาวเมืองเบธานาทก็​ถู​กเกณฑ์​ให้​ทำงานโยธา คนอาโมไรต์​ได้​ขั​บด​ันคนดานให้​กล​ับเข้าไปในแดนเทือกเขา ไม่​ยอมให้​ลงมายังหุบเขา

ผู้วินิจฉัย 1:1-34 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

อยู่มาเมื่อโยชูวาสิ้นชีพแล้ว คนอิสราเอลทูลถามพระเจ้าว่า <<ใครในพวกข้าพระองค์ทั้งหลายจะ ขึ้นไปก่อนเพื่อสู้รบกับคนคานาอัน>> พระเจ้าตรัสว่า <<ยูดาห์จะขึ้นไป ดูเถิด เราได้มอบแผ่นดินนั้นไว้ในมือเขาแล้ว>> ยูดาห์จึงพูดกับสิเมโอนพี่ของตนว่า <<จงขึ้นไปกับฉันในเขตแดนที่กำหนดให้แก่ฉัน เพื่อเราจะได้รบสู้กับคนคานาอัน และฉันจะไปร่วมรบในเขตแดนที่กำหนดให้แก่ท่านนั้นด้วย>> สิเมโอนก็ไปกับเขา แล้วยูดาห์ก็ขึ้นไปและพระเจ้าทรงมอบคนคานาอัน คนเปริสซีไว้ในมือของเขา และเขาก็ประหารคนที่เมืองเบเซกหนึ่งหมื่นคน และเขาทั้งหลายพบอาโดนีเบเซกในเมืองเบเซก และสู้รบกับท่าน เขาได้ประหารคนคานาอัน และคนเปริสซี อาโดนีเบเซกหนีไป แต่เขาตามจับได้ตัดนิ้วหัวแม่มือ และนิ้วหัวแม่เท้าของท่านออกเสีย อาโดนีเบเซกกล่าวว่า <<มีกษัตริย์เจ็ดสิบองค์ที่มีหัวแม่มือและหัวแม่เท้าด้วน เก็บเศษอาหารอยู่ใต้โต๊ะของเรา เรากระทำแก่เขาอย่างไร พระเจ้าจึงทรงกระทำแก่เราอย่างนั้น>> เขาทั้งหลายก็คุมตัวท่านมาที่กรุงเยรูซาเล็ม และท่านก็สิ้นชีวิตที่นั่น และคนยูดาห์ได้เข้าโจมตี เมืองเยรูซาเล็มและยึดเมืองได้ จึงฆ่าฟันชาวเมืองเสียด้วยคมดาบ และเอาไฟเผาเมืองเสีย ภายหลังคนเผ่ายูดาห์ได้ลงไปสู้รบกับคนคานาอัน ผู้ซึ่งตั้งอยู่ในแดนเทือกเขาในเนเกบ และในที่เนินเชเฟลาห์ และยูดาห์ได้ไปสู้รบกับคนคานาอันผู้อยู่ในเฮโบรน (เมืองเฮโบรนนั้นแต่ก่อนมีชื่อว่า คีริยาทอาราบาห์) และเขาทั้งหลายได้ประหารเชชัย อาหิมาน และทัลมัย เขาทั้งหลายยกจากที่นั่นไปสู้รบกับชาวเมืองเดบีร์ (เมืองเดบีร์นั้นแต่ก่อนมีชื่อว่า คีริยาทเสเฟอร์) และคาเลบกล่าวว่า <<ใครโจมตีเมืองคีริยาทเสเฟอร์และยึดได้ เราจะยกอัคสาห์บุตรสาวของเราให้เป็นภรรยา>> โอทนีเอลบุตรเคนัส น้องชายของคาเลบตีเมืองนั้นได้ ท่านจึงยกอัคสาห์บุตรสาวของตนให้เป็นภรรยา อยู่มาเมื่อแต่งงานกันแล้ว นางจึงชวนสามี ให้ขอที่นาต่อบิดา นางก็ลงมาจากหลังลา คาเลบจึงถามนางว่า <<เจ้ามามีเรื่องอะไร>> นางจึงตอบท่านว่า <<ขอของขวัญให้ลูกสักอย่างหนึ่งเถิด เมื่อพ่อให้ฉันมาอยู่ในดินแดนเนเกบแล้ว ลูกขอน้ำพุด้วย>> และคาเลบก็ยกน้ำพุบนและน้ำพุล่างให้แก่นาง คนเคไนต์พ่อตาของโมเสสได้ขึ้น ไปจากเมืองดงอินทผลัม พร้อมกับคนยูดาห์มาถึงถิ่นทุรกันดาร ยูดาห์ซึ่งอยู่ในเนเกบใกล้อาราด และเขาก็เข้าไปตั้งอยู่กับชนชาตินั้น และยูดาห์ก็ยกไปร่วมกับสิเมโอนพี่ของเขา ประหารคนคานาอันซึ่งอยู่ในเมืองเศฟัท และทำลายเมืองนั้นเสียอย่างสิ้นเชิง เขาจึงเรียกชื่อเมืองนั้นว่า โฮรมาห์ ยูดาห์ได้ยึดเมืองกาซาพร้อมทั้งอาณาเขต และเมืองอัชเคโลนพร้อมทั้งอาณาเขต และเมืองเอโครนพร้อมทั้งอาณาเขตไว้ด้วย และพระเจ้าทรงสถิตกับยูดาห์ เขาจึงขับไล่ชาวแดนเทือกเขาออกไป แต่จะขับไล่ชาวเมืองที่อยู่ในที่ราบนั้นไม่ได้ เพราะพวกเหล่านั้นมีรถรบเหล็ก เมืองเฮโบรนนั้นเขายกให้ คาเลบดังที่โมเสสได้กล่าวไว้ คาเลบจึงขับไล่บุตรชายทั้งสามคนของอานาค ออกไปเสีย แต่คนเบนยามินมิได้ขับไล่คนเยบุสผู้อยู่ใน เยรูซาเล็มให้ออกไป ดังนั้นคนเยบุสจึงอาศัยอยู่กับคนเบนยามินในเยรูซาเล็ม จนถึงทุกวันนี้ อนึ่งพงศ์พันธุ์ของโยเซฟได้ขึ้นไปสู้รบเมืองเบธเอลด้วย และพระเจ้าทรงสถิตกับเขา พงศ์พันธุ์โยเซฟได้ใช้คนไปสอดแนมเมืองเบธเอล (แต่ก่อนเมืองนี้ชื่อ ลูส) และผู้สอดแนมเห็นชายคนหนึ่งเดินออกมาจากเมือง จึงพูดกับเขาว่า <<ขอชี้ทางเข้าเมืองนี้ให้แก่เรา และเราจะปรานีเจ้า>> ชายคนนั้นก็ชี้ทาง เข้าเมืองให้และเขาประหารเมืองนั้นทำลายเสียด้วยคมดาบ แต่เขาปล่อยให้ชายคนนั้น และวงศ์ญาติทั้งสิ้นของเขารอดไป ชายคนนั้นก็เข้าไปในแผ่นดินของคนฮิตไทต์ และสร้างเมืองขึ้นเมืองหนึ่งเรียกชื่อว่าเมืองลูส ซึ่งเป็นชื่ออยู่จนทุกวันนี้ มนัสเสห์มิได้ขับไล่ชาวเมืองเบธชานและ ชาวชนบทของเมืองนั้นให้ออกไป หรือชาวเมืองทาอานาคกับชาวชนบทของเมืองนั้น หรือชาวเมืองโดร์กับชาวชนบทของเมืองนั้น หรือชาวเมืองอิบเลอัมกับชาวชนบทของเมืองนั้น หรือชาวเมืองเมกิดโดกับชาวชนบทของเมืองนั้น แต่คนคานาอันยังขืนอาศัยอยู่ในแผ่นดินนั้น อยู่มาเมื่อคนอิสราเอลมีกำลังเข้มแข็งขึ้น ก็บังคับคนคานาอันให้ทำงานโยธา แต่มิได้ขับไล่ให้เขาออกไปเสียอย่างสิ้นเชิง และเอฟราอิมมิได้ขับไล่คนคานาอัน ผู้อาศัยอยู่ในเมืองเกเซอร์ให้ออกไป แต่คนคานาอันยังอาศัยอยู่ในเมืองเกเซอร์ ท่ามกลางเขา เศบูลุนมิได้ขับไล่ชาวเมืองคิทโรน หรือชาวเมืองนาหะโลล แต่คนคานาอันได้อาศัยอยู่ท่ามกลางเขา และถูกเกณฑ์ให้ทำงานโยธา อาเชอร์มิได้ขับไล่ชาวเมืองอัคโค หรือชาวเมืองไซดอน หรือชาวเมืองอัคลาบ หรือชาวเมืองอัคซิบ หรือชาวเมืองเฮลบาห์ หรือชาวเมืองอาฟิกหรือชาวเมืองเรโหบ แต่คนเผ่าอาเชอร์ได้อาศัยอยู่ท่ามกลาง คนคานาอันชาวแผ่นดินนั้น เพราะว่าเขาทั้งหลายมิได้ขับไล่ให้ออกไปเสีย นัฟทาลีมิได้ขับไล่ชาวเมืองเบธเชเมช หรือชาวเมืองเบธานาทแต่อาศัยอยู่ ในหมู่คนคานาอันชาวแผ่นดินนั้น แต่อย่างไรก็ดีชาวเมืองเบธเชเมช และชาวเมืองเบธานาทก็ถูกเกณฑ์ให้ทำงานโยธา คนอาโมไรต์ได้ขับดันคนเผ่าดานให้กลับ เข้าไปในแดนเทือกเขาไม่ยอมให้ลงมายังที่ลุ่ม

ผู้วินิจฉัย 1:1-34 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

หลังจากที่โยชูวาสิ้นชีวิตแล้ว ชนอิสราเอลทูลถามองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “ใครควรออกทำศึกกับชาวคานาอันก่อน?” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสตอบว่า “ให้ยูดาห์ไปก่อน เราได้มอบดินแดนนั้นไว้ในมือของพวกเขาแล้ว” ชนเผ่ายูดาห์กล่าวกับพี่น้องเผ่าสิเมโอนว่า “โปรดมาช่วยเรารบกับชาวคานาอันในดินแดนซึ่งเป็นของเราตามที่ได้แบ่งสรรแล้ว และเราจะไปช่วยเมื่อถึงคราวของท่านบ้าง” ฉะนั้นชาวสิเมโอนจึงไปสมทบกับชาวยูดาห์ เมื่อยูดาห์เข้าโจมตี องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมอบชาวคานาอันและชาวเปริสซีไว้ในมือพวกเขา พวกเขาฆ่าคนเหล่านั้นไปหนึ่งหมื่นคนที่เบเซก พวกเขาพบอาโดนีเบเซกที่นั่นและสู้รบกับเขา จนชาวคานาอันกับชาวเปริสซีแตกพ่ายไป อาโดนีเบเซกหนีไป แต่พวกเขาไล่ตามและจับกุมตัวไว้ได้ แล้วตัดนิ้วหัวแม่มือกับนิ้วหัวแม่เท้าของเขา แล้วอาโดนีเบเซกกล่าวว่า “เราเคยตัดนิ้วหัวแม่มือและนิ้วหัวแม่เท้ากษัตริย์เจ็ดสิบองค์ และให้พวกเขากินเศษอาหารจากใต้โต๊ะของเรา บัดนี้พระเจ้าทรงแก้แค้นในสิ่งที่เราได้ทำแล้ว” พวกเขานำตัวอาโดนีเบเซกไปยังเยรูซาเล็ม และเขาสิ้นชีวิตที่นั่น ชาวยูดาห์โจมตีเยรูซาเล็มและยึดเมืองได้ พวกเขาประหารชาวเมืองนั้น แล้วจุดไฟเผาเมือง หลังจากนั้นคนของยูดาห์ลงไปรบกับชาวคานาอันซึ่งอยู่ในดินแดนเทือกเขาในเนเกบและแถบเชิงเขาทางตะวันตก แล้วไปสู้รบกับชาวคานาอันในเฮโบรน (เดิมเรียกว่า คีริยาทอารบา) และพิชิตเชชัย อาหิมาน และทัลมัย จากนั้นพวกเขาบุกเข้าโจมตีชาวเมืองเดบีร์ (เดิมเรียกว่า คีริยาทเสเฟอร์) และคาเลบประกาศว่า “ใครบุกเข้าโจมตีและยึดคีริยาทเสเฟอร์ได้ เราจะยกอัคสาห์ลูกสาวของเราให้เป็นภรรยา” โอทนีเอลบุตรชายของเคนัสซึ่งเป็นน้องชายของคาเลบยึดเมืองได้ ดังนั้นคาเลบจึงยกอัคสาห์ลูกสาวของเขาให้เป็นภรรยา วันหนึ่งเมื่อนางมาหาโอทนีเอล นางรบเร้าเขาให้ขอที่ดินจากบิดาของนาง เมื่อนางลงจากหลังลา คาเลบถามนางว่า “พ่อจะช่วยอะไรเจ้าได้บ้าง?” นางตอบว่า “ขอพ่อเมตตาลูกเป็นพิเศษ ในเมื่อพ่อได้ยกที่ดินในเนเกบให้ลูกแล้ว โปรดยกน้ำพุให้ลูกด้วยเถิด” คาเลบจึงยกน้ำพุบนและน้ำพุล่างให้นาง ชาวเคไนต์ซึ่งเป็นลูกหลานของพ่อตาของโมเสสได้ย้ายจากเยรีโคเมืองแห่งต้นอินทผลัม ติดตามคนยูดาห์มาอาศัยอยู่กับคนในถิ่นกันดารแห่งยูดาห์ในเนเกบใกล้อาราด แล้วชนยูดาห์สมทบกับคนสิเมโอนไปโจมตีชาวคานาอันที่เศฟัท ทำลายล้างหมดทั้งเมือง เมืองนั้นจึงได้ชื่อว่าโฮรมาห์ ชนยูดาห์ยังได้ยึด กาซา อัชเคโลน และเอโครน พร้อมทั้งอาณาเขตของเมืองนั้นๆ ด้วย องค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับชนยูดาห์ พวกเขายึดครองดินแดนเทือกเขาได้ แต่ไม่สามารถขับไล่ชาวเมืองออกไปจากที่ราบเพราะพวกนั้นมีรถรบเหล็ก เมืองเฮโบรนยกให้คาเลบตามที่โมเสสสัญญาไว้ คาเลบขับไล่บุตรชายทั้งสามของอานาคออกไป แต่เผ่าเบนยามินไม่สามารถขับไล่ชาวเยบุสซึ่งอาศัยอยู่ในเยรูซาเล็มได้ ชาวเยบุสยังคงอาศัยอยู่ที่นั่นกับชาวเบนยามินตราบจนทุกวันนี้ ตระกูลโยเซฟเข้าโจมตีเบธเอล และองค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับพวกเขา เมื่อพวกเขาส่งคนไปดูลาดเลาที่เบธเอล (เดิมเรียกว่า ลูส) สายสืบเห็นชายคนหนึ่งกำลังจะออกมานอกเมือง จึงกล่าวกับเขาว่า “จงบอกทางเข้าเมืองแก่เรา และเราจะปรานีเจ้า” ชายผู้นั้นจึงชี้ช่องทางให้ พวกเขาก็เข้าไปประหารประชากรทั้งหมด ยกเว้นชายผู้นั้นกับครอบครัวของเขา ต่อมาชายผู้นั้นย้ายเข้าไปในดินแดนของชาวฮิตไทต์ สร้างเมืองขึ้นที่นั่น และตั้งชื่อเมืองนั้นว่าลูส ซึ่งยังคงเรียกกันจนถึงทุกวันนี้ แต่มนัสเสห์ไม่ได้ขับไล่ชาวเมืองที่อาศัยอยู่ในเบธชาน ทาอานาค โดร์ อิบเลอัม เมกิดโด พร้อมทั้งหมู่บ้านโดยรอบ เพราะชาวคานาอันยังยืนกรานที่จะอยู่ในดินแดนนั้น เมื่ออิสราเอลแข็งแกร่งขึ้น ก็บีบบังคับชาวคานาอันให้ทำงานหนัก แต่ไม่เคยขับไล่คนเหล่านั้นออกไปจากดินแดน เอฟราอิมก็ไม่ได้ขับไล่ชาวคานาอันที่อาศัยอยู่ในเกเซอร์ คนเหล่านี้ยังคงอยู่ท่ามกลางพวกเขา เศบูลุนก็ไม่ได้ขับไล่ชาวคานาอันซึ่งอาศัยอยู่ในหมู่พวกเขาในคิทโรนหรือนาหะโลล แต่เกณฑ์แรงงานคนเหล่านั้น อาเชอร์ก็ไม่ได้ขับไล่ชาวเมืองอัคโค ไซดอน อาห์ลาบ อัคซิบ เฮลบาห์ อาเฟค หรือเรโหบ ด้วยเหตุนี้ชาวอาเชอร์จึงอาศัยอยู่ร่วมกับชาวคานาอันซึ่งเป็นคนถิ่นนั้น นัฟทาลีก็ไม่ได้ขับไล่ชาวเมืองเบธเชเมชหรือชาวเบธอานาทออกไป แต่ชาวนัฟทาลีอาศัยอยู่ท่ามกลางชาวคานาอันและเกณฑ์แรงงานจากชาวเบธเชเมชและเบธอานาทเช่นกัน ชาวอาโมไรต์บังคับชาวดานให้อยู่แต่ในดินแดนเทือกเขา ไม่ยอมให้ลงมายังที่ราบเลย

ผู้วินิจฉัย 1:1-34 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)

หลัง​จาก​ที่​โยชูวา​เสีย​ชีวิต​ไป​แล้ว ชาว​อิสราเอล​ถาม​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ว่า “ใคร​จะ​นำ​หน้า​พวก​เรา​ขึ้น​ไป​สู้​รบ​กับ​ชาว​คานาอัน” พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​กล่าว​ว่า “ยูดาห์​จะ​ขึ้น​ไป ดู​เถิด เรา​ได้​มอบ​แผ่นดิน​นั้น​ไว้​ใน​มือ​ของ​เขา​แล้ว” ยูดาห์​จึง​พูด​กับ​สิเมโอน​พี่​ของ​เขา​ว่า “ขึ้น​ไป​กับ​เรา​เถิด เรา​จะ​ได้​เข้า​ไป​ใน​พรมแดน​ที่​แบ่ง​ให้​เรา​ไว้​แล้ว พวก​เรา​จะ​ได้​สู้​รบ​กับ​ชาว​คานาอัน แล้ว​เรา​ก็​จะ​ไป​กับ​ท่าน เข้า​ไป​ใน​พรมแดน​ที่​แบ่ง​ให้​ท่าน​ไว้​แล้ว​เช่น​กัน” ดังนั้น​สิเมโอน​จึง​ไป​กับ​เขา ครั้น​แล้ว​ยูดาห์​ก็​ขึ้น​ไป พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​มอบ​ชาว​คานาอัน​และ​ชาว​เปริส​ไว้​ใน​มือ​ของ​พวก​เขา และ​ฆ่า​คน​จำนวน 10,000 คน​ที่​เบเซก พวก​เขา​พบ​อาโดนีเบเซก​ที่​เบเซก และ​สู้​รบ​กับ​เขา​ที่​นั่น ฆ่า​ชาว​คานาอัน​และ​ชาว​เปริส ส่วน​อาโดนีเบเซก​หนี​ไป แต่​พวก​เขา​ก็​ตาม​ล่า​และ​จับ​ตัว​เขา​ไว้​ได้ เขา​จึง​ถูก​ตัด​นิ้ว​หัว​แม่​มือ​และ​หัว​แม่​เท้า แล้ว​อาโดนีเบเซก​พูด​ว่า “บรรดา​กษัตริย์ 70 ท่าน​ถูก​ตัด​นิ้ว​หัว​แม่​มือ​และ​หัว​แม่​เท้า เคย​เก็บ​เศษ​อาหาร​ใต้​โต๊ะ​ของ​เรา สิ่ง​ที่​เรา​ได้​กระทำ​ไป​แล้ว พระ​เจ้า​ก็​กระทำ​ตอบ​กลับ​คืน​แก่​เรา” แล้ว​พวก​เขา​ก็​นำ​ตัว​เขา​ไป​ยัง​เยรูซาเล็ม และ​เขา​ก็​สิ้น​ชีวิต​ที่​นั่น ชาว​ยูดาห์​โจมตี​เยรูซาเล็ม​และ​ยึด​ไว้​ได้ จาก​นั้น​ก็​ฆ่า​ชาว​เมือง​ด้วย​คม​ดาบ​และ​เผา​เมือง​เสีย ต่อ​มา​ชาว​ยูดาห์​ก็​ลง​ไป​สู้​รบ​กับ​ชาว​คานาอัน​ที่​อาศัย​อยู่​ใน​แถบ​ภูเขา ใน​เนเกบ และ​ที่​ลุ่ม ยูดาห์​ไป​สู้​รบ​กับ​ชาว​คานาอัน​ที่​อาศัย​อยู่​ใน​เฮโบรน (ชื่อ​เก่า​ของ​เฮโบรน​คือ คีริยาทอาร์บาห์) และ​ได้​ฆ่า​เชชัย อาหิมาน และ​ทัลมัย และ​เขา​ไป​จาก​ที่​นั่น​เพื่อ​สู้​รบ​กับ​ผู้​อยู่​อาศัย​ของ​เมือง​เดบีร์ ก่อน​หน้า​นั้น​เมือง​เดบีร์​ชื่อ คีริยาทเสเฟอร์ และ​คาเลบ​พูด​ว่า “ผู้​ใด​โจมตี​และ​ยึด​คีริยาทเสเฟอร์​ได้ เรา​จะ​ยก​อัคสาห์​บุตร​สาว​ของ​เรา​ให้​เป็น​ภรรยา” โอทนีเอล​บุตร​ของ​เคนัส​ผู้​เป็น​น้อง​คาเลบ​ยึด​เมือง​ไว้​ได้ เขา​จึง​ยก​อัคสาห์​บุตร​หญิง​ของ​เขา​ให้​เป็น​ภรรยา เมื่อ​นาง​ไป​หา​โอทนีเอล นาง​ก็​จูง​ใจ​เขา​เพื่อ​จะ​ขอ​ทุ่ง​นา​แห่ง​หนึ่ง​จาก​บิดา​ของ​นาง นาง​ลง​จาก​ลา คาเลบ​จึง​ถาม​นาง​ว่า “เจ้า​ต้องการ​สิ่ง​ใด​หรือ” นาง​พูด​ว่า “ขอ​พร​ให้​ลูก ใน​เมื่อ​ท่าน​ได้​ให้​ดินแดน​เนเกบ​แก่​ลูก​แล้ว ก็​ให้​น้ำพุ​แก่​ลูก​ด้วย​เถิด” แล้ว​เขา​ก็​ยก​น้ำพุ​ที่​อยู่​ด้าน​บน​และ​ด้าน​ล่าง​ให้​นาง​ไป บรรดา​ผู้​สืบ​เชื้อสาย​ของ​พ่อ​ตา​โมเสส​คือ​ชาว​เคน ก็​ได้​พา​กัน​ขึ้น​ไป​กับ​ชาว​ยูดาห์​จาก​เมือง​แห่ง​ต้น​อินทผลัม เข้า​ไป​ยัง​ถิ่น​ทุรกันดาร​ยูดาห์​ซึ่ง​อยู่​ใน​เนเกบ​ใกล้​อาราด และ​ได้​ไป​ตั้ง​รกราก​อยู่​กับ​ชาว​เมือง​นั้น ยูดาห์​กับ​สิเมโอน​พี่​ชาย​ของ​เขา​ไป​ร่วม​กัน​ฆ่า​ชาว​คานาอัน​ที่​อาศัย​อยู่​ใน​เมือง​เศฟัท และ​มอบ​ให้​เป็น​ดั่ง​ของ​ถวาย ฉะนั้น​เมือง​นั้น​จึง​ชื่อ​โฮร์มาห์ ยูดาห์​ยึด​เมือง​กาซา อัชเคโลน​และ​เอโครน พร้อม​ทั้ง​อาณาเขต​โดย​รอบ​เมือง​เหล่า​นี้ พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​สถิต​กับ​ยูดาห์ เขา​ได้​ยึด​ครอง​ดินแดน​ใน​แถบ​ภูเขา แต่​ไม่​สามารถ​ขับ​ไล่​ชาว​เมือง​ที่​อยู่​ใน​ที่​ราบ​ให้​ออก​ไป​ได้ เหตุ​เพราะ​พวก​เขา​มี​รถ​ศึก​ที่​ทำ​ด้วย​เหล็ก เมือง​เฮโบรน​ถูก​ยก​ให้​เป็น​ของ​คาเลบ​ตาม​ที่​โมเสส​กล่าว​ไว้ แล้ว​ท่าน​ได้​ขับ​ไล่​บุตร​ชาย​ทั้ง​สาม​ของ​อานาค​ออก​ไป​จาก​ที่​นั่น แต่​ชาว​เบนยามิน​ไม่​ได้​ขับ​ไล่​ชาว​เยบุส​ที่​อาศัย​อยู่​ใน​เยรูซาเล็ม​ออก​ไป ฉะนั้น​ชาว​เยบุส​จึง​ได้​อาศัย​อยู่​กับ​ชาว​เบนยามิน​ใน​เยรูซาเล็ม​มา​จน​ถึง​ทุก​วัน​นี้ พงศ์​พันธุ์​ของ​โยเซฟ​ได้​ขึ้น​ไป​ต่อ​สู้​กับ​เมือง​เบธเอล​ด้วย พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​สถิต​กับ​พวก​เขา พงศ์​พันธุ์​ของ​โยเซฟ​ได้​ไป​สำรวจ​เบธเอล (แต่​เดิม​เมือง​นี้​ชื่อ ลูส) พวก​สอดแนม​เหล่า​นั้น​เห็น​ชาย​ผู้​หนึ่ง​กำลัง​ออก​มา​จาก​เมือง จึง​พูด​กับ​เขา​ว่า “ช่วย​บอก​ทาง​เข้า​ไป​ใน​เมือง​ให้​พวก​เรา​ด้วย แล้ว​เรา​จะ​เมตตา​เจ้า” ชาย​ผู้​นั้น​ก็​ได้​ชี้​ทาง​เข้า​ไป​ใน​เมือง​ให้ แล้ว​พวก​เขา​ฆ่า​ฟัน​คน​ทั้ง​เมือง แต่​ปล่อย​ให้​ชาย​คน​นั้น​กับ​ครอบครัว​ไป ชาย​คน​นั้น​ได้​เข้า​ไป​ใน​ดินแดน​ของ​ชาว​ฮิต​และ​สร้าง​เมือง เรียก​ชื่อ​เมือง​ว่า ลูส ซึ่ง​เป็น​ชื่อ​ที่​ใช้​มา​จน​ถึง​ทุก​วัน​นี้ มนัสเสห์​ไม่​ได้​ขับ​ไล่​ชาว​เมือง​เบธชาน ชาว​เมือง​ทาอานาค ชาว​เมือง​โดร์ ชาว​เมือง​อิบเลอัม และ​ชาว​เมือง​เมกิดโด แม้​แต่​ตาม​หมู่​บ้าน​ของ​เมือง​ดัง​กล่าว​ก็​ไม่​ได้​ขับ​ไล่​ผู้​คน​ออก​ไป เพราะ​ว่า​ชาว​คานาอัน​ยัง​ขัดขืน​อาศัย​อยู่​ใน​แผ่นดิน​นั้น​ต่อ​ไป เมื่อ​ชาว​อิสราเอล​มี​กำลัง​มาก​ขึ้น​ก็​เกณฑ์​ชาว​คานาอัน​มา​ทำงาน​หนัก แต่​ก็​ไม่​ได้​ขับ​ไล่​พวก​เขา​ออก​ไป​ให้​หมด เอฟราอิม​ไม่​ได้​ขับ​ไล่​ชาว​คานาอัน​ที่​อาศัย​อยู่​ใน​เมือง​เกเซอร์ ฉะนั้น​ชาว​คานาอัน​ก็​ยัง​อาศัย​อยู่​ใน​เกเซอร์​ใน​หมู่​พวก​เขา เศบูลุน​ไม่​ได้​ขับ​ไล่​ชาว​เมือง​คิทโรน​และ​ชาว​เมือง​นาหะโลล​ออก​ไป ฉะนั้น​ชาว​คานาอัน​ยัง​อาศัย​อยู่​ใน​หมู่​พวก​เขา แต่​ก็​ถูก​เกณฑ์​มา​ทำงาน​หนัก อาเชอร์​ไม่​ได้​ขับ​ไล่​ชาว​เมือง​อัคโค ชาว​เมือง​ไซดอน ชาว​เมือง​อัคลาบ ชาว​เมือง​อัคซีบ ชาว​เมือง​เฮลบาห์ ชาว​เมือง​อาเฟก และ​ชาว​เมือง​เรโหบ ฉะนั้น​ชาว​อาเชอร์​ก็​ได้​อาศัย​อยู่​ใน​หมู่​ชาว​คานาอัน​ซึ่ง​เป็น​ผู้​อยู่​อาศัย​ของ​แผ่นดิน​นั้น เนื่อง​จาก​ที่​ไม่​ได้​ขับ​ไล่​พวก​เขา​ออก​ไป นัฟทาลี​ไม่​ได้​ขับ​ไล่​ชาว​เมือง​เบธเชเมช และ​ชาว​เมือง​เบธานาท ฉะนั้น​พวก​เขา​จึง​ได้​อาศัย​อยู่​ใน​หมู่​ชาว​คานาอัน​ซึ่ง​เป็น​ผู้​อยู่​อาศัย​ของ​แผ่นดิน​นั้น แต่​ชาว​เมือง​เบธเชเมช​และ​เบธานาท​ก็​ยัง​ถูก​เกณฑ์​มา​ทำงาน​หนัก​ให้​พวก​เขา ชาว​อาโมร์​บังคับ​ชาว​ดาน​ให้​กลับ​ไป​ใน​ดินแดน​แถบ​ภูเขา ไม่​ปล่อย​ให้​ลง​มา​ยัง​ที่​ราบ